เรือนไทย
ยินดีต้อนรับ ท่านผู้มาเยือน
กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
ส่งอีเมล์ยืนยันการใช้งาน?
ข่าว: การแนบไฟล์ กรุณาใช้ชื่อไฟล์ภาษาอังกฤษเท่านั้นครับ
หน้า: 1 ... 20 21 [22] 23 24 ... 86
  พิมพ์  
อ่าน: 80919 คุยกันเรื่องของเสน่ห์ปลายจวัก
naitang
หนุมาน
********
ตอบ: 5823


ความคิดเห็นที่ 315  เมื่อ 28 พ.ย. 17, 17:41

นึกไม่ออกว่าในอาหารไทยมีเมนูอื่นใดที่ทานกับข้าวมันที่หุงด้วยกะทิอีกบ้าง  ??     

แต่ข้าวมันที่หุงแบบจีนนั้น นอกจากจะทานกับไก่ต้ม/ไก่ตอนแล้ว ก็มีทานกับไก่ทอดด้วย และไก่ทอดส่วนมากก็จะใช้เนื้อส่วนสะโพก เนื้อหน้าอกก็มีแต่ดูจะไม่นิยมกันมากนัก สำหรับส่วนขานั้นเกือบจะไม่เห็นเอาเลย   

ไม่ทราบเช่นกันว่าข้าวมันไก่ทอดมีมาแต่หนใดและมีแหล่งกำเนิดจากที่ใด  แต่ดูเหมือนกับว่าน่าจะถือกำเนิดในไทยนี่เอง  ก็เดาเอาจากน้ำจิ้มที่ใช้คู่กับอาหารจานนี้ครับ     
บันทึกการเข้า
naitang
หนุมาน
********
ตอบ: 5823


ความคิดเห็นที่ 316  เมื่อ 28 พ.ย. 17, 18:12

คิดเรื่อยเปื่อยไปว่า บรรดาไก่ทอดที่อร่อยของเรานั้น จะมีชื่อของสถานที่ติดห้อยท้ายอยู่ด้วย (ไก่ทอดหาดใหญ่ ไก่ทอดเทพา ....) ซึ่งทั้งหมดดูจะจำกัดอยู่เฉพาะในภาคใต้  แต่ไก่ทอดเหล่านั้นไปขายจับคู่กับข้าวเหนียว กลับไม่ไปจับคู่ขายกับข้าวมัน ทั้งๆที่ในภาคใต้มีคนจีนฮกเกี้ยนที่ทำข้าวมันไก่ตอนขายกระจายอยู่ทั่วไป   

ไก่ทอดที่ทอดขายคู่กับข้าวมันจะมีการทำที่ค่อนข้างจะต่างออกไป คือชุบแป้งที่ทอดแล้วจะให้ crust ที่ค่อนข้างจะหนา ต่างกับไก่ทอดชื่อดังท้องถิ่นที่จะมี crust บางมากๆ   
บันทึกการเข้า
naitang
หนุมาน
********
ตอบ: 5823


ความคิดเห็นที่ 317  เมื่อ 28 พ.ย. 17, 18:29

ในภาคใต้ โดยเฉพาะที่ภูเก็ตและจังหวัดรอบๆ มีข้าวมันจานด่วนที่ไม่จำกัดแต่เฉพาะว่าจะต้องโปะหน้าด้วยไก่ตอนเพียงอย่างเดียว จะโปะหมูแดง หมูกรอบ เป็ดย่าง.. ร่วมไปด้วยก็ได้  และก็ยังเลือกได้อีกว่าจะเอาข้าวมันหรือข้าวสวยธรรมดา   จะเรียกชื่อของอาหารจานนี้ว่าอะไรก็ไม่ทราบครับ ? 
บันทึกการเข้า
naitang
หนุมาน
********
ตอบ: 5823


ความคิดเห็นที่ 318  เมื่อ 28 พ.ย. 17, 18:57

บ้างก็เรียกว่า ข้าวเฉโป ข้าวเสียโป ข้าวสวยโป  ไม่รู้ว่าเรียกเช่นใดจึงจะถูกต้อง   แล้วก็ไม่รู้อีกด้วยว่าชื่อทั้งสามนี้จะจำกัดอยู่แต่เฉพาะการโปะหน้าด้วยเป็ดย่าง หมูแดง และหมูกรอบเท่านั้นหรือไม่ ?     รู้แต่เพียงอย่างเดียวว่าจะเรียกชื่อเช่นใดก็อร่อยทั้งนั้น

จานที่ใช้ข้าวมันโปะด้วยไก่ตอน +... ดูจะเหมาะกับเป็นอาหารเช้าประเภทมื้อหนักก่อนไปทำงานออกแรง หรือแก้ hangover และ brunch
จานที่ใช้ข้าวสวยโปะด้วยเป็ดย่าง +... ดูจะเหมาะกับการทานเป็นอาหารมื้อกลางวัน หรือ brunch

และทั้งสองจานนี้ที่มีแต่เนื้อ ไม่มีข้าว ก็ดูจะเหมาะกับเป็นอาหารว่างในช่วงการพักผ่อนยามแดดร่มลมตก   
บันทึกการเข้า
superboy
พาลี
****
ตอบ: 222


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 319  เมื่อ 28 พ.ย. 17, 22:40

สมัยทำงานสีลมท้ายซอยละลายทรัพย์ใกล้รั้วธนาคารกรุงเทพมีร้านข้าวหน้าเป็ดเฉโปค่อนข้างดัง ยืนพื้นด้วยเป็ดย่าง หมูกรอบ หมูแดง แต่ไม่มีไก่ (ไม่รู้เดี๋ยวนี้ยังอยู่หรือเปล่านะครับ ) มีน้ำซุปหน่อไม้จีนกับสาหร่ายหมูสับให้สั่งต่างหาก ติดกันเป็นร้านหมูย่างรถเข็นแต่อร่อยมาก น้ำจิ้มค่อนข้างเผ็ดผมให้ใส่หน่อยเดียว ซื้อมากินทีหอมทั้งชั้นเลยโดนด่าประจำ 555
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33585

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 320  เมื่อ 29 พ.ย. 17, 16:18

ตอนเด็กๆ เคยไปกินข้าวมันไก่ที่ประตูน้ำ  มีขายอยู่หลายร้าน   ร้านเจ้าประจำเป็นข้าวมันไก่ตอน  เสิฟพร้อมกับต้นหอม และแตงกวา
มีน้ำจิ้มเป็นซีอิ๊วหวานมาให้สำหรับเด็กที่กินเผ็ดไม่ได้  นอกจากนี้ยังแถมถ้วยใส่น้ำซุปจากการต้มกระดูกหมู ใส่ชิ้นฟักมาให้ด้วย เป็นชุดคู่กับข้าวมันไก่
ร้านนั้นเลิกไปนานแล้วค่ะ  ตอนเด็กๆกินอะไรก็อร่อยไปหมด ยังจำรสชาติได้จนบัดนี้

ส่วนข้าวเสียโป หรือเฉโป จำได้ว่าหมายถึงเป็ดย่าง    คนจีนหาบเร่ขายตามบ้าน    ในยุคนั้นอาหารหาบเร่มีสารพัดจนคุณตั้งน่าจะแยกกระทู้ได้ทีเดียว   ไม่ว่าจะเป็นหมูสะเต๊ะ ขนมจีนน้ำยา ขนมจีนแกง  มาถึงประตูบ้าน  ไม่ต้องออกไปกินตามร้านอย่างเดี๋ยวนี้

ว่าข้าวเสียโป หรือเฉโป ว่ากันว่าเป็นอาหารแต้จิ๋วแต่ชื่อภาษาไทยว่า "เสียโป" "ข้าวเฉโป" มีคำอธิบายในเว็บต่างๆว่า"เฉโป" หรือ "เสียโป" เป็นอาหารจีนแต้จิ๋วโบราณแบบจานด่วน ว่ากันว่าในสมัยก่อนมีพ่อค้าแม่ค้าชาวจีนแต้จิ๋วจะหาบเร่เอาข้าวพะโล้ไปขายให้กับนักพนันและคนสูบฝิ่นแถวหน้าโรงบ่อน บนถนนเจริญกรุง กรุงเทพฯ เมื่อเวลานักพนันเล่นโปจนเสียเงินไปเยอะ พอออกมาจากบ่อนแล้วเกิดหิวข้าว แต่ด้วยความที่เล่นจนเหลือเงินเพียงน้อยนิด ก็เลยสั่งให้แม่ค้าเอาเศษๆ ของไก่ เป็ด หมู เครื่องในต่างๆ ที่เหลือ โปะลงไปบนข้าวสวยแล้วราดด้วยน้ำพะโล้ จนกลายเป็นเมนูที่เรียกกันว่า "ข้าวเสียโป" หมายถึงข้าวของคน(เล่น)เสียโป พอนานวันเข้านักพนันเห็นว่าชื่อนี้ไม่เป็นมงคลเท่าไหร่นัก เลยเปลี่ยนชื่อไปเรียกว่า "ข้าวเฉโป" หรือ ข้าวสวยโปแทนซะเลย

แต่ดิฉันคิดว่าคำนี้น่าจะมาจากภาษาจีนแต้จิ๋ว    ไม่เกี่ยวอะไรกับโป   เพราะคนเข้าไปเล่นการพนันในบ่อนไม่ได้เจาะจงเล่นโปอย่างเดียว
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33585

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 321  เมื่อ 29 พ.ย. 17, 16:19

ข้าวเฉโป หรือเสียโป ค่ะ


บันทึกการเข้า
naitang
หนุมาน
********
ตอบ: 5823


ความคิดเห็นที่ 322  เมื่อ 29 พ.ย. 17, 18:46

..... ในยุคนั้นอาหารหาบเร่มีสารพัดจนคุณตั้งน่าจะแยกกระทู้ได้ทีเดียว   ไม่ว่าจะเป็นหมูสะเต๊ะ ขนมจีนน้ำยา ขนมจีนแกง  มาถึงประตูบ้าน  ไม่ต้องออกไปกินตามร้านอย่างเดี๋ยวนี้....

ครับ  ก็นึกอยู่เหมือนกันว่า เนื้อในของกระทู้นี้กำลังเข้าไปอยู่กรอบของเรื่องอาหารหาบเร่แผงลอย ซึ่งเป็น Street Foods ของไทยที่โด่งดังไปทั่วโลกในเรื่องของความอร่อย     

ซึ่งความอร่อยของชาวต่างชาติก็น่าจะเป็นในเรื่องของความกลมกล่อมในรสชาติและความน่าฉงนในความลงตัวของเครื่องปรุงต่างๆที่มีความต่างกันค่อนข้างมากในเชิงของรสและกลิ่น     

ซึ่งผมเห็นว่ากลิ่นของน้ำปลานั่นแหละที่เป็นตัวประสานกลิ่นของเครื่องปรุงทั้งหลายให้เกิดเป็นกลิ่นที่ไปกระตุ้นต่อมความอยากทาน ความอร่อย และความพอใจในอาหารจานนั้นๆ   

และก็อีก ซึ่ง หนึ่งว่า ก็คงจะเป็นกลิ่นของน้ำปลานี้แหละที่พ่อครัว/แม่ครัวชื่อดังต่างชาติได้ค้นพบและได้นำไปเป็นหนึ่งในเครื่องปรุงในการทำอาหารฝรั่งหลายเมนูที่ดังติดอันดับความอร่อยในระดับนานาชาติ   
บันทึกการเข้า
naitang
หนุมาน
********
ตอบ: 5823


ความคิดเห็นที่ 323  เมื่อ 29 พ.ย. 17, 18:58

แล้วพ่อครัว/แม่ครัวฝรั่งชื่อดังเหล่านั้น ก็เรียกชื่อตรงๆไปเลยว่า น้ำปลา เลิกเรียกกันว่า fish sauce ก้นไปเรียบร้อยแล้ว

น้ำปลาก็เลยกลายเป็นตัวที่สร้างเสน่ห์ปลายจวักของอาหารฝรั่งหลายเมนู   ในขณะที่ในไทยเรา น้ำปลาก็ยังเป็นเพียงเครื่องปรุงรสและเครื่องจิ้มมาตฐานในการทำอาหารทุกๆเมนู
บันทึกการเข้า
naitang
หนุมาน
********
ตอบ: 5823


ความคิดเห็นที่ 324  เมื่อ 29 พ.ย. 17, 19:46

น้ำปลาจะมีกำเนิดจากจีนหรือในไทยเองก็มิทราบ   แต่ในไทยใช้น้ำปลาในขณะที่ในจีนใช้ซีอิ้ว  แล้วเราก็มีน้ำปลาที่ทำมาจากวัตถุดิบที่ต่างกัน ให้ความหอมและความอร่อยนุ่มนวลที่ต่างกัน

น้ำปลาที่ขายกันอยู่ทั่วไปมาจากการผลิตในเชิงอุตสาหกรรม จะใช้ปลากะตักเป็นวัตถุดิบ    เราก็มีน้ำปลาเฉพาะถิ่นที่มีอัตลักษณ์เฉพาะของตน โดยใช้วัตถุดิบอื่นๆ เช่น ใช้ปลากะตักผสมกับส่วนของปลาทู (หาได้ในย่านแม่กลอง) ใช้ปลาสร้อย (หาได้ในย่านสุพรรณบุรีและย่านบางระกำ พิษณุโลก) ...   

เดินทางไปเที่ยวผ่านไปผ่านมาในพื้นที่ๆได้กล่าวถึงชื่อเหล่านี้ ก็ลองหาซื้อน้ำปลาเฉพาะถิ่นมาลองชิมกันบ้างนะครับ แล้วจะเห็นความต่างที่น่าสนใจ     

น้ำท่วม การจับปลา และการแปรเป็นสัตว์น้ำผลิตผล เป็นสินค้า เป็นแหล่งรายได้ที่สำคัญส่วนหนึ่งในวิถีชีวิตมาแต่โบราณกาลของผู้คนในพื้นที่เหล่านี้  การทำให้น้ำไม่ท่วมตามฤดูกาลในพื้นที่เหล่านี้ มีแต่จะมีผลที่ไม่เป็นคุณต่อธรรมชาติ ระบบนิเวศน์ และวิถีชีวิตของผู้คนในท้องถิ่นที่เลือกจะดำรงชีวิตในวิถีนี้
บันทึกการเข้า
เพ็ญชมพู
หนุมาน
********
ตอบ: 12601



ความคิดเห็นที่ 325  เมื่อ 29 พ.ย. 17, 20:08

น้ำปลาจะมีกำเนิดจากจีนหรือในไทยเองก็มิทราบ

คุณ SchwedaKong ตอบไว้ใน พันทิป

คนไทยก็ไม่ใช้คนทำน้ำปลาเป็นชาติแรกอยู่ดี ต้นกำเนิดนั้นน่าจะเกิดขึ้นครั้งแรกในจีน ซึ่งเป็นเครื่องปรุงที่พัฒนาจากการหมักปลากับเกลือเพื่อถนอมอาหาร เช่นเดียวกับการหมักถั่วเหลืองเพื่อทำซีอิ๊ว ซึ่งก็น่าจะเริ่มในแถบ เซียะเหมิน ฟูเจี้ยน เพราะมันใกล้ทะเล อีกอย่างที่ไม่แปลกใจที่มันจะเกิดในแถบนี้ เพราะน้ำปลานั้นเป็นวัฒนธรรมของคนจีนแต้จิ๋ว ซึ่งคนแต้จิ๋วนี่หละที่ล่องเรืออพยพมาทางตอนใต้ของจีน จนมาขึ้นฝั่งใน ไทย เวียดนาม มาเลเซีย อินโดนีเซีย ฟิลิปินส์ ฯลฯ และรวมไปถึงชาวฮกเกี้ยน หรือ ฮากกา (จีนแคะ) ก็ใช้น้ำปลาด้วย

ซึ่งต้นกำเนิดนั้นน่าจะมาจากการประมงที่ได้ปลาเล็กจากการลากอวน เลยนำมาหมักกับเกลือในถังเพราะกินไม่หมดเลยได้ซอสนี้ขึ้นมา

การใช้นำปลานั้นใช้ทั้งในการผสมอาหารและทำน้ำจิ้มต่าง ๆ และใช้จิ้มได้หลากหลายมากทั้ง ปลา กุ้ง หมู ไก่ ส่วนทางจีนตอนใต้ใช้ปรุงน้ำแกง และจานอบน้ำปลาเป็นแหล่งกลูตาเมตที่ให้รสอูมามิมากเลยทีเดียว
บันทึกการเข้า
CrazyHOrse
แขกเรือน
นิลพัท
*******
ตอบ: 1899



เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 326  เมื่อ 30 พ.ย. 17, 18:02

แต่ดิฉันคิดว่าคำนี้น่าจะมาจากภาษาจีนแต้จิ๋ว    ไม่เกี่ยวอะไรกับโป   เพราะคนเข้าไปเล่นการพนันในบ่อนไม่ได้เจาะจงเล่นโปอย่างเดียว

คนแต้จิ๋วก็งงครับอาจารย์ นึกไม่ออกว่าคำนี้คืออะไร แปลว่าอย่างไร
บันทึกการเข้า

"Postel's Law": "be conservative in what you do, be liberal in what you accept from others"
CrazyHOrse
แขกเรือน
นิลพัท
*******
ตอบ: 1899



เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 327  เมื่อ 30 พ.ย. 17, 18:11

น้ำปลาจะมีกำเนิดจากจีนหรือในไทยเองก็มิทราบ

คุณ SchwedaKong ตอบไว้ใน พันทิป

คนไทยก็ไม่ใช้คนทำน้ำปลาเป็นชาติแรกอยู่ดี ต้นกำเนิดนั้นน่าจะเกิดขึ้นครั้งแรกในจีน ซึ่งเป็นเครื่องปรุงที่พัฒนาจากการหมักปลากับเกลือเพื่อถนอมอาหาร เช่นเดียวกับการหมักถั่วเหลืองเพื่อทำซีอิ๊ว ซึ่งก็น่าจะเริ่มในแถบ เซียะเหมิน ฟูเจี้ยน เพราะมันใกล้ทะเล อีกอย่างที่ไม่แปลกใจที่มันจะเกิดในแถบนี้ เพราะน้ำปลานั้นเป็นวัฒนธรรมของคนจีนแต้จิ๋ว ซึ่งคนแต้จิ๋วนี่หละที่ล่องเรืออพยพมาทางตอนใต้ของจีน จนมาขึ้นฝั่งใน ไทย เวียดนาม มาเลเซีย อินโดนีเซีย ฟิลิปินส์ ฯลฯ และรวมไปถึงชาวฮกเกี้ยน หรือ ฮากกา (จีนแคะ) ก็ใช้น้ำปลาด้วย

ซึ่งต้นกำเนิดนั้นน่าจะมาจากการประมงที่ได้ปลาเล็กจากการลากอวน เลยนำมาหมักกับเกลือในถังเพราะกินไม่หมดเลยได้ซอสนี้ขึ้นมา

การใช้นำปลานั้นใช้ทั้งในการผสมอาหารและทำน้ำจิ้มต่าง ๆ และใช้จิ้มได้หลากหลายมากทั้ง ปลา กุ้ง หมู ไก่ ส่วนทางจีนตอนใต้ใช้ปรุงน้ำแกง และจานอบน้ำปลาเป็นแหล่งกลูตาเมตที่ให้รสอูมามิมากเลยทีเดียว


ผมไม่ทราบว่าคนจีนเป็นคนริเริ่มทำน้ำปลาหรือไม่ แต่เท่าที่รู้ น้ำปลาไม่อยู่ในสารบบเครื่องปรุงที่คนจีนในปัจจุบันใช้ครับ คนแต้จิ๋วในไทยเรียกน้ำปลาว่า นำปา โปรดอย่าได้ถามว่านำปาภาษาจีนแปลว่าอะไร เพราะคนจีนก็ไม่รู้เหมือนกัน เรียกทับศัพท์น้ำปลาเท่านั้นเอง ซึ่งก็แสดงชัดเจนว่าคนแต้จิ๋วไม่รู้จักน้ำปลา เขาใช้แต่เกลือหรือไม่ก็ซีอิ๊วเวลาต้องการรสเค็มครับ

คนเวียดนามสิรู้จักน้ำปลาแน่ เขาเรียกว่าเนื้อกม้าม เนื้อกแปลว่าน้ำ ม้ามคือปลาหมัก(ปลาร้า?) เท่าที่ผมเคยกิน(ที่จ่าก๋าล้าหว่อง) ก็รสชาติคล้ายน้ำปลาเรา แต่ออกหวานหน่อยเหมือนจะใส่น้ำตาลลงไปด้วยหรืออย่างไรก็ไม่ทราบ และก็ไม่แน่ใจว่ารสจะเป็นอย่างนี้ทุกเจ้าหรือเปล่านะครับ เอาตามที่ได้เห็นมา ผมว่าน้ำปลาน่าจะเกิดแถวอุษาคเนย์นี่แหละครับ
บันทึกการเข้า

"Postel's Law": "be conservative in what you do, be liberal in what you accept from others"
naitang
หนุมาน
********
ตอบ: 5823


ความคิดเห็นที่ 328  เมื่อ 30 พ.ย. 17, 18:48

ครับ   ก็น่าจะถือกำเนิดในประเทศจีนและมีใช้กันในชาวจีนแต้จิ๋วในชีวิตประจำวัน   แต่ไทยเราเป็นผู้ทำให้มันแพร่หลายไปทั่วโลก

ก็มีเรื่องน่าสนใจอยู่ว่า น้ำปลาที่มีขายอยู่ใน ตปท.นั้น มีภาษาเวียดนามเขียนอยู่ในฉลากปิดขวดร่วมไปอีกด้วย แถมดูจะเด่นชัดกว่าภาษาไทยเสียอีก เช่นเดียวกับที่ปรากฏบนซอสและเครื่องปรุงอีกหลายชนิดที่คนไทยใช้และซึ่งร้านอาหารไทยมักจะต้องมีติดครัวไว้  

ประเด็นก็ไปอยู่ที่ว่า  ตัวน้ำปลาและชื่อของมันนั้นเป็นที่รู้จักในลักษณะที่มีความจำเพาะเจาะจงลงไปว่า "น้ำปลา"    ซึ่งเป็นภาษาไทยและเป็นของที่มีการทำ มีการกิน และมีการใช้ในการทำอาหารอย่างแพร่หลายในวิถีชีวิตของคนไทยทั่วทุกแห่งในประเทศไทย    แต่ด้วยที่มันมีภาษาอื่นปรากฎเด่นอยู่ในฉลากปิดขวด น้ำปลาก็จึงอาจจะถูกแอบนำไปจดสิทธิบัตรในแง่มุมใดแง่มุมหนึ่งก็ได้ ??    
บันทึกการเข้า
naitang
หนุมาน
********
ตอบ: 5823


ความคิดเห็นที่ 329  เมื่อ 30 พ.ย. 17, 19:21

อืม์  เอาละซี  ก็น่าสนใจว่าที่ว่าน้ำปลาไม่อยู่ในสารบบเครื่องปรุงที่คนจีนใช้กันในปัจจุบัน

เท่าที่ผมพอรู้อยู่บ้าง แหล่งผลิตน้ำปลาสำคัญแต่ดั้งเดิมของเราที่ใช้ปลาทะเลเป็นวัตถุดิบนั้นอยู่ที่แม่กลองและชลบุรี  ส่วนที่ระยองนั้นดูจะมาทีหลังซึ่งจะเป็นในเชิงของการผลิตแบบอุสาหกรรมเต็มรูปแบบ   ส่วนแหล่งผลิตน้ำปลาที่ใช้ปลาน้ำจืดเป็นวัตถุดิบนั้นอยู่ในพื้นที่น้ำท่วมประจำปีของพิษณุโลกและสุพรรณบุรี ซึ่งทั้งหมดจะหมักปลาในใหที่มีทรงปากใหที่มีขอบมนและเรียบดังที่เราเห็นและคุ้นเคยกัน  ต่างกับใหหมักปลาร้าที่ปากใหจะมีรูปทรงคล้ายการหงายมือ 
บันทึกการเข้า
หน้า: 1 ... 20 21 [22] 23 24 ... 86
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by SMF 1.1.21 | SMF © 2006, Simple Machines
Simple Audio Video Embedder

XHTML | CSS | Aero79 design by Bloc หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.087 วินาที กับ 19 คำสั่ง