เรือนไทย
ยินดีต้อนรับ ท่านผู้มาเยือน
กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
ส่งอีเมล์ยืนยันการใช้งาน?
ข่าว: การแนบไฟล์ กรุณาใช้ชื่อไฟล์ภาษาอังกฤษเท่านั้นครับ
หน้า: 1 ... 17 18 [19] 20 21 ... 37
  พิมพ์  
อ่าน: 70705 Dramatic license กับ ข้อเท็จจริง ในหนังอิงประวัติศาสตร์
Naris
องคต
*****
ตอบ: 421


ความคิดเห็นที่ 270  เมื่อ 10 ม.ค. 18, 12:19

ทีนี้ พอทหารฝ่ายกรุงศรีฯ ได้เห็นสัญญาณ ก็เริ่มโจมตีด้วยการ ยิงธนู ปืนไฟ และปืนใหญ่ ข้ามแม่น้ำลพบุรี หรือไม่ก็คลองขื่อหน้า เข้าใส่กัน ซึ่งทางพม่าเอง ก็ปักหลักยิงส่วนออกมาอย่างดุเดือด แต่เอิ่ม ท่านครับ ถ้าคิดจะทำเช่นนี้ เหตุใดจึงตั้งค่ายหลวงในระยะปืนใหญ่ของอีกฝ่ายหละครับ แถมเอาผู้บัญชาการสูงสุดคือพระมหากษัตริย์ผู้ทรงเป็นจอมทัพ มายืนล่อเป้าเสียด้วย (จริงๆแล้ว ในครั้งนั้น ค่ายหลวงของพระเจ้าอลองพญา อยู่ที่ไหนหรือครับ)

ผมไม่มีความรู้ด้านการสงครามอะไรมากมายนั้น แต่การตั้งฐานในระยะปืนใหญ่ฝ่ายตรงข้ามนี่ ยังไงก็ผิดแน่ๆครับ

สุดท้าย การรบจบลงที่ ปืนใหญ่ของฝ่ายกรุงศรี ยิงแม่นยำกว่า ยิงไปโดน.... เอ่อ โดนตรงไหนก็ไม่แน่ใจครับ ระหว่าง นอกกำแพงค่าย หรือตกลงในค่าย (ในละคร มีการระเบิดขึ้นสองครั้งครับ) จนถึงตรงนี้ ทัพใหญ่ 3 ทัพ และทัพโอบล้อม 14 ทัพก็ไม่ปรากฎตัวออกมา คงมีแต่กองโจรคนโขนของพระยาพิชัยชาญฤทธิ์ เท่านั้น ที่ออกมารบพุ่งกับทหารพม่า แต่อย่างไรก็ดี แม่ทัพรองคนหนึ่งมารายงานมังฆ้องนรธาว่า ทัพอโยธยาโอบล้อมเราไว้ทุกทิศ เราต้องกับดักแล้ว มังฆ้องนรธา จึงสั่งถอนทัพ โดยมิได้ปรึกษาเจ้าฟ้ามังระ แต่อย่างใด

จบการรบที่รอลุ้นมาหลายสัปดาห์เพียงเท่านี้

สำหรับเรื่องกระสุนปืนใหญ่ระเบิดได้ ก็อย่างที่ท่านอาจารย์ SILA ว่าอ่ะครับ ลูกปืนใหญ่สมัยนั้น ก็ลูกเปตองนี่แหละครับ มันระเบิดไม่ได้หรอกครับ ตกลงไปตรงไหนมันก็กลิ้งหลุนๆไปด้วยความแรงจากดินปืน ฟาดเข้าที่ใดก็ทำที่นั่นหักพังเสียหายไปด้วยแรงนั้น ถ้าอยากยิงลูกปรายแบบลูกซอง เขาก็เอาลูกเหล็กหลายๆลูกใส่กระป๋องเหล็กแล้วยิงออกไป เรียกว่า Grape Shot

ถ้าอยากเพิ่มความอันตรายก็เอาลูกเหล็กไปเผาไฟให้ร้อนแดงเสียก่อน ยิงไปตกตรงไหนก็จะก่อให้เกิดเพลิงไหม้ขึ้นที่นั่น แต่ไม่ว่ายังไงก็ไม่ระเบิดแน่นอนครับ    
บันทึกการเข้า
Naris
องคต
*****
ตอบ: 421


ความคิดเห็นที่ 271  เมื่อ 10 ม.ค. 18, 12:26

อ่อ ถ้าผมจำไม่ผิด ตอนรบกับพม่าที่ท่าดินแดง ในสงครามเก้าทัพ มีการใช้ไม้ ทำเป็นกระสุนปืนใหญ่ด้วยครับ
https://pantip.com/topic/33737177
แสดงให้เห็นว่า ลูกปืนใหญ่สมัยนั้น ยังง้าย ยังไง มันก็ไม่ระเบิดแน่นอนครับ
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33584

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 272  เมื่อ 10 ม.ค. 18, 12:57


ฝ่ายอโยธยา ไม่มีการจัดทัพออกไปรับศึกนอกกำแพงเลย วางกำลังรักษาป้อมประตูชัยไว้อย่างเหนียวแน่น แต่ยังไม่ทำอะไร รอสัญญาณจากพระเจ้าเอกทัศน์ก่อน (ระหว่างรอ ตัวละครทั้ง 3 ยังคงคุยเรื่องการเที่ยวซ่องคณิกา การสงเคราะห์แม่ผีเสื้อราตรีกันอยู่เลยครับ) ซึ่งสัญญาณนี้ จะมาจากการยิงธนูมาจากบนหอดูดาว เอาหละสิครับ เมื่อเขียนบทว่า สัญญาณคือธนู ก็เกิดปัญหาหละสิครับว่า คนที่กำแพงเมือง จะรู้ได้อย่างไรว่า มีลูกธนูถูกยิงขึ้นมาจากหอดูดาวแล้ว (ทำไมไม่เขียนบทให้ทรงเป่าสังข์ หรือยิงปืนหละครับ) ผลก็คือ ทรงยิงธนูไฟ ออกมาจากหอดูดาว เอิ้ม.... ลูกธนูติดไฟนะขอรับ ยิงออกไปแล้วลูกธนูนี้มันจะไปตกที่ไหนหละพระพุทธเจ้าข้า  เห็นทีไฟไหมกรุง จะมิใช่เพราะกองทัพพม่ารามัญเป็นแน่ (ฮ่า)  

อ่านกระทู้เรือนไทยสนุกกว่าดูละครเสียอีก     ยิงฟันยิ้ม
บทยิงธนูจากหอดูดาว ที่คุณนริศบรรยาย ทำให้คิดขึ้นมาได้ว่า เออจริงนะคะ  หอดูดาวอยู่ในกรุงศรีฯ น่าจะอยู่ในบริเวณหมู่พระมหามณเฑียร เพราะถ้าไกลออกไปนัก คงเสด็จไปดูไม่สะดวก   
ดังนั้นเวลายิงธนูไฟก็ต้องยิงวิถีโค้งให้ลูกธนูพุ่งออกไปพ้นกำแพงเมือง   ถ้ายิงตกภายในเขตเมืองบรรดาบ้านช่องร้านรวงและตลาดต่างๆ คงเจอแจ๊กพ็อทเข้าบ้าง   ภายในกรุงศรีฯก็มีผู้คนอยู่แออัด  ยังไม่มีส่วนไหนทำแบบเซนทรัลปาร์คในนิวยอร์คให้พ้นผู้คนได้
ว่าแต่กำลังของคนยิงจะแข็งแกร่งขนาดนั้นเชียวหรือ    ในเรื่องก็ไม่ได้บอกว่าไปยืมตัวแงซายมาจากเพชรพระอุมาให้ช่วยยิงเสียด้วย
เลยนึกไปถึงปีใหม่ที่เพิ่งพ้นไปหมาดๆ     ประเพณียิงปืนขึ้นฟ้าถูกตำรวจปรามมาหลายทีแล้วก็ยังไม่เลิก กระสุนลูกหลงไปโดนชาวบ้านตาย หลังคาบ้านทะลุกันมาหลายคนแล้ว    ธนูไฟก็พอกันละค่ะ
บันทึกการเข้า
เพ็ญชมพู
หนุมาน
********
ตอบ: 12600



ความคิดเห็นที่ 273  เมื่อ 10 ม.ค. 18, 14:05

จริงๆแล้ว ในครั้งนั้น ค่ายหลวงของพระเจ้าอลองพญา อยู่ที่ไหนหรือครับ

ผมไม่มีความรู้ด้านการสงครามอะไรมากมายนั้น แต่การตั้งฐานในระยะปืนใหญ่ฝ่ายตรงข้ามนี่ ยังไงก็ผิดแน่ๆครับ

ถึงเดือน ๕ แรม ๑๔ ค่ำ พม่าเอาปืนใหญ่มาตั้ง ณ วัดราชพลี วัดกษัตรา ข้างด้านตะวันตก ยิงเข้าไปในพระนคร พระเจ้าอุทุมพรทรงช้างพระที่นั่งเสด็จไปบัญชาการให้เจ้าหน้าที่ยิงปืนป้อมตอบโต้พม่า ยิงกันอยู่จนเวลาเย็นพม่าก็เลิกทัพกลับไปค่าย

ถึงเดือน ๖ ขึ้น ๑ ค่ำ พม่าเอาปืนใหญ่มาตั้งจังก้าที่วัดหน้าพระเมรุและวัดช้าง (หัสดาวาส) ระดมยิงเข้าไปในพระราชวังทั้งกลางวันและกลางคืน ลูกปืนถูกยอดพระที่นั่งสุริยาสน์อมรินทร์หักทำลายลง


จาก ไทยรบพม่าครั้งที่ ๒๒ พระนิพนธ์ สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ

https://th.wikisource.org/wiki/สงครามครั้งที่_๒๒_คราวพม่าล้อมกรุงศรีอยุธยา_ตอนที่_๒

แผนที่ตำแหน่งที่พงศาวดารระบุว่าพม่าตั้งค่ายประชิด ยิงปืนใหญ่เข้ามาในเมืองและพระบรมมหาราชวังในคราวศึกอลองพญา ๒๓๐๒-๒๓๐๓ ครับ

หลายท่านไม่ต้องดูก็คงนึกภาพออกอยู่แล้วว่าอะไรอยู่ตรงไหน พม่าตั้งประชิดเมืองขนาดไหน (จากมะริดมาจนตั้งค่ายประชิดเมือง พม่าใช้เวลาราว ๓ เดือนเท่านั้นเอง)

ท่านที่นึกไม่ออกก็เชิญดูเลยดีกว่าครับ


บันทึกการเข้า
Naris
องคต
*****
ตอบ: 421


ความคิดเห็นที่ 274  เมื่อ 10 ม.ค. 18, 16:19

จากข้อความส่วนนี้
อ้างถึง
พระเจ้าอลองพญาตีค่ายไทยที่ทุ่งตาลานแตกแล้วก็ยกกองทัพตามเข้ามาถึงกรุงศรีอยุธยา เมื่อเดือน ๕ ขึ้น ๑๑ ค่ำ ปีมะโรง พ.ศ. ๒๓๐๓ ตั้งค่ายหลวง ณ บ้านกุ่มข้างเหนือกรุงฯ ให้มังระราชบุตรกับมังฆ้องนรธา ซึ่งเป็นกองทัพหน้าลงมาตั้งที่ท่าโพธิ์สามต้น ครั้งนั้นหลวงอภัยพิพัฒน์ ขุนนางจีนพาพวกจีนบ้านนายก่ายประมาณ ๒,๐๐๐ มาขออาสาตีค่ายข้าศึกที่โพธิ์สามต้น จึงโปรดให้จมื่นทิพเสนาปลัดกรมตำรวจคุมกำลัง ๑,๐๐๐ หนุนออกไปด้วย กองทัพจีนยกไปถึงยังมิทันจะได้ตั้งค่าย พม่าก็ข้ามลำน้ำโพธิ์สามต้นมาระดมตีกองทัพจีนแตกพ่าย จมื่นทิพเสนาซึ่งเป็นกองหนุน ยังตั้งอยู่ที่วัดทะเลหญ้า ทุ่งเพนียดหนุนไปไม่ทัน ครั้นเห็นพม่าไล่ฆ่าฟันจีนมา กองทัพจมื่นทิพเสนาก็พลอยแตกด้วย ครั้งนั้นเสียผู้คนไทยจีนถูกพม่าฆ่าฟันเสียเป็นอันมาก มังระเห็นได้ทีก็ยกกองทัพรุดเข้ามาตั้งค่ายที่เพนียด ให้มังฆ้องนรธาเป็นกองหน้าเข้ามาตั้งถึงวัดสามวิหาร แต่นั้นก็มิได้ปรากฏว่าไทยยกกองทัพออกไปรบพุ่งกองทัพพม่าอีก เป็นแต่ให้รักษาพระนครมั่นไว้ ภายนอกพระนครปล่อยให้พม่าทำตามชอบใจ มีจดหมายเหตุการณ์ตอนนี้ปรากฏในหนังสือพระราชพงศาวดารว่า....

แสดงว่า ค่ายของพระเจ้าอลองพญา อยู่บ้านกุ่ม
มังระ มังฆ้องฯ ค่ายอยู่ โพธิสามต้น
หลังปะทะทัพจีนบ้านนายก่าย สองทัพพม่าก็รุกคืบ
มังระ ค่ายอยู่ เพนียด
มังฆ้องฯ ค่ายอยู่ วัดสามวิหาร
บันทึกการเข้า
Naris
องคต
*****
ตอบ: 421


ความคิดเห็นที่ 275  เมื่อ 10 ม.ค. 18, 16:29

อ้างถึง
ถึงเดือน ๕ แรม ๑๔ ค่ำ พม่าเอาปืนใหญ่มาตั้ง ณ วัดราชพรี วัดกษัตรา ข้างด้านตะวันตก ยิงเข้าไปในพระนคร พระเจ้าอุทุมพรทรงช้างพระที่นั่งเสด็จไปบัญชาการให้เจ้าหน้าที่ยิงปืนป้อมตอบโต้พม่า ยิงกันอยู่จนเวลาเย็นพม่าก็เลิกทัพกลับไปค่าย

อ้างถึง
ถึงเดือน ๖ ขึ้น ๑ ค่ำ พม่าเอาปืนใหญ่มาตั้งจังก้าที่วัดหน้าพระเมรุและวัดช้าง(หัสดาวาส) ระดมยิงเข้าไปในพระราชวังทั้งกลางวันและกลางคืน ลูกปืนถูกยอดพระที่นั่งสุริยาสน์อมรินทร์หักทำลายลง

ผมสังเกตว่ามีการใช้ถ้อยคำว่า  "เอาปืนใหญ่มาตั้ง" และ "เลิกทัพกลับค่าย" ถ้าอย่างนี้ก็แสดงว่า วัดราชพรี วัดกษัตรา วัดหน้าพระเมรุ และวัดช้าง มิใช้ที่ตั้งค่าย แต่เป็น Fire Base เอาปืนใหญ่มาปักหลักยิงจนพอใจแล้วจึงถอยทัพกลับไปค่าย ก็จะเห็นได้ว่า พม่าตัวจริง ตั้งค่ายนอกระยะยิงของปืนใหญ่อยุธยาครับ เวลาจะเข้ามาถล่มจึงค่ายลากปืนใหญ่มาเข้าจุดยิง แต่ทำไมต้องเลือกใช้วัดเป็นจุดยิง อันนี้ผมก็ไม่ทราบครับ

อ้างถึง
ในวันพม่ามายิงพระราชวังที่กล่าวมานี้ พระเจ้าอลองพญามาทรงบัญชาการและจุดปืนใหญ่เอง เผอิญปืนแตกถูกพระองค์บาดเจ็บสาหัสก็ประชวรหนักในวันนั้น


นี่ก็แสดงว่า พระเจ้าอลองพญา มาบัญชาการยิงปืนใหญ่ที่แนวหน้าด้วยพระองค์เอง แต่ข้อความไม่ได้พูดถึงเลยว่า ฝ่ายอยุธยาได้ยิงปืนโต้ตอบหรือไม่ แต่ที่แน่ๆ เป็นปืนฝ่ายพม่าเองที่ระเบิดขึ้น ทำให้พระองค์ทรงได้รับบาดเจ็บ มิใช่ถูกกระสุนจากปืนใหญ่ฝ่ายอยุธยา ซึ่งจุดนี้ ไม่ตรงกับที่ปรากฎในละครครับ
บันทึกการเข้า
SILA
หนุมาน
********
ตอบ: 6362


ความคิดเห็นที่ 276  เมื่อ 10 ม.ค. 18, 17:13

          บทที่เขียนให้ฝ่ายไทยสามารถชนะศึกได้อย่างง่ายดายไม่ทันไรหลังจากได้สัญญาณธนูไฟเปิดศึกจาก
พระเจ้าเอกทัศน์ที่ทรงยิงไปได้ไกลลิบลิ่ว แล้วลูกกระสุนปืนใหญ่จากพระเจ้าอุทุมพรก็เข้าเป้าราวจับวางนี้ คิดว่า
คงจะเป็นการตั้งใจยกย่องมองเป็น กฤดาภินิหาร ของทั้งสองพระองค์       

บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33584

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 277  เมื่อ 10 ม.ค. 18, 18:20

 ยิ้มกว้างๆ


บันทึกการเข้า
เพ็ญชมพู
หนุมาน
********
ตอบ: 12600



ความคิดเห็นที่ 278  เมื่อ 10 ม.ค. 18, 18:49

ถึงเดือน ๕ แรม ๑๔ ค่ำ พม่าเอาปืนใหญ่มาตั้ง ณ วัดราชพลี วัดกษัตรา ข้างด้านตะวันตก ยิงเข้าไปในพระนคร พระเจ้าอุทุมพรทรงช้างพระที่นั่งเสด็จไปบัญชาการให้เจ้าหน้าที่ยิงปืนป้อมตอบโต้พม่า ยิงกันอยู่จนเวลาเย็นพม่าก็เลิกทัพกลับไปค่าย

ในพระราชพงศาวดารกรุงศรีอยุธยา ฉบับพันจันทนุมาศ (เจิม) กล่าวถึงความตอนนี้ว่า

ครั้น ณ เดือน ๕ แรม ๑๔ ค่ำ พม่าเอาปืนใหญ่มาตั้ง ณ วัดราชพลี วัดกษัตรา ยิงเข้าในกรุงพระเจ้าอยู่หัวเสด็จทรงช้างต้นพลายแสนพลพ่ายไปทอดพระเนตรกำชับหน้าที่ ณ วัดสวนหลวงสพสวรรค์ และป้อมมหาชัย ครั้นเพลาเย็นพม่าเลิกทัพข้ามฟากไปข้างวัดภูเขาทอง



วัดภูเขาทอง (หมายเลข ๓๐ ในแผนที่) น่าจะเป็นที่ตั้งค่ายหนึ่งของทัพอังวะ  ยิงฟันยิ้ม
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33584

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 279  เมื่อ 10 ม.ค. 18, 20:54

ศรีอโยธยา ตอนที่ 9  ค่ะ





บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33584

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 280  เมื่อ 10 ม.ค. 18, 20:55





บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33584

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 281  เมื่อ 10 ม.ค. 18, 21:27

รูปนี้มาจากตอนที่ 8 คลิปที่ 2/8

นางในสมัยอยุธยาตอนปลายไว้ผมยาวประบ่า ด้านบนกันให้เห็นไรผม    ไม่ได้แบกศิราภรณ์กันพร่ำเพรื่อในชีวิตประจำวันอย่างในฉากนี้
แล้วที่สวมหัวก็ผิดทั้งหมดด้วยค่ะ 


บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33584

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 282  เมื่อ 10 ม.ค. 18, 21:28

หนุ่มสาวอยุธยาแต่งกายแบบนี้ค่ะ 
สไบของสาวในภาพ  คือสไบห่มสองบ่าที่เราลืมกันไปแล้ว ว่าเคยมีแบบนี้    เหลือร่องรอยอยู่ในการห่มแบบตะแบงมาน


บันทึกการเข้า
Koratian
พาลี
****
ตอบ: 329


ความคิดเห็นที่ 283  เมื่อ 11 ม.ค. 18, 10:28


ฉากนี้สรุปได้ว่า ศรีอโยธยาของหม่อมน้อยไม่ใช่เมืองเดียวกับกรุงศรีอยุธยาที่เรารู้จัก

ในฉากนี้ป้อมปราการ กำแพงเมือง และแม่น้ำที่แสดงเป็นเรื่องสมมุติทั้งสิ้น ไม่มีตามสภาพภูมิศาสตร์จริง


คลิกที่รูปเพื่อขยาย/ย่อ
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33584

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 284  เมื่อ 11 ม.ค. 18, 10:35

สนใจประตูเมือง
เปิดลงน้ำเลยหรือคะ


บันทึกการเข้า
หน้า: 1 ... 17 18 [19] 20 21 ... 37
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by SMF 1.1.21 | SMF © 2006, Simple Machines
Simple Audio Video Embedder

XHTML | CSS | Aero79 design by Bloc หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.088 วินาที กับ 19 คำสั่ง