ผมหวังว่าสถานการณ์จะคลี่คลายในเร็ววันนะครับ เสียดายที่ทางฝ่ายคณะของอาจารย์ ลงทุนลงแรงไปมากแล้ว งบก็ยังเหลือ ฝ่ายที่จะได้ประโยชน์ด้านท่องเที่ยวก็คือเจ้าของพื้นที่ ทั้งๆที่ เขาก็ไมต้องลงทุนอะไรมากมาย ...
คงจะคิดได้สักวันครับ
คุณศรีนาคาครับ ผมเสียดายที่เรือนไทยไม่มีเครื่องหมายกิ๊ฟหรือไลค์ให้ความเห็นที่ถูกใจ มิฉะนั้นผมจะได้มอบให้กับความเห็นนี้ข้างบนของคุณไปแล้ว แม้ว่าผมจะมีความเห็นต่างอยู่บ้างก็ตาม
แต่อย่างนี้ครับ
ความเห็นต่างเป็นเรื่องปกติในการแสดงความเห็นในเวทีสื่อเสรีที่พบเห็นได้ทางอินเทอเน็ต ซึ่งส่วนใหญ่คนมักใช้วิธีตะแบงความคิดของตนเอง จนถึงด่าทอผู้ที่คิดเห็นไม่ตรงกับตนเอง กระทั่งเป็นเรื่องปกติ แต่ไม่ใช่ที่นี่ ในเรือนไทยนั้นถึงแม้จะมีความเห็นต่างในหลายต่อหลายกระทู้ แต่ทุกคนก็พยายามยกเหตุผลขึ้นมาหักล้างกัน ซึ่งทำให้อีกฝ่ายหนึ่งยอมรับได้สำเร็จบ้าง ไม่สำเร็จบ้าง แต่ถึงแม้จะไม่มีใครยอมรับใคร ก็ไม่เป็นไร คงค้างไว้ให้คิดกันก่อน ไม่ใช้ไม่รับฟังนะครับ นั่นน่ะรับฟังแล้ว ทว่าบางเรื่องมันก็ต้องใช้เวลาในการปรับเปลี่ยนความคิดเหมือนกัน
ความเห็นต่างบางเรื่องมันสามารถหาข้อยุติได้โดยการใช้เหตุผลมาวินิฉัย เช่นข้อพิสูจน์จากหลักฐานเชิงประจักษ์ อันมีภาพถ่าย และเอกสารอ้างอิง แต่ก็อย่างว่าแหละ บางครั้งถึงคู่กรณีย์จะยังไม่ยอมรับซึ่งกันและกัน ก็ไม่เป็นไร ถือว่าผู้อ่านได้อาหารสมองไปแล้วเต็มๆ จะเชื่อใครไม่เชื่อใครก็ไปตรองเอาเอง
แต่สำหรับผมแล้ว ถ้าเห็นข้อมูลใหม่ของคนอื่นที่ผมไม่เคยทราบมาก่อน สามารถหักล้างความคิดเดิมๆของผมได้ ผมก็จะยอมรับแต่โดยดี ไม่คิดว่าเป็นเรื่องที่จะต้องหน้าแตก คนเราไม่ใช่ว่าจะต้องรู้ไปหมดถูกไปหมดซะทุกเรื่องที่ไหน แต่หากเป็นเรื่องที่ผมทราบดีอยู่จากความรู้และประสบการณ์ ผมก็ยืนหยัดถกเถียงไม่ยอมแพ้เช่นกัน ถ้าคุณติดตามอ่านข้อเขียนของผม คุณจะได้ทราบนิสัยของผมตรงนี้
ส่วนความเห็นต่างที่ใช้อารมณ์เป็นเครื่องตัดสินประเภทสีเขียวสวยกว่าสีแดง ผมจะหลีกเลี่ยงไม่เข้าร่วมวงด้วย อันนี้รวมถึงสามประการที่ทุกคนจะมีความเห็นของใครของมัน อันเป็นคำสอนของอาจารย์ท่านหนึ่งของผมที่ยังติดสมองอยู่ ท่านกล่าวว่า การเมืองหนึ่ง ศาสนาหนึ่ง และความสวยของอิสตรีหนึ่ง ไม่ควรนำถกเถียงกันหากแสวงมิตร
แต่อย่างไรก็ดี อันคำว่าประโยชน์ของการท่องเที่ยว ที่คุณเห็นว่าเป็นความเห็นต่าง แต่ผมเห็นว่าเป็นวลีที่ผมจำเป็นต้องอธิบายเพิ่มเติม เพื่อความเข้าใจอันดีของผู้ที่เข้ามาอ่าน ว่าทางการพม่าเขาไม่ได้มองว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องส่งเสริมการท่องเที่ยว คุณจะเห็นได้ว่าผมพยายามทำการบ้านมาอย่างดีที่สุดที่จะทำให้ผู้อ่านของผมเข้าใจประเด็นที่ผมพยายามจะสื่อ ทั้งข้อมูลและรูปภาพ ไม่ได้ใช้สำนวนโวหารแบบโต้วาทีแม้น้อย
อีกประการหนึ่ง ผมอยากให้เข้าใจว่าที่ผมเปิดกระทู้นี้ขึ้น ก็เพื่อหาโอกาสตอบคำถามแทนเพื่อนพ้องสถาปนิกนักอนุรักษ์ที่ผมรู้จักมาสี่สิบกว่าปีแล้ว จากหลายคำถามในกระทู้ “สถูปและอัฐิสมเด็จพระเจ้าอุทุมพร จริงหรือ ?” ก่อนหน้าในเวทีเดียวกันนี้ เพราะฉะนั้นอะไรที่เป็นประเด็นให้ผมชี้แจงได้ ผมจะหยิบยกขึ้นมาหมด
แม้ตัวผมเองจะมีความเข้มข้นในวิถีนี้น้อยกว่าหลายคนในกลุ่มนี้มาก แต่ก็ประจักษ์แจ้งว่า การที่พวกเขาอุทิศตนเป็นจิตอาสาทำงานอนุรักษ์ศิลปสถาปัตยกรรมในนามของสมาคมสถาปนิกสยามในพระบรมราชูปถัมภ์ ไม่ได้เป็นเพราะอะไรในความหมายของคำว่าผลประโยชน์เลยแม้น้อย ไม่ว่าจะเพื่อตนเองหรือเพื่อใคร ไม่เคยขอเงินสนับสนุนNGOของรัฐบาลหรือองค์กรต่างประเทศ ผลงานที่ผ่านมาในอดีตที่พวกเขาพยายามไปอนุรักษ์สถาปัตยกรรมทรงคุณค่าที่กรมศิลปากรไม่สนใจ(คือเขามีงานที่ต้องทำตามหน้าที่มากอยู่แล้ว อะไรที่อยู่นอกขอบเขตและงบประมาณเขาจะไม่สนใจ) ด้วยไปกระตุ้นเตือนให้หน่วยงานราชการและเอกชนผู้เป็นเจ้าของอาคารที่เก่าแก่จวนเจียนจะพังเหล่านั้นให้หันมาใช้วิธีการอนุรักษ์ แทนที่จะทุบทิ้งเอาที่ดินสร้างอาคารใหม่ และสนับสนุนกำลังใจด้วยการเสนอผลงานที่ทำได้ดี ให้ได้รับรางวัลพระราชทานจากพระหัตถ์สมเด็จพระเทพรัตน์ฯ ผลงานของพวกเขาเหล่านี้มีนับร้อยชิ้น ไม่ใช่เพื่อสนับสนุนการท่องเที่ยวนะครับ แต่เป็นเพื่อรักษามรดกทางวัฒนธรรมของชาติไว้ให้กับคนรุ่นหลัง
อนุสรณ์สถานพระมหาเถระเจ้าอุทุมพรก็เช่นกัน คราวนี้พวกเขาก้าวไกลเข้าไปในดินแดนของประเทศเพื่อนบ้าน เพื่อจะอนุรักษ์หลักฐานทางโบราณดคีชิ้นหนึ่ง ที่ชัดเจนว่า อดีตกษัตริย์อยุธยาผู้ไปพม่าอย่างเชลยศึก แต่ ๒๙ ปีในเพศบรรพชิตหลังจากนั้น ทรงมีชีวิตอยู่เป็นขวัญกำลังใจของคนไทยพลัดถิ่น และได้รับความเคารพสักการะจากคนพม่าตั้งแต่กษัตริย์ลงมาถึงสามัญชน ตราบจนได้เสด็จสู่พระนิพพานตามความเชื่อของอดีตศัตรูที่ปัจจุบันคือมิตร
อนุสรณ์สถาน ณ เนินลินซิน สถานที่ตามระบุในหลักฐานว่ากษัตริย์พม่าได้พระราชทานเพลิงพระบรมศพที่นั่น จะทำให้คนไทยได้ระลึกถึงพระองค์ไปตราบนิจนิรันดร์