เรือนไทย
ยินดีต้อนรับ ท่านผู้มาเยือน
กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
ส่งอีเมล์ยืนยันการใช้งาน?
ข่าว: การแนบไฟล์ กรุณาใช้ชื่อไฟล์ภาษาอังกฤษเท่านั้นครับ
หน้า: 1 ... 20 21 [22] 23 24 ... 37
  พิมพ์  
อ่าน: 70765 Dramatic license กับ ข้อเท็จจริง ในหนังอิงประวัติศาสตร์
เพ็ญชมพู
หนุมาน
********
ตอบ: 12601



ความคิดเห็นที่ 315  เมื่อ 16 ม.ค. 18, 19:48

ในสมัยอยุธยาตอนปลาย  กวีเอกของเรายังไม่เกิด   
แต่ในเรือนแม่บุษบา บ่าวรู้จักเพลงนี้ดี  เดาว่าเจ้าของเรือน นอกจากจะล่องหนไปค้นหนังสือประวัติศาสตร์สมัยธนบุรี ที่หอสมุดแห่งชาติแล้ว   คงจะถอดจิตพาบ่าวไปฟังมโหรีเพลงไทยเดิม ในโครงการดนตรีสำหรับประชาชน  ณ สังคีตศาลา บริเวณพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ  อยู่บ้างเป็นแน่
ฤๅมิฉะนั้น  นางก็พ่วงไวไฟจากบ้านใกล้ๆ  เปิดยูทูปฟังเพลงเป็นประจำ   


อย่าลืมว่า เรือนแม่บุษบาหรือเรือนเจ้าพระยาเปิดมา ๓ ครั้งแล้ว

เรือนเจ้าพระยาเปิดครั้งแรกเมื่อ ๑๐๐ ปีหลังเสียกรุง ใน พ.ศ. ๒๔๑๐ อยู่ในสมัยรัชกาลที่ ๔

ครั้งนั้นแม่บุษบาอาจจะมีโอกาสได้คัดลอกพระอภัยมณีของสุนทรภู่บางตอนมาอ่านแก้เหงาก็เป็นได้ ยิงฟันยิ้ม
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33585

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 316  เมื่อ 16 ม.ค. 18, 19:57

จริงด้วยเจ้าค่ะ
ถ้าเปิดออกมาเมื่อครบ 100 ปี ก็คงจะไปจ้างอาลักษณ์คัดลอก 
ถ้าเปิดครั้งที่สอง ครบ 200 ปี  น่าจะไปซื้อได้แถวร้านหนังสือหลังวังบูรพา หรือไม่ก็หอสมุดแห่งชาติ

ต่อไป ก็คงไม่มีใครแปลกใจ ถ้าแม่บุษบาจะเอ่ยถึงสามก๊ก   เงาะป่า หรือมัทนพาธา นะเจ้าคะ
อาจจะรวมราโชมอน  สี่แผ่นดิน และเพชรพระอุมาด้วยเจ้าค่ะ
บันทึกการเข้า
Naris
องคต
*****
ตอบ: 421


ความคิดเห็นที่ 317  เมื่อ 17 ม.ค. 18, 10:25

เมื่อคืน เวลาร้อยละ 70 ของละคร ใช้ไปกับฉากลาครับ พระเจ้าอุทุมพรลาพระมารดา ลาพระเจ้าเอกทัศน์ กลับไปบวชต่อ สินและทองด้วง ลาพระเจ้าเอกทัศน์ ลาพระภิกษุพระเจ้าอุทุมพร ลาพ่อ ลาอาจารย์ ลาแม่ผีเสื้อราตรี (แวะไปเดินเที่ยวกันสามคนอีกแล้วครับ) และลากันเอง (สินได้เป็นพระยาตาก ทองด้วงเป็นหลวงยกระบัตรเมืองราชบุรี บุนนาค เป็นคุณพระ รับราชการในกรุงต่อไป)

อ่อ ขากลับ พระยาตากกลับเรือครับ ทำไมแต่งเรื่องอย่างนั้นก็ไม่รู้ ขามายังให้ท่านเร่งขี่ม้ามาเลยนี่นา นี่ขากลับทวนน้ำ ไหงกลับเรือซะงั้น หรือไม่รีบแล้ว อยากนั่ง Chill out กลับ หรือมิเช่นนั้นก็เดี๋ยวไปต่อม้าที่อื่น ก็ไม่ทราบ (จริงๆแล้ว จากอยุธยาถึงตาก สามารถไปทางเรือได้ตลอดทางจนเข้าเขตเมืองตากได้เลยไหมครับ)

ก่อนหน้าฉากลา มีฉากหนึ่ง ที่เป็นการแต่งตั้งยศ เช่น พระยาพิชัยชาญฤทธิ์ เป็นเจ้าพระยาพิชัยชาญฤทธิ์ มีเครื่องยศ xxxx นั้งเสลี่ยง yyyy อะไรทำนองนั้นครับ
สำเนียงเวลาอ่านพระบรมราชโองการแต่งตั้ง ฟังดูแปลกๆ ผมไม่ทราบว่า เหตุใดจึงต้องใช้เสียงอย่างนั้น ตอนที่ดู Life มีบางความเห็นบอกว่า เป็นเสียงเหน่ออย่างอยุธยา ซึ่งผมไม่ทราบว่าเป็นอย่างไร แต่ ถ้าเป็นเหน่ออยุธยาจริงๆ ตัวละครทุกตัวในเรื่องก็ต้องพูดอย่างนี้เหมือนกันหมดสิครับ เหตุใดทุกคนพูดเหน่อกรุงเทพกัน แล้วจู่ๆจะมาเหน่ออยุธยาเอาเฉพาะตอนจะแต่งตั้งยศขุนนาง

สำหรับประเด็นเรื่องเรือน เมื่อคืน ลูกจันทน์คุยกับทองหยิบว่า คุณพระพิมานจำอะไรไม่ได้เลย น่าสงสารคุณเจ้าขาจัง ทองหยิบยังว่า จำไม่ได้ก็ไม่แปลก ก็เวลาข้างนอกผ่านไปร่วมสองร้อยปีแล้วนี่ บทสนทนานี้แสดงให้เห็นชัดเจนว่า คนข้างในเรื่อนรู้สถานะของตนเองดี และทราบดีถึงยุคสมัยที่แตกต่างกัน ดังนั้น มีแนวโน้มว่า พวกเขาจะมีความรู้เกี่ยวกับเหตุการณ์ช่วงที่ผ่านมาอยู่พอสมควร อาจจะเคยออกไปหาซื้อหนังสือมาอ่านจริงๆอย่างอาจารย์ว่าก็เป็นได้นะครับ     
บันทึกการเข้า
SILA
หนุมาน
********
ตอบ: 6362


ความคิดเห็นที่ 318  เมื่อ 17 ม.ค. 18, 10:32

           ประเด็น "ว่าจากเรือนเหมือนนกที่จากรัง" วายแล้ว,เปลี่ยนเป็นเรื่องที่ยังไม่สรุปลงตัวแต่ตั้งไว้
เป็นที่สังเกตพอเป็นสังเขปว่า พระภิกษุอุทุมพรคิ้วคมเข้ม
          
           โดยส่วนตัวเห็นว่า ไม่เป็นปัญหาว่าตัวละครพระจะโกนคิ้วหรือไม่ จะใช้อภิสิทธ์หรือผิดไปจาก
ประวัติศาสตร์ก็ตามที
 
           ประเด็นพระไทยโกนคิ้วหรือไม่ยังไม่สรุปฟันธงเป็นเอกฉันท์ว่าเริ่มสมัยไหนแน่นอน อยุธยา หรือ
รัตนโกสินทร์
           มีหนึ่งคห.ในพันทิพระบุว่า "ได้อ่านจดหมายเหตุการเดินทางสู่ประเทศสยาม ของบาทหลวงตาซาร์ด
ซึ่งเข้ามากรุงศรีอยุธยาในรัชสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช...ท่านได้ระบุอย่างชัดเจนว่า พระสงฆ์โกนคิ้ว"
บันทึกการเข้า
SILA
หนุมาน
********
ตอบ: 6362


ความคิดเห็นที่ 319  เมื่อ 17 ม.ค. 18, 10:39

คุณ Naris   ^   น่าจะลงทุนฉากราตรีศรีอโยธยาไว้มาก ต้องใช้ให้คุ้ม, จึงมีฉากสามสหายท่องราตรีหลายรอบ
เข้าใจว่า น่าจะถ่ายเจาะที่ฉากนั้นรวดเดียว

               ฉากท่าน้ำกำแพงเมืองก็ลงทุนมากเช่นกัน ใช้ให้คุ้ม และการค่อยๆ ลอยแพจากมา,หันหน้าอำลาเมือง
มองไปได้ฟีลดรามาอาลัยล้น

               สำเนียงเหน่อแบบพากย์โขน ที่นักวิชาการว่าเป็นสำเนียงอยุธยานั้น ใส่มาไว้ให้ระลึกนึกถึงกันบ้าง แต่
ถ้าพูดแบบนั้นทั้งเรื่อง เกรงว่าคนดูจะบ่น ละครปลุกใจเรื่องเลือดสุพรรณ นักแสดงก็พูดและร้องสำเนียงกรุงเทพทั้งเรื่อง ;)
บันทึกการเข้า
เพ็ญชมพู
หนุมาน
********
ตอบ: 12601



ความคิดเห็นที่ 320  เมื่อ 17 ม.ค. 18, 11:26

จริงๆแล้ว จากอยุธยาถึงตาก สามารถไปทางเรือได้ตลอดทางจนเข้าเขตเมืองตากได้เลยไหมครับ

ดูจากแผนที่แบบกราฟฟิกรูปนี้ ไปถึงเชียงใหม่ เชียงราย ก็ยังได้  ยิงฟันยิ้ม


คลิกที่รูปเพื่อขยาย/ย่อ
บันทึกการเข้า
Naris
องคต
*****
ตอบ: 421


ความคิดเห็นที่ 321  เมื่อ 17 ม.ค. 18, 11:40

ขอบพระคุณครับ (แง พิจิตรบ้านผมไม่ปรากฎในภาพ)

แสดงว่า ใช้เรือเดินทางตามลำน้ำก็กลับไปเมืองตากได้ ยิ่งถ้าเมืองไหนอยู่ติดแม่น้ำ หรือมีแม่น้ำผ่านกลางอย่างพิษณุโลก จอดเทียบท่ากลางเมืองเลยยังได้ มิน่าหละครับ ในกระทู้แรกๆ พี่ Koratian ถึงได้สงสัยว่า หลวงยกระบัตรเมืองตาก อยากเร่งมารายงานข่าวศึก จะขี่ม้ามาทำไม มาเรือไม่ไวกว่าหรือ

ขามาล่องตามน้ำ ขี่ม้า ขากลับทวนน้ำ นั่งเรือ (ฮ่า)
บันทึกการเข้า
Naris
องคต
*****
ตอบ: 421


ความคิดเห็นที่ 322  เมื่อ 17 ม.ค. 18, 11:41

อ้าวเดี๋ยวก่อนสิครับ จากอยุธยา ไปเมืองตากต้องขึ้นเหนือ ไปราชบุรี ต้องลงใต้หรือเปล่าครับ ไฉน สินกับทองด้วง ไปเรือลำเดียวกันได้หละครับ
บันทึกการเข้า
เพ็ญชมพู
หนุมาน
********
ตอบ: 12601



ความคิดเห็นที่ 323  เมื่อ 17 ม.ค. 18, 11:49

คุณหลวงน่าจะแยกกับท่านเจ้าคุณที่เมืองอุทัย แลล่องเรือลงใต้ไปตามแม่น้ำท่าจีน  ยิงฟันยิ้ม
บันทึกการเข้า
เพ็ญชมพู
หนุมาน
********
ตอบ: 12601



ความคิดเห็นที่ 324  เมื่อ 17 ม.ค. 18, 12:04

สะดุดฉากสองสหายที่ท่าน้ำ มีผักตบชวาล่องลอยมาตามลำน้ำ ในสมัยของเจ้าคุณและคุณหลวงไม่มีผักตบชวาดอก  ยิงฟันยิ้ม



นาทีที่ ๓.๔๕ - ๔.๑๕

จากหนังสือ เรื่องปกิณณกะในรัชกาลที่ ๕ โดย นายแพทย์นวรัต ไกรฤกษ์ ในเรื่อง "เสด็จประพาสชะวา"

เจ้าคุณพ่อเล่าให้ฟังว่าท่านประสบโชคดี ได้ตามเสด็จพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ประพาสชะวา ๒ ครั้ง คือเมื่อ ร.ศ. ๑๑๕ (พ.ศ. ๒๔๓๙) ขณะที่ท่านมีบรรดาศักดิ์เป็นนายสุจินดา หุ้มแพร และเมื่อ ร.ศ. ๑๒๐ (พ.ศ. ๒๔๔๔) ขณะที่ท่านเป็นเจ้าหมื่นสรรพเพ็ธภักดี

ท่านได้เล่าถึงการเสด็จชะวา ร.ศ. ๑๑๕ ว่า........

จากการเสด็จประพาสชะวาครั้งนี้ ได้มีสิ่งที่งอกงามได้เร็วตามเข้ามายังกรุงเทพพระมหานครด้วย คือ

๑. ต้นไม้ชนิดหนึ่ง พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงนำเมล็ดเข้ามาเพาะ ปรากฏว่าขึ้นงอกงามเร็ว มีกิ่งก้านแตกสาขาออกไปมาก จึงพระราชทานชื่อให้ใหม่ว่า "ต้นก้ามปู" ขณะนี้มีอยู่ทั่วประเทศ ใช้เป็นประโยชน์ นอกจากให้ความร่มเย็นแล้ว ยังเป็นที่สำหรับปล่อยตัวครั่งเป็นอย่างดี

๒. ไม้น้ำชนิดหนึ่งซึ่งขึ้นทั่วไปตามร่องน้ำข้างถนนที่ชะวา พระอรรคชายาเธอ พระองค์เจ้าสายสวลีภิรมย์ ทรงรถเสด็จไปตามถนน ทอดพระเนตรเห็นต้นดอกไม้น้ำชนิดนี้มีดอกเป็นช่อสีม่วงสลับงามอย่างแววมยุรา จึงได้นำเอาต้นมากรุงเทพฯด้วย ทรงเลี้ยงไว้ที่ตำหนักของพระองค์และอยู่ข้างจะหวงแหนมาก ต่อมาไม้น้ำนี้ซึ่งเรียกว่า "ผักตบชวา" งอกงามเจริญเร็วมาก เต็มไปหมดจนถึงกระจายออกไปตามลำแม่น้ำลำคลอง ส่วนพวกชาวจังหวัดต่าง ๆ เห็นดอกสวยงามก็นำไปเลี้ยงบ้าง เลยแพร่พันธุ์กระจายทั่วไป เช่นที่กว๊านพระเยาก็เต็มไปหมด ซึ่งเจ้าคุณพ่อก็ได้ไปเห็นมากับตาท่านเอง

๓. ปาล์มขวด (bottle palm) เป็นต้นไม้สวยงามคล้ายต้นมะพร้าว ลำต้นมีลักษณะคล้ายขวด หลวงสุนทรโกษา (คออยู่เหล ณ ระนอง) เป็นผู้นำมา

๔. กวางดาว ซึ่งมีพันธุ์เลี้ยงอยู่สวนสัตว์เขาดินวนาขณะนี้ ก็ทรงได้มาจากประเทศชะวาในการประพาสคราวนี้เหมือนกัน

ไม่ใช่ Dramatic license แต่เป็น Dramatic error  ยิ้มเท่ห์


บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33585

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 325  เมื่อ 17 ม.ค. 18, 12:46

คุณหลวงน่าจะแยกกับท่านเจ้าคุณที่เมืองอุทัย แลล่องเรือลงใต้ไปตามแม่น้ำท่าจีน  ยิงฟันยิ้ม
ที่จริงก็มีวอเตอร์เวย์ทางน้ำจากแม่น้ำเจ้าพระยา เข้าคลองบางกอกน้อย ไปเชื่อมต่อกับแม่น้ำท่าจีน   จากนั้นก็ไปถึงแม่กลองได้ง่ายๆ  ไม่ต้องขึ้นไปถึงอุทัยธานีแล้ววกกลับมา
แต่ไม่เป็นไร  อ้อมหน่อยก็ได้  ไปทางเหนือยังไงก็ไปได้เร็วอยู่แล้ว   ไม่งั้นหลวงยกกระบัตรจะขี่ม้ารวดเดียวจากตากมากรุงศรีได้หรือคะ

บันทึกการเข้า
Naris
องคต
*****
ตอบ: 421


ความคิดเห็นที่ 326  เมื่อ 17 ม.ค. 18, 14:24

ตอนที่แต่งตั้งสินเป็นพระยาตากหนะครับ มีการกำหนดเครื่องยศ กำหนดลักษณะของเสลี่ยงที่จะใช้ รวมทั้งเรือประจำตำแหน่งด้วย แต่เข้าใจว่า ของเหล่านี้ ต้องจัดสร้างขึ้นและส่งตามไปในภายหลังใช่ไหมครับ ฉะนั้น ในรอบนี้ พระยาตากจึงต้องไปแพถ่อไปก่อน

ในภาพยนตร์เรื่อง ตำนานสมเด็จพระนเรศวร ภาค 2 ตอน พระชัยบุรี และ พระศรีถมอรัตน์ มาเฝ้าพระองค์ดำที่พิษณุโลก ในฉากนั้น เจ้าเมืองทั้งสองคน ขี่ม้า มีร่ม มีเจ้าหน้าที่ผู้หญิงเชิญกระโถน พานหมาก และมีทหารตามมาเป็นขบวนเลยครับ แต่ในเรื่องนี้ ขุนนางระดับ พระยา กลับแพคนเดียวเดี่ยวโดด ไฉนจึงเป็นอย่างนั้นหนอ

ถ้าอยากได้ภาพวิจิตร ก็น่าจะนำเสนอภาพขบวนอย่างนั้น ของสิน ที่จัดให้สวยงาม และใหญ่กว่า ขบวนของทองด้วง เดินออกจากเมืองด้วยกันไปถึงทางแยก แล้วลงม้ามาจับมือกันก่อนแยกย้าย อะไรอย่างนี้ก็ได้ (เข้าใจว่าเป็นประเด็นเรื่องงบประมาณกระมังครับ)
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33585

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 327  เมื่อ 17 ม.ค. 18, 16:45





บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33585

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 328  เมื่อ 17 ม.ค. 18, 16:47





บันทึกการเข้า
Koratian
พาลี
****
ตอบ: 329


ความคิดเห็นที่ 329  เมื่อ 18 ม.ค. 18, 09:45

คุณหลวงน่าจะแยกกับท่านเจ้าคุณที่เมืองอุทัย แลล่องเรือลงใต้ไปตามแม่น้ำท่าจีน  ยิงฟันยิ้ม
ที่จริงก็มีวอเตอร์เวย์ทางน้ำจากแม่น้ำเจ้าพระยา เข้าคลองบางกอกน้อย ไปเชื่อมต่อกับแม่น้ำท่าจีน   จากนั้นก็ไปถึงแม่กลองได้ง่ายๆ  ไม่ต้องขึ้นไปถึงอุทัยธานีแล้ววกกลับมา
แต่ไม่เป็นไร  อ้อมหน่อยก็ได้  ไปทางเหนือยังไงก็ไปได้เร็วอยู่แล้ว   ไม่งั้นหลวงยกกระบัตรจะขี่ม้ารวดเดียวจากตากมากรุงศรีได้หรือคะ


สองสหายล่องแพออกจากท่าน้ำ ตามน้ำไปทางใต้ แสดงว่าเจ้าคุณไปส่งคุณหลวงก่อนครับ


คลิกที่รูปเพื่อขยาย/ย่อ
บันทึกการเข้า
หน้า: 1 ... 20 21 [22] 23 24 ... 37
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by SMF 1.1.21 | SMF © 2006, Simple Machines
Simple Audio Video Embedder

XHTML | CSS | Aero79 design by Bloc หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.064 วินาที กับ 19 คำสั่ง