เรือนไทย
ยินดีต้อนรับ ท่านผู้มาเยือน
กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
ส่งอีเมล์ยืนยันการใช้งาน?
ข่าว: การแนบไฟล์ กรุณาใช้ชื่อไฟล์ภาษาอังกฤษเท่านั้นครับ
หน้า: 1 ... 21 22 [23] 24 25 ... 37
  พิมพ์  
อ่าน: 70319 Dramatic license กับ ข้อเท็จจริง ในหนังอิงประวัติศาสตร์
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33584

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 330  เมื่อ 18 ม.ค. 18, 10:23

แกะรอยเส้นทางวอเตอร์เวย์   
ถ้าลงใต้   แสดงว่าเจ้าคุณกับคุณหลวงคงออกจากเจ้าพระยา ไปที่อ่าวไทย  จากนั้นก็วกกลับขึ้นมาจากปากแม่น้ำท่าจีนที่ไหลลงอ่าว  ขึ้นไปด้วยกันจนถึงชัยนาท (ตรงที่เป็นเขื่อนเจ้าพระยาในปัจจุบัน)แล้วแยกกันตรงนี้
คุณหลวงวกกลับไปตามแม่น้ำแม่กลองที่ไหลไปราชบุรี    ส่วนเจ้าคุณขึ้นเหนือไปออกแม่น้ำปิง เพื่อจะไปเมืองตาก
บันทึกการเข้า
เพ็ญชมพู
หนุมาน
********
ตอบ: 12599



ความคิดเห็นที่ 331  เมื่อ 18 ม.ค. 18, 11:27

สองสหายล่องแพออกจากท่าน้ำ ตามน้ำไปทางใต้ แสดงว่าเจ้าคุณไปส่งคุณหลวงก่อนครับ

ลำพังแพลำน้อย ๆ คงไม่สามารถส่งสองสหายถึงจุดหมายได้เป็นแน่ แพอาจจะล่องตามน้ำไปถึงท่าเรือใหญ่ แลทั้งสองแยกกันที่นี่ เจ้าคุณขึ้นไปทางเหนือ ส่วนคุณหลวงล่องไปทางใต้

ฤๅเจ้าคุณอาจจะเปลี่ยนใจขี่ม้าตัวโปรดไปจนถึงเมืองตากก็ไม่อาจทราบได้  ยิงฟันยิ้ม
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33584

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 332  เมื่อ 18 ม.ค. 18, 11:43

เจ้าคุณไม่เอาม้าลงแพไปด้วยฤๅเจ้าคะ  ออกญาเพ็ญชมพู?
บันทึกการเข้า
CrazyHOrse
แขกเรือน
นิลพัท
*******
ตอบ: 1899



เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 333  เมื่อ 18 ม.ค. 18, 16:02

ยังไม่มีโอกาสดูอยู่ดีครับ ลงแพ? แพแบบไหน ลงที่ไหนครับ แม่น้ำเจ้าพระยาเลยหรือครับ? แล้วจะถ่อยังไงน้ำลึกขนาดนั้น
บันทึกการเข้า

"Postel's Law": "be conservative in what you do, be liberal in what you accept from others"
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33584

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 334  เมื่อ 18 ม.ค. 18, 16:41

ลงแพแบบนี้ไปกันสองคนค่ะ  บ่าวไพร่ก็ไม่มีติดตามไปสักคน 
ต้องยืนไปในแพนานเท่าใดก็ไม่รู้  แดดก็ร้อน ที่นั่งก็ไม่มี
เรือประทุน  เรือแปดแจวสี่แจวก็ไม่มี
มีคนถ่อเรืออยู่คนเดียว
แม่น้ำเจ้าพระยาช่วงนั้นคงตื้นมาก


คลิกที่รูปเพื่อขยาย/ย่อ
บันทึกการเข้า
CrazyHOrse
แขกเรือน
นิลพัท
*******
ตอบ: 1899



เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 335  เมื่อ 18 ม.ค. 18, 16:54

เอิ่มมมม ไอ้นี่ไม่ใช่แพละครับ ไอ้ผมก็นึกว่าแพแบบที่เขาใช้ถ่อกัน แพแบบท่าเรือแบบนี้ อย่าว่าแต่คนเดียวเลยครับ 10 คนยังไม่รู้ว่าจะถ่อทวนน้ำไปไหวหรือเปล่า ถ้าปล่อยไหลไปตามน้ำตามยถากรรมคงจะพอได้ครับ
บันทึกการเข้า

"Postel's Law": "be conservative in what you do, be liberal in what you accept from others"
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33584

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 336  เมื่อ 18 ม.ค. 18, 17:17

จะให้เจ้าคุณกับคุณหลวยืนอยู่บนแพแบบนี้  แค่ทรงตัว ก็คงลำบากในการถ่ายทำแล้วมั้งคะ

ป.ล. ถ้าปล่อยแพท่าเรือลอยไปตามน้ำ    เจ้าคุณกับคุณหลวงคงออกปากอ่าวไปแทนที่จะไปเมืองตากและราชบุรี


บันทึกการเข้า
เพ็ญชมพู
หนุมาน
********
ตอบ: 12599



ความคิดเห็นที่ 337  เมื่อ 18 ม.ค. 18, 17:25

แม่น้ำเจ้าพระยาช่วงนั้นคงตื้นมาก





แม่น้ำที่ไหลผ่านหน้าวังหลวงน่าจะเป็น "แม่น้ำลพบุรี" (ปัจจุบันตื้นเขินและแคบลงเรียกกันว่า "คลองเมือง") คงปล่อยให้แพล่องตามน้ำเพื่อไปขึ้นเรือที่ท่าเรือข้างหน้าอย่างที่กล่าวไว้ข้างต้น  ยิงฟันยิ้ม
บันทึกการเข้า
เพ็ญชมพู
หนุมาน
********
ตอบ: 12599



ความคิดเห็นที่ 338  เมื่อ 18 ม.ค. 18, 17:47

อันที่จริงบริเวณประตูหน้าวังหลวงก็มีท่าเรืออยู่ในแผนที่ P2 คือ "ท่าขุนนางวังหลวง" สองสหายจะขึ้นเรือจากท่านี้ไปเลยก็น่าจะได้

แผนที่แสดงตำแหน่งสถานที่ต่าง ๆ ในกรุงศรีอยุธยา
https://www.faiththaistory.com/wp-content/uploads/2014/06/แผนที่ภูมิสถานอยุธยา1.pdf

คำอธิบาย
https://www.faiththaistory.com/wp-content/uploads/2014/06/เนื้อหาแผนที่อยุธยา.pdf


บันทึกการเข้า
CrazyHOrse
แขกเรือน
นิลพัท
*******
ตอบ: 1899



เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 339  เมื่อ 18 ม.ค. 18, 17:57

ก็ยังงงอยู่ดีครับ ไม่เคยได้ยินว่าแถบนั้นมีใครใช้แพในการสัญจร ทำไม่ไม่ใช้เรือ?
บันทึกการเข้า

"Postel's Law": "be conservative in what you do, be liberal in what you accept from others"
ninpaat
ชมพูพาน
***
ตอบ: 167


ความคิดเห็นที่ 340  เมื่อ 18 ม.ค. 18, 19:47

ไม่แน่ว่า ท่านทั้งสอง อาจลงแพข้ามฟากจากท่าขุนนางวังหลวง แล้วไปขึ้นม้าที่กองม้าเร็วใกล้ๆวัดหน้าพระเมรุ เพื่อควบกลับไปที่หมายปลายทางของแต่ละท่าน ก็เป็นได้กระมังขอรับ  ลังเล
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33584

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 341  เมื่อ 18 ม.ค. 18, 19:58

น่าจะเร็วกว่าล่องแพไปตามลำน้ำนะคะ
บันทึกการเข้า
CrazyHOrse
แขกเรือน
นิลพัท
*******
ตอบ: 1899



เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 342  เมื่อ 18 ม.ค. 18, 23:16

ไม่แน่ว่า ท่านทั้งสอง อาจลงแพข้ามฟากจากท่าขุนนางวังหลวง แล้วไปขึ้นม้าที่กองม้าเร็วใกล้ๆวัดหน้าพระเมรุ เพื่อควบกลับไปที่หมายปลายทางของแต่ละท่าน ก็เป็นได้กระมังขอรับ  ลังเล

แล้วเวลาท่านจะข้ามแม่น้ำลำคลอง ท่านจะทำไงครับ ทั้งราชบุรีและตาก จะขี่ม้าไปจากอยุธยาต้องข้ามหลายจุดแน่ๆครับ อันนี้ไม่ได้แซวเล่นนะครับ สงสัยจริงๆ เพราะภูมิประเทศแบบนี้ ม้าไม่น่าจะเป็นพาหนะที่จะช่วยอำนวยความสะดวกในการเดินทางไกล ถ้าจะใช้เฉพาะเข้าประจัญบานกันก็ว่าไปอย่าง หรือจะต้องมีบ่าวไปเตรียมเรือแพรอรับไว้ล่วงหน้า

พูดถึงเรื่องนี้ทำให้นึกถึงโจ๊กจีนเรื่องหนึ่ง
กวนอูได้ม้าเซ็กเทาจากโจโฉ เจ้าม้าเซ็กเทานี้ได้ชื่อว่าเป็นม้าดีที่วิ่งได้วันละพันลี้ กวนอูก็เลยยกม้าตัวเก่าของตัวเองให้กับ ทส.ที่ชื่อว่าจิวฉอง ม้าตัวเก่านั้นวิ่งได้วันละห้าร้อยลี้ เวลาจิวฉองจะตามกวนอูไปทำศึกที่ไหน หลังจากขี่ม้าไปได้ห้าร้อยลี้แล้ว ที่เหลืออีกห้าร้อยลี้ จิวฉองต้องแบกม้าขึ้นหลังวิ่งตามม้าเซ็กเทาไป
บันทึกการเข้า

"Postel's Law": "be conservative in what you do, be liberal in what you accept from others"
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33584

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 343  เมื่อ 19 ม.ค. 18, 09:57

สมัยอยุธยา การติดต่อระหว่างเมืองโดยทางน้ำน่าจะเป็นหนทางง่ายที่สุด  เพราะชุมชนทั้งเล็กระดับหมู่บ้าน และใหญ่ระดับเมือง ตั้งอยู่ริมน้ำกันเป็นส่วนใหญ๋     การเดินทางจากตากมาอยุธยาหรืออยุธยาไปตากก็น่าจะใช้เรือแจวกันไป เป็นขบวน   ขุนนางนั่งเรือประทุน  ไม่งั้นแดดเผาหัวเป็นไข้ตายเพราะนั่งกันเป็นวันๆติดต่อกันหลายวัน

การขี่ม้าก็ดี ลงแพก็ดี   คงจะต้องนับเป็น dramatic license กันอีกขนานใหญ่    เพราะหาคำอธิบายอื่นไม่ได้ว่าทำไมเจ้าคุณและคุณหลวงถึงต้องลงไปยืนในแพไม้กระดานแบบแพท่าน้ำกันทั้งสองคน เพื่อจะเดินทางไกล     ข้าวของและบ่าวไพร่ไปรออยู่ตรงไหนกันหมด ก็ไม่ได้แสดงให้เห็น

ผู้บริหารของทรู เคยบอกดิฉันว่าเรื่องนี้จะจัดจำหน่ายไปต่างประเทศ   เห็นว่าเป็น HBO  แต่จะเปลี่ยนหรือเปล่ายังไม่ทราบ
ก็อาจเป็นคำตอบได้ว่า  ละครจึงตั้งใจให้เห็นวัฒนธรรมไทยให้มากที่สุด   ไม่ว่าจะเป็นฉากหัดโขนโดยอ้างว่าเพื่อเป็นพื้นฐานวิชาการรบ  ก็เพื่อนำการแสดงโขนเข้าไปโชว์ในเรื่อง   หุ่นโขนที่ประดับอยู่ในห้องหับทั้งวังและบ้านขุนนางก็เหตุผลเดียวกัน  กษัตริย์และขุนนางสวมลอมพอกและเสื้อครุยกันหรูหราทุกฉาก ก็เพื่อให้เห็นความอลังการของราชสำนักอยุธยา    การแต่งกายของพม่าและชาวบ้านชาวช่องก็เช่นกัน  เพื่อความตื่นตาตื่นใจเป็นหลักใหญ่ สำหรับชาวต่างชาติที่ยังไม่เคยมาไทย  หรือมาแล้วก็ยังไม่เคยได้เห็นแบบนี้

ในเมื่อจุดขายคืออลังการงานสร้าง  ความสมเหตุผลในหลายด้านจึงไม่เป็นจุดสำคัญ   ทำให้เกิดความสับสนทั้งด้านภูมิศาสตร์ ตัวละคร  ประเพณี วัฒนธรรม  สำหรับคนที่เห็นว่าสิ่งเหล่านี้ควรจะคำนึงถึงด้วย

เอวังก็มีด้วยประการะฉะนี้แหละโยม
บันทึกการเข้า
Rattananuch
อสุรผัด
*
ตอบ: 37


ความคิดเห็นที่ 344  เมื่อ 19 ม.ค. 18, 11:32

ดิฉันเห็นด้วยกับอาจารย์ค่ะ
เพราะรู้สึกว่าละครเรื่องนี้ดูไม่เหมือนกับละครทั้งหลายที่เคยดูมา
มันเหมือนหนังโฆษณาการท่องเที่ยวของททท. หรือโฆษณารีเจนซี่มากกว่า ที่ต้องใส่ของประกอบฉากเยอะเข้าไว้
ให้คนที่ไม่รู้จักวัฒนธรรมไทยตาค้างเอาไว้ก่อน ความสมจริงไว้ที่หลัง
ดิฉันถอดใจเลิกดูไปแล้วค่ะ ทนความอืดชืดเหมือนมาม่าต้มค้างคืนไม่ไว้
ไปดูเซนเซยูกิ(ไม่แน่ใจชื่อว่าคุณพวงแก้วหรือคุณพวงร้อยแปลงกาย) กับมิสซิสสรไล่ล่าฆ่าคนร้ายมันส์กว่าเยอะ
บันทึกการเข้า
หน้า: 1 ... 21 22 [23] 24 25 ... 37
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by SMF 1.1.21 | SMF © 2006, Simple Machines
Simple Audio Video Embedder

XHTML | CSS | Aero79 design by Bloc หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.416 วินาที กับ 20 คำสั่ง