แล้วก็เห็นด้วยกับ อ. เทาชมพูค่ะ เรื่องคาแร็คเตอร์กับบทขัดแย้งกัน
เช่น อ.สอนโบราณคดีค้าของเก่า
หรือศาสตราจารย์ที่พูดไทยคำอังกฤษคำอย่างไม่สมเหตุสมผล บางทีพูดประโยคอังกฤษจบแล้วตามด้วยประโยคแปลภาษาไทย ซึ่งมันซ้ำซ้อนโดยไม่จำเป็น การแสดงก็ล้นไม่เหมาะกับสถานภาพ ศ. เลย
ประเด็นเหล่านี้ดูแล้วรู้สึกหงุดหงิดมากค่ะ
:::::::::::::::::::::::::
ขออนุญาตนอกเรื่อง โดยยกตัวอย่าง dramatic license ที่น่าสนใจ
เช่น ซีรีส์เกาหลีเรื่อง Six Flying Dragons พูดถีงกษัตริย์แทโจผู้ก่อตั้งราชวงศ์โชซอน และกลุ่มบุคคลที่มีส่วนสัมพันธ์กับเขา
เรื่อง Deep Rooted Tree พูดถีงกษัตริย์เซจงผู้ประดิษฐ์อักษรเกาหลี (ฮันกึล)
ประเด็นความสมจริงของฉาก จารีตธรรมเนียม ฯลฯ ไม่ต้องพูดถึงค่ะ เพราะคนทำละครเน้นเรื่องปรัชญาการปกครอง และการชิงไหวชิงพริบเพื่อวางรากฐานวัฒนธรรมและแนวคิดทางการเมืองของราชวงศ์ที่กำลังตั้งไข่
แม้แต่ซีรีส์ตระกูล taiga ของญี่ปุ่น เช่น Yae no Sakura พูดถึงบทบาทของ Niijima Yae ผู้ทำงานเพื่อสิทธิสตรีในญี่ปุ่น
บทละครได้ก้าวข้ามความสมจริงและข้อเท็จจริงไปจำนวนมาก โดยแต่งเรื่องเกินจริงใส่เข้าไปเพื่อเน้นการต่อสู้ของเธอให้ชัดเจนขึ้น
ซีรีส์จีน+ญี่ปุ่น เรื่อง The Pleiades พูดถึงพระนางซูสีไทเฮา แต่เอาดาราญี่ปุ่นมาเล่น และมีขันทีน้อยเป็นตัวดำเนินเรื่อง
หลายฉากหลายตอนขันทีน้อยเป็นผู้แสดงบทบาท ทั้งๆ ที่ตามธรรมเนียมควรเป็นหน้าที่ของคนอื่น แต่ประเด็นของเรื่องนี้คือการเน้นเสนอภาพของแรงกดดันทุกทิศทางที่โถมใส่ราชสำนัก
อันเป็นเหตุแห่งความล่มสลาย ซึ่งเนื้อเรื่องได้พลิกมุมมองเกี่ยวพระนางซูสีไปพอสมควร
ฯลฯ
อยากเห็นละคร/นิยายไทยออกไปแตะขอบฟ้า
เอ๊ย...แตะเรื่องปรัชญา อุดมการณ์ หรือประเด็นทางเทคนิค เช่น นิติวิทยา กฎหมาย เศรษฐศาสตร์การเมือง ฯลฯ บ้างจัง
จะเห็นว่าประเด็นเหล่านี้มีความเป็นสากล แม้จะผูกเรื่องขึ้นมาจากเหตุการณ์ประจำชาติ แต่มันก็มีศักยภาพที่จะก้าวออกไปในระดับนานาชาติ อันนี้เป็นข้อดี
ส่วนข้อเสียก็แน่นอนค่ะ ละทิ้งความสมจริง สูญเสียคุณค่าทางประวัติศาสตร์ ก็ว่ากันไป