ไม่ไหวมั้งคะ

ลองแยกข้อเท็จจริงออกจากหลักฐานเก่าๆที่เชื่อกันมาอย่างอภินิหารบรรพบุรุษหรือปฐมวงศ์
๑ กำเนิดของพระเจ้าตากสินเป็นสามัญชน
๒ รับราชการเป็นเจ้าเมือง อยู่ไกลกรุงศรีอยุธยา
๓ เมื่อเกิดศึกครั้งสุดท้ายของอยุธยา ท่่านมาประจำอยู่ในเมือง
๔ ก่อนกรุงแตก ท่านได้พาทหารจำนวนหนึ่งตีฝ่าออกจากเมือง มุ่งหน้าไปจันทบุรี
๕ เมื่อกรุงแตกแล้ว ท่านไม่ได้เข้าไปสวามิภักดิ์กับผู้ที่ตั้งตัวเป็นใหญ่คนอื่นๆ รวมทั้งเจ้านายราชวงศ์บ้านพลูหลวง แต่ว่ารวบรวมกำลังขึ้นมาเอง ด้วยการตีแต่ละเมือง
๖ ท่านเป็นผู้บัญชาการรบเอง วางแผนยุทธศาสตร์เอง ประสานไมตรีกับอาณาจักรจีนเอง และควบคุมแม่ทัพนายกองทั้งหมดเอง
ทั้งหมดนี้สะท้อนให้เห็นอะไรบ้าง?
๑ กำเนิดท่านไม่ใช่ชาวบ้านทำไร่ไถนา หรือเป็นคนยากจนไร้การศึกษาเป็นแน่
๒ การรับราชการเป็นเจ้าเมืองสมัยนั้น ยากที่จะเชื่อว่าจู่ๆก็ซื้อตำแหน่งได้เป็น หรือกำจัดคนเก่าแล้วเป็นเอาดื้อๆ แต่จะต้องเป็นอย่างถูกต้องตามขั้นตอน คือตั้งจากส่วนกลาง หรืออย่างน้อยก็ได้รับความเห็นชอบจากส่วนกลาง
๓ สืบเนื่องจากข้อ ๒ เมื่อเป็นเจ้าเมืองได้อย่างถูกต้องตามขั้นตอน จึงถูกเรียกมาประจำส่วนกลางเมื่อเกิดศึก แสดงว่าทางกรุงศรีอยุธยารับรู้ตำแหน่งท่านมาแต่แรกแล้ว
๔ มีฝีมือในการรบ ไม่งั้นคงไม่ตีฝ่าพม่าออกจากเมืองไปได้ โดยทหารติดตามก็รอดไปทั้งหมดหรือเกือบหมด
ถ้าไม่แน่จริงคงรอดพม่าไปไม่ได้ คงตายเสียหมดตั้งแต่ออกไปเผชิญกัน
๕ ความคิดที่ตั้งตนเป็นใหญ่ การวางแผนยุทธศาสตร์ปราบก๊กอื่นๆ น่าจะมาจากหัวคิดของคนที่ผ่านความเป็นใหญ่ หรือรู้เห็นอะไรที่ใหญ่ๆมาตลอด ตลอดจนเชื่อมั่นในกำลังรบของตนเอง
คนที่เป็นแค่พ่อค้าเกวียน ไม่น่าจะมีแผนยุทธศาสตร์ได้ขนาดนี้ เพราะการรบกับโจรกระจอกตามรายทางที่คุมกองเกวียนไปค้าขาย กับรบกับบรรดาก๊กต่างๆและบรรดาแม่ทัพนายกองพม่า มันคนละสเต็ป ห่างกันมาก
เพราะฉะนั้นจึงเชื่อว่า กำเนิดพระเจ้าตากเป็นอย่างไรก็ตาม ชีวิตในวัยเด็กและวัยหนุ่มของท่านต้องเคยชินกับอะไรที่ใหญ่โต และท่านได้รับการปลูกฝังให้คิดอะไรได้ใหญ่ มากกว่าสามัญชนทั่วไป แม้แต่ก๊กอื่นๆ ที่ล้วนแล้วแต่ระดับบิ๊กทั้งนั้น ยังสู้ท่านไม่ได้สักก๊กเดียว
น่าสนใจครับ เบื้องหลังอะไรที่สร้างผู้นำอย่างพระเจ้าตากขึ้นมาได้ แต่ขอทบทวนเรื่องพื้นฐานการเป็นเจ้าเมืองตากสักหน่อยครับ
เมืองตากในยุคนั้นเป็นเมืองเล็ก คิดง่ายๆคือ นอกจากพระเจ้าตากแล้ว มีชื่อเจ้าเมืองตากคนใดในสมัยอยุธยาที่มีชื่อปรากฏในประวัติศาสตร์อีกหรือไม่? ผมไม่แน่ใจนัก แต่ถ้าไม่มี ก็ไม่แปลกใจเลยครับ ยิ่งพิจารณาว่าในช่วงสงคราม พระเจ้าเอกทัศทรงเลื่อนตำแหน่งให้เป็นพระยากำแพงเพชร (ซึ่งไม่น่าจะเคยได้มีโอกาสไปกินเมืองจริง เพราะหลังจากนั้นใครๆก็ยังเรียกท่านว่าขุนหลวงตาก) ยิ่งตอกย้ำสถานะของเมืองกำแพงเพชร ก็คงเหมือนอย่างเล่าปี่ไปตั้งตัวที่เสฉวน แต่เมื่อยกตัวเองเป็นเจ้า กลับเรียกว่าฮันต๋งอ๋อง ไม่เรียกว่าเซ็งโต๋อ๋อง (ฮันต๋งคือฉงชิ่ง(จุงกิง) ส่วนเซ็งโต๋คือเฉิงตู) ก็เพราะเสฉวนในยุคนั้นมันบ้านนอกใกล้ปืนเที่ยง การจะเป็นเซ็งโต๋อ๋องเห็นจะไม่น่าเกรงขามนะครับ
อย่างไรก็ตาม การเป็นเจ้าเมืองตากได้นั้น ต้องไม่ใช่คนยากไร้ เป็นไพร่ชาวบ้านอยู่ๆก็มาเป็นได้แน่ แต่ถึงกระนั้น ถ้าเป็นลูกหลานขุนนางในกรุง ผมเกรงว่าจะไม่มีใครอยากส่งลูกหลานตัวเองไปเป็นเจ้าเมืองตากเป็นแน่ครับ
หากเทียบยุคเดียวกันที่จีนนอกอย่างหมักกื๋วบิดาของหมักเทียนตื๊อพระยาราชาเศรษฐียังตั้งตัวขึ้นเป็นเจ้าที่เมืองพุทไธมาศได้ โดยส่วนตัวผมเห็นว่าพระยาตากก็น่าจะเป็นพ่อค้าที่ลงหลักปักฐานมีกำลังมีทรัพย์ระดับหนึ่งจนได้มีตำแหน่งเป็นเจ้าเมืองชายแดนเล็กๆอย่างเมืองตากได้ครับ
แนวทางอย่างนี้เทียบกับปัจจุบันก็เรียกได้ว่าเป็นนักปฏิบัติแนว Street Fighter ถึงลูกถึงคน ช่วงเวลาที่รับศึกพม่าเป็นปี นับจากที่รับศึกพม่าที่เมืองตากมาจนถึงช่วงที่รับศึกที่กรุงศรีอยุธยาน่าจะสร้างเสริมประสบการณ์ในการรบอย่างโชกโชน แต่ถึงกระนั้น ดูจากความในพงศาวดาร ช่วงแรกลาดตระเวณอยู่ในแม่น้ำเจ้าพระยาใต้บางกระจะลงมา จนเมื่อพระยาเพชรบุรีตายก็ถอยขึ้นไปลาดตระเวณแถบคูขื่อหน้าทางตะวันออกของเกาะเมือง บทบาทเช่นนี้ ผมว่าพระยาตากหรือพระยากำแพงเพชรถึงไม่ใช่เบี้ย แต่ไม่ใช่ตัวนายคนสำคัญที่จะไม่ออกมาเสี่ยงชีวิตข้างนอกครับ
เรียกได้ว่าเป็นผู้มีสติปัญญาความสามารถในวิกฤตการณ์ แต่ไม่น่าจะเป็นคนสำคัญหรือคนในตระกูลใหญ่โตเก่าแก่ในอยุธยานะครับ