เรือนไทย
ยินดีต้อนรับ ท่านผู้มาเยือน
กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
ส่งอีเมล์ยืนยันการใช้งาน?
ข่าว: การแนบไฟล์ กรุณาใช้ชื่อไฟล์ภาษาอังกฤษเท่านั้นครับ
หน้า: 1 [2] 3 4 ... 19
  พิมพ์  
อ่าน: 21773 ตามหารูปสมัยรบฮ่อ
NAVARAT.C
หนุมาน
********
ตอบ: 11307


ความคิดเห็นที่ 15  เมื่อ 17 ก.พ. 18, 10:57

ปืนแกตลิ่ง ( Gatling Gun) ๒ กระบอกที่บรรทุกหลังช้างไปนั้น ของจริงต้องเป็นโมเดลนี้นะครับ


คลิกที่รูปเพื่อขยาย/ย่อ
บันทึกการเข้า
NAVARAT.C
หนุมาน
********
ตอบ: 11307


ความคิดเห็นที่ 16  เมื่อ 17 ก.พ. 18, 11:23

ภาพพระศรีสุมังเจ้าเมืองซ่อน ยังหาไม่เจอครับ เจอแต่พระปทุมเทวาภิบาล (เคน) เจ้าเมืองหนองคายร่วมสมัย


ในปี ๒๔๒๐ พวกฮ่อได้ยกกองทัพเข้าตีเมืองเวียงจันทน์ได้ แล้วสะสมเสบียงอาหารจะเข้าตีเหมืองหนองคาย  ขณะนั้นพระปทุมเทวาภิบาล (เคน) เจ้าเมืองหนองคายไม่อยู่ ได้มอบให้ ท้าวจันทร์ศรีสุราช รักษาเมืองแทน  พอได้รับข่าวศึกก็มิได้คิดสู้รบ ราษฎรพากันอพยพหนีออกจากเมือง  ทำให้พวกฮ่อยกกองทัพเข้าเมืองหนองคายได้โดยง่าย   แต่ท้าวจันทน์ศรีสุราช ได้พาครอบครัวหนีไปอยู่บ้านสามพร้าว จังหวัดอุดรธานีก่อนหน้า  และพระยาพิไสยสรเดช (หนู) เจ้าเมืองโพนพิสัยพร้อมด้วยกรมการเมืองก็พาราษฎรหนีออกจากเมืองไปเช่นเดียวกัน

เมื่อพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงทราบข่าวศึกฮ่อยกกองทัพเข้ามาตีเมืองหนองคาย จึงทรงมีพระบรมราชโองการ ให้พระยามหาอำมาตย์ซึ่งได้รับมอบหมายให้ไปปราบฮ่อที่เมืองอุบลราชธานีอยู่แล้ว ยกกองทัพเข้าเมืองหนองคาย พวกฮ่อรู้ข่าวก็หนีข้ามโขงกลับไปตั้งหลักที่เวียงจันทน์  พระยามหาอำมาตย์สั่งให้จับท้าวจันทน์ศรีสุราช กับ พระยาพิไสยสรเดช มาประหารชีวิตเสียทั้งคู่

จากนั้น  จึงได้เกณฑ์กำลังจากเมืองนครพนม มุกดาหาร เขมราฐ นครราชสีมา และร้อยเอ็ด มาสมทบกันที่เมืองหนองคาย แล้วยกกองทัพข้ามแม่น้ำไปตีพวกฮ่อจนถึงเมืองเวียงจันทน์ พวกฮ่อพ่ายแพ้  พระปทุมเทวาภิบาล เจ้าเมืองหนองคายซึ่งร่วมทัพไปรบครั้งนี้ด้วยได้เลือนขึ้นเป็น พระยาวุฒาธิคุณ



บันทึกการเข้า
siamese
หนุมาน
********
ตอบ: 7165


หนุ่มรัตนะกับภูเขาทอง


ความคิดเห็นที่ 17  เมื่อ 17 ก.พ. 18, 12:53

ภาพบรรยากาศตลาดเมืองหลวงพระบาง พุทธศักราช 2428


บันทึกการเข้า
siamese
หนุมาน
********
ตอบ: 7165


หนุ่มรัตนะกับภูเขาทอง


ความคิดเห็นที่ 18  เมื่อ 17 ก.พ. 18, 12:55

ภาพคำกุยและคำลา บุตรของเจ้าไล พร้อมกับกลุ่มธงดำ ในสงครามปราบฮ่อ


บันทึกการเข้า
siamese
หนุมาน
********
ตอบ: 7165


หนุ่มรัตนะกับภูเขาทอง


ความคิดเห็นที่ 19  เมื่อ 17 ก.พ. 18, 12:59

ภาพบรรยากาศเมืองซ่อน ในระหว่างวันเฉลิมพระชนม์พรรษาในหลวงรัชกาลที่ 5 (20 กันยายน)


บันทึกการเข้า
siamese
หนุมาน
********
ตอบ: 7165


หนุ่มรัตนะกับภูเขาทอง


ความคิดเห็นที่ 20  เมื่อ 17 ก.พ. 18, 13:00

ท้าวฉิพเพี้ย กรมการเมืองสบแอด


บันทึกการเข้า
siamese
หนุมาน
********
ตอบ: 7165


หนุ่มรัตนะกับภูเขาทอง


ความคิดเห็นที่ 21  เมื่อ 17 ก.พ. 18, 13:08

การศึกฮ่อ ครั้งที่ 3 พ.ศ. 2428
ครั้นถึงวันอังคาร เดือน ๔ ขึ้น ๕ ค่ำ ปีระกา เวลา ๓ โมงเช้า เจ้าหมื่นไวยวรนาถยกกองทัพ ๒,๕๐๐ คนออกจากเมืองหลวงพระบาง เดินทางยกไป ๑๐ วัน ข้ามลำน้ำอูไปถึงที่พักเมืองงอย เห็นทางดินทัพกันดาร เจ้าหมื่นไวยวรนาถ ปรึกษากับพระยาศุโขไทย และเจ้าราชวงศ์เมืองหลวงพระบางเห็นพ้องกันว่า จะรีบยกกองทัพขึ้นไปเมืองซ่อนทั้งหมด เสบียงอาหารคงส่งไม่ทั้น จะตั้งอยู่เมืองงอยให้เสบียงอาหารพร้อมก็จะช้าไป
- แม่ทัพจึงแบ่งทหารหัวเมืองให้พระยาศุโขไทยกับนายพันตรี พระพาหนพลพยุหเสนา (กิ่ม) คุมพลอยู่เมืองงอยกองหนึ่ง เพื่อจะได้ลำเลียงเสบียงส่งไป
- แต่งตั้งให้เจ้าราชวงศ์คุมไพร่พลยกไปตั้งมั่นอยู่ตำบลสบซาง คอยรับเสบียงที่จะส่งไปเมืองเมืองซ่อนอีกกองหนึ่ง
- ฝ่ายแม่ทัพกับนายจ่ายวดและไพร่พลทหารกรุงเทพฯ จะรีบยกไปยังเมืองซ่อน
ครั้นแล้ววันอังคาร เดือน ๔ แรม ๑๑ ค่ำ เจ้าหมื่นไวยวรนาถและนายทัพนายกอง กับทหารหัวเมืองเข้าสมทบกันที่เมืองงอย แล้วจึงยกจากเมืองงอย ข้ามห้วยธารเทือกเขาไป ๑๓ วัน ถึงเมืองซ่อน วันเสาร์ เดือน ๕ ขึ้น ๗ ค่ำ ปีจอยังเป็นสัปตศก
หาข่าว
.
เมื่อกองทัพตั้งมั่นที่เมืองซ่อนแล้ว ได้ความว่าพวกฮ่อได้เข้ามาตั้งค่ายที่
๑.   ตำบลบ้านใด แขวงเมืองสบแอด
๒.   ตำบลบ้านนาป่า แขวงเมืองสบแอด
๓.   ค่ายเมืองพูน
.
เมื่อสืบทราบได้มั่นคงแล้ว แม่ทัพจึงให้นายร้อยเอกหลวงดัษกรปลาศ (อยู่) กับ เจ้าราชภาคินัย คุมทหารกรุงเทพ กับทหารหัวเมืองรวม ๓๐๐ คน ยกไปทางสายตะวันออกเฉียงเหนือไปตีค่ายฮ่อบ้านใดและบ้านนาปา
นายร้อยเอกหลวงจำนงยุทธกิจ (อิ่ม) กับ เจ้าราชวงศ์ คุมทหารกรุงเทพกับทหารหัวเมือง ๔๐๐ คน ยกไปทางสายตะวันออกเฉียงใต้ ตีค่ายฮ่อที่เมืองพูน
อนึ่งในขณะที่ตั้งทัพที่เมืองซ่อนนั้น
หัวพันเมืองพูนได้นำครอบครัวอพยบหนีฮ่อลงมา ๔๐ ครัว รวม ๔๑๘ คน
หัวพันเมืองโสย นำครอบครัวหนีมา ๑๕ ครัว รวม ๑๘๘ คน
หัวเมืองสบแอดนำมา ๔๐ ครอบครัว รวม ๔๙๕ คน
แม่ทัพต้องรับไว้ที่เมืองซ่อนทั้งสิ้น และหยิบยืมที่น่าของราษฎรเมืองให้แบ่งปันทำมาหากิน โคสำหรับกองทัพอันมิใช่สำหรับโคพาหนะ แม่ทัพก็ให้ยืมไว้สำหรับไถนา และให้เจ้าราชวงศ์จัดกระบือส่งขึ้นไปตามสมควร


คลิกที่รูปเพื่อขยาย/ย่อ
บันทึกการเข้า
siamese
หนุมาน
********
ตอบ: 7165


หนุ่มรัตนะกับภูเขาทอง


ความคิดเห็นที่ 22  เมื่อ 17 ก.พ. 18, 13:11

บรรยากาศผู้คนในเมืองไล


บันทึกการเข้า
cinephile
อสุรผัด
*
ตอบ: 0


ความคิดเห็นที่ 23  เมื่อ 17 ก.พ. 18, 16:45

ขอบคุณคุณหญิงกับคุณ navarat.c กับคุณ Siamese มากเลยครับ รูปที่ให้ผมมาส่วนใหญ่ผมจะมีอยู่แล้ว
แต่ไม่ค่อยชัดอย่างที่ post มาครับ อันที่ผมไม่เคยเห็นคือที่คุณหญิง post มาครับ ทั้งรูปพระนายไวยฯ สมัยหนุ่มกับ
รูปท่านผู้หญิงเลื่อม (สงสัยว่าท่านผู้หญิงผู้นี้เป็นคนเดียวกับที่เป็นคดีชู้สาวกับนางเอกละครของเจ้าพระยามหินทรศักดิธำรงค์)
หรือเปล่าครับ ผมจำได้คลับคล้ายคลับคลาต้องกลับไปอ่ายจดหมายเหตุอีกครั้งครับ

ส่วนรูปขปงคุณ Navatat ชัดกว่าที่ผมมีเยอะเลยครับ ขอขอบคุณมากเลยครับ
บันทึกการเข้า
NAVARAT.C
หนุมาน
********
ตอบ: 11307


ความคิดเห็นที่ 24  เมื่อ 17 ก.พ. 18, 16:49

^


บันทึกการเข้า
cinephile
อสุรผัด
*
ตอบ: 0


ความคิดเห็นที่ 25  เมื่อ 17 ก.พ. 18, 17:31

ผมไม่รู้วิธีส่ง file ครับ ลองส่งดูอีกครั้ง จะเป็นรูปของพญาศรีสุมังฯ เจ้าเมืองซ่อนครับ
รูปไม่ค่อยชัดนัก มีใครมีรูปที่ชัดๆ ช่วยหน่อยครับ


บันทึกการเข้า
cinephile
อสุรผัด
*
ตอบ: 0


ความคิดเห็นที่ 26  เมื่อ 17 ก.พ. 18, 17:43

แผนที่ที่คุณ siamese ลงผมเคยเดินทางสำรวจตลอดเส้นทางมาแล้วครับ จากหลวงพระบางไปเมืองงอย
โดยเลาะไปตามแม่น้ำอูกับแม่น้ำงา และจากเมืองงอย ลุยไปเมืองซ่อนโดยผ่านภูฟ้า (รถเกือบตกหน้าผาตาย
แบบเดียวกับที่ช้างของพระนายไวยตกหน้าผานั่นแหละครับ) จากภูฟ้าไปเมืองซ่อนที่พระนายไวยฯ ตั้งฐานทัพ
อยู่ที่นั่น ตามหาห้วยฮ้อมที่กองทัพใช้พวกไพร่ให้แต่งตัวเป็นทหารเพราะทหารจริงๆ ป่วยเป็นไข้ป่า พวกไพร่อาสา
สามารถเอาชนะพวกข่าแจะที่เป็นเจืองลูกน้องของพระยาว่านได้
มาถึงช่วงนี้ผมเกิดสงสัยว่าใครคือเจ้าก่ำที่หลวงทวยหาญฯ พ๕ดถึงครับ
บันทึกการเข้า
cinephile
อสุรผัด
*
ตอบ: 0


ความคิดเห็นที่ 27  เมื่อ 17 ก.พ. 18, 17:53

หลวงทวยหาญเรียกว่าเจ้ากล่ำครับ

๏ แม่ทัพฟังดังไฟมาไหม้สุม    ด้วยไข้รุมทหารรอนลงนอนทั่ว
จึ่งประชุมควาญช้างพวกต่างวัว    ช่วยจับตัวแจะเจืองที่เคืองใจ
รวมได้คนพลอาสาห้าสิบเศษ    ต่างก้มเกศนอบนบสบสมัย
จะขอฆ่าฝ่าฟันให้บรรลัย    มิทันให้พริบตาเวลาเดียว
เลือกนายทัพจับไข้ไม่เป็นส่ำ    ได้เจ้ากล่ำปากกล้าแต่ตาเหมียว
จะให้คุมโยธาคิดบิดเป็นเกลียว    ดูหน้าเซียวถอดสีไม่มีเสบย
ต้องขู่เข็ญเป็นเวลาเข้าตาทัพ    จึ่งจำรับรีบไปมิได้เฉย
แกกลัวงกตกประหม่าก็ลาเลย    ด้วยไม่เคยคิดสู้กับผู้ใด
ถึงค่ายข่าตาตื่นอกตื่นเต้น    แกเข้าเต๊นท์ยิงยัดให้ตัดษัย
จะถูกผิดกิจการสถานใด    ไม่เข้าใจยิงกลุ้มสุ่มตะรัง
เป็นสามวันหวั่นไหวมิได้ลด    ยิงจนหมดลูกดินสิ้นหลายถัง
ข่าก็สู้อยู่ในค่ายมิพ่ายพัง    แกยิ่งสั่งลูกดินส่งให้จงทัน ๚ะ
๏ แม่ทัพแจ้งแคลงใจเห็นไม่จบ    มัวแต่รบนอนเร้นในเต๊นท์มั่น
พอเล็บแจไข้จางสร่างขึ้นพลัน    ก็จัดสรรปืนใหญ่ให้ไปยิง
พอถึงค่ายรายคนเข้าค้นดัก    คอยรบกักกันไว้มิให้วิ่ง
ปืนใหญ่วางกลางเนินบนเผินพิง    พอได้ดิ่งกระตุกปับดังฉับฮุม
แตกทลายกระจายจบศพไม่นับ    บ้างหนีลับหลบไพล่ลงในหลุม
ทหารห้อมล้อมรายเข้าค่ายคุม    ไล่ตะลุมบอนล้างให้วางวาย

น่าจะเป็นน้องชายของเจ้าราชภาคิไนบุนคง ลูกของ เจ้าสุวรรณพรหมา หรือไม่ใช่ก็ไม่รู้
เพราะนิสัยของทั้งสองตรงกันข้ามเลยทีเดีนวครับ คนหนึ่งนักบู๊อักคนขี้ขลาด"ปากกล้าแต่ตาเหมียว"
(แปลว่าอะไรก็ไม่รู้ครับ)
บันทึกการเข้า
cinephile
อสุรผัด
*
ตอบ: 0


ความคิดเห็นที่ 28  เมื่อ 17 ก.พ. 18, 18:05

รูปห้วยฮ้อมครับ
อยากได้ที่เห็นชัดๆ เห็นแม่น้ำแอดที่อยู่ในพื้นหน้ากับภูเขาที่อยู่ใน BG ตรับ


บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33584

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 29  เมื่อ 17 ก.พ. 18, 19:12

อันที่ผมไม่เคยเห็นคือที่คุณหญิง post มาครับ ทั้งรูปพระนายไวยฯ สมัยหนุ่มกับรูปท่านผู้หญิงเลื่อม (สงสัยว่าท่านผู้หญิงผู้นี้เป็นคนเดียวกับที่เป็นคดีชู้สาวกับนางเอกละครของเจ้าพระยามหินทรศักดิธำรงค์)
หรือเปล่าครับ ผมจำได้คลับคล้ายคลับคลาต้องกลับไปอ่ายจดหมายเหตุอีกครั้งครับ

ขออภัย พิมพ์ชื่อท่านผู้หญิงผิดไปค่ะ  ท่านชื่อท่านผู้หญิงเลี่ยม ไม่ใช่ เลื่อม
ท่านผู้หญิงเลี่ยมเป็นธิดาคนที่ 12 ของเจ้าพระยาสุรวงศ์ไวยวัฒน์ (วร บุนนาค) หรือที่คนทั่วไปเรียกว่าเจ้าคุณทหารหรือเจ้าคุณกลาโหม  เกิดจากภรรยาชื่อ ท่านหลี    ท่านผู้หญิงเลี่ยมสมรสกับเจ้าพระยาสุรศักดิ์มนตรี (เจิม แสง-ชูโต) ซึ่งสูงวัยกว่าท่านมาก  แต่ไม่มีบุตรธิดาด้วยกัน ต่อมาได้สมรสกับหลวงพรตพิทยพยัต ผู้ก่อตั้งร.ร.พรตพิทยพยัต   ท่านทั้งสองก็ไม่มีบุตรธิดาเช่นเดียวกัน 
ชีวิตรักของเจ้าพระยาสุรศักดิ์มนตรี ท่านผู้หญิงเลี่ยมและคุณหลวงพรตฯ  เป็นเรื่องที่มีสีสันดราม่ามาก  จนไม่น่าเชื่อว่าเกิดขึ้นได้จริงๆ ในสยามสมัยรัชกาลที่ 5   
เสียดายท่าน cinephile  มีพระเอกนางเอกไว้เรียบร้อยแล้ว   ไม่งั้นดิฉันจะยุให้นำชีวิตจริงๆมาเขียน  ไม่น่าเชื่อยิ่งกว่านิยายหลายเท่า
บันทึกการเข้า
หน้า: 1 [2] 3 4 ... 19
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by SMF 1.1.21 | SMF © 2006, Simple Machines
Simple Audio Video Embedder

XHTML | CSS | Aero79 design by Bloc หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.051 วินาที กับ 20 คำสั่ง