เรือนไทย
ยินดีต้อนรับ ท่านผู้มาเยือน
กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
ส่งอีเมล์ยืนยันการใช้งาน?
ข่าว: การแนบไฟล์ กรุณาใช้ชื่อไฟล์ภาษาอังกฤษเท่านั้นครับ
หน้า: 1 ... 18 19 [20] 21 22 ... 37
  พิมพ์  
อ่าน: 70312 Dramatic license กับ ข้อเท็จจริง ในหนังอิงประวัติศาสตร์
Naris
องคต
*****
ตอบ: 421


ความคิดเห็นที่ 285  เมื่อ 11 ม.ค. 18, 10:40

อิอิ ตอนที่ผมดู ผมเห็นกำแพงที่อยู่ชิดแม่น้ำ แล้วมีประตูด้วย แต่ประตูนี้เปิดออกไปปั๊บก็ลงแม่น้ำเลย แล้วอย่างนี้จะใช้งานได้อย่างไร แล้วเนี่ย ทำ CG ให้กำแพงชิดแม่น้ำเช่นนี้แล้ว ตอนฉากเผารากกำแพงเมือง ในตอนเสียกรุง จะทำอย่างไรกันหละครับ  
บันทึกการเข้า
Naris
องคต
*****
ตอบ: 421


ความคิดเห็นที่ 286  เมื่อ 11 ม.ค. 18, 10:46

นั่นไงครับ ท่านอาจารย์ก็สงสัย (อิอิ)

มีข้อสงสัยครับ ในความคิดเห็นที่ 282 ในภาพการห่มสไบหนะครับ ผมสังเกตว่า มีคำอยู่สองคำ ในย่อหน้าแรก เรียกคนพวกนั้นว่า Yodayas แต่ในย่อหน้าที่สอง ใช้คำว่า Ayutthia

คำเข้าใจว่า Ayutthia ที่ก็คือ อยุธยา ที่อาจจะพูดกร่อนๆเสียงหน่อย ส่วน Yodaya(s) โยดะยา หรือ โยเดีย ก็คือคำที่พม่าเรียก อยุธยา นั่นเอง สองคำนี้ก็คืออยุธยาทั้งคู่

เช่นนั้นแล้วทำไมถึงต้องใช้สองคำด้วยหละครับ
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33584

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 287  เมื่อ 11 ม.ค. 18, 16:17

มีข้อสงสัยครับ ในความคิดเห็นที่ 282 ในภาพการห่มสไบหนะครับ ผมสังเกตว่า มีคำอยู่สองคำ ในย่อหน้าแรก เรียกคนพวกนั้นว่า Yodayas แต่ในย่อหน้าที่สอง ใช้คำว่า Ayutthia

คำเข้าใจว่า Ayutthia ที่ก็คือ อยุธยา ที่อาจจะพูดกร่อนๆเสียงหน่อย ส่วน Yodaya(s) โยดะยา หรือ โยเดีย ก็คือคำที่พม่าเรียก อยุธยา นั่นเอง สองคำนี้ก็คืออยุธยาทั้งคู่

เช่นนั้นแล้วทำไมถึงต้องใช้สองคำด้วยหละครับ

เดาว่า Yodaya หมายถึงคนอยุธยา   ส่วน Ayutthia หมายถึงตัวเมืองหรืออาณาจักรอยุธยา
คำที่สอง ถ้าจะแปลก็คือ ชาวกรุงศรีอยุธยา ค่ะ

ภาพ CG ที่ประตูเมืองเปิดลงน้ำโดยไม่มีแม้แต่บันไดท่าน้ำ  คงเป็นความเข้าใจผิดของผู้ออกแบบ ที่นึกภาพไม่ออกว่าคูเมืองเป็นแบบไหน   เลยสร้างภาพกำแพงเมืองแช่น้ำเสียเลย 
ถ้ากรุงศรีออกแบบคูเมืองแบบนี้  น้ำขึ้นน้ำลงคงทะลักเข้าประตูเป็นประจำทุกวัน  อาจต้องสร้างธรณีประตูสูงเป็นพิเศษ ให้เป็นเขื่อนกั้นในตัว  ชาวเมืองต้องปีนเข้าปีนออก  แล้วว่ายน้ำข้ามไปเวลาไปทำธุระนอกเมือง
จริงๆ พม่าไม่ต้องเปลืองเวลาเผารากกำแพง  เพราะน้ำคงเซาะทั้งรากทั้งกำแพงพังทลายมานานแล้วค่ะ
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33584

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 288  เมื่อ 11 ม.ค. 18, 16:38

แผนที่กรุงศรี  มีแม่น้ำเป็นคูเมือง


บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33584

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 289  เมื่อ 11 ม.ค. 18, 16:39

กำแพงและคูเมือง


คลิกที่รูปเพื่อขยาย/ย่อ
บันทึกการเข้า
เพ็ญชมพู
หนุมาน
********
ตอบ: 12599



ความคิดเห็นที่ 290  เมื่อ 11 ม.ค. 18, 19:08

ว่าด้วยเรื่องกำแพงเมือง  ยิงฟันยิ้ม

บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33584

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 291  เมื่อ 11 ม.ค. 18, 19:15

 ยิ้มกว้างๆ


บันทึกการเข้า
Koratian
พาลี
****
ตอบ: 329


ความคิดเห็นที่ 292  เมื่อ 11 ม.ค. 18, 19:31


มุมมองตามภาพนี้ ต้องสมมุติแนวแม่น้ำเจ้าพระยาใหม่ และ แนวกำแพงยาวขึ้นไปทางเหนือ
ป้อมปืนของสามสหาย ย้ายที่ตามขึ้นมาด้วย เกาะอยุธยายาวขึ้นมาทางเหนือ
ดังนั้น ศรีอโยธยากลายเป็นเมืองในนิยายโดยแท้ ห่างไกลจากความเป็นจริงไปเรื่อย ๆ ครับ

ตรงตามที่ผู้กำกับท่านบอกไว้แต่ต้นว่าไม่อิงข้อเท็จจริงใดๆ เลย (แต่ขอให้ภาพมีองค์ประกอบสวยงามไว้ก่อน)


บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33584

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 293  เมื่อ 11 ม.ค. 18, 20:45

นอกจากภาพแล้ว องค์ประกอบอื่นที่สวยงามคือการตีความพระเจ้าเอกทัศและพระเจ้าอุทุมพรเสียใหม่  ให้พี่ชายเป็นคนธรระธัมโม   แสดงออกด้วยการเดินจงกรมเป็นประจำ   นอกจากนี้ยังเซนซิทีฟ   พอได้ข่าวศึกก็ชวนน้องไปหาแม่ ขอนอนหนุนตักแม่ เหมือนเด็กน้อย
เพื่อสะท้อนภาพว่า กรุงศรีอยุธยาเสียแก่พม่าปี 2310 นั้นไม่ใช่ความผิดของพระเจ้าเอกทัศ    เรื่องขัดแย้งกับน้องชายก็ไม่มี   พ่อก็ไม่ได้ว่ากล่าวอะไรในการยกบัลลังก์ให้น้องโดยข้ามพี่ชายไป    แต่ชะตากรุงศรีเป็นยังงั้นเอง
อันที่จริงถ้ามีความเชื่อมั่นว่า กรุงแตกไม่ได้เกิดจากความผิดพลาดบกพร่องของพระเจ้าเอกทัศ  ก็สามารถทำได้โดยไม่ต้องสร้างภาพใหม่ให้ท่านมากมายขนาดนี้  จะคงไว้ตามพงศาวดารก็ได้ว่า ท่านเป็นลูกที่พ่อไม่รักเลยไม่อยากให้ขึ้นครองบัลลังก์ แต่รักลูกชายคนรองมากกว่า   แต่ท่่านก็ปัดน้องชายออกนอกทาง พาตัวเองขึ้นมาจนได้  หลักฐานบางเรื่องอย่างในหนังสือคำให้การฯ ก็บอกว่าทรงเป็นกษัตริย์ที่ดีต่อราษฎร     เมื่อพม่ายกทัพมา ท่านก็สู้สุดชีวิต รักษาเมืองไว้ได้ถึงปีกว่า   แปลว่าเข้มแข็งไม่ใช่เล่น  เพียงแต่ครั้งนั้น  ทัพพม่าแข็งกว่าเท่านั้น
แบบนี้ พระเจ้าเอกทัศจะเป็นตัวละครที่ "ลึก" มากกว่า คือมีทั้งข้อด้อยและข้อดี    ทำให้คนอ่านได้ใช้สมองคิดใคร่ครวญผิดแผกไปจากความเชื่อเดิมๆ   โดยไม่ต้องบิดเบือนพงศาวดาร
บันทึกการเข้า
เพ็ญชมพู
หนุมาน
********
ตอบ: 12599



ความคิดเห็นที่ 294  เมื่อ 11 ม.ค. 18, 20:57

ภาพที่เรากำลังถกถึงนี้อยู่ในตอนที่ ๙ ช่วงที่ ๔



คุณคนโคราชตีความว่ามองจากเชิงเทินที่ค่ายวัดภูเขาทอง



แต่ถ้าดูในคลิป จะเห็นว่าพระเจ้าอลองพญาทรงดื่มด่ำในความงามของกรุงศรีอโยธยาตั้งแต่บ่ายจนมืด ณ จุดที่ตั้งปืนใหญ่ที่วัดหน้าพระเมรุซึ่งอยู่ตรงกันข้ามกับวังหลวงพอดี น่าจะเห็นกำแพงเป็นแนวตรงได้

บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33584

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 295  เมื่อ 11 ม.ค. 18, 21:14

ข้อสังเกตอีกอย่างคือ จังหวะ (pace)ของเหตุการณ์มันดูไม่สมดุลย์กัน   เหตุการณ์บางอย่างไม่ควรถ่ายให้ยาวก็ทำให้ยาว  เช่นตอนพวงแก้ว(รัดเกล้า) เดินลงบันไดบ้านมาส่่งแขก  พูดลากัน เธอแสดงให้เห็นถึงอาการหน้าชื่นอกตรม
ภายนอกหัวร่อร่วน (โดยไม่จำเป็น) แต่พอแขกกลับก็หน้าเศร้าสลด 
แล้วเธอก็เดินกลับขึ้นบันได จากนั้นยังไม่พอ ถ่ายให้เห็นเดินไปตามระเบียงอีก   ทั้งหมดนี้เป็นรายละเอียดที่ไม่จำเป็นต้องยาวหลายนาทีเลย เพราะมันไม่มีผลต่อเนื้อเรื่อง  จะลาคำเดียวหรือนาทีเดียวก็ได้ผลเท่ากัน   หรือจะไม่มีบทลา ตัดไปเลยก็ยังได้
แต่พอถึงเหตุการณ์สำคัญ   ทัพพระเจ้าอลองพญาถอนตัวกลับ  ตะโกนคำเดียว "ถอยทัพ" แปบเดียวหายหมดทั้งทัพราวกับล่องหน   ทำเอาสามทหารเสือบนกำแพงป้อมงง ว่าพม่าปุบปับถอยทำไม
คนดูก็งงว่าทัพใหญ่ยกมาตีกรุงศรี ถอยได้เร็วขนาดดูแทบไม่ทันเชียวหรือ  ไปเร็วกว่าขบวนรถเด็กแว้นซ์เสียอีก
บันทึกการเข้า
เพ็ญชมพู
หนุมาน
********
ตอบ: 12599



ความคิดเห็นที่ 296  เมื่อ 11 ม.ค. 18, 21:42

ทำเอาสามทหารเสือบนกำแพงป้อมงง ว่าพม่าปุบปับถอยทำไม

เรื่องนี้ตรงตามที่มีบันทึกไว้ จาก ไทยรบพม่าครั้งที่ ๒๒ พระนิพนธ์ สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ กล่าวไว้ว่า

พม่าเลิกทัพกลับไปครั้งนั้นเป็นการรีบจะไปในทันที มิได้มีเวลาตระเตรียม ถึงขนปืนใหญ่ไปไม่ทันต้องเอาลงฝังทิ้งไว้ในค่ายหลวง ต่อมาไทยไปขุดพบหลายสิบกระบอก แต่ในชั้นแรกเมื่อพม่ากลับไปไทยยังไม่รู้ว่าพระเจ้าอลองพญาประชวร สำคัญว่าพม่าจะทำถอยทัพเป็นกลอุบายก็มิได้ยกไปตามตี ครั้นรู้ว่าเลิกทัพกลับไปแน่ พระเจ้าอุทุมพรจึงให้พระยายมราช กับพระยาสีหราชเดโชชัยยกกองทัพไปติดตามพม่า ตามไปจนเมืองตากก็ไม่ทันข้าศึก แต่ถึงจะทันก็เห็นจะไม่เป็นประโยชน์อันใด ด้วยเวลานั้นครั่นคร้ามพม่าเสียมากแล้ว พม่าจึงกลับไปได้โดยสะดวก
บันทึกการเข้า
Koratian
พาลี
****
ตอบ: 329


ความคิดเห็นที่ 297  เมื่อ 12 ม.ค. 18, 06:22

อ้างถึง


คุณคนโคราชตีความว่ามองจากเชิงเทินที่ค่ายวัดภูเขาทอง

แต่ถ้าดูในคลิป จะเห็นว่าพระเจ้าอลองพญาทรงดื่มด่ำในความงามของกรุงศรีอโยธยาตั้งแต่บ่ายจนมืด ณ จุดที่ตั้งปืนใหญ่ที่วัดหน้าพระเมรุซึ่งอยู่ตรงกันข้ามกับวังหลวงพอดี น่าจะเห็นกำแพงเป็นแนวตรงได้

ในฉาก​อโยธยาของหม่อมน้อย​มีแม่น้ำลพบุรีไหลผ่ากลางเมืองครับ​ พระบรมมหาราชวังอยู่ใจกลางเมืองล้อมรอบด้วยกำแพงชั้นใน​ มีแม่น้ำเจ้าพระยาสายสมมุติไหลตรงลงมาจากทางเหนือ
กำแพงเมืองชั้นนอกสมมุติขนานเลียบริมน้ำขึ้นมาด้วย​
วัดหน้าพระเมรุจึงอยู่ใจกลางเมือง​ฝั่งตรงข้ามพระที่นั่งสุริยาศอัมรินทร์​

อลองพญาของหม่อมน้อยมายืนชมวิวตรงข้ามป้อมปืนสามสหายตามแนวเฉียงจากตะวันตกเฉียงเหนือครับ​ จากมุมมองนี้จะเห็นว่าผู้สังเกตยืนอยู่ในที่สูงกว่าหลังคาป้อมปืนสามสหายสักสองสามเท่าตัวนะครั​บ​  อาจจะเป็นภาพในจินตนาการของอลองพญา​
 เพราะจากค่ายพม่าที่อยู่ต่ำริมน้ำเจ้าพระยาสมมุติตามท้องเรื่อง​นี้ อย่างมากจะมองเห็นแค่ปลายยอดพระปราสาท


ถ้าอยู่วัดหน้าพระเมรุจะเห็นพระที่นั่งในระยะใกล้​และมุมมองทิศเหนือพอดีครับ​ ของจริงพม่าเอาปืนใหญ่มาจ่อยิงพระปราสาท​ สามสหายก็จะไม่มีบทยิงปืนใหญ่บนป้อมเพราะไม่มีป้อมสมมุติ
หลังพม่าเลิกทัพไปแล้วก็ต้องมีฉากเก็บกวาดซ่อมพระมหาปราสาทกัน​ซึ่งเจ้าของเมืองโบราณอาจไม่อนุญาตครับ
บันทึกการเข้า
Naris
องคต
*****
ตอบ: 421


ความคิดเห็นที่ 298  เมื่อ 12 ม.ค. 18, 09:59


แต่พี่ Koratian ครับ ถ้าดูจากฉากนี้ มันราวกับว่า พื้นที่ตรงกลางระหว่างป้อมปืนสามสหาย กับค่ายพระเจ้าอลองพญา ถูกคั้นด้วยแม่น้ำ (หรือคูน้ำ) ตลอดแนวเลยครับ นอกจากนี้ยังมีฉากหนึ่งที่พระเจ้าเอกทัศน์ ตรัสกับเจ้าฟ้าสุทัศน์บนหอดูดาวว่า "หากจะดูทัพพม่าข้าศึก พ่อจะเล็งกล้องไปที่ริมฝั่งแม่น้ำ เป็นไงเจ้าเห็นอะไรบ้าง" เจ้าฟ้าสุทัศน์ ตอบว่ายังไม่เห็นอะไร พระเจ้าเอกทัศน์จึงบอกว่า งั้นก็แปลว่ายังไม่มา

ประกอบกับ ในการต่อสู้คราวนั้น มีทั้งการยิงธนู การยิงปืนยาว และการยิงปืนใหญ่ แล้วยังปรากฎว่า ยิงถึงซะด้วย มีฉากทหารตัวประกอบโดนปืนบ้างธนูบ้างให้เห็นอยู่ด้วยครับ ผมจึงไม่มั่นใจว่าจุดที่ตั้งทัพของพระเจ้าอลองพญาในละครนั้น จะอยู่ไกลถึงภูเขาทองได้   
บันทึกการเข้า
Naris
องคต
*****
ตอบ: 421


ความคิดเห็นที่ 299  เมื่อ 12 ม.ค. 18, 10:09

ผมมองว่า ฉากนั้น อาจจะเป็นเพียงมุมแคบๆเล็กๆ แถวๆ นี้
จะเป็นไปได้หรือไม่ครับ

จุดแดง จุดที่พระเจ้าอลองพญายืนดูเมือง
จุดน้ำเงิน ป้อมปืนสามสหาย
เส้นสีเขียว แนวกำแพง
เส้นสีฟ้า แนวน้ำ

สังเกตว่า ตรงนั้นมีคลองอยู่สายหนึ่งพอดี อาจสมมุติให้มีทางเปิดออกแม่น้ำ แล้วเป็นที่ตั้งของประตูติดแม่น้ำนั่นก็ได้ครับ


บันทึกการเข้า
หน้า: 1 ... 18 19 [20] 21 22 ... 37
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by SMF 1.1.21 | SMF © 2006, Simple Machines
Simple Audio Video Embedder

XHTML | CSS | Aero79 design by Bloc หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.044 วินาที กับ 19 คำสั่ง