เรือนไทย
ยินดีต้อนรับ ท่านผู้มาเยือน
กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
ส่งอีเมล์ยืนยันการใช้งาน?
ข่าว: การแนบไฟล์ กรุณาใช้ชื่อไฟล์ภาษาอังกฤษเท่านั้นครับ
หน้า: 1 ... 53 54 [55] 56 57 ... 77
  พิมพ์  
อ่าน: 83908 ฉากประทับใจในหนังเก่า (3)
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33584

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 810  เมื่อ 16 พ.ย. 21, 10:03

ได้ดูหนังทั้ง 2 เรื่องค่ะ  
สงสัยคุณโหน่งจะจำชื่อเรื่องผิดมั้งคะ   ดิฉันจำได้ว่า    The Gnome Mobile มีชื่อไทยว่า "วิมานคนรู" ค่ะ
คำว่า คนรู แปลจาก gnome ตรงเป๊ะเลย  แต่ทางคนตั้งชื่อน่าจะเอาคำว่า mobile ออก  เพราะ "รถยนต์คนรู" คงไม่ดึงดูดคนให้เข้ามาชม เลยเปลี่ยนเป็น "วิมาน" แทน  

หนังประเภทแฟนตาซีมีหลายเรื่องที่เข้ามาฉายในไทยยุค 1960s   เรื่องนี้ก็ฉายเหมือนกัน แต่ความจำไม่แม่นยำ จำชื่อภาษาไทยไม่ได้แล้ว

(เจ้าของลิขสิทธิ์ไม่ให้ดูนอกประเทศ ต้องคลิกเข้าไปดูในยูทูปเองค่ะ)



บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33584

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 811  เมื่อ 16 พ.ย. 21, 10:05

chitty chitty bang bang เป็นหนังเพลงแฟนตาซีสำหรับเด็ก ออกฉายปี 1968   ผู้แต่งคือเอียน เฟลมมิ่ง เจ้าของเรื่องเจมส์ บอนดฺ์อันโด่งดัง
นำแสดงโดยคุณทวดดิ๊ค แวนไดค์ ที่อยู่ยืนยาวมาจนถึงปัจจุบัน



บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33584

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 812  เมื่อ 17 พ.ย. 21, 08:01

บันทึกการเข้า
nathanielnong
อสุรผัด
*
ตอบ: 13


ความคิดเห็นที่ 813  เมื่อ 17 พ.ย. 21, 09:30

ได้ดูหนังทั้ง 2 เรื่องค่ะ  
สงสัยคุณโหน่งจะจำชื่อเรื่องผิดมั้งคะ   ดิฉันจำได้ว่า    The Gnome Mobile มีชื่อไทยว่า "วิมานคนรู" ค่ะ


ชื่อนี้แปลกหูมากเลยครับ อ.
บันทึกการเข้า
nathanielnong
อสุรผัด
*
ตอบ: 13


ความคิดเห็นที่ 814  เมื่อ 17 พ.ย. 21, 09:35

chitty chitty bang bang เป็นหนังเพลงแฟนตาซีสำหรับเด็ก ออกฉายปี 1968   ผู้แต่งคือเอียน เฟลมมิ่ง เจ้าของเรื่องเจมส์ บอนดฺ์อันโด่งดัง
นำแสดงโดยคุณทวดดิ๊ค แวนไดค์ ที่อยู่ยืนยาวมาจนถึงปัจจุบัน



ได้ดูด้วยครับ  กำลังจะเขียนอยู่พอดี  ฉากรถบินได้นี่แหละตื่นเต้นที่สุด

กลับมาผู้ปกครองก็ซื้อของเล่นให้เป็นที่ระลึก


บันทึกการเข้า
nathanielnong
อสุรผัด
*
ตอบ: 13


ความคิดเห็นที่ 815  เมื่อ 17 พ.ย. 21, 09:40

เอ่ยถึงโรงหนังแกรนด์แล้วนึกถึงประสบการณ์ครั้งหนึ่งในสมัยยังตัวกระจิ๋วหลิว

เรื่องมีว่าคุณยายอยากดูหนังผู้ชนะสิบทิศซึ่งฉายที่โรงฯ นี้  ลุงซึ่งเป็นญาติก็เป็นคนพาไป  คุณยายหนีบเอาผมไปด้วย

ไปถึงลุงก็จัดการเรื่องตั๋วแล้วก็พาคุณยายขึ้นบันไดไปชั้นบน  บันไดยังมีขึ้นไปอีกซึ่งก็ยังมีคนเดินขึ้นไป  แต่เราหยุดอยู่ครึ่งทาง

ตรงนั้นมีประตูเปิดเข้าโรง  ขณะตามลุงที่พาคุณยายเข้าไปในโรงฯ ผมเห็นว่าบริเวณนี้เป็นเหมือนระเบียงสั้น ๆ  ขอบระเบียงมีราวเหล็กกั้นอย่างแน่นหนา 

ผมเดินไปเกาะราวเหล็ก (ในขณะที่คุณยายร้องเตือนให้ระวังตัว) แล้วมองลงไปข้างล่างเห็นแถวเก้าอี้ดูหนังของชั้นล่าง

พอหันกลับมาก็เห็นแถวเก้าอี้ดูหนังสำหรับชั้นนี้  ลักษณะเก้าอี้ไม่เหมือนเก้าอี้ทั่วไปที่ผมเคยนั่งดูตามโรงฯ ต่าง ๆ  เก้าอี้ของชั้นนี้เป็นโซฟาบุนวมหนา  ตัวยาวนั่งได้ 2 คน  วางห่าง ๆ กัน

พอลุงจัดที่ให้คุณยายได้นั่งเรียบร้อย  เธอก็ออกจากโรง ฯ ไปเพราะเธอไม่ดูหนัง ในห้องนี้จึงเหลือแต่ผมกับคุณยาย

แรก ๆ ผมก็นั่งดูกับคุณยาย  หลัง ๆ ก็เบื่อ  เลยเดินไปนั่งบ้างนอนบ้างบนโซฟาตัวอื่น ๆ ที่ว่างตลอดไปตามเรื่อง  ชอบมากที่มันเย็นสบาย 

ผมจำหนังไม่ได้เลย  จำได้แต่ว่า เมตตา รุ่งรัตน์ เล่นเป็นสาวชาวป่า  รู้สึกตอนหลังเธอจะฆ่าตัวตาย  ตอนจัดอันดับมเหสีมีที่นั่งของเธอด้วย  แต่ว่างเปล่า  จำได้แค่นี้  เป็นใครก็ไม่รู้

พอกลับมาบ้านก็บึ่งไปฝอยให้ผู้ปกครองคนอื่น ๆ ฟัง  โดยเน้นที่เก้าอี้นั่งที่ไม่เคยเห็นมาก่อน  ผู้ปกครองท่านหนึ่งบอกว่า  เค้าเรียกว่า ชั้นบอกซ์
บันทึกการเข้า
nathanielnong
อสุรผัด
*
ตอบ: 13


ความคิดเห็นที่ 816  เมื่อ 17 พ.ย. 21, 09:45

หนัง Stand by me ออกฉายเมื่อปี 1986  ผมรู้ข่าวจาก SP  แต่จะมาฉายในเมืองไทยรึเปล่าหรือมาตอนไหนก็จำไม่ได้  ที่จำได้ผมต้องเช่าวิดีโอมาดู

ตอนนั้นเป็นยุควิดีโอ  ทุกปากซอยต้องมีร้านวิดีโอให้เช่า  เขียนถึงตรงนี้ผมจำไม่ได้เอาเลยว่า  เราดูวิดีโอที่พากย์ไทยหรือว่าเค้าสลักคำบรรยายไทยลงในเนื้อเทปเหมือนดีวีดี  แล้วตอนนั้นมี บ.หนึ่งทำวิดีโอแบบคุณภาพให้เช่า  มี catalogue ให้ค้นหาด้วย  ใครจำชื่อ บ. ได้บ้างครับ  ถ้าอยากดูหนังคุณภาพดี ๆ ทั้งภาพและเสียงต้องเช่าของ บ. นี้

หนัง Stand by me ดัดแปลงมาจากนิยายของ Stephen King เล่าเรื่องชายหนุ่มคนหนึ่งรำลึกย้อนหลังไปถึงอดีตที่บ้านในเมืองเล็ก ๆ ในยุค ปลาย 50s  ตอนนั้นเธอมีกลุ่มแก๊ง  ที่วันหนึ่งแก๊งก็หาความสนุกด้วยการออกตามหาศพของวัยรุ่นคนหนึ่งที่ตอนแรกแค่มีข่าวมาว่าหายตัวไป

หนังน่ารัก  วิวสวย  สิ่งที่ทำให้ผมติดตามเรื่องราวจนจบคือ  เมื่อไรจะเจอศพซักที (วะ) 
อ้อ... เพลงประกอบเพราะ ๆ และคุ้นหูทั้งนั้น  โดยเฉพาะเพลงเด่นอันเป็นที่มาของชื่อเรื่อง




ความจริงเพลงนี้ออกขายครั้งแรกในปี 1961  แต่ความดังของหนังเรื่องนี้ทำให้เพลงออกขายอีกครั้งในปี 1986  เพลงติดอันดับ Billboard Top 10 ทั้ง 2 ครั้ง

ในที่สุดก็หาศพเจอ




บันทึกการเข้า
SILA
หนุมาน
********
ตอบ: 6362


ความคิดเห็นที่ 817  เมื่อ 17 พ.ย. 21, 10:34

ผมจำหนังไม่ได้เลย  จำได้แต่ว่า เมตตา รุ่งรัตน์ เล่นเป็นสาวชาวป่า  รู้สึกตอนหลังเธอจะฆ่าตัวตาย  
           
             คุณเมตตา รับบท กันทิมา ลูกสาวครูดาบชาวกระเหรี่ยง นางหลงรักจะเด็ด,หักอก เนงบาผู้ปราชัย (- ชื่อเพลง
ที่คำร้องขึ้นต้นติดหูว่า เนงบา... อุราระทมทุกข์หนัก)
             จะเด็ดมิได้รักตอบ แต่ก็ยังเป็นประเด็นเป็นเรื่องให้ขุ่นเคืองผิดใจกับเบงบา ต่อมา หลังเหตุการณ์เนงบาตาย,
บุเรงนองปราบขบถกู้บัลล้งก์ กันทิมาถูกบุเรงนองตำหนิจนน้อยใจฆ่าตัวตาย

กัณฑิมาอาภัพ (สะกดตามต้นทาง บ.โรส มีเดีย แอนด์ เอ็นเตอร์เทนเมนท์)
ถ่ายทอดโดย คุณวงจันทร์ ไพโรจน์ (Official Audio)
คำร้อง-ทำนอง โดย ศักดิ์ เกิดศิริ (พ.ศ.2501)



 
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33584

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 818  เมื่อ 17 พ.ย. 21, 16:07

เพลงชุดผู้ชนะสิบทิศ เป็นเพลงที่ไพเราะยอดเยี่ยมทั้งชุด    ฟังไม่รู้เบื่อเช่นเดียวกับ "จุฬาตรีคูณ"
ส่วนหนัง เอามาให้คุณโหน่งและท่านอื่นๆดูประกอบกระทู้นี้   ส่วนตัวแล้วไม่ชอบนิยายเรื่องนี้ เลยไม่ขอวิจารณ์ค่ะ

บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33584

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 819  เมื่อ 18 พ.ย. 21, 07:59

Sleepless in Seattle  หนังปี 1993 เป็นบทพิสูจน์ว่าบางครั้ง หนังที่ไม่มีแอ๊คชั่น ไม่มีเรื่องลึกลับชวนให้ระทึกใจ  ไม่มีแง่มุมชีวิตสะเทือนอารมณ์   ไม่มีความแปลกโดดเด่น ไม่มี..และไม่มี..ฯลฯ
ก็เป็นหนังที่ประสบความสำเร็จ โกยรายได้มหาศาล ทั้งที่ตั้งแต่ต้นจนจบ พระเอกนางเอกเจอกัน 2 ฉาก ฉากแรกเห็นกันห่างๆ   และได้มาพูดประโยคแรกกันในฉากจบบนยอดตึกเอมไพร์สเตท เท่านั้นเอง

บันทึกการเข้า
nathanielnong
อสุรผัด
*
ตอบ: 13


ความคิดเห็นที่ 820  เมื่อ 18 พ.ย. 21, 09:28

Sleepless in Seattle  หนังปี 1993 เป็นบทพิสูจน์ว่าบางครั้ง หนังที่ไม่มีแอ๊คชั่น ไม่มีเรื่องลึกลับชวนให้ระทึกใจ  ไม่มีแง่มุมชีวิตสะเทือนอารมณ์   ไม่มีความแปลกโดดเด่น ไม่มี..และไม่มี..ฯลฯ
ก็เป็นหนังที่ประสบความสำเร็จ โกยรายได้มหาศาล ทั้งที่ตั้งแต่ต้นจนจบ พระเอกนางเอกเจอกัน 2 ฉาก ฉากแรกเห็นกันห่างๆ   และได้มาพูดประโยคแรกกันในฉากจบบนยอดตึกเอมไพร์สเตท เท่านั้นเอง



หนังเรื่องนี้ได้รับแรงบันดาลใจมาจาก An affair to remember (Cary Grant & Deborah Kerr - 1957) ครับ
บันทึกการเข้า
nathanielnong
อสุรผัด
*
ตอบ: 13


ความคิดเห็นที่ 821  เมื่อ 18 พ.ย. 21, 09:37

เพลงชุดผู้ชนะสิบทิศ เป็นเพลงที่ไพเราะยอดเยี่ยมทั้งชุด    ฟังไม่รู้เบื่อเช่นเดียวกับ "จุฬาตรีคูณ"
ส่วนหนัง เอามาให้คุณโหน่งและท่านอื่นๆดูประกอบกระทู้นี้   ส่วนตัวแล้วไม่ชอบนิยายเรื่องนี้ เลยไม่ขอวิจารณ์ค่ะ



มี เอื้อมเดือน อัษฎา คนสวยเล่นด้วย

นึกถึงเรื่อง พระรถ-เมรี ที่มี ไชยา เล่นกับ เพชรา  มีเอื้อมเดือนเล่นเป็นแม่ เป็นคนเล็กของนาง 12  ปรียา เป็นพี่คนโตของนาง 12

อ. ได้ดูมั้ยครับ

ได้ข่าวว่าฟิล์มเสียหายมากเกินกว่าจะกู้ได้ เสียดายจัง  หนังรวมดาราหญิงดัง ๆ ทั้งนั้น
บันทึกการเข้า
nathanielnong
อสุรผัด
*
ตอบ: 13


ความคิดเห็นที่ 822  เมื่อ 18 พ.ย. 21, 09:40

ยังมีหนังผีอีกเรื่องที่ผมติดใจ  ชื่อเรื่องว่า What Lies Beneath  (2000) มีดาราใหญ่เล่น  ไม่ต้องบอกชื่อ  แค่เห็นหน้าก็รู้ว่าใคร  หนังเล่าเรื่องของภรรยาของ Professor มหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งที่จู่ ๆ ก็มีเรื่องที่ทำให้คิดว่าในบ้านตัวเองมีผีสิง  ในขณะที่สามี Professor ก็ชักสงสัยว่าหรือเมียตัวเองกำลังจะเสียสติ

หนังเรื่องนี้  นักวิจารณ์ไม่ชอบ  แต่ผมว่าน่าติดตามทีเดียว  บรรยากาศหลอนไม่หยอก  แถมยังมี subplot ที่เบี่ยงเบนความสนใจของคนดู




ฉากท้ายเรื่อง  ผลกระทบเมื่อความลับคลี่คลายออกมา  ฉากนี้น่าขนลุกไม่เบา  เหมาะแก่การจดจำ



บันทึกการเข้า
nathanielnong
อสุรผัด
*
ตอบ: 13


ความคิดเห็นที่ 823  เมื่อ 19 พ.ย. 21, 09:08

The Trip to Bountiful เป็นหนังที่สร้างออกฉายในปี 1985 ดัดแปลงจากละครเวที  เหตุการณ์เกิดขึ้นในยุค 40s  เล่าเรื่องคุณแม่ Watts หญิงชราหม้ายที่อาศัยอยู่กับครอบครัวของลูกชายหนุ่มใหญ่ในห้องเช่าเล็ก ๆ อุดอู้ในเมืองใหญ่ทางใต้ของอเมริกามาเป็นเวลานาน

นานจนเธอเริ่มคิดถึงบ้านเกิดของตนในเมือง Bountiful และอยากกลับไปเยี่ยมอีกสักครั้งก่อนตาย  เธอพยายามมาร่วม 5 ปี แต่ความฝันไม่เคยสำเร็จเพราะลูกสะใภ้ปากร้ายกับลูกชายห้ามปรามด้วยเหตุว่าเธอสุขภาพไม่ค่อยดี

แล้ววันหนึ่งเมื่อถึงจุดสิ้นสุด คุณแม่ Watts ก็หนีออกจากบ้าน

ปกติหนังที่สร้างจากละครเวทีมีข้อจำกัดคือ  นอกจากเต็มไปด้วยคำสนทนาแล้วยังออกนอกลู่นอกทางไม่ได้  หนังจึงมีบรรยากาศของความอึดอัด  ในเรื่องนี้ผู้สร้างผ่อนคลายอารมณ์คนดูด้วยภาพสดใส  วิวสวย ๆ  ย้อนยุคไปยังยุค 40s ตามท้องเรื่อง  ซึ่งทำได้ดีมาก  องค์ประกอบของการสร้างทั้งวิวต่าง ๆ รถรา เพลงประกอบ ฯลฯ

สมัยก่อนใน youtube ยังมี clip ตัดต่อของหนังเรื่องนี้หลายชุดซึ่งผมก็อปปี้เอาไว้  แต่ตอนนี้หายไปไหนหมดแล้วก็ไม่รู้  ใช้ฉบับเต็มก็แล้วกัน




นาทีที่ 26.00 – ผมแนบบทสนทนามาประกอบการดู https://www.scripts.com/script.php?id=the_trip_to_bountiful_21507&p=7

เป็นการหนีออกจากบ้านของคุณแม่ Watts  เริ่มแรกเธอไปที่สถานีรถไฟก่อนเพื่อที่จะรู้ว่าไม่มีรถไฟผ่านเมือง Bountiful อีกต่อไปแล้ว (แสดงสีหน้าไม่พอใจได้เยี่ยมมาก)

คุณแม่ Watts ไม่ยอมแพ้  จาก สถน.รถไฟ  เธอเดินต่อไปที่ สถน.รถทัวร์  แล้วก็พบกับความผิดหวังอีกที่รถไม่แวะเมือง Bountiful อีกแล้ว  คนขายตั๋วให้เธอเลือกเอาว่าจะไปลงที่เมืองก่อนหน้าหรือเมืองที่เลย Bountiful ไป

คุณแม่ Watts เลือกลงเมืองก่อนหน้าเพราะค่าตั๋วถูกกว่า (สีหน้าตอนเธอลืมหยิบตั๋วรถขำดี)

ระหว่างรอเวลา คุณแม่ Watts ได้มิตรเป็นหญิงสาวที่สงสัยในอาการลุกลีลุกลนของเธอ  นั่นเป็นเพราะเธอกังวลว่าลูกชายจะมาตามหาได้ทัน

ในที่สุดลูกชายกับลูกสะใภ้ก็ตามมาจริง ๆ  มีการเอาเถิดเจ้าล่อ  จนกระทั่งคุณแม่ Watts สามารถหลบหนีออกไปขึ้นรถทัวร์ได้เป็นผลสำเร็จ


นาทีที่ 39-41 (ไม่มีบทพูด)

เป็นช่วงของการเดินทาง  เพลงประกอบเพราะเข้ากับท้องเรื่อง  ผมสามารถสูดอากาศบริสุทธิ์ภายในรถทัวร์ที่โปร่งสบาย  เพลงนี้เป็นเพลงเดียวกับที่ใช้ตอนคุณแม่ Watts หนีออกจากบ้าน  แต่เปลี่ยนลูกเล่นและเครื่องดนตรีจนทำให้รู้สึกเหมือนเป็นคนละเพลง  ผมว่า ฉบับนี้เพราะกว่ามาก 


ในที่สุดคุณแม่ Watts ก็มาถึงปลายทางในเวลาค่ำมืด  และพบข่าวจากนายท่าว่าเมือง Bountiful กลายเป็นเมืองร้างไปแล้ว  ผู้อาศัยคนสุดท้ายซึ่งเป็นเพื่อนกับคุณแม่ Watts เพิ่งจะตายไปเมื่อไม่กี่วัน

แต่คุณแม่ Watts ไม่ยอมแพ้  ดั้นด้นมาถึงนี่  อย่างไร ๆ ต้องไปต่อ  เธอตัดสินใจจะจ้างคนให้พาไปด้วยเงินจากเช็ครัฐบาล  แต่ก็มาพบว่าลืมกระเป๋าเงินไว้ในรถทัวร์

นายท่าจัดการเรื่องนี้ได้อย่างไม่มีปัญหาแต่เธอต้องคอยอีกไปหลาย ชม. กว่ารถทัวร์ขาล่องจะมาผ่านที่จุดนี้พร้อมกระเป๋าเงิน  ระหว่างนี้คุณแม่ Watts ก็นอนเอาแรงบนม้ายาวในที่พักนั้น

คุณแม่ Watts ตื่นขึ้นตอนเช้ามืดก็พบนายอำเภอ  เธอได้รับรู้ว่าความฝันที่จะได้กลับไปดูบ้านเก่าพังทลายเสียแล้วเพราะนายอำเภอบอกว่าลูกชายของเธอแจ้งให้ออกตามหา  เมื่อพบแล้วให้กักตัวไว้จนกว่าเจ้าตัวจะมาถึง

คุณแม่ Watts ฉุนเฉียวมาก  เธอตัดพ้อต่อว่านายอำเภอ จนกระทั่งโรคหัวใจอันเป็นโรคประจำตัวกำเริบ

นายอำเภอหน้าเสีย (คงคิดในใจว่า ‘ช.ห. แล้วกู’)  แล้วรีบประนีประนอมโดยอาสาจะขับรถพาคุณแม่ Watts  ไปดูบ้านเดิมของเธอด้วยตัวเอง  ซึ่งอยู่อีกไม่ไกล  และคงกลับมาทันรับหน้าลูกชาย

คุณแม่ Watts ดีใจเนื้อเต้น


ตั้งแต่ 1:16:00 เป็นต้นไป  https://www.scripts.com/script.php?id=the_trip_to_bountiful_21507&p=21

เป็นช่วงการเดินทางสุดท้ายของคุณแม่ Watts  เธอได้เห็นด้วยตาตัวเองว่า  Bountiful เมืองเกิดของตัวเองร้างแล้วจริง ๆ  บรรยากาศสงบและอ้างว้าง

ในที่สุดคุณแม่ Watts ก็มาถึงบ้านของตัวเองที่ดูทรุดโทรมและผุพัง  ขณะพักชมความหลังได้แป๊บนึงลูกชายก็ขับรถตามมาถึงและรับหน้าที่ต่อจากนายอำเภอ

แม่ลูกปรับความเข้าใจกันท่ามกลางความเงียบสงัด ความฝันของคุณแม่ Watts สัมฤทธิ์ผลในที่สุด  แม้จะไม่ให้ผลที่อิ่มเอิบแต่เธอก็พอใจแล้ว  และพร้อมที่จะกลับไปอุดอู้อยู่ในเมืองใหญ่กับลูกชายและลูกสะใภ้ที่ความจริงก็ไม่ได้ร้ายกาจอะไรนัก  เพียงแต่เจ้าระเบียบ  แต่ลึก ๆ แล้วเป็นห่วงแม่ผัวตลอดเวลา


เวลา 1:28:20 https://www.scripts.com/script.php?id=the_trip_to_bountiful_21507&p=23

ลูกชายเอ่ยปากเสียใจที่ไม่ได้พาแม่มาเยี่ยมบ้านเกิดเร็วกว่านี้  ช่วงที่คุณแม่ Watts ปัดมือเหมือนกับว่าช่างมันเถอะ  เรื่องมันแล้วไปแล้ว  สร้างข่าววงในว่าบรรดาคณะกรรมการพิจารณารางวัล Oscar เห็นแล้วเทคะแนนให้ Geraldine Page นักแสดงคร่ำหวอดผู้รับบทคุณแม่ Watts หมดกระเป๋า  ทำให้เธอได้ตุ๊กตาทองไปนอนกอดหลังจากผิดหวังมา 7 ครั้ง (ครั้งแรกเมื่อปี 1954)  ผมว่ากรรมการต่างโล่งอกที่ตัดสินใจเช่นนั้นเพราะเธอเสียชีวิตในปีต่อมา

เสียดายที่ Clip ไม่ชัด  ถ้าภาพชัดกว่านี้ทิวทัศน์จะสดใสมาก  การถ่ายทำเยี่ยมยอด  องค์ประกอบย้อนยุคครบถ้วน

จบแล้ว  นี่เป็น 1 ของหนังในดวงใจของผม (ถึงพล่ามเสียยาว) ทุกครั้งที่ดูจบ  ผมอยากกลับไปหาคุณยายที่บ้าน
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33584

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 824  เมื่อ 19 พ.ย. 21, 09:35

เคยดูหนังเรื่องนี้ค่ะ จะดูจากยูทูปหรือ Netflix  จำไม่ได้แล้ว   จำแม่นแต่ฉากที่สถานีรถไฟและเมืองเล็กๆที่ร้างโรยรา    ดูแล้วก็ห่อเหี่ยว  หดหู่เหมือนดูชีวิตจริงของคน
คุณย่าเล่นเก่งเสียจนเหมือนเรากำลังดูยายแก่จริงๆที่ไม่น่าสนใจแต่ดึงดูดใจ

ดิฉันมาถึงยุคที่ดูหนังดีวิเศษ ยิ่งใหญ่อลังการ หรือตื่นเต้นระทึกใจ ไม่ได้ผลเสียแล้ว   เพราะของจริงมันเหนือกว่านั้น   
ตอนนี้ดูได้อย่างเดียวคือหนัง Hallmark ซึ่งไม่มีอะไรเหมือนชีวิตจริงเลย

https://www.youtube.com/results?search_query=hallmark+movies+2021
บันทึกการเข้า
หน้า: 1 ... 53 54 [55] 56 57 ... 77
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by SMF 1.1.21 | SMF © 2006, Simple Machines
Simple Audio Video Embedder

XHTML | CSS | Aero79 design by Bloc หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.073 วินาที กับ 19 คำสั่ง