แบร์นาร์โด แบร์โตลุชชี (Bernardo Bertolucci) ผู้กำกับเรื่อง The Last Emperor เพิ่งจะเสียชีวิต หนังของเขาทำให้ผมเริ่มสนใจเรื่องจีน ๆ มาตั้งแต่ยังเด็ก ๆ ทุกวันนี้ The Last Emperor ก็ยังเป็นภาพยนต์ในใจไม่รู้ลืม
ตอนนั้น แบร์โตลุชชี เสนอกับทางการจีนว่าจะถ่ายทำภาพยนต์โดยใช้จีนเป็นฉาก โดยให้ตัวเลือก ๒ เรื่อง ทางการจีนกลับเลือกเรื่อง The Last Emperor ทั้ง ๆ ที่มันเป็นประเด็นหมิ่นเหม่มาก นอกจากนี้ยังอนุญาตให้ใช้อัตชีวประวัติที่เขียนโดยผู่อี๋มาเขียนเป็นบท อนุญาตให้ใช้ทหารในกองทัพเป็นตัวประกอบ และไฮไลท์คือให้ใช้พระราชวังต้องห้ามเป็นที่ถ่ายทำ งานชิ้นนี้จึงอลังการสุด ๆ ยิ่งคอสตูมยิ่งถูกต้องหมดจนงดงาม
หลายคนคงไม่สังเกตว่า นี่เป็นเรื่องแรก ๆ ที่จีนอนุญาตให้เอ่ยถึงการปฏิวัติวัฒนธรรมในแบบวิพากษ์ มีฉากหนึ่งที่ผู่อี๋พบกับผู้การเรือนจำของเขา ซึ่งถูกพวกเรดการ์ดแห่ประจานไปทำร้าย ซึ่งนับว่ายอกย้อนมาก เพราะพวกคอมมิวนิสต์ทำร้ายกันเอง แต่กลับละเว้นจักรพรรดิแห่งระบบศักดินา ฉากนี้มีนัยสำคัญอยู่ คือ ทางการจีนยุคเติ้งเสี่ยวผิง ต้องการจะประจานความบ้าคลั่งในยุคปฏิวัติวัฒนธรรมนั่นเอง
ตอนนั้น แบร์โตลุชชี เชิญผู้กำกับจีนมือทอง ๒ คนมาช่วย คือ เฉินข่ายเกอ กับ จางอี้โหม่ว และปรึกษาเรื่องฉากการปฏิวัติวัฒนธรรม ปรากฎว่าตอนที่กำลังคุย ผู้กำกับทั้ง ๒ คนที่ผ่านช่วงเวลานั้นมาเกิดอารมณ์รุนแรงแสดงอาการออกมาถึงกับร่ำไห้ ฉากนี้จึงมีพลังมาก
ตอนเด็ก ๆ ถึงจะยังไม่ประสีประสา แต่ผมกลับประทับใจฉากสุดท้ายของเรื่องอย่างมาก ฉากนั้น ผู่อี๋ (ปูยี) ในวัยชรากลับไปที่พระราชวังต้องห้ามอีกครั้ง หลังถูกขับไล่จากวังต้องห้ามในปี ๑๙๒๔ จนระเหเร่ร่อนกลายเป็นหุ่นเชิดให้ญี่ปุ่น เป็นจักรพรรดิแต่ในนามของประเทศแมนจูกัว กลายเป็นอาชญากรสงครามในโซเวียต และถูกส่งตัวกลับมา "รับการศึกษาใหม่" ที่เรือนจำอาชญากรสงครามในจีน และออกมาเป็นพลเมืองเต็มขั้นของจีนใหม่ ทำงานด้านประวัติศาสตร์ และดูแลสวนไปด้วย พบรักใหม่ที่รักจริงไม่ใช่แต่งเพราะการเมือง ช่วงชีวิตตอนท้ายของผู่อี๋น่าจะมีความสุขเสียยิ่งกว่าในเวียงวังแห่งไหน
ในฉากสุดท้าย ในพระที่นั่งไท่เหออันว่างเปล่า ผู่อี๋ปีนขึ้นไปนั่งบนบัลลังก์ แต่เด็กน้อยคนหนึ่งร้องขึ้นว่า "หยุดนะ คุณเข้าไปตรงนั้นไม่ได้"
ผู่อี๋ถามว่า "เธอเป็นใคร?"
"ผมเป็นลูกคนดูแลที่นี่
"อ้า ดีแล้ว ฉันก็เคยอยู่ที่นี่เหมือนกัน" ผู่อี๋นั่งลงบนบัลลังก์มังกรแล้วบอกว่า "ฉันเคยนั่งตรงนี้"
เด็กน้อยยังไม่ลดละถามว่า "คุณเป็นใคร?"
"ฉันเป็นจักรพรรดิของแผ่นดินจีน"
เด็กน้อยท้าทาย "งั้นก็พิสูน์สิ"
และจากนั้น ความว่างเปล่าในท้องพระโรงก็แทนที่ด้วยนักท่องเที่ยว มีเสียงไกด์พูดขึ้นมา "ที่นี่คือพระที่นั่งไท่เหอ จักรพรรดิทุกองค์ทรงครองราชย์ที่นี่ จักรพรรดิองค์สุดท้ายที่ครองราชย์ที่นี่คือ อ้ายซินเจวี๋ยหลัว ผู่อี๋ ตอนนั้นเขาอายุได้ ๓ ขวบ
เขาตายเมื่อปี ๑๙๖๓"
ฉากนี้ไม่มีจริงในประวัติศาสตร์ แต่มันประทับใจไม่รู้ลืมจริง ๆ
จาก
เฟซบุ๊กของคุณกรกิจ ดิษฐาน