SILA
|
ความคิดเห็นที่ 45 เมื่อ 27 ก.พ. 18, 09:34
|
|
สุดท้าย ยุคสมัยหนึ่งก็ต้องเคลื่อนผ่านไปสู่อีกยุคสมัยหนึ่งเสมอ การเกิดขึ้นของห้างสรรพสินค้าที่เป็นคอมเพล็กซ์ ขนาดใหญ่และมหึมาขึ้นเรื่อยๆ ตั้งแต่ในช่วงประมาณทศวรรษ พ.ศ. 2530 ได้รวบเอาโรงภาพยนตร์ไปอยู่ในห้างฯ ที่เปิดแอร์ เย็นฉ่ำและมีภาพยนตร์ให้เลือกหลายเรื่อง และหลายรอบมากกว่าที่เคยเป็นมา ประวัติศาสตร์ของโรงภาพยนตร์ไทยได้เข้าสู่ ยุคที่ 4 และยังคงดำรงมาจนกระทั่งปัจจุบัน พร้อมๆ กับการล้มหายตายจากไปของโรงภาพยนตร์แบบ stand alone ในยุคที่ 3 ทีละหลังและทีละหลัง
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
SILA
|
ความคิดเห็นที่ 46 เมื่อ 27 ก.พ. 18, 09:37
|
|
สกาลา ดูจะเป็นโรงภาพยนตร์แห่งเดียวในกรุงเทพฯ (และอาจจะในประเทศไทยด้วย) ที่ตกค้างมาจากยุคสมัย คลาสสิคของโรงภาพยนตร์ไทยที่คงสภาพแบบดั้งเดิมที่สุด และ สวยงามด้วยรูปแบบและโครงสร้างที่สุด วิธีการซื้อตั๋วหนัง แบบเดิม,เครื่องดื่มและของขบเคี้ยวแบบที่หลุดมาจากยุค 70’s ยังคงเห็นได้แม้กระทั่งทุกวันนี้ ....คงจะเป็นเรื่องที่น่าเสียดายมากๆ ถ้า....ป้อมปราการด่านสุดท้ายของยุคเรืองรองของโรงภาพยนตร์ไทย จะ กลายเป็นเพียงแค่อดีตที่ไม่อาจหวนคืนมาอีก.
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
นางมารน้อย
พาลี
ตอบ: 306
ทำงานแล้วค่ะ
|
ความคิดเห็นที่ 47 เมื่อ 28 ก.พ. 18, 15:54
|
|
ดิฉันขออนุญาตแทรกภาพโรงหนังฟ้าสยามของจังหวัดสุพรรณบุรีมาให้ชมค่ะ ดิฉันว่าเป็นโรงหนังที่สวยดีทีเดียว ตอนนั้นเมื่อปี2012ไปเดินตลาดสุพรรณแล้วเดินผ่านโรงหนังนี้ยังต้องหยุดมองแล้วโพสลงในโฟร์สแควร์ ซึ่งได้เขี้ยนเอาไว้ว่า "โรงหนังเก่าแก่ของจังหวัด ตอนนี้โรบินสันเข้ามาแล้วต่อไปไม่รู้จะเป็นอย่างไร" แล้วก็ตามคาดปัจจุบันฟ้าสยามถูกทุบทิ้งไปเป็นที่เรียบร้อยค่ะ ตอนนี้เห็นว่าสร้างเป็นอพาร์ทเมนท์ให้เช่าแทนกระมัง
|
คลิกที่รูปเพื่อขยาย/ย่อ
|
|
บันทึกการเข้า
|
สวัสดีทุกๆท่านค่ะ
|
|
|
SILA
|
ความคิดเห็นที่ 48 เมื่อ 28 ก.พ. 18, 17:13
|
|
โรงหนัง ฟ้าสยาม แห่งสุพรรณบุรี มีรูปแบบอาคารคล้ายคลึงกับสกาลา รูปโรงหนังฟ้าสยาม ปรากฏอยู่หน้า "บ้าน" ของ the southeast asia movie theater project seatheater.blogspot ของ Philip Jablon https://goo.gl/KbiQsc
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
SILA
|
ความคิดเห็นที่ 49 เมื่อ 07 มี.ค. 18, 10:01
|
|
ได้กล่าวอ้างอิงชื่อ ฟิลลิป แจ็บลอน (Philip Jablon) แห่งเพจ ‘The Southeast Asia Movie Theater Project’ ผู้ตระเวนเก็บภาพโรงภาพยนตร์สแตนด์อโลนมาเกือบสามร้อยแห่งในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
รูปโรงหนัง ศาลาเฉลิมธานี ศาลาเฉลิมกรุง ลอนดอน ปารีส นิว ยอร์ค
|
คลิกที่รูปเพื่อขยาย/ย่อ
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
SILA
|
ความคิดเห็นที่ 50 เมื่อ 07 มี.ค. 18, 10:03
|
|
ล่าสุดเขาได้ให้สัมภาษณ์ลงในนิตยสาร a day เมื่อ 28 December 2017 ซึ่งมีให้อ่านออนไลน์ที่ https://www.adaymagazine.com/interviews/yesterday-theatre-of-dreams-philip-jablon-1 6 ปีก่อนจนถึงวันนี้ ฟิลลิป แจ็บลอน ตระเวนถ่ายรูปโรงภาพยนตร์สแตนด์อโลนในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และมีไฟล์ภาพโรงภาพยนตร์หลายหมื่นภาพ สถานที่และบทเริ่มการสัมภาษณ์เป็นภาษาไทย คือ "สกาล่า เป็นโรงหนังพิเศษนะ หรูหรามาก มีสถาปัตยกรรม มีรายละเอียดเยอะ"
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
SILA
|
ความคิดเห็นที่ 51 เมื่อ 28 มี.ค. 18, 10:31
|
|
ในขณะที่สกาลา โรงหนังสแตนด์อะโลนกลางกรุงยังคงสภาพเดิมได้ไปต่อ โรงหนังสแตนด์อะโลน อีกแห่งหนึ่งซึ่งอยู่ห่างไกลไปไม่มากนักและหมดสภาพไปแล้วก็ได้รับการชุบชีวิตฟื้นคืนมาและแปรสภาพไปเป็น Boutique Hotel ที่มีเรื่องราวเล่ายาวนาน ที่ "ถนนใหม่" ของกรุงเทพฯ ในอดีต,นั่นคือ ถนนเจริญกรุงที่ขนาบสองข้างถนนด้วยตึกแถวรายเรียง
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
SILA
|
ความคิดเห็นที่ 52 เมื่อ 28 มี.ค. 18, 10:33
|
|
เบื้องหลังตึกแถวนี้มี โรงหนังปรินซ์ราม่า ซ่อนตัวอยู่
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
SILA
|
ความคิดเห็นที่ 53 เมื่อ 28 มี.ค. 18, 10:36
|
|
ประวัติย้อนกลับไปแรกสร้างเป็นโรงบ่อนหลวงเมื่อปี พ.ศ.2455 และเป็นหนึ่งใน 5 โรงบ่อนสุดท้ายของ สยาม ปัจจุบันยังปรากฏสิ่งที่หลงเหลือบ่งบอกให้รู้ว่าเคยเป็นโรงบ่อนเก่า คือ "ฮวงจุ้ย" ของอาคารซึ่งดูจากแปลน จะเห็นว่าเป็นลักษณะอาคารทรงยาวและปาดมุมทั้งสี่เหมือน "โลงศพ" ทั้งยังพบว่ามีเสา 1-2 ต้นที่สร้างขึ้นลอยๆ ไม่มีฐานราก ให้เหมือนกับคนป่วยถือไม้เท้า รวมเป็นฮวงจุ้ยที่ ทำให้คนที่เข้ามาอ่อนแอ เป็นการออกแบบโรงบ่อนเพื่อให้คนเข้ามาเล่นแพ้ นอกจากนี้ยังมีถึงโลโก้เก่าที่มี "ดาบ" ทิ่มแทงคนที่เข้ามา และยังมี "น้ำเต้า" ดูดทรัพย์ ตั้งไว้ที่ท้ายอาคารใน ห้องทำงาน รอบข้างโรงบ่อนรายล้อมไปด้วยอาคารสถานที่อย่างโรงฝิ่น ซ่องโสเภณี โรงรับจำนำ และตลาด
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
SILA
|
ความคิดเห็นที่ 54 เมื่อ 28 มี.ค. 18, 10:38
|
|
หลังจากที่ล้นเกล้าฯ รัชกาลที่ 5 โปรดฯ ให้เลิกบ่อนเบี้ยและเลิกหวยแล้วโรงบ่อนถูกปิดลง พื้นที่ตรงนี้ จึงเปลี่ยนเข้าสู่ยุคของความบันเทิงกลายเป็นโรงภาพยนตร์สแตนด์อะโลนในปี 2460 ฉายหนังเงียบภาพขาวดำ และ ตามด้วยหนังสีที่ได้รับความนิยมในยุคทองของโรงหนังทั่วกรุง จากนั้นจึงเสื่อมลงไปตามยุคสมัย กลายสภาพ เป็นโรงหนังชั้น 2 ที่ฉายหนังควบวนไปทั้งวัน
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
SILA
|
ความคิดเห็นที่ 55 เมื่อ 28 มี.ค. 18, 10:40
|
|
จนวาระสุดท้ายกลายเป็นโรงหนังฉาย "หนังผู้ใหญ่" อยู่หลายปี ก่อนที่จะสิ้นใจไปในราวปี 2553
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
SILA
|
ความคิดเห็นที่ 56 เมื่อ 03 เม.ย. 18, 09:31
|
|
กลายเป็นโรงหนังร้าง,เป็นตลาด บางทีก็ทำเป็นโรงทำถ่าน เป็นบ้านชั่วคราวของคนไร้บ้านและที่เก็บ ข้าวของของชาวบ้านในละแวกตึกแถวที่ยังมีคนอาศัยอยู่ บางคนนั้นอยู่มาตั้งแต่สมัยที่โรงหนังรุ่งเรืองก่อนที่จะ ตกต่ำ หลายคนยังจดจำและบอกเล่าเรื่องราวของโรงหนังแห่งนี้ที่เป็นส่วนหนึ่งของชุมชนได้ดี
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
SILA
|
ความคิดเห็นที่ 57 เมื่อ 03 เม.ย. 18, 09:32
|
|
หลังจากร้างมานาน 7 ปี ในที่สุด บริษัท เฮอริเทจ สเตย์ ก็สามารถชนะการประมูลได้บริหารพื้นที่โรงหนังนี้ จากกรมธนารักษ์ ซึ่งต้องการให้ภาคเอกชนบริหารและพัฒนาพื้นที่เป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
SILA
|
ความคิดเห็นที่ 58 เมื่อ 03 เม.ย. 18, 09:33
|
|
โรงหนังเก่านี้จึงถูกพัฒนาให้กลายเป็น Boutique Hotel ที่มีชื่อใหม่อิงชื่อเก่าว่า Prince Theatre Heritage Stay Bangkok
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
SILA
|
ความคิดเห็นที่ 59 เมื่อ 03 เม.ย. 18, 09:44
|
|
บริษัทได้ทำการศึกษาอาคารเก่าอายุกว่า 100 ปีแห่งนี้ที่มีเรื่องราวร่องรอยฝากไว้ในตัวอาคารและ ความทรงจำของผู้คนในละแวก โดยได้ไปค้นหาการออกแบบโครงสร้างโรงหนังเดิมจากกรมโยธาธิการและ ผังเมืองเพื่อนำมาใช้ปรังปรุงโครงสร้างหลักให้แข็งแรงโดยใช้โครงสร้างเหล็กเข้าเสริม ความสูงและความกว้าง ของผนังอาคารเท่าเดิมเพื่อไม่ให้กระทบต่อการรับน้ำหนักของอาคารเดิมไม่ว่าจะเป็นเสา พื้นรองรับน้ำหนักจาก ผนังอาคารและระบบสุขาภิบาลเดิม ส่วนใหญ่ยังคงเก็บรักษาเอาไว้ ให้คนรุ่นหลังได้ศึกษา เช่น เสาไม้อายุกว่า 100 ปี
|
คลิกที่รูปเพื่อขยาย/ย่อ
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
|