คอยดูเถิดครับ อีกไม่นาน ศึกชิงตลาดน้ำปลาในยุโรประหว่างน้ำปลาไทย-เวียดนาม คงระอุกว่านี้
ผู้บริโภคน้ำปลาในสหรัฐฯ ส่วนใหญ่ คือ ชาวเอเซีย ได้แก่ ไทย ลาว เขมร เวียดนาม ฟิลิปปินส์ จีน เกาหลี และ ญี่ปุ่น น้ำปลาที่จำหน่ายในสหรัฐฯ นำเข้าจากต่างประเทศทั้งสิ้น สหรัฐฯ นำเข้าน้ำปลาในปี ๒๕๕๐ เป็นมูลค่า ๒๑.๔๐ ล้านเหรียญสหรัฐฯ มีแหล่งนำเข้า ได้แก่ ไทย เป็นแหล่งนำเข้าสำคัญที่สุด หรือมีสัดส่วนตลาดร้อยละ ๘๒ แหล่งนำเข้าอื่น ได้แก่ ฟิลิปปินส์ (ร้อยละ ๔.๑) ฮ่องกง (ร้อยละ ๓.๘) เวียดนาม (ร้อยละ ๓.๕) เกาหลี (ร้อยละ ๒.๓) และ ญี่ปุ่น (ร้อยละ ๑) สหรัฐฯ ไม่เรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าน้ำปลาจากกลุ่มประเทศพันธมิตร (MFN: Most Favorite Nation)
น้ำปลาไทยและน้ำปลาเวียดนามในสหรัฐฯ
เวียดนามกล่าวหา น้ำปลาไทยบางแบรนด์ ละเมิดลิขสิทธิ์โดยใช้ชื่อน้ำปลาเวียดนาม "Phu Quoc" พิมพ์ ลงบนฉลากสินค้าเพื่อหวังผลประโยชน์ในการขาย ซึ่งเป็นการ หลอกลวงผู้บริโภค
Phu Quoc เป็นเกาะตั้งอยู่ตอนใต้สุดของประเทศเวียดนามซึ่งเป็นแหล่งผลิตน้ำปลาที่มีคุณภาพดีที่สุด น้ำปลาที่ผลิตจากเกาะ Phu Quoc เท่านั้นที่จะมีสิทธิ์ปิดป้าย เครื่องหมายการค้ "Phu Quoc" ได้
กระทรวงประมงเวียดนามได้จดทะเบียนเครื่องหมายการค้า "Phu Quoc" ในต่างประเทศรวมทั้งใน สหรัฐฯ ปัจจุบัน เวียดนามกำลังเจรจากับกลุ่มประเทศประชาคม ยุโรป (European Community : EC) ให้ยอมรับในเครื่องหมาย Phu Quoc และจะมุ่งเจรจากับกลุ่ม ประเทศอื่นๆ เช่น สหรัฐอเมริกา แคนนาดา ญี่ปุ่น และ ออสเตรียเลีย เป็นกลุ่มเป้าหมายต่อไป
เวียดนามส่งออกน้ำปลาไปยังสหรัฐฯ เพิ่มสูงขึ้นเป็นลำดับในระยะเวลา ๕ ปี ที่ผ่านมาโดยมีมูลค่าโดยเฉลี่ยประมาณปีละ ๑ ล้านเหรียญสหรัฐฯ และในช่วงครึ่งหลังของปี ๒๕๕๐ เวียดนามได้ส่งออกน้ำปลาภายใต้เครื่องหมายการค้า Phu Quoc มายังสหรัฐฯ เพื่อต้องการให้ผู้บริโภคได้ใช้น้ำปลาเวียดนามของแท้
เวียดนามวางกลยุทธ์การขยายตลาดน้ำปลาในสหรัฐฯ โดยเน้นว่าน้ำปลาเวียดนามเป็น สินค้าได้มาตรฐาน เป็นของแท้มีหลักฐานแหล่งที่มาของสินค้า (Certificate of Origin : C/O) ซึ่งระบุว่าผลิตและบรรจุขวดจากเกาะ Phu Quoc และผลิตถูกต้องตามระเบียบกระบวนการของกระทรวงประมงเวียดนามที่กำหนดไว้ เพื่อสร้างความมั่นใจให้แก่ผู้บริโภค
http://www.ryt9.com/s/expd/396654