SILA
|
เคยส่องแสงประดับฟ้าดาราหนุ่ม ปลายคางบุ๋มรับรอยยิ้มแย้มสดใส
แต่คืนนี้ดาวมืดดับลับฟ้าไป คงเหลือไว้เพียงภาพงามความทรงจำ
John Gavin(April 8, 1931 – February 9, 2018)
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
    
ตอบ: 33477
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 1 เมื่อ 17 ก.พ. 18, 19:44
|
|
ขอบคุณอีกครั้งค่ะคุณหมอ SILA ใช่เลย นี่แหละดาวรูปหล่อดวงนี้ John Gavin เพิ่งลับฟ้าไปในวัย 86 ปี ด้วยโรคปอดบวม หลังจากสู้กับโรคลูคีเมียหรือมะเร็งเม็ดเลือดขาวมาหลายปี จอห์นเป็นชาวคาลิฟอร์เนียโดยกำเนิด มีเชื้อสายเมกซิกัน ผสมชิลี ผสมสเปญ ที่ล้วนแต่ส่งผลให้เจ้าตัวโตขึ้นมาเป็นหนุ่มคมเข้ม หล่อเหลาหาตัวจับยาก หุ่นก็ดี สูงถึง 6 ฟุต 4 นิ้ว ตระกูลก็ดี ความรู้ก็ดี จบเกียรตินิยมจากสแตนฟอร์ด สรุปว่ามองทางไหนก็ดีหมด เพราะฉะนั้นก็เลยไปเข้าตาบริษัทหนังยูนิเวอร์แซล ยักษ์ใหญ่ในวงการมายาเข้า ถึงแม้ว่าจอห์นไม่ได้มีความใฝ่ฝันจะเป็นดารา แต่ราชรถลอยมาเกยตรงหน้า เขาก็ไม่โง่ถึงขั้นไม่ยอมก้าวขึ้นไปนั่ง
ยุคปลาย 1950s และต่อมาถึง 1960s ฮอลลีวู้ดชอบหาดาราใหม่มาเข้าคิวต่อจากดาราเก่า แบบตัวตายตัวแทนสำรองเอาไว้ ในเมื่อหล่อในสไตล์เดียวกัน จอห์น แกวินก็เลยถูกวางตัวให้เป็น "ร็อค ฮัดสัน คนต่อไป" ยูนิเวอร์แซลป้อนหนังใหญ่ให้เล่นหลายเรื่อง หนุ่มหล่อรายนี้ก็ดังทะลุฟ้าสมใจผู้สร้าง อย่างเรื่อง Imitation of Life จอห์นได้เล่นคู่กับดาราสาวใหญ่แม่เหล็กขนาดยักษ์ของฮอลลีวู้ด ลานา เทินเนอร์
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
    
ตอบ: 33477
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 2 เมื่อ 17 ก.พ. 18, 20:12
|
|
ยุคนั้นฮอลลีวู้ดยังติดอยู่กับดาราสวยและหล่อเกินมนุษย์มะนา ดาราดังๆทั้งหลายจึงเป็นเทพบุตรเทพธิดาจุติกันลงมาเป็นส่วนใหญ่ หน้าตาบ้านๆ ก็เป็นตัวประกอบ หรือไม่ก็ไปรับบทฝ่ายร้ายไปเลย ดูคลืปนี้แล้วจะเห็นว่าจอห์นหล่อขนาดไหน บางบทก็หล่อเกินบทไปมาก เช่นบทแฟนหนุ่มของเจเน็ต ลีห์ ในหนังสยองขวัญคสาสสิคอมตะนิรันดร์กาล Psycho ของอัลเฟรด ฮิทช์ค็อก ซึ่งจะเอาดาราหล่อน้อยกว่านี้มาเล่นก็ได้ แต่เขาก็เป็นแม่เหล็กดึงดูดคนดูได้มากในช่วงนั้น
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
    
ตอบ: 33477
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 3 เมื่อ 18 ก.พ. 18, 16:33
|
|
ฉากในหนัง Psycho ที่แฟนหนุ่มและน้องสาวของไลลา(เจเน็ต ลีห์) รับบทโดยเวร่า ไมลส์ มาตามหาหญิงสาวผู้หายตัวไปหลังจากมาพักค้างคืนที่โมเต็ลโทรมๆแห่งนี้ แอนโธนี เพอร์กินส์รับบทหนุ่มหน้าซื่อ เจ้าของและผู้จัดการโมเต็ล ฝีมือเล่นในฉากสั้นๆนี้กินขาด ทำให้เขากลายเป็น "ตำนาน" ของหนังสยองขวัญ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
    
ตอบ: 33477
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 4 เมื่อ 18 ก.พ. 18, 17:00
|
|
ด้วยแรงดันจากผู้กำกับในยูนิเวอร์แซล จอห์นได้เล่นหนังใหญ่หลายเรื่อง เช่นบทของจูเลียส ซีซาร์ใน Spartacus นอกจากนี้ยังได้ประกบคู่กับดาราสาวที่ล้วนดังเป็นพลุแตก อย่าง Imitation of Life คู่กับลานา เทินเนอร์ เล่นคู่กับ Doris Day ใน Midnight Lace, คู่กับ Sophia Loren ใน A Breath of Scandal คู่กับ Susan Hayward ใน Back Street นอกจากบทหนักๆพวกนี้ เขาก็ได้เล่นหนังสวีทหวานคู่กับดาราสาวรุ่นยอดนิยมคือ Sandra Dee ถึง 2 เรื่องด้วยกันคือ Romanoff and Juliet กับ Tammy Tell Me True หนังสำคัญอีกเรื่องที่จอห์นได้เล่น คือ Throughout Modern Millie ที่มีดาราสาวระดับอินเตอร์อย่างจูลี่ แอนดรูส์ เป็นนางเอก แต่ความหล่อของจอห์น ที่เป็นจุดเด่น กลับกลายเป็นจุดด้อย คือกี่เรื่องๆเขาก็ได้เล่นบทที่ชูความหล่อเป็นหลัก ฝีมือเป็นรอง ก้าวข้ามจุดนี้ไปไม่พ้น อย่างที่ฮอลลีวู้ดเรียกว่า typecast ที่ดารากลัวกันนักหนา คือเด่นในบทไหนหรือแบบไหนก็จะได้รับบทแบบนั้นเรื่อยไปจนกระทั่งเล่นบทอื่นไม่ได้ แล้วตกวูบจากฟ้ามายาไปในที่สุด จอห์นก็ประสบชะตากรรมเดียวกัน เมื่อคนดูชักจะเบื่อบทซ้ำๆที่เน้นแต่โชว์หล่อ คะแนนนิยมก็เริ่มหล่น แม้ว่าไปเล่นบทพระเอกคาวบอยชื่อ Destry ในหนังทีวีชื่อเดียวกัน หนังก็เรตติ้งไม่ดี จนต้องหลุดผังไปในเวลาไม่นาน
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
    
ตอบ: 33477
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 5 เมื่อ 19 ก.พ. 18, 13:26
|
|
ในยุค 1960s มีบทดาราฝ่ายชายที่ดังเปรี้ยงทะลุฟ้าเกิดขึ้นาอยู่บทหนึ่ง คือบทสายลับเจมส์ บอนด์ 007 พอฌอน คอนเนอรี่ ทำให้บทนี้ดังขึ้นมา ฮอลลีวู้ดก็เฮโลผลิตพยัคฆ์ร้ายตามด้วยรหัสตัวเลขออกมาอีกเป็นโหล เอาอกเอาใจคนดู จอห์น แกวิน ได้รับบทหนึ่งในนี้เช่นกัน ชื่อ OSS 117 – Double Agent มีชื่อสำรองที่จำจนเหนื่อยอีกหลายชื่อว่า OSS 117: Murder for Sale หรือ No Roses for OSS 117 หรือ No Roses for Robert
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
    
ตอบ: 33477
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 6 เมื่อ 19 ก.พ. 18, 13:45
|
|
หลังจากเป็นพ่อบุญมีมาหลายเรื่องแล้ว ชะตากรรมก็ส่งกรรมบังมาให้บ้าง จอห์นได้รับการติดต่อให้เล่นบทเจมส์ บอนด์ ในตอนใหม่ Diamonds Are Forever ขนาดเซ็นสัญญาแล้ว แต่เอาเข้าจริงพอจะลงมือ ผู้กำกับกลับเปลี่ยนใจไปทุ่มเงินซื้อตัวฌอน คอนเนอรี่ กลับมาเล่นใหม่อีกครั้ง ส่วนจอห์นก็ได้ไปแต่สัญญา แต่ไม่ได้บท กรรมบังอีกเป็นครั้งที่สองเมื่อเขาถูกวางตัวให้เล่นเป็นเจมส์ บอนด์ตอนใหม่ Live and Let Die ในปี 1973 แต่เอาเข้าจริงผู้กำกัับก็กลับไปเลือกดาราอังกฤษโรเจอร์ มัวร์ มาเล่นแทน
ถึงตอนนั้นยุคทองของเขาก็ผ่านไปแล้ว บวกกับไม่ได้มีใจรักทางการแสดงแน่นแฟ้นแต่แรก จอห์น แกวินก็เลยอำลาวงการมายา แต่ไปได้ดีกว่าดาราอีกมากมายที่อับแสงไปเฉยๆ ด้วยพื้นฐานการศึกษาดีเยี่ยมและประสบการณ์เมื่อครั้งรับราชการทหารเรืออยู่ฝ่ายประมวลข่าว ก่อนจะเข้าวงการดารา ประธานาธิบดีโรนัลด์ เรแกน แต่งตั้งดาราหนุ่มรูปหล่อเป็นเอกอัครราชทูตอเมริกาประจำเมกซิโก เขาก็จากวงการไปทำงานในแวดวงรัฐบาล และจากนั้นไปทำธุรกิจเกี่ยวกับสื่อสาร มีตำแหน่งใหญ่โตหลายตำแหน่งซึ่งไม่จำเป็นต้องบรรยายให้หมดในที่นี้ ถือว่าเป็นดาราที่ไปได้ดี ประสบความสำเร็จยิ่งกว่าบทบาทดาราเสียอีก จนถึงแก่กรรมเมื่ออายุ 86 ปี
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
SILA
|
ความคิดเห็นที่ 7 เมื่อ 20 ก.พ. 18, 09:39
|
|
ปู่แกวินเป็นดาราหนุ่มสุดหล่อในสมัยนั้น,ได้แสดงหนังมากหลาย น่าเสียดายที่ไม่เด่นดังเท่าคนอื่นๆ เช่น ร็อค ฮัดสัน เมื่อปู่จากไป,พาดหัวข่าวส่วนใหญ่กล่าวถึงปู่ว่าเป็นดาราแสดงในหนังเด่นสองเรื่อง นั่นคือ Psycho กับ Spartacus จากจอแก้วปู่แวะมาจอเงิน,รับเชิญในซีรี่ส์สมัยนั้นที่มีดาราเก่าแวะมาเป็นประจำ นั่นคือ Fantasy Island กับ The Love Boat นอกจากนั้นปู่ยังมาแสดงนำในมินิซีรี่ส์เรื่อง Doctors' Private Lives ที่ได้เข้ามาฉายให้ หายคิดถึงในบ้านเราด้วย
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
SILA
|
ความคิดเห็นที่ 8 เมื่อ 20 ก.พ. 18, 09:46
|
|
หลังจากปู่อำลาหน้าจอแก้วแล้ว ต่อมาก็ได้ข่าวว่าปู่รับงานสำคัญคือ ตำแหน่งเอกอัครราชทูตอเมริกา ประจำเมกซิโก นอกจากทุนด้านการศึกษาที่ดีแล้ว,ปู่ยังพูดสแปนิชได้คล่องแคล่วสมกับเป็นเชื้อสายเม็กซิกัน กอปรกับความตั้งใจในการทำหน้าที่นี้ทำให้ปู่มีผลงานชนะใจบรรดาผู้คนที่เคยกังขาในตัวอดีตดาราหนุ่มหล่อ
ภาพปู่กับสุภาพสตรีหมายเลขหนึ่ง Nancy Reagan เยือน Mexico City หลังเหตุการณ์แผ่นดินไหวในปี 1985
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
    
ตอบ: 33477
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 9 เมื่อ 20 ก.พ. 18, 20:23
|
|
ขอบคุณที่มาเพิ่มเติมค่ะ คุณปู่แก่ตัวลงก็ยังหล่ออยู่ดีค่ะ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
SILA
|
ความคิดเห็นที่ 10 เมื่อ 12 มี.ค. 18, 10:26
|
|
เหตุการณ์เสือดำที่กำลังเป็นกระแสสังคมติดตามต่อเนื่อง ชวนให้นึกถึงฉากมนุษย์กับสัตว์ป่า ที่ประทับใจในหนังเก่าบางเรื่อง
หนัง"ผจญไพร" ที่นึกถึงเป็นอันดับแรกคือ หนังเก่ามากมาย,สร้างจากนิยายขายดีของเซอร์ H. Rider Haggard นักเขียนชาวอังกฤษผู้บุกเบิกเปิดโลกนิยายผจญภัยในกาฬทวีป ที่ได้เป็นต้นธารบันดาลใจให้กับนิยายไทย ในตำนานอันโด่งดังและมีความยาวที่สุด(เพชรพระอุมา) นั่นคือ King Solomon's Mines(1950)
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
SILA
|
ความคิดเห็นที่ 11 เมื่อ 12 มี.ค. 18, 10:28
|
|
นอกจากนั้น, พระเอกในหนังก็ยัง(น่าจะ)เป็นต้นสายของปลายธารหนังผจญภัยพระเอกสวมชุดสีกากีลุยป่า ผ่าดงอย่าง Indiana Jones
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
SILA
|
ความคิดเห็นที่ 12 เมื่อ 12 มี.ค. 18, 10:29
|
|
Allan Quatermain พรานชำนาญไพรแห่งแอฟริกาได้รับการว่าจ้างจากสาวสวยเพื่อไปตามหา สามีของเธอที่สูญหายไประหว่างการตามล่าหาขุมทรัพย์ในแดนลี้ลับส่วนที่ยังไม่มีการสำรวจ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
SILA
|
ความคิดเห็นที่ 13 เมื่อ 12 มี.ค. 18, 10:31
|
|
หนังยกกองไปถ่ายทำที่แอฟริกาเป็นเรื่องที่สองของสตูดิโอ MGM ที่จัดเต็มจัดเป็นมหกรรมข้ามทวีป ครั้นเมื่อไปถึงแล้วบรรดาทีมงานต่างต้องก็เผชิญผจญกับฝน,ร้อน,แมลงและโรคท้องถิ่น นอกจากนี้ยังมีปัญหา สำคัญยิ่งนั่นคือ การสื่อสารกับชาวพื้นเมืองที่มาร่วมแสดงซึ่งบางครั้งก็เกิดเหตุการณ์ปั่นป่วนยากจะควบคุม
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
SILA
|
ความคิดเห็นที่ 14 เมื่อ 12 มี.ค. 18, 10:38
|
|
ผลงานที่ได้คือ หนังผจญไพรพร้อมภาพสีสรรพ์ตระการตา(ถ่ายทำในระบบเทคนิค คัลเลอร์) ของภูมิประเทศ และ ภาพสัตว์ป่านานาชนิดที่คนดูสมัยนั้นไม่คุ้นเคย ภาพเหล่านี้ที่เป็นของมีค่าหายากในยุคนั้นจึงได้ถูกนำไปใช้ในหนัง เรื่องอื่นๆ ในเวลาต่อมา นอกจากนั้นยังมีภาพจากบางฉากซึ่งไม่อาจถ่ายทำได้อีกแล้วในยุคนี้ นั่นคือ ฉากล้มช้างจริง และ ฉากการพร่าชีวิตสัตว์ป่าชนิดอื่นๆ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
|