สกาลาในความทรงจำอันแสนงามของจิระนันท์ พิตรปรีชา ลาก่อน สกาลา ♥️
"เพลงที่ฟัง หนังที่ดู ปูที่กิน..
" .. เนื้อเพลงขำ ๆ ที่ติ๊ก ชิโร่ คิดขึ้นมาสด ๆ ระหว่างนั่งกินปูด้วยกันในกาลครั้งหนึ่ง ฟังดูตลกไร้สาระ แต่เรารู้กันว่ามันจริง.. รสชาติของหนัง/เพลง/อาหาร ที่ชื่นชอบประทับใจ จะติดแน่นทนนานอยู่ในความทรงจำ โดยเฉพาะเมื่อมีบรรยากาศสนุกเร้าใจ มีเพื่อนหรือวาระพิเศษในชีวิตเป็นฉากหลัง
แม้แต่คนชราที่โดนอัลไซเมอร์ค่อย ๆ ลบความทรงจำและทักษะด้านภาษา เพลงโปรดที่เคยฟังบ่อย ๆ จะเป็นหนึ่งในสิ่งสุดท้ายที่สามารถเปล่งเสียงได้ชัดถ้อยคำไม่ตกหล่น ทั้งที่นึกคำพูดทั่วไปไม่ออก หลงลืมว่าคนรอบข้างเป็นใครชื่ออะไร (งานวิจัยแพทย์ว่าไว้ กรณีแม่ของเราเองกับเพลง"ริมฝั่งน้ำ"เป็นข้อพิสูจน์)
โรงภาพยนตร์สกาลา คือฉากดี ๆในชีวิตเรา ๔ ทศวรรษตั้งแต่วัยรุ่นมาจนถึงวันจากลา นอกจากประสบการณ์ร่วมกับผู้ชมจำนวนมากแล้ว ยังมีพิเศษไม่เหมือนใครอีกสองสามเรื่องที่ขอบันทึกไว้ตรงนี้ เผื่อปีหน้าจะวนมาให้อ่านฟื้นความหลังอีก
๑) ชีวิตนักแปลบทภาพยนตร์ ช่วงสิบกว่าปีตั้งแต่พ.ศ. ๒๕๓๔ แปลมาเกือบ ๔๐๐ เรื่อง เข้าออกห้องฉายเล็กของ CVD กับ APEX เป็นว่าเล่น นั่งดูคนเดียวก่อนใครในสยามเพื่อเช็คความถูกต้องของบทแปล ห้องฉาย APEX ซึ่งเป็นเสมือนที่ทำงานของเรา อยู่ชั้นบนของร้านหูฉลามตรงข้ามสกาลานั่นเอง ทุกครั้งต้องหอบบทหนังปึกใหญ่ ใช้ไฟส่องตรวจไปดูหนังไป ตรงไหนไม่ถูกก็ทำเครื่องหมาย/ขีดฆ่า ค่อยกลับไปแก้ที่บ้าน (ก่อนยุคดิจิทัล ยังไม่มีคอมพิวเตอร์อินเตอร์เน็ต ใช้แถบหมึกพิมพ์ดีดกับน้ำยาลบคำผิดเปลืองมาก หนังห้องฉายก็ฉายด้วยฟิล์มทีละม้วน เรื่องนึงมี ๗-๑๐ ม้วน มีหยุดพักจอดำตอนคนฉายกรอฟิล์มเปลี่ยนม้วนใหม่ด้วย)
๒) ชอบพาลูก ๆ วัยประถมมัธยมไปดูหนังที่สกาลา ถ้าเป็นหนังค่าย UIP ที่เราแปล ก็จะได้ตั๋วฟรีโดยไปขอกับคนเช็คยอดขายตั๋วของค่ายที่มาป้วนเปี้ยนอยู่หน้าโรงทุกวัน.. นี่เป็นกิจกรรมบันเทิงประจำครอบครัว เรียกได้ว่าเด็กสองคนนี้โตมากับหนังฝรั่งเลยทีเดียว (สกาลา ไม่ฉายหนังไทย/จีน/แขก).. อ้อ ตื่นเต้นมากตอนที่แปล Jurassic Park พาลูกหนีเรียนไปดูในห้องฉายก่อนใคร เพื่อน ๆ ที่ร.ร.อิจฉากันใหญ่ ๕๕
๓) ความลับ.. พอสนิทกับ Checker ที่ชื่อบังมิด (ไม่ใช่นั่งบังจอจนมิด แต่แกเป็นมุสลิม ล่วงลับลาโลกไปนานแล้ว) เราก็มีปฏิบัติการเอารถไปจอดเทียบหน้าโรง รอรับโปสเตอร์กับ Standie หนังที่เพิ่งถอดโปรแกรมมาเก็บไว้ที่บ้านด้วยความยินดี อันใหญ่ ๆ ที่จำได้ก็ Men in Black กดสวิทช์มีไฟแว้บ ๆ จากปากกระบอกปืน, Little Rascals เด็ก ๆ หน้าดื้อยืนเกาะรั้ว เอามาต่อกันเป็นแถวยาวเลย กับชุดสติ๊กเกอร์ขนาดใหญ่ ใส ๆ น่ารักจาก Ghost Busters เอามาแปะกระจกรถสามด้าน ให้เด็กมุงดูตอนไปจอดรับลูกหน้า ร.ร. ฯลฯ
๔) อีกอย่างของสกาลาที่ลืมไม่ได้คือร้านอาหาร ทั้งภัตตาคารขาหมูเป็ดปักกิ่งที่อยู่ใต้บันไดสุดหรู.. (Scala.ภาษาสเปน/อิตาเลียนแปลว่า บันได) และ ร้านติ่มซำฝั่งตรงข้าม(ปัจจุบันกลายเป็นร้านบะหมี่ฮ่องกง) คือนอกจากอร่อยมากแล้วยังทึ่งมากกับรูปแบบสถาปัตยกรรมแนว Art Deco และการแต่งร้านด้วยรูปสลักหินจากอารยธรรมมายา โม่หินกลม ๆ บนผนังที่ลูกค้าคุ้นตาก็คือปฏิทินมายานั่นไง (สมัยนั้นคนไทยสนใจรู้จักซะที่ไหน..) คุณโต้งเจ้าของโรงหนังเครือ APEX และสวนนงนุช ช่างรอบรู้ลึกซึ้ง ใส่ใจทุกรายละเอียดจริง ๆ.. สองปีก่อนเคยแนะนำจุ้ยให้จัดคอนเสิร์ตโต๊ะจีนหาเงินช่วยน้ำท่วมหนักในลาว แฟนเพลงที่ไม่เคยมาร้านนี้ถึงกับกรี๊ดสลบกับพร็อพและบรรยากาศวินเทจที่แท้ทรู ไม่มีการเติมแต่งภายหลัง
๕) หนังที่ชอบมาก แปลบทอย่างสุดฝีมือแล้วไปดูอีกรอบตอนเข้าโรงฉายที่สกาลา ได้แก่ Forrest Gump, Scent of a Woman, Schindler's List, Cold Mountains, Across the Universe.. หนังจบคนเดินออก แอบปลื้มในใจว่าเราได้เป็นสื่อสะพานข้ามภาษาวัฒนธรรมให้ผู้ชม.. เรื่องที่ไม่ได้แปลแต่ชอบพระเอก Javier Bardem จนต้องทิ้งงานไปดูรอบแรกเลย เป็นหนังเข้าชิงออสการ์ แต่ฉายที่สกาลาโรงเดียว รอบนั้นมีคนดูแค่ยี่สิบกว่าคนจากเกือบพันที่นั่ง คือ Biutiful
https://www.facebook.com/729491179/posts/10158742139601180/