เรือนไทย
ยินดีต้อนรับ ท่านผู้มาเยือน
กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
ส่งอีเมล์ยืนยันการใช้งาน?
ข่าว: การแนบไฟล์ กรุณาใช้ชื่อไฟล์ภาษาอังกฤษเท่านั้นครับ
หน้า: 1 2 [3] 4 5 ... 19
  พิมพ์  
อ่าน: 21925 ตามหารูปสมัยรบฮ่อ
cinephile
อสุรผัด
*
ตอบ: 0


ความคิดเห็นที่ 30  เมื่อ 17 ก.พ. 18, 20:52

พระเอกนางเอกของผมมีหลายคนครับ พระนายไวยฯ ท่านเป็นแต่เพียงแม่ทัพที่พระเอกคนหนึ่ง
สังกัดอยู่ครับ ส่วนนางเอกก็มีหลายคนขึ้นอยู่ว่าเป็นส่วนไหนของเรื่องครับ
รศ.112 มันไม่ใช่แต่การรบที่ปากน้ำครับ ฝรั่งเศสโจมตีเราหลายแห่งครับ จาก
หัวพันห้าทั้งหกในกรณีบางเบียง หลวงพระบาง ลงไปถึงกรณีพระยอดเมืองขวางกับกรอสกุแรง แล้วกรณี
เขาบันไดแก้ว แล้วมีกรณีเชียงแตง และท้ายสุดคือกรณีปากน้ำ
แต่ละอันก็มีพระเอกนางเอกครับ
ส่วนใหญ่พระเอกนางเอกของผมไม่มีตัวตนครับ แต่งขึ้นมาเองอย่างแม่พลอยในสี่แผ่นดินครับ
ที่มีตัวตนผมก็พยายามเลี่ยงเพื่อไม่ให้เกิดปัญหา เช่นนางเอกของผมเดิมทีเป็นลูกสาวของเจ้าพระยาโชฎึกราชเศรษฐี
ก็ต้องเปลี่ยนเพราะเกรงใจลูกหลานของท่าน แต่บางท่านผมจำเป็นจะต้องใช้ตัวจริงในนิยายของผมเช่น กสร.กุหลาบ กับเทียนวรรณ
ย้งหารูปชัดๆของคุณกุหลาบไม่ได้ บางทีคุณมนันยา อาจจะมี
คุณหญิงรู้จักคุณมนันทยาไหมครับ
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33584

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 31  เมื่อ 17 ก.พ. 18, 21:04

รู้จักคุณมนันยาดีค่ะ
รูปนายกุหลาบ ที่ชัดที่สุดเห็นจะมีได้แค่นี้ค่ะ
บางทีคุณเพ็ญชมพูหรือท่านอื่นๆอาจจะมีชัดกว่านี้


บันทึกการเข้า
cinephile
อสุรผัด
*
ตอบ: 0


ความคิดเห็นที่ 32  เมื่อ 17 ก.พ. 18, 21:10

คุณมนันยาแกเป็นหลานปู่หรือหลานทวดของคุณกุหลาบก็อาจจะมีนะครับ
รูที่คุณหญิงให้มาผมมีแล้วครับ ขอบคุณมากครับ
อัอ ได้ข่าวจากในวังว่า902 ได้เด็จลงมานั่งรถ golf ได้แล้วนะครับ
บันทึกการเข้า
เพ็ญชมพู
หนุมาน
********
ตอบ: 12600



ความคิดเห็นที่ 33  เมื่อ 17 ก.พ. 18, 21:17

ภาพ ก.ศ.ร.กุหลาบ และ ก.ห.ชาย จากสยามประเภท เล่ม ๒


บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33584

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 34  เมื่อ 17 ก.พ. 18, 21:24

ดิฉันจะติดต่อ ถามพี่มนันยาให้ค่ะ  เธอย้ายไปอยู่ต่างจังหวัดหลายปีแล้ว  ไม่ทราบว่าขนรูปคุณทวดไปด้วยหรือเปล่า
แต่จะสอบถามให้โดยเร็วค่ะ

อัอ ได้ข่าวจากในวังว่า902 ได้เด็จลงมานั่งรถ golf ได้แล้วนะครับ
นับเป็นข่าวมหามงคล ก่อความปีติอย่างที่สุด  
กราบขอบพระคุณท่าน cinephile อย่างยิ่งค่ะ

ป.ล.ขออนุญาตใช้ศัพท์ธรรมดากับท่านนะคะ  ถ้าหากว่าใช้ศัพท์ไม่ธรรมดา  เกรงว่าสมาชิกอื่นๆจะหายตัว  ไม่กล้าเข้ามาร่วมวงกันหมดค่ะ  ข้อมูลที่จะได้มาเพิ่มเติมก็จะพลอยหายไปด้วย
บันทึกการเข้า
เพ็ญชมพู
หนุมาน
********
ตอบ: 12600



ความคิดเห็นที่ 35  เมื่อ 18 ก.พ. 18, 07:45

เรื่องราวการปราบฮ่อเมื่อ ร.ศ. ๑๐๔ เคยนำมาสร้างเป็นภาพยนตร์ครั้งแรกในชื่อเรื่อง "ปักธงไชย" เป็นภาพยนตร์ไทยอิงประวัติศาสตร์ ระบบ ๓๕ มม.ไวด์สกรีน สีอีสต์แมน (โกดั๊กโครม) เสียงพากย์ในภาพยนตร์เป็นของบริษัทละโว้ภาพยนตร์ บทพระนิพนธ์, บทภาพยนตร์และลำดับภาพโดย พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอนุสรมงคลการ (ล.อัศวดารา) บันทึกเสียงโดย หม่อมเจ้าชาตรีเฉลิม ยุคล อำนวยการสร้างและกำกับการแสดงโดย หม่อมอุบล ยุคล ณ อยุธยา นำแสดงโดย รัตนาภรณ์ อินทรกำแหง และ สมยศ อินทรกำแหง ออกฉายครั้งแรกปลายปี พ.ศ. ๒๕๐๐ ที่โรงภาพยนตร์ศาลาเฉลิมกรุง ในช่วงต้อนรับปีใหม่ พ.ศ. ๒๕๐๑

ภาพยนตร์ดังกล่าวใช้เหตุการณ์สงครามปราบฮ่อ สมัยรัชกาลที่ ๕ ในปี พ.ศ. ๒๔๒๘ ซึ่งมีน้อยเรื่องที่นำมาใช้เป็นฉากหลักของภาพยนตร์ เนื้อหาว่าด้วยความพยายามของร้อยตรีเต็มและทหารในบังคับบัญชาในการเดินทางจากกองบัญชาการทหารไทยที่เมืองซ่อน เพื่อส่งเสบียง กระสุนปืน และเวชภัณฑ์ ให้แก่ค่ายทหารไทยที่เมืองได ซึ่งกำลังขาดแคลนเสบียงเหล่านี้อย่างมาก โดยจะต้องปิดเป็นความลับมิให้ฝ่ายจีนฮ่อล่วงรู้ เพราะหากความแตก ค่ายทหารไทยที่เมืองไดจะถูกบุกโจมตีจนพ่ายแพ้ในที่สุด

https://th.wikipedia.org/wiki/ปักธงไชย

บันทึกการเข้า
ninpaat
ชมพูพาน
***
ตอบ: 167


ความคิดเห็นที่ 36  เมื่อ 18 ก.พ. 18, 07:51


อัอ ได้ข่าวจากในวังว่า902 ได้เด็จลงมานั่งรถ golf ได้แล้วนะครับ

นับเป็นข่าวมหามงคล ก่อความปีติอย่างที่สุด 
กราบขอบพระคุณท่าน cinephile อย่างยิ่งค่ะ

ป.ล.ขออนุญาตใช้ศัพท์ธรรมดากับท่านนะคะ  ถ้าหากว่าใช้ศัพท์ไม่ธรรมดา  เกรงว่าสมาชิกอื่นๆจะหายตัว  ไม่กล้าเข้ามาร่วมวงกันหมดค่ะ  ข้อมูลที่จะได้มาเพิ่มเติมก็จะพลอยหายไปด้วย

ผมขอร่วมกราบขอบพระคุณท่าน cinephile เป็นอย่างสูง
ที่กรุณานำข่าวดีนี้ มาแจ้งให้สมาชิกเรือนไทยทุกท่านได้ทราบครับ

ดีใจจริงๆครับ

บันทึกการเข้า
NAVARAT.C
หนุมาน
********
ตอบ: 11307


ความคิดเห็นที่ 37  เมื่อ 18 ก.พ. 18, 09:12

ขอขอบพระคุณในข่าวดีของท่านด้วยคนหนึ่งครับ
พร้อมกันนี้ขอส่งการบ้าน เป็นภาพถ่ายของ ก.ส.ร.กุหลาบ ผมขอมาจากหลานทวดของท่านเมื่อคืน เธอส่งมาให้ ๒ รูป อีกรูปหนึ่งก็ที่คุณเพ็ญชมพูมาลงไว้แล้ว แต่ภาพนี้ยังไม่มีการเผยแพร่ในอินเทอเน็ทแน่นอน

นายกุหลาบ เมื่อบวชเป็นภิกษุที่วัดพระเชตุพล สมเด็จพระมหาสมณเจ้ากรมพระปรมานุชิตชิโนรส อุปัชฌาย์ ทรงตั้งฉายาประทานให้ว่า เกสโร ซึ่งเป็นภาษาบาลีที่ไม่มีตัว ศ.ศาลา มีแต่ ส. เสือ อันเป็นที่มาของนามปากกา ก.ส.ร. แต่ไม่ทราบด้วยเหตุใดจึงกลายเป็น ก.ศ.ร. ไป


บันทึกการเข้า
NAVARAT.C
หนุมาน
********
ตอบ: 11307


ความคิดเห็นที่ 38  เมื่อ 18 ก.พ. 18, 09:13

เสียดายที่คุณภาพของรูปนี้ไม่ดีเท่าไหร่ พยายามแต่งเต็มที่แล้วได้เท่านี้ครับ


บันทึกการเข้า
NAVARAT.C
หนุมาน
********
ตอบ: 11307


ความคิดเห็นที่ 39  เมื่อ 18 ก.พ. 18, 09:32

เราก็คงต้องลุ้นกันว่าท่าน cinephile จะใส่บท ให้ ก.ส.ร.กุหลาบช่วงไหนอย่างไร  แต่ก.ส.ร.กุหลาบดังขึ้นมาก็เพราะได้พิมพ์พงศาวดารเมืองสุโขทัย เล่าจนถึงตอนเสียกรุงศรีอยุธยาว่า พระเจ้าแผ่นดินที่ครองราชย์ทรงพระนามว่า พระปิ่นเกษมีพระราชโอรสทรงพระนามว่าพระจุลปิ่นเกศ ไม่มีความสามารถที่จะรักษาบ้านเมืองไว้ได้จึงเสียเมืองแก่พม่า เป็นการกระทบเบื้องพระยุคลบาทจากการที่สยามต้องเสียดินแดนริมฝั่งซ้ายของแม่น้ำโขงให้ฝรั่งเศสในร.ศ. ๑๑๒  จึงโปรดเกล้าให้เอาตัวไปขังไว้ที่โรงพยาบาลบ้าเสีย ๗ วัน และปล่อยออกมา

ส่วน Timeline ในเรื่องศึกฮ่อที่กลายมาเป็นศึกฝรั่งเศสนี้ กินเวลาเกือบสิบปี หนังของท่านคงจะยาวหลายตอน

พ.ศ. ๒๔๑๘ เกิดศึกฮ่อครั้งแรกที่เมืองหนองคาย และหลวงพระบาง  พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวโปรดเกล้าฯ ให้เจ้าพระยามหาอำมาตย์ (ชื่น กัลยาณมิตร) จัดส่งกองทัพจากกรุงเทพขึ้นไปปราบ

พ.ศ. ๒๔๒๖ ฮ่อยกกำลังมารุกรานเมืองหลวงพระบางอีก  โปรดให้พระยาพิชัย (มิ่ง) พระยาสุโขทัย (ครุธ) คุมกำลังไปช่วยก่อน แล้วให้พระยาราชวรานุกูล (เอก บุญยรัตนพันธุ์) เป็นแม่ทัพยกตามไป  ทั้งสองฝ่ายยันกันอยู่สองปี ทัพสยามจึงได้ถอนกำลัง กลับมายังเมืองหนองคาย เนื่องจากขาดเสบียงอาหาร  และแม่ทัพคือพระยาราชวรากูลถูกฮ่อยิงบาดเจ็บ

พ.ศ. ๒๔๒๘  โปรดเกล้าให้กรมทหารที่ได้รับการฝึกหัดตามแบบยุโรปขึ้นไปปราบฮ่อ  โดยจัดเป็นสองสายคือกองทัพฝ่ายใต้กรมหมื่นประจักษ์ศิลปาคมทรงเป็นแม่ทัพ ยกขึ้นไปตั้งกองบัญชาการที่เมืองหนองคาย และกองทัพฝ่ายเหนือ นายพันเอก เจ้าหมื่นไวยวรนาถ (เจิม แสง-ชูโต) เป็นแม่ทัพยกไปตั้งค่ายในแคว้นหัวพันห้าทั้งหก  ทำให้ถูกฝรั่งเศสกล่าวหาว่าไทยรุกล้ำเข้าไปในดินแดนของลาวส่วนที่เป็นของญวน  ซึ่งฝรั่งเศสกำลังจัดการปกครองอยู่  

พ.ศ.๒๔๓๐ ไทยกับฝรั่งเศสได้เจรจาเรื่องปัญหาเขตแดนระหว่างกัน  โดยตั้งกรรมการผสม โดยมี ม.ปาวี ไวซ์กงสุล ประจำเมืองหลวงพระบาง เป็นหัวหน้าคณะ ฝ่ายไทยมีนายแมคคาธีย์ วิศวกรชาวอังกฤษที่รัฐบาลจ้างมา ออกทำการสำรวจภูมิประเทศชายแดน และทำแผนที่

พ.ศ.๒๔๓๑ ม.ปาวีเข้าพบแม่ทัพไทย ขอให้ถอยออกไปให้พ้นเขตสิบสองจุไท และหัวพันทั้งห้าทั้งหก  ซึ่งเป็นเมืองขึ้นของญวน แต่เจ้าหมื่นไวยวรนาถปฏิเสธ  โดยได้ยืนยันสิทธิและอำนาจของสยาม เหนือดินแดนดังกล่าว และแจ้งว่าพร้อมที่จะรบหากฝรั่งเศสใช้กำลัง  แต่จะไม่ยอมถอนทหาร จนกว่าจะได้รับคำสั่งจากรัฐบาลที่กรุงเทพ
ในที่สุด นายพันตรี เปนเนอแกง ผู้บังคับการทหารฝรั่งเศสในแคว้นสิบสองปันนา  ได้ทำสัญญากับพระยาสุรศักดิ์มนตรี เมื่อวันที่ ๒๓ ธันวาคม สรุปความได้ว่าในระหว่างที่รัฐบาลทั้งสองฝ่ายยังไม่ได้ข้อตกลงกัน  ทหารฝรั่งเศสจะตั้งอยู่ในสิบสองจุไท ทหารสยามจะตั้งอยู่ในหัวพันทั้งห้าทั้งหก และเมืองพวน ต่างฝ่ายต่างจะไม่ล่วงเข้าไปในเขตซึ่งกันและกัน ส่วนที่เมืองแถงนั้นทหารสยามและทหารฝรั่งเศส จะตั้งรักษาอยู่ด้วยกันจนกว่ารัฐบาลทั้งสองฝ่ายจะตกลงกัน รวมทั้งจะช่วยกันปราบฮ่อที่เป็นโจรผู้ร้ายอยู่ตามแนวชายแดนให้สงบ
๒๓ มกราคม พ.ศ.๒๔๓๑ เจ้าหมื่นไวยวรนาถถอนทัพกลับกรุงเทพ

พ.ศ.๒๔๓๒ ม.ปาวี ได้รับแต่งตั้งให้เป็นไวซ์กงสุลฝรั่งเศสประจำกรุงเทพ ฯ เพื่อติดตามเรียกร้องดินแดนที่ว่า

พ.ศ.๒๔๓๔  โปรดเกล้าให้รวมหัวเมืองฝ่ายเหนือ รวมทั้งลาว และจัดแบ่งออกเป็นภาค ๆ โดยมีข้าหลวงไปประจำรักษาเป็นภาคๆ  วันที่๓๐ พฤศจิกายน ม. มาสซี เจ้าหน้าที่สถานกงสุลฝรั่งเศสเมืองหลวงพระบางฆ่าตัวตาย ฝรั่งเศสกล่าวหาว่าถูกคนไทยบีบคั้น

พ.ศ.๒๔๓๕ วันที่ ๔ กุมภาพันธ์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรฝรั่งเศสชื่อ ม.เดอลองดล์ ได้เสนอญัตติต่อรัฐสภา ให้รัฐบาลฝรั่งเศสใช้กำลังกับไทยในปัญหาดินแดน ซึ่งเคยเป็นของญวนและเขมร  โดยให้เอามรณกรรมของ ม.มาสซี มาใช้เป็นข้ออ้าง รัฐสภาฝรั่งเศสผ่านความเห็นชอบ และให้รัฐบาลรับดำเนินการต่อไป

วันที่ ๒ มีนาคม หนังสือพิมพ์ เดลินิวส์ของอังกฤษ ได้เสนอข่าวว่า กรณีพิพาทเรื่องเขตแดนฝั่งซ้ายของลำน้ำโขง ระหว่างไทยกับฝรั่งเศสนั้น รัฐบาลฝรั่งเศสไม่ยอมให้มหาประเทศที่เป็นกลางตัดสิน และทางฝรั่งเศสได้มีคำสั่งไปยังราชฑูตฝรั่งเศสประจำกรุงเทพให้แจ้งต่อรัฐบาลไทยให้ทราบว่า ไม่ยอมให้ผู้ใดล่วงล้ำเขามาย่ำยีเขตแดนฝั่งซ้ายลำน้ำโขงอีกต่อไป  ถือว่าดินแดนฝั่งซ้ายแม่น้ำโขงเป็นของฝรั่งเศสแล้ว และได้สั่งให้ราชฑูตจัดการให้สำเร็จจนได้
เพื่อให้มีอำนาจสมบูรณ์ขึ้น ม.ปาวี ได้เลื่อนฐานะเป็นราชฑูตฝรั่งเศสประจำกรุงเทพ ฯ เมื่อเดือนมิถุนายน  จากนั้นฝรั่งเศสได้ยกกำลังทหารเข้ามาประชิดฝั่งซ้ายของแม่น้ำโขง

พ.ศ. ๒๔๓๖ วันที่ ๒๖ พฤษภาคม เกิดเหตุการณ์พระยอดเมืองขวาง  ต่อมาในวันที่ ๑๓ กรกฎาคม  ฝรั่งเศสส่งเรือลูแตงเข้ามากรุงเทพ เริ่มต้นการนำไปสู่การรบที่ปากน้ำอันเป็นที่สุดของกรณีย์พิพาท ร.ศ. ๑๑๒


บันทึกการเข้า
NAVARAT.C
หนุมาน
********
ตอบ: 11307


ความคิดเห็นที่ 40  เมื่อ 18 ก.พ. 18, 09:44

พอไหวไหมครับ


บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33584

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 41  เมื่อ 18 ก.พ. 18, 10:03

พี่มนันยามีรูปเดียวกันกับที่คุณ NAVARAT.C หามาให้ค่ะ
บันทึกการเข้า
เพ็ญชมพู
หนุมาน
********
ตอบ: 12600



ความคิดเห็นที่ 42  เมื่อ 18 ก.พ. 18, 10:08

ก.ส.ร.กุหลาบดังขึ้นมาก็เพราะได้พิมพ์พงศาวดารเมืองสุโขทัย เล่าจนถึงตอนเสียกรุงศรีอยุธยาว่า พระเจ้าแผ่นดินที่ครองราชย์ทรงพระนามว่า พระปิ่นเกษมีพระราชโอรสทรงพระนามว่าพระจุลปิ่นเกศ ไม่มีความสามารถที่จะรักษาบ้านเมืองไว้ได้จึงเสียเมืองแก่พม่า เป็นการกระทบเบื้องพระยุคลบาทจากการที่สยามต้องเสียดินแดนริมฝั่งซ้ายของแม่น้ำโขงให้ฝรั่งเศสในร.ศ. ๑๑๒  จึงโปรดเกล้าให้เอาตัวไปขังไว้ที่โรงพยาบาลบ้าเสีย ๗ วัน และปล่อยออกมา

เรื่องนี้คุณหลวงเล็กเคยทำให้ข้อมูลกระจ่างขึ้นครั้งหนึ่งแล้ว

สวนดุสิต

มีพระบรมราชโองการดำรัสเหนือเกล้าฯ สั่งว่า  ....จนในที่สุดนี้บังอาจแต่งความโกหกลงในหนังสือสยามประเภทว่า   มีบาญชีพระนามเจ้าแผ่นดินครั้งกรุงศุโขทัยทุกพระองค์   ไม่มีเหตุอันใดซึ่งเกี่ยวข้องแก่เรื่องที่ตั้งขึ้น   จะกล่าวแลไม่มีผู้ใดไต่ถามบังอาจกล่าวคำโกหกว่าพระเจ้าแผ่นดินที่สุดวงษ์สุโขทัยทรงพระนามว่าพระจุลปิ่นเกษ   เหตุด้วยแต่ก่อนได้โกหกไว้ว่า   เจ้าแผ่นดินสุโขทัยองค์หนึ่งชื่อพระปิ่นเกษ   ที่ให้มีจุลปิ่นเกษขึ้นนั้นด้วยหวังจะเทียบพระจอมเกล้าแลพระจุลจอมเกล้า   หมายความเปนเทียบว่าเหมือนเปนที่สุดวงษ์ด้วยกัน ....

แต่ทรงพระราชดำริห์ว่า   นายกุหลาบก็เปนคนมีอายุมากนับว่าชราอยู่แล้ว   แลความฟุ้งส้านเดิมของอัทยาศรัยนายกุหลาบใกล้ไปข้างทางเสียจริตนั้น   ก็ย่อมปรากฏอยู่แล้ว   การที่แต่งถ้อยคำฟุ้งส้านหนักขึ้นครั้งนี้จะเปนด้วยความเสียจริตนั้นกล้าขึ้นก็ได้   จึงดำรัสสั่งให้พระยาอินทราธิบดีสีหราชรองเมืองจับตัวนายกุหลาบไปส่งโรงพยาบาลคนเสียจริตไปคุมขังไว้กว่าจะสิ้นพยศเปนปรกติ

มีพระบรมราชโองการดำรัสสั่งแต่วันที่  ๘  กันยายน  รัตนโกสินทร ศก ๑๒๕

สยามินทร


พระราชหัตถเลขาฉบับต่อมา  ซึ่งเกี่ยวเนื่องกัน

ที่ ๒๘/๑๐๐๕
พระที่นั่งไอสวรรค์ทิพยอาศน์  เกาะบางปอิน
วันที่ ๑๓ ตุลาคม รัตนโกสินทร ศก ๑๒๕

ถึง  กรมหลวงนเรศรวรฤทธิ์

ด้วยได้รับหนังสือมีมาที่กรมขุนสมมตอมรพันธ์  ที่  ๑๗๐/๙๗๐๕  ลงวันที่  ๑๐  ตุลาคม  ส่งเรื่องราวนายกุหลาบขอความกรุณาพ้นจากการคุมขังที่โรงพยาบาลเสียจริตมานั้น   ได้ตรวจดูแล้ว
เห็นว่าเรื่องราวไม่ฟุ้งส้าน   ค่อยสงบระงับลงแล้ว   ยอมเชื่อทานบล  ให้ปล่อยตัวไป  เมื่อไปฟุ้งส้านอีก  ก็จะต้องรักษากันอีก

สยามินทร

จากพระราชหัตถเลขา ๒ ฉบับข้างต้น  เท่ายืนยันได้ว่า  นายกุหลาบถูกคุมขังที่โรงพยาบาลเสียจริต จากกรณีที่เขียนเรื่องพระปิ่นเกษและพระจุลปิ่นเกษ เมื่อ ร.ศ. ๑๒๕  เป็นเวลานาน ๑ เดือนเศษ  (๓๓ วัน)  ไม่ใช่ ๗ วันตามที่เคยว่าตามกันมา

จากข้อมูลของคุณหลวงเล็กที่กรุณาค้นหามาแสดง ทำให้เราทราบว่าพระนิพนธ์สมเด็จเด็จกรมพระยาดำรงราชานุภาพตอนนี้มีความคลาดเคลื่อนอยู่ ๒ ประการคือ

๑. ในสยามประเภท พระจุลปิ่นเกษไม่ใช่พระราชโอรสของพระปิ่นเกษ แต่เป็นกษัตริย์องค์สุดท้ายของสุโขทัย

๒. ก.ศ.ร.กุหลาบ ถูกคุมขังที่โรงพยาบาลเสียจริตเป็นเวลา ๓๓ วัน ไม่ใช่ ๗ วัน

เรื่องผิดพลาดในการเขียนประวัติศาสตร์เกิดขึ้นได้เสมอ ทั้งโดยตั้งใจและไม่ตั้งใจ
บันทึกการเข้า
NAVARAT.C
หนุมาน
********
ตอบ: 11307


ความคิดเห็นที่ 43  เมื่อ 18 ก.พ. 18, 10:24

อ้างถึง
จากพระราชหัตถเลขา ๒ ฉบับข้างต้น  เท่ายืนยันได้ว่า  นายกุหลาบถูกคุมขังที่โรงพยาบาลเสียจริต จากกรณีที่เขียนเรื่องพระปิ่นเกษและพระจุลปิ่นเกษ เมื่อ ร.ศ. ๑๒๕  เป็นเวลานาน ๑ เดือนเศษ  (๓๓ วัน)  ไม่ใช่ ๗ วันตามที่เคยว่าตามกันมา

ถ้าเช่นนั้นก็คงไม่น่าจะนับเนื่องกับเหตุการณ์ใน ร.ศ. ๑๑๒
บันทึกการเข้า
NAVARAT.C
หนุมาน
********
ตอบ: 11307


ความคิดเห็นที่ 44  เมื่อ 18 ก.พ. 18, 11:41

สิ่งที่ผมกำลังตามหาคือรูปถ่ายที่มีอยู่ในประวัติของเจ้าพระยาสุรศักดิ์มนตรี เช่นรูปของค่ายเมืองซ่อน ค่ายของพระยาว่านที่ห้วยห้อม ภาพของพระศรีสุมังฯ ฯลฯ. ไม่รู้ว่ามีใครมีบ้างหรือเปล่าครับ
Cinephile  `

ภาพค่ายของฝ่ายไทย ท่านก็มีแล้ว ผมขอส่งภาพค่ายพวกฮ่อก็แล้วกัน ภาพขวานั้นมาจากฝรั่งเศส แต่ภาพซ้าย แม้จะเป็นเหตุการณ์ในพม่าที่อังกฤษขนกำลังรบจากอินเดียไปตามปราบพวกทหารแตกทัพพม่า(Dacoit) ที่รวมกำลังกันทำสงครามกองโจรกับอังกฤษหลังมัณฑเลย์แตก แต่ก็ถือว่าร่วมสมัยในอุษาคเนย์


คลิกที่รูปเพื่อขยาย/ย่อ
บันทึกการเข้า
หน้า: 1 2 [3] 4 5 ... 19
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by SMF 1.1.21 | SMF © 2006, Simple Machines
Simple Audio Video Embedder

XHTML | CSS | Aero79 design by Bloc หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.078 วินาที กับ 20 คำสั่ง