Koratian
|
ความคิดเห็นที่ 240 เมื่อ 04 ม.ค. 18, 17:54
|
|
ว่าด้วยสายรัดคาง
ขุนนางสมัยพระนารายณ์ มีสายรัดคางทำด้วยทองคำ ร้อยลงมาจากแหวนครอบเพื่อยึดลอมพอกให้เข้าที่ เมื่อสายรัดคางถ่วงด้วยแหวนรัดขอบลอมพอกที่มีน้ำหนักมากกว่าลอมพอก จะได้สมดุลดีเข้าที่ง่าย ในปัจจุบัน สายรัดคางทำจากผ้าร้อยดึงจากขอบลอมพอกลงมา โดยไม่ผูกกับแหวนรัดขอบลอมพอก มีโอกาสลอมพอกแกว่งและสายรัดบาดคางได้
จะเห็นว่าคุณหมอ เจ้าพนักงานฯ มีผ้ารองคางกันไม่ให้สายลอมพอกรัดจนเป็นแผล ในขณะที่พระเอกศรรามของเรามีปัญหากับสายรัดคางมากทีเดียว
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
ตอบ: 33584
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 241 เมื่อ 04 ม.ค. 18, 19:00
|
|
สายรัดคางของคุณพระพิมานกับเจ้าฟ้าสุทัศน์ ส่วนชุดของแพนเค้ก เดาไม่ออกค่ะ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
SILA
|
ความคิดเห็นที่ 242 เมื่อ 05 ม.ค. 18, 10:47
|
|
ฉากนี้เป็นเสลี่ยงของเจ้าฟ้ารุจจาเทวี เจ้านายสตรีสมัยอยุธยาตอนปลายและต้นรัตนโกสินทร์ ไม่ได้เสด็จไปไหนเปิดเผยเห็นได้ในระยะไกลแบบนี้ ถ้าหากว่านั่งเสลี่ยง คนแบกต้องเป็นหญิงที่รูปร่างใหญ่แข็งแรง ไม่ใช่ผู้ชาย เพราะผู้ชายเข้าในเขตพระราชฐานชั้นในไม่ได้อยู่แล้ว
คงนั่งเสลี่ยงไปไหนประมาณแบบนี้,ในหนังเรื่อง สุริโยทัย
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
ตอบ: 33584
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 243 เมื่อ 05 ม.ค. 18, 11:37
|
|
ขอบคุณคุณหมอ SILA ข้างบนนี้น่าจะถูกต้องมากกว่าค่ะ เจ้านายสตรีสมัยอยุธยาตอนปลายจะไม่เสด็จไปไหนมาไหน แบบกินลมชมวิวได้เต็มที่ ต้องมีอะไรกั้นจากสายตาคนภายนอกเสมอ ธรรมเนียมเก็บผู้หญิงไว้หลังม่านยังมีมาถึงต้นรัชกาลที่ 5 อย่าว่าแต่เจ้านายสตรี แม้หญิงสามัญที่เป็นลูกผู้ดีมีตระกูลก็จะไม่ออกมาให้ชายที่ไม่ใช่ผู้สืบสายโลหิตโดยตรงเห็นหน้าได้ง่ายๆ อ่านตัวอย่างได้จากประวัติเจ้าพระยาวรพงษ์พิพัฒน์ เมื่อรุ่นหนุ่ม ท่านไปฝึกงานที่บ้านพี่ชาย พี่สะใภ้จะให้ขนมกินก็ทำได้แค่เลื่อนกระทงขนมมาวางให้ ตัวเธอเองต้องนั่งอยู่หลังม่าน ไม่ออกมาพูดจาปราศรัยใกล้ชิดกับน้องชายสามี
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
ตอบ: 33584
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 244 เมื่อ 08 ม.ค. 18, 15:12
|
|
มีหลวงนายก่ายมาฝากคุณคทาธรและคุณนริศอีกหน่อยค่ะ https://pantip.com/topic/37258922... งง กะ หลวงนายก่าย
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
Naris
|
ความคิดเห็นที่ 245 เมื่อ 08 ม.ค. 18, 17:10
|
|
ขอบพระคุณครับ เรื่องนี้ ผมงงตั้งแต่การจัดทัพแล้วครับ กล่าวคือ 1. ในตอนก่อนหน้านี้ มีฉากหนึ่งที่มีสายเข้ามารายงานตัวละคร คุณสิน ว่า ทัพพม่าเข้ามาทางทวาย ขณะนั้น คุณสิน กำลังคุยอยู่กับเพื่อนทั้งสอง ก็เลยบอกว่า เรื่องนี้สำคัญมาก ทัพเหนือเพึ่งยกออกไปเชียงใหม่ อย่างนี้ ก็จะไม่พบข้าศึก ต้องเรียกทัพเหนือกลับมา คุณบุนนาค (หรือคุณทองด้วง ไม่แน่ใจครับ) บอกว่า จะต้องรีบไปกราบบังคมทูล แต่คุณสินบอกว่าจะเข้าไปกราบทูลฯ เพื่อขอรับพระบรมราชโองการก็คงไม่ทัน ดังนั้น คุณสิน เลยออกคำสั่งให้ม้าเร็วไปแจ้งข่าวให้ทัพเหนือ ยกกลับลงมากระหนาบทัพพระเจ้าอลองพญาอีกชั้นหนึ่ง
เรื่องแบบนี้จะเป็นไปได้อย่างไรครับ เพราะคนที่นำทัพเหนือออกไป ถ้าผมจำไม่ผิด บรรดาศักดิ์เป็นไม่เจ้าพระยา ก็พระยา หละครับ และท่านรับคำสั่งมาจากเพราะเจ้าอยู่หัวฯ โดยตรงให้ยกไปเชียงใหม่ อยู่ๆจะมาเปลี่ยนทางเพราะคำสั่ง หรือคำร้องขอ หรืออะไรก็ไม่รู้หละครับ จากขุนนางระดับ หลวง ได้อย่างไร
2. ต่อมา คุณสิน คุณทองด้วง คุณบุนนาค ไปเข้าเฝ้าพระเจ้าเอกทัศน์ พระองค์ทรงตรัสชมว่า สินทำถูกแล้ว (อ้าวไหงงั้น) รวมทั้งได้ตรัสต่อไปว่า ต่อไป ถ้าการใดเห็นควร ให้สินสั่งการไปได้เลย ตรงนี้ก็น่าแปลกใจมากครับ เพราะขุนนางชั้น พระ พระยา เจ้าพระยา ก็ยังมีอยู่มาก เหตุใดจะให้ขุนนางชั้นหลวงมาบัญชาการศึกได้ แต่ก็เพราะละครปูพื้นมาอย่างนี้แหละครับ จึงนำไปสู่ฉากที่ว่า คุณสิน สั่งการให้นายก่าย นำทัพจีนไปทำทีเป็นทัพรักษากรุงได้
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
ตอบ: 33584
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 246 เมื่อ 08 ม.ค. 18, 17:23
|
|
เดาว่าจุดประสงค์คือจะให้ความสำคัญแก่บทบาทหลวงยกกระบัตร(สิน) ว่าเป็นคนสำคัญมาตั้งแต่ปลายกรุงศรีอยุธยา สามารถบัญชาการทัพได้ ตั้งแต่หนุ่มๆ เพราะฉะนั้นก็เลยบัญชาการทัพได้ในสมัยธนบุรี
ส่วนความเป็นไปได้ หรือสอดคล้องกับสภาพสังคมสมัยนั้น ตัดออกไปได้
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
Naris
|
ความคิดเห็นที่ 247 เมื่อ 08 ม.ค. 18, 17:27
|
|
3. ทีนี้ ความแปลกก็ตามมาอีกครับ กล่าวคือ ทัพพระเจ้าอลองพญา เป็นทัพระดับมีพระมหากษัตริย์ควบคุมบัญชาการมาเอง ดังนั้น หากฝ่ายอโยธยาจะ "ลวง" ว่า นี่เป็นทัพที่ออกมาป้องกันกรุง อย่างน้อยๆ ก็ควรยกออกมาให้ครบเครื่อง ช้าง ม้า ราบ รถ (คือ หมายความว่า ต้องทำให้ดูเหมือนเป็นทัพใหญ่ที่ตั้งใจมาหวดกันให้รู้ดำรู้แดง) แต่นี่ ทัพกันกรุง กลับเป็นทัพจีนอาสา ตัวนายทัพเป็นเพียงทหารเดินเท้า ถือไต้ด้าว (ดาบจีน) มาเล่มเดียว กำลังพลไม่รู้ว่าจะมีสักเท่าไหร่ ดูอย่างไร ผมว่า พม่าในเรื่องไม่น่าจะหลงกลเชื่อว่า นี่เป็นทัพป้องกันกรุงแน่ๆ ครับ
4. เอ หรือว่า นี่จะเป็นเหตุผลให้นายก่ายตายในที่รบกันแน่ครับ เพราะเหตุว่า ทัพนี้ ได้รับคำสั่งให้ "แสร้งรบแพ้" หมายความว่า ทัพนี้ต้องเข้าปะทะกับทัพใหญ่สักครู่หนึ่ง แล้วจึงทำเป็นแพ้ แตกพ่ายมา ปัญหาคือ ทัพนี้ น้อยทั้งกำลังคน ยุทโธปกรณ์ (มีแต่ไพร่ราบเดินเท้า) อาจจะรวมถึงฝีมือการรบพุ่งด้วย ผลคือ ปะทะกันไม่ทันไร ทัพจีนนายก่ายก็แตกยับ นายก่ายเอง ถึงจะมีฝีมือพอตัว แต่แกเข้ารบเมามันส์ไปหน่อย รู้ตัวอีกที ทัพแกก็ถูกโอบล้อมไปแล้ว (พม่ามีทัพม้า) แม้ว่าแกจะพยายามถอย (ในละครแสดงออกด้วยการให้แกวิ่งหนีข้ามแนวไม้ออกมา) ก็พบว่า มีทหารม้าพม่ามาดักรออยู่ก่อนแล้ว นายก่ายจึงตายในที่รบเพราะเหตุนี้
5. นอกจากคำสั่งให้แสร้งแพ้แล่้ว นายก่ายยังได้รับคำสั่งว่า หลังจากแพ้แล้ว ให้ถอยไปสมทบกับกองโจรของพระยาพิชัย กรณีนี้ ไม่อันตรายไปหน่อยหรือครับ เพราะกองโจรนั้น ตั้งขึ้นเพื่อจะให้ออกไปตัดเสบียงทัพพม่า ไพร่พลในกองโจรให้ปลอมตัวเป็นชาวบ้าน สรุปคือ กองทัพนี้ เป็นหน่วยปฏิบัติการลับ การให้นายก่าย ปะทะ และวถอยร่นเข้าหากองโจร ทัพกองโจรจะช่วยกู้ทัพนายก่ายได้หรือครับ ดีไม่ดี หากทัพพม่าตามติดมา ที่ตั้งหน่วยกองโจรจะถูกเปิดเผยเสียเปล่าๆ ทำไมไม่กำหนดให้นายก่ายถอยร่นเข้าหากำแพงเมือง ลวงทัพพม่าให้เข้าระยะยิงของสีหนาทปืนไฟบนกำแพง อะไรอย่างนี้จะไม่ดีกว่าหรือครับ
6. ฉากเสียชีวิตของนายก่าย ก็ดูแปลกครับ เพราะแกวิ่งมาเห็นศพพี่น้องจีน ตายกลาดเกลื่อน แกก็ปล่อยดาบลง ยืนทอดอาลัย ให้ทหารม้าพม่า 3 นายขี่ม้าเข้ามาล้อม ทหารนายหนึ่งมีธนูขึ้นสายแล้วพาดอยู่บนตักพร้อมยิง จากนั้น กล่องก็ Zoom in ไปที่หน้ามังฆ้องนรธา แล้วเสียงปืนก็ดังขึ้น เอ่อ ท่านครับ กรณีเช่นนี้ เอาทวนเสียบ หรือเอาธนูนั่นยิงเอาก็ได้ครับ จะยิงปืนไฟให้เสียกระสุนทำไมเนี่ย
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
Naris
|
ความคิดเห็นที่ 248 เมื่อ 08 ม.ค. 18, 17:34
|
|
7. และประเด็นสุดท้าย ตั้งแต่มีการรบมา ผมยังไม่เห็นทัพอยุธยาอันเกรียงไกร ให้สมกับ Concept "อยุธยาไม่เคยเสื่อม" เลยครับ ฝ่ายพม่ายกทัพกษัตริย์เข้าเหยียบชานพระนครแล้ว ฝ่ายอโยธยา ยังไม่ได้แสดงอะไรให้เห็นเลย (ก็ไหนๆ นี่ก็ไม่ยึดตามเรื่องจริงอยู่แล้วนี่ครับ เขียนบทให้พระเจ้าอุทุทพร โชว์เทพ แสดงพระอัจฉริยภาพด้านการรบ หรือไม่ก็ด้านการบัญชาการรบให้เห็นกันจะๆ ไปเลย จะเป็นไรไป)
เดี๋ยวคืนนี้ รอดูตอนต่อไปครับ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
ตอบ: 33584
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 249 เมื่อ 08 ม.ค. 18, 19:04
|
|
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เพ็ญชมพู
|
ความคิดเห็นที่ 250 เมื่อ 08 ม.ค. 18, 19:16
|
|
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
ตอบ: 33584
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 251 เมื่อ 08 ม.ค. 18, 19:19
|
|
จนใจจริงๆดูไม่ออกว่าอยุธยาวางแผนการรบยังไง มันถึงออกมาเป็นว่าไม่วางแผนก็ค่าเท่ากัน คือส่งนายก่ายออกไปล่อพม่า แสร้งทำเป็นแพ้ เอาเข้าจริงนายก่ายเล่นสมบทสมบาทมากไปหน่อย ดันตายเอาจริงๆ ไอ้ที่แสร้งทำเลยไม่ต้องแสร้ง ทัพนายก่ายแตกจริงๆ
การแสร้งทำเป็นแพ้นั้นมีอุบายหลักคือเอาทัพเล็กไปล่อ ทำให้ข้าศึกชะล่าใจ ไล่ตามมา แล้วทัพใหญ่ที่ซุ่มอยู่ก็ได้ทีตีวงโอบล้อมไว้ ทัพเล็กที่ทำทีวิ่งหนีแจ้นมาแต่แรกก็หันกลับมาสู้สุดใจขาดดิ้น ข้าศึกถูกทั้งทัพใหญ่ทัพเล็กรุมสกรัมแบบปิดประตูตีแมว ก็เลยแพ้
แต่นี่ทัพเล็กแพ้จริงๆเสียแต่แรก ขนาดนายทัพตายจริง การล่อก็ต้องถือว่าเฟลไป ส่วนทัพใหญ่นั้นจะใช้ทัพกองโจรไม่ได้ เพราะกองโจรเป็นทัพเล็ก ใช้เพื่อไปรบตัดเสบียงทัพข้าศึกที่แยกมาหลายทัพ เพื่อไปก่อกวนให้ห่วงหน้าพะวงหลัง เดินทางมาไม่สะดวก เพื่อซุ่มโจมตีตัดกำลัง บั่นทอนให้ข้าศึกเปลืองคนเปลืองอะไรต่อมิอะไร ไม่ทันจะรบได้เต็มอัตราศึก เอากองโจรมาใช้งานแทนทัพใหญ่จึงเหมือนใช้งบประมาณผิดประเภท เอาเงินจำนวนน้อยไปทำโครงการใหญ่ มันก็เลยไม่สำเร็จเช่นนี้ละค่ะ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
ตอบ: 33584
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 252 เมื่อ 08 ม.ค. 18, 19:27
|
|
ดูคลิปข้างบน ผู้แสดงเป็นนายก่ายเล่นได้ขึงขังดี แอ๊คชั่นถึงบทถึงบาทไม่แพ้ดาราหนังจีน ถ้าดูเอาดราม่า ไม่ดูความสมเหตุสมผล ฉากนายก่ายตั้งแต่รับคำสั่งคุณหลวงมาจนนายก่ายตาย ก็นับว่ามีสีสันดีทีเดียว
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
Naris
|
ความคิดเห็นที่ 253 เมื่อ 09 ม.ค. 18, 10:30
|
|
ขอบพระคุณอาจารย์อีกครั้งครับ สำหรับตอนเมื่อคืน ไม่มีฉากการรบเพิ่มเติมครับ มีแต่ฉากทัพพม่าไล่ฆ่าฟันชาวบ้านรอบพระนคร โดยไม่ปรากฎฉากการต่อต้าน หรือฉากทัพฝ่ายอโยธยาออกรับศึกแต่อย่างใดครับ
มีอยู่ฉากหนึ่ง ที่สมเด็จพระพันวสา เรียกประชุมเจ้านายฝ่ายใน และออกประกาศว่า นับแต่นี้ ฝ่ายในทุกพระองค์ ห้ามมิให้ออกไปจากตำหนัก ส่วนนางข้าหลวงอย่าให้ออกไปทำราชการเกินกว่าเขตพระราชฐานชั้นใน เพราะสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงคาดการณ์ว่า ข้าศึกจะต้องใช้ปืนใหญ่ระดมยิงเข้ามาในพระนครแน่ แต่ปืนใหญ่ของข้าศึกจะมีระยะยิงถึงแค่เขตพระราชฐานชั้นนอก และชั้นกลางเท่านั้น อยู่ในเขตชั้นในจะปลอดภัย
ผมพอทราบอยู่ว่า ในศึกอลองพญานั้น มีการใช้ปืนใหญ่ระดมยิงเข้ามาจากวัดหน้าพระเมรุ จนยอดของพระที่นั่งสุริยาศอมรินทร์หักพังลงมา แล้วพระที่นั่งองค์นี้ ไม่ได้อยู่ในเขตพระราชฐานชั้นในหรอกหรือครับ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เพ็ญชมพู
|
ความคิดเห็นที่ 254 เมื่อ 09 ม.ค. 18, 12:52
|
|
และประเด็นสุดท้าย ตั้งแต่มีการรบมา ผมยังไม่เห็นทัพอยุธยาอันเกรียงไกร ให้สมกับ Concept "อยุธยาไม่เคยเสื่อม" เลยครับ ฝ่ายพม่ายกทัพกษัตริย์เข้าเหยียบชานพระนครแล้ว ฝ่ายอโยธยา ยังไม่ได้แสดงอะไรให้เห็นเลย (ก็ไหนๆ นี่ก็ไม่ยึดตามเรื่องจริงอยู่แล้วนี่ครับ เขียนบทให้พระเจ้าอุทุทพร โชว์เทพ แสดงพระอัจฉริยภาพด้านการรบ หรือไม่ก็ด้านการบัญชาการรบให้เห็นกันจะๆ ไปเลย จะเป็นไรไป)
เดี๋ยวคืนนี้ รอดูตอนต่อไปครับ
ฤๅหม่อมท่านจะสื่อกับเราว่า "เพียงความเชื่อมั่น ก็มีชัยไปกว่าครึ่ง" สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอุทุมพร ทรงสนทนากับพระยาพิชัยชาญฤทธิ์ " ท่านอาจารย์เชื่อมั้ย ว่าการศึกครั้งนี้ ชั้นไม่หนักใจหรือกังวลอะไรเลย กลับเชื่อมั่นว่าเราจะสามารถรักษาพระนครให้อยู่รอดปลอดภัย
เพราะเรามีองค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวที่ทรงอุทิศพระวรกายเพื่อแผ่นดิน เพราะเรามีทวยราษฎร์ที่รักแผ่นดิน และก็ยังมีครูผู้เชี่ยวชาญการยุทธดั่งเช่นท่านอาจารย์" โชคดีที่การศึกครั้งนี้ พระเจ้าอลองพญาพระมหากษัตริย์ผู้นำทัพฝ่ายอังวะสวรรคตในสนามรบ สงครามจึงสงบลง มิฉะนั้นเพียงความเชื่อมั่นอาจช่วยอะไรไม่ได้
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
|