ถึง วันที่ 20 เมษายน ฝรั่งเศสชื่อกองซือ กับทหารญวน 19 คน อาวุธครบมือตรงมาที่เมืองอัตปือ ซึ่งอยู่ภายใต้ความควบคุมของไทย เป่าประกาศต่อราษฎรว่า เมืองอัตปืออยู่ในอารักขาของฝรั่งเศสแล้ว ขอให้ชนชาวเมืองอย่าเกรงกลัวต่อข้าราชการไทยอีกต่อไป ขณะนั้นมีทหารไทยใจกล้าคนหนึ่ง ชื่อ ร้อยโทพุ่ม มีหน้าที่รักษาราชการเมืองอัตปือ ร้อยโทพุ่มนำพรรคพวกขับไล่ทหารฝรั่งเศสและญวนออกไปเสีย
เรื่องอัตปือนี่เป็นเรื่องใหญ่ที่ทำให้ ร.๕ ทรงพิโรธมากในเรื่องเรื่องสมรรถภาพของทหารไทยครับ
"ครั้นถึงวันที่ ๒๐ เมษายน ร.ศ.๑๑๒ มีฝรั่งเศสคนหนึ่ง ชาวบ้านนั้นเรียก "กงกือ" หรือ "ตงซือ" คุมทหารญวน ๑๙ คน ลงเรือมาจากเมืองแกวภูซุน(เมืองเว้) มาบังคับเอาเสบียงจากเมืองอัตปือ เมืองแสนปาง แล้วสั่งว่าตั้งแต่นี้ต่อไป ไม่ให้ฟังคำบังคับบัญชาของไทย เพราะเมืองเหล่านี้เป็นของฝรั่งเศสแล้ว เจ้าราชวงศ์และนายร้อยโทพุ่ม ผู้รักษาราชการเมืองอัตปือบอกว่า เมืองนี้ยังเป็นของไทยอยู่ นายทหารฝรั่งเศสและทหารญวนเหล่านั้นก็ลงเรือกลับไป ข่าวนี้ทำให้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพิโรธมากดังมีพระดำริว่า "การซึ่งจะให้เป็นอันสำเร็จเด็ดขาดโดยตกลงพูดจากัน ดูยิ่งจะเป็นการยากหนักขึ้นเสียแล้ว ด้วยฝรั่งเศสมีความหมิ่นประมาทเหลือเกินจนถึงได้ใช้คนเพียง 20 คนเท่านี้"
(กจช. ฝ. ๑๘.๑/๒ ไปรเวตที่ ๑๒๒/๒๑๙๘ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวถึง กรมหมื่นดำรงราชานุภาพ ลงวันที่ ๘ พฤษภาคม ร.ศ.๑๑๒)
เมื่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงมีพระราชดำริที่จะใช้วิธีการรุนแรงโต้ตอบฝรั่งเศส กรมหลวง
เทวะวงศ์วโรปการได้กราบบังคมทูลท้วงติงไว้ว่า
"---ทางที่ฝรั่งเศสประพฤติทั้งนี้ ก็ไม่เป็นที่ขัดขวางของฝ่ายไทยไม่ให้เดินทางเช่นนั้นบ้าง แต่ข้อสำคัญที่ฝ่ายไทยจะต้องทำนั้นจะเป็นการอย่างไร ๆ ก็ดี ต้องให้ปรากฏว่าเป็นการต่อสู้ป้องกันเท่านั้น แลการที่จะกระทำนั้นจะเป็นการตีเอาที่ดินคืนก็ดี ฤๅเป็นการป้องกันต่อสู้ก็ดี ต้องให้เชื่อได้แน่ว่าจะกระทำสำเร็จ ก็เป็นการควรกระทำได้ไม่ต้องรั้งรอ มีความสงสัยว่ากำลังของฝ่ายไทยที่มีอยู่ในเวลานี้จะยังไม่พอการให้สำเร็จได้ ถ้ามีคำสั่งออกไปให้ต่อตีเอาที่ฝรั่งเศสยึดนั้นคืนแล้ว จะเป็นการได้ทีฤๅเสียทีนั้น เป็นที่สงสัยนัก ยังมีการฝ่ายไทยที่ตระเตรียมกำลังที่จะจัดสำหรับรักษาพระนครต่อไป ก็ยังไม่พร้อมมูลบริบูรณ์ทั้งสิ้นนี้ ก็เป็นข้อสำคัญที่จะต้องพิจารณาก่อนจะกระทำการรบพุ่งชิงไชยแลเมื่อจะมีเหตุเล็กน้อยยังไม่พอที่จะให้ลุกลาม ก็จำเป็นต้องแก้ใขระงับไว้ ที่คิดกระทำการจัดอยู่ทุกวันนี้ จะต้องให้ปรากฏแก่โลกทั้งปวงว่าฝรั่งเศสข่มเหงไทยก่อนแล้วจึงควรจะคิดรบพุ่งกับฝรั่งเศส แลไว้ใจว่ากรมพิชิตฯ คงจะได้ทรงดำริจัดการทั้งปวงรอบคอบแล้ว การส่งอาวุธไปอุดหนุนอย่างใดก็เห็นว่า ไม่ขัดขวางการที่กระทำอยู่ในยุโรบและกรุงเทพฯ การที่เจรจากับฝรั่งเศสในเรื่องนี้ ก็จำใจต้องทำไปตามคติของโลกทั้งหลายที่นับถือว่า การเช่นนี้เป็นหนทางของเมืองอันรุ่งเรืองจะต้องดำเนิร หนทางการทั้งปวงที่ได้ปรนิบัติราชการแลผลที่ปรากฏแก่คนทั้งปวงแต่ต้นในเรื่องฝรั่งเศสเป็นการดี อยู่ในที่ถูกต้อง เป็นที่คนทั้งปวงแต่ต้นในเรื่องฝรั่งเศสเป็นการดี อยู่ในที่ถูกต้อง เป็นที่คนทั้งปวงที่เป็นกลางติเตียนไม่ได้แล้ว ถ้าแม้จะมีเหตุอันเสียสติไปไม่เป็นที่พอใจแก่กันเอง จะกระทำการผลุนผลันพันแล่นอย่างไรแล้วก็จะเป็นที่เสียใจยิ่งนัก---"
(กจช. ฝ. ๑๘.๑/๒ ไปรเวตที่ ๑๒๒/๒๑๙๘ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวถึง กรมหมื่นดำรงราชานุภาพ ลงวันที่ ๘ พฤษภาคม ร.ศ.๑๑๒)
คำกราบบังคมทูลของกรมหลวงเทวะวงศ์วโรปการ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงตอบว่า
"ซึ่งชวนให้ระงับใจไว้นั้น ก็เห็นชอบด้วยแล้ว แต่อดกลั้นความเดือดขึ้นมาไม่ได้ ด้วยฉันไม่เข้าใจเลยว่า ฝรั่งเศสเดินผ่านเมืองอัตปือ เมืองแสนปาง ฉันเข้าใจว่ามันเดินย่ำมาบนกระบานหัวทั้งยี่สิบคน"
(กจช. ฝ. ๑๘.๑/๒ สำเนาที่ ๖๗/๒๒๖๔ สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวถึงกรมหลวงเทวะวงศ์วโรปกร ลงวันที่ ๑๐ พฤษภาคม ร.ศ. ๑๑๒)