เรือนไทย
ยินดีต้อนรับ ท่านผู้มาเยือน
กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
ส่งอีเมล์ยืนยันการใช้งาน?
ข่าว: การแนบไฟล์ กรุณาใช้ชื่อไฟล์ภาษาอังกฤษเท่านั้นครับ
หน้า: 1 ... 9 10 [11] 12 13 ... 19
  พิมพ์  
อ่าน: 21929 ตามหารูปสมัยรบฮ่อ
เพ็ญชมพู
หนุมาน
********
ตอบ: 12600



ความคิดเห็นที่ 150  เมื่อ 21 ก.พ. 18, 15:54

"ผู้มีชื่อ" ในจดหมายนี้คือใครหรือครับ

อ่านความตามคำให้การแลหนังสือร้องทุกข์ คำว่า "ผู้มีชื่อ" น่าจะหมายถึง "คน, คนผู้หนึ่ง" นั่นแล
บันทึกการเข้า
cinephile
อสุรผัด
*
ตอบ: 0


ความคิดเห็นที่ 151  เมื่อ 21 ก.พ. 18, 17:15

ณ วันพฤหัสบดี แรม ๑๓ ต่ำ เดือน ๔ ปี ระกา สัปตศก จุลศักราช
๑๒๔๗ พศ. ๒๔๒๘ เวลาย่ำรุ่งแล้ว (๖​กท.) ออกจากที่พักแรมป่าเมี่ยง
ขึ้นเขาไปอีก ขึ้นสูงไปทุกที ๆ


บันทึกการเข้า
cinephile
อสุรผัด
*
ตอบ: 0


ความคิดเห็นที่ 152  เมื่อ 21 ก.พ. 18, 17:27

เวลาเช้า ๑ โมง (๗กท.) ถึงยอดเขาภูฟ้า ได้หยุดพักถ่ายรูปเมื่อขึ้นไปอยู่บนยอดเขา
แลไปทั้ง ๔ ทิศเห็นมีแต่ภูเขาดุจลูกคลื่นในทะเล


บันทึกการเข้า
NAVARAT.C
หนุมาน
********
ตอบ: 11307


ความคิดเห็นที่ 153  เมื่อ 21 ก.พ. 18, 18:25

เห็นภาพแล้วเดาไม่ถูกว่า สมัยพระนายไวยฯเดินทัพผ่านเทือกเขาเหล่านี้ สภาพป่าจะเหมือนดังภาพที่ถ่ายในยุคปัจจุบันหรือเปล่า ได้ยินว่าทางลาวก็มีขบวนการโค่นไม้ทำลายป่าเช่นกันแต่คิดว่าไม่น่าจะหนักกว่าเมืองไทย แต่นึกว่าสมัยรัชกาลที่ ๕ ป่าจะดิบกว่านี้


บันทึกการเข้า
NAVARAT.C
หนุมาน
********
ตอบ: 11307


ความคิดเห็นที่ 154  เมื่อ 21 ก.พ. 18, 18:29

แต่ภาพนี้ ลักษณะป่าเขาก็คล้ายๆกับภาพถ่ายเหมือนกัน


บันทึกการเข้า
siamese
หนุมาน
********
ตอบ: 7165


หนุ่มรัตนะกับภูเขาทอง


ความคิดเห็นที่ 155  เมื่อ 21 ก.พ. 18, 20:00

เห็นภาพแล้วเดาไม่ถูกว่า สมัยพระนายไวยฯเดินทัพผ่านเทือกเขาเหล่านี้ สภาพป่าจะเหมือนดังภาพที่ถ่ายในยุคปัจจุบันหรือเปล่า ได้ยินว่าทางลาวก็มีขบวนการโค่นไม้ทำลายป่าเช่นกันแต่คิดว่าไม่น่าจะหนักกว่าเมืองไทย แต่นึกว่าสมัยรัชกาลที่ ๕ ป่าจะดิบกว่านี้

ตามหนังสือประวัติฯ กล่าวว่า เมื่อช้างมาถึงเมืองงอยนั้นช้างบอบช้ำมาก และการเดินทางจากเมืองงอยไปเมืองซ่อนนั้นให้นำของหนักบรรทุกทางแพล่องแม่น้ำไปยังเมืองซ่อน และให้ช้างบรรทุกของเบาๆ เพื่อทำการผ่อนแรง ประกอบกับฤดูฝนด้วยทำให้การเดินทางยากลำบาก
บันทึกการเข้า
cinephile
อสุรผัด
*
ตอบ: 0


ความคิดเห็นที่ 156  เมื่อ 21 ก.พ. 18, 22:50

จากบันทึกของพระนายไวยฯ "ลงจากยอดเขาภูฟ้าต่ำลงเป็นชั้น ๆ ทางนี้ไม่มีน้ำ บนเขามีแต่ป่าไม้ไผ่
ไปจนถึงเวลาบ่าย ๒ โมง ๓๐ นาที (๒ง๓๐ ลท.)  ถึงที่ห้วยน้ำมี"


บันทึกการเข้า
cinephile
อสุรผัด
*
ตอบ: 0


ความคิดเห็นที่ 157  เมื่อ 21 ก.พ. 18, 22:57

จากบันทึกของพระนายไวยฯ "หยุดพักแรม ๑ คืน เขาที่อยู่ใกล้น้ำนี้ไม่มีไม้อื่น
มีแต่ไม้ไผ่และหญ้าทั้งสิ้น"


บันทึกการเข้า
cinephile
อสุรผัด
*
ตอบ: 0


ความคิดเห็นที่ 158  เมื่อ 21 ก.พ. 18, 22:59

ตอนที่ผมกับคณะมาถึงห้วยน้ำมี ฝนตกหนัก


บันทึกการเข้า
cinephile
อสุรผัด
*
ตอบ: 0


ความคิดเห็นที่ 159  เมื่อ 21 ก.พ. 18, 23:04

ห้วยน้ำมีตอนที่ผมเข้าไปสำรวจหาที่ยั้งทัพของพระนายไวยฯ ผมพบว่าบ้าน
นีไม่มีไฟฟ้า ไม่มี TV ไม่มี internet สิ่งเดียวที่ให้ความบันเทิงก็มาจากเพศตรงกันข้าม
เช่นบ้านนี้ แม่บ้านยังเป็นเด็กอยู่แต่มีลูกเป็นโขลง


บันทึกการเข้า
cinephile
อสุรผัด
*
ตอบ: 0


ความคิดเห็นที่ 160  เมื่อ 21 ก.พ. 18, 23:35

จากบันทึกของพระนายไวยฯ "ณ วันศุกร์ แรม ๑๔ ค่ำ เดือน ๔ ปีระกา สัปตศก จุลศักราช ๑๒๔๗ พศ. ๒๔๒๘
เวลาย่ำรุ่ง ๑๕ นาที (๖.๑๕ กท.) ยกออกจากห้วยน้ำมีเดินขึ้นเขาสูงไปหลายลูก เวลาบ่าย ๒ โมง (๒ ลท.)
ถึงที่กาสุม พักแรม ๑ คืน"
 พระนายไวยฯ มีคำปรารภในสมุดพกอีกฉบับหนึ่ง ดังได้คัดลงไว้ดังต่อไปนี้
       " ตั้งแต่ออกจากเมืองงอยก็ถูกฝนตามทางจนถึงเมืองซ่อน ทางที่มาเดินยากเป็นที่สุด ขึ้นเขาลงห้วยลงจากเขาแต่ละที
หนทางลื่นเป็นอย่างยิ่ง
      ผู้คนช้างม้าและโคต่างก็ล้มลุกคลุกคลานมาตามทาง ช้างนั้นจะต้องเฉาะเขาเป็นขั้นบันไดให้ขึ้นลง ถึงคังนั้นช้างก็ยังตกเขาตาย
น่ากลัวเป็นที่สุด"
เรื่องทางลื่นนี้คณะของผมเจอมาแล้วตรับ ตอนที่อยู่ที่ห้วยน้ำมีเกิดฝนตกหนัก ถนนกลายเป็นขี้ตมตลอดสาย รถของพวกเราต้องเร่ง
ออกจากห้วยน้ำมีเพื่อไปให้ถึงกาสุม (เป็นภาษาขมุพื้นบ้านครับ) รถของผมลื่นตกลงไปในร่องทำให้ลื่น รถหมุนจะตกลงหน้าผาที่มี
ความลึก 200 เมตร แต่ยังโชคดีที่รถหมุนไปปะทะกอไผ่ทำให้ค้างเติ่งอยู่อย่างนั้น มันทำให้ผมเข้าใจบันทึกของพระนายไวยฯ ขึ้นมาทัน
ทีเลยครับ


บันทึกการเข้า
cinephile
อสุรผัด
*
ตอบ: 0


ความคิดเห็นที่ 161  เมื่อ 22 ก.พ. 18, 00:02

แผนที่จะไให้ถึงกาสุมเป็นอันล้มเลิก เราใช้รถอีกคันแล่นไปถึงเมืองที่ใหญ่
ที่สุดคือเมืองบ้านโดน ซึ่งเป็นเมืองของพวกขมุ ว่าจ้างรถอีแต๋นที่พวกขมุใช้ขนไม้
จากในป่าให้ไปช่วยลากรถที่ติดอยู่ริมหน้าผา ต้องจ้างพวกขมุให้เอาจอบเอาเสียม
มาขุดรถให้ขึ้นจากหล่ม (ใต้ท้องรถจมตม ต้องขุดเอารถขึ้นมา) ค่าจ้างรวมทั้งหมด
สองหมื่น และไม่ใช่สองหมื่นกีบแต่เป็นสองหมื่นบาทครับ
ในขณะที่ทีมไปกู้รถผมก็พักอยู่ที่หมบ้านโดน ซึ่งขณะนั้นกำลังมีตลาดนัดอยู่พอดีจึงมี
ผู้คนมากมาย จะมีคนญวนเอาของใส่ท้ายรถเครื่องมาวางขายที่ตลาดนัด และมีอาหาร
ขายกินกันตายได้ อาหารพื้นๆ ก็คือเฝอ แต่จะเป็นเฝอเนื้อควาย เอ้าเนื้อควายก็เนื้อควาย
เวลาหิวกินได้ทั้งนั้นแหละครับ


บันทึกการเข้า
NAVARAT.C
หนุมาน
********
ตอบ: 11307


ความคิดเห็นที่ 162  เมื่อ 22 ก.พ. 18, 07:07

ขอบพระคุณครับ ดึกดื่นแล้วท่านยังอุตส่าห์มาตอบกระทู้
 
ภาพนี้น่าสนใจ  รอยบาดแผลที่ปรากฏบนภูเขาไม่ได้เกิดจากใครมาระเบิดหิน หรือทำเหมืองลูกรังไปขายผู้รับเหมาทำถนน แต่เป็นการถล่มของดิน (landslide) ตามธรรมชาติ เมื่อปีใดเกิดฝนตกหนักผิดปกติ

แสดงว่าเนื้อดินบนเขาแถบนี้เป็นดินลูกรัง มิน่าจึงไม่มีไม้ใหญ่ๆมากนัก แต่ต้นไม้ใหญ่จะมาขึ้นเป็นป่าดิบในบริเวณหุบเขา ซึ่งเป็นที่สะสมของตะกอนดินอันเป็นโอชะของพืช รวมถึงบริเวณที่ราบชายเขาที่กลายมาเป็นไร่นาสวนของชาวบ้านด้วย

ท่านโชคดีที่ได้ไปที่นั่นในปีนั้น เพราะฝนที่ตกขนาดเกิดดินถล่มคงไม่ได้มีทุกปีขอรับ


บันทึกการเข้า
NAVARAT.C
หนุมาน
********
ตอบ: 11307


ความคิดเห็นที่ 163  เมื่อ 22 ก.พ. 18, 08:44

ไม่แน่ใจว่า บริเวณที่สมัยนี้เต็มไปด้วยรีสอร์ทตรงจุดที่ผมวงกลมไว้ จะเป็นที่ตั้งค่ายกองทหารไทยในสมัยโน้นหรือไม่ครับ


คลิกที่รูปเพื่อขยาย/ย่อ
บันทึกการเข้า
cinephile
อสุรผัด
*
ตอบ: 0


ความคิดเห็นที่ 164  เมื่อ 22 ก.พ. 18, 10:06

แม่นแล้วล่ะครับ ค่ายเมืองงอยของพระนายไวยฯ จริงๆ ด้วย
ภาพนี้ถ่ายจาก resort ริมแม่น้ำอูครับ จะเห็นเกาะในแม่น้ำอู
ชัดเจนครับ


บันทึกการเข้า
หน้า: 1 ... 9 10 [11] 12 13 ... 19
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by SMF 1.1.21 | SMF © 2006, Simple Machines
Simple Audio Video Embedder

XHTML | CSS | Aero79 design by Bloc หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.054 วินาที กับ 20 คำสั่ง