เรือนไทย
ยินดีต้อนรับ ท่านผู้มาเยือน
กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
ส่งอีเมล์ยืนยันการใช้งาน?
ข่าว: การแนบไฟล์ กรุณาใช้ชื่อไฟล์ภาษาอังกฤษเท่านั้นครับ
หน้า: 1 ... 12 13 [14] 15 16 ... 32
  พิมพ์  
อ่าน: 80257 สัตว์ประหลาด ๕
เพ็ญชมพู
หนุมาน
********
ตอบ: 12599



ความคิดเห็นที่ 195  เมื่อ 21 ก.พ. 19, 10:08

นี่สินะวิชาแพะของจริง

วิชาแพะ (ภูเขา)  ยิงฟันยิ้ม


บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33584

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 196  เมื่อ 21 ก.พ. 19, 18:42

เผ่าพันธุ์เดียวกันหรือเปล่าคะ

บันทึกการเข้า
เพ็ญชมพู
หนุมาน
********
ตอบ: 12599



ความคิดเห็นที่ 197  เมื่อ 21 ก.พ. 19, 19:22

^^
สถานที่ : เขื่อน Cingino ทางตอนเหนือของอิตาลี

สัตว์     : แพะภูเขา Alpine ibex

เผ่าพันธุ์เดียวกันหรือเปล่าคะ

แพะภูเขา (Capra ibex) กับแพะบ้าน (Capra aegagrus hircus)  อยู่สกุลเดียวกัน  ยิงฟันยิ้ม
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33584

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 198  เมื่อ 27 ก.พ. 19, 21:00

อ้วกวาฬคืออะไรคะ    ฟังแต่ชื่อไม่น่าเข้าใกล้เลย

บันทึกการเข้า
เพ็ญชมพู
หนุมาน
********
ตอบ: 12599



ความคิดเห็นที่ 199  เมื่อ 28 ก.พ. 19, 13:47

มีชื่อที่อาจพาให้คุณเทาชมพูเข้าใกล้ได้มาหน่อยคือ "อำพันทอง" ท่านรอยอินบรรยายไว้ว่าคือ  

"วัตถุสีเทาและสีเหลือง มีกลิ่นหอม ลอยอยู่ในทะเลหรือริมฝั่งทะเลของประเทศแถบร้อน เข้าใจว่าเป็นขี้ปลาวาฬชนิดหนึ่ง ใช้เป็นเครื่องยาไทย"

มีอีกหลายชื่อคือ อำพันทะเล, อำพันขี้ปลา, อ้วกวาฬ และขี้วาฬ

ในภาษาอังกฤษเรียกเจ้าสิ่งนี้ว่า "Ambergris" (แปลว่า อำพันสีเทา) Ambergris นั้นเกิดขึ้นจากสารที่วาฬหัวทุย (Sperm whale) ขับออกมาเพื่อหล่อลื่นสิ่งระคายเคืองในระบบทางเดินอาหาร ซึ่งโดยมากคือจะงอยปากของหมึกยักษ์ จนกลายเป็นนิ่ววาฬ (หลักการคล้าย ๆ หอยมุกที่ขับสาร nacre ออกมาห่อหุ้มสิ่งระคายเคืองจนกลายเป็นไข่มุกในที่สุด) ถูกขับออกมาทางทวารหนักเป็นขี้วาฬ แต่บางครั้งก็ถูกขับออกมาทางปาก

Ambergris เมื่อถูกขับออกมาใหม่ ๆ จะมีลักษณะนิ่ม สีออกขาว บางครั้งก็มีรอยดำอยู่บ้าง และมีกลิ่นค่อนไปทางขี้ ก่อนที่จะผ่านแสงแดด สายลม น้ำทะเล ยาวนานเป็นเดือนหรือเป็นปี จนไปเกยตื้นอยู่ริมหาดในที่สุด ซึ่งระหว่างนี้ ปฏิกิริยาเคมีจะทำให้ Ambergris ค่อย ๆ เปลี่ยนไป มีสีเข้มขึ้นจนเกือบดำ มีลักษณะแข็งเป็นเกราะคล้ายไขเทียน และมีกลิ่นที่ยวนใจ Ambergris เคยถูกกล่าวอ้างว่ามีสรรพคุณมากมาย ตั้งแต่เป็นยาจีน ยาปลุกเซ็กส์ ผสมอาหาร ถือติดตัวไว้เพื่อป้องกันกาฬโรค รักษาโรคต่าง ๆ จนกระทั่งมาใช้แพร่หลายที่สุดในอุตสาหกรรมน้ำหอม โดยมีคุณสมบัติทำให้น้ำหอมมีกลิ่นที่ติดได้ทนนานยิ่งขึ้น และมีกลิ่นที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว

แม้ว่าทุกวันนี้ น้ำหอมส่วนมากจะใช้ Ambergris สังเคราะห์เป็นส่วนผสม แต่ขี้วาฬและอ้วกวาฬที่หมักบ่มด้วยวิถีธรรมชาตินี้ก็ยังเป็นที่ต้องการสูงในท้องตลาด โดยมีราคาสูงถึง ๒๙ เหรียญสหรัฐฯหรือเกือบหนึ่งพันบาทต่อ ๑ กรัมใครเจอก็รวยไปเลย

จาก FB สัตว์โลกสัปดน
https://www.facebook.com/644334335658712/posts/1386688891423249?sfns=mo

ใน ตำราแพทย์แผนโบราณทั่วไป สาขาเภสัชกรรมไทย ของกองการประกอบโรคศิลป กระทรวงสาธารณสุข หน้า ๑๐๔ ระบุว่า อำพันทองคือน้ำกามของวาฬ น่าจะสับสนเนื่องมาจากชื่อของ Sperm whale ?

https://www.slideshare.net/mobile/UtaiSukviwatsirikul/ss-39035258


บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33584

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 200  เมื่อ 28 ก.พ. 19, 14:23

 ยิงฟันยิ้ม


บันทึกการเข้า
เพ็ญชมพู
หนุมาน
********
ตอบ: 12599



ความคิดเห็นที่ 201  เมื่อ 08 ส.ค. 19, 08:37

หมีน้ำคือ "ผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในปฐพี" ตัวจริง  ยิ้มเท่ห์



หมีน้ำอยู่ในไฟลัมทาร์ดิเกรดา (Tardigrada) จึงมีชื่อแบบเป็นทางการว่าทาร์ดิเกรด (tardigrade) ซึ่งแปลว่า “เดินช้า”

หมีน้ำ : นักวิทยาศาสตร์คาดหมีน้ำอยู่รอดบนดวงจันทร์หลังยานอวกาศอิสราเอลเกิดอุบัติเหตุ

แม้ที่ผ่านมาเราจะยังค้นหาสิ่งมีชีวิตบนดวงจันทร์ไม่พบ แต่ล่าสุดมีความเป็นไปได้ว่า สัตว์ที่แข็งแกร่งและทนทรหดที่สุดในโลกอย่างตัวทาร์ดิเกรดหรือ "หมีน้ำ" หลายพันตัวกำลังใช้ชีวิตอยู่ที่นั่น โดยพวกมันอาจจะเป็นสิ่งมีชีวิตชนิดเดียวที่อยู่รอด หลังยานอวกาศเบเรชีต (Beresheet) ของบริษัทเอกชนอิสราเอล ประสบอุบัติเหตุพุ่งชนพื้นผิวดวงจันทร์ไปเมื่อสี่เดือนก่อน

มูลนิธิอาร์กมิชชัน (Arch Mission Foundation) องค์กรไม่แสวงผลกำไรในสหรัฐฯ ซึ่งมุ่งเก็บสำรองสิ่งมีชีวิตชนิดพันธุ์ต่าง ๆ ของโลกเพื่ออนาคต เปิดเผยว่าเป็นผู้ดำเนินการให้ยานเบเรชีตขนเอาหมีน้ำราว ๒,๐๐๐ - ๓,๐๐๐ ตัวไปยังดวงจันทร์ด้วย ก่อนที่ยานจะขาดการติดต่อกับศูนย์ควบคุมขณะพยายามลงจอด โดยภายหลังพบว่ายานพุ่งชนพื้นผิวดวงจันทร์จนเสียหายไม่สามารถใช้การได้

เคยมีการทดลองนำหมีน้ำขึ้นสู่ห้วงอวกาศโดยไร้การป้องกันใด ๆ โดยให้มันอยู่ในสภาพที่ไร้น้ำหนัก ไม่มีอากาศ ไม่มีอาหารและน้ำ ทั้งยังสัมผัสรังสีอันตรายจากอวกาศโดยตรง ปรากฎว่าหมีน้ำในการทดลองนี้จำนวนหนึ่งยังคงมีชีวิตอยู่เมื่อถูกนำกลับสู่พื้นโลก แถมยังออกลูกออกหลานเพิ่มมาอีกด้วย

ดร. ลูคาซ คาซมาเรก นักชีวดาราศาสตร์และผู้เชี่ยวชาญเรื่องหมีน้ำจากมหาวิทยาลัยอดัมมิซกิวิซ (AMU) ของโปแลนด์ แสดงความเห็นว่า เป็นไปได้ที่หมีน้ำจะมีชีวิตรอดจากเหตุยานอวกาศพุ่งชนพื้นผิวดวงจันทร์ เนื่องจากพวกมันสามารถทนทานต่อแรงดันมหาศาลระดับอุกกาบาตพุ่งชนพื้นโลกได้มาแล้ว นอกจากนี้ พวกมันยังอาจเข้าสู่สภาวะจำศีลโดยทำตัวให้หดแห้งลง เพื่อให้อยู่รอดได้ในสภาพแวดล้อมที่แห้งแล้งและมีอุณหภูมิสุดขั้วเป็นเวลานับร้อยปี

"แต่ในระหว่างที่จำศีลอยู่ พวกมันจะไม่สามารถแพร่พันธุ์หรือทำกิจกรรมใด ๆ ของสิ่งมีชีวิตได้ จึงไม่ต้องกังวลว่าหมีน้ำจะขยายพันธุ์เป็นจำนวนมากขึ้นจนถึงขั้นครอบครองดวงจันทร์ หรือกลายเป็นสิ่งแปลกปลอมที่ปนเปื้อนระบบนิเวศของดวงจันทร์" ดร. คาซมาเรกกล่าว "เว้นเสียแต่ว่าพวกมันจะได้รับน้ำ จึงจะสามารถฟื้นตัวและกลับมาเคลื่อนไหวอย่างมีชีวิตชีวาได้อีกครั้ง"

จาก https://www.bbc.com/thai/features-49265205

นอกจากจะแข็งแกร่งที่สุดใน "โลกาปฐพี" แล้ว ยังอาจแข็งแกร่งที่สุดใน "จันทราปฐพี"อีกด้วย  ยิงฟันยิ้ม


บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33584

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 202  เมื่อ 08 ส.ค. 19, 10:52

สมมุติว่าหมีน้ำรอดชีวิต ในอนาคตเราส่งยานที่สองไปเจอมันได้   จะมีผลอย่างไรต่อวงการสำรวจอวกาศบ้างคะ
ในทางกลับกัน  ถ้าหากว่ามันไม่รอด    ผลการเรียนรู้เรื่องนี้จะทำให้เราได้อะไรขึ้นมาบ้าง
บันทึกการเข้า
SILA
หนุมาน
********
ตอบ: 6362


ความคิดเห็นที่ 203  เมื่อ 08 ส.ค. 19, 11:24

             มีการศึกษาความอึดของลูกหมีน้ำบนโลกอยู่แล้ว, ถ้าบนดวงจันทร์ลูกหมีรอด นี่คือก้าวต่อไปของต้นแบบ
ในการศึกษาค้นคว้าทดลองเรื่องการทานทนต่อสภาวะอวกาศ(รังสี,อุณหภูมิ,จำศีล ฯ) บนดวงจันทร์ ที่จะนำมาต่อยอด
ในการหาหนทางท่องอวกาศไกลออกไปกว่านั้นของสัตว์ใหญ่- มนุษย์ ซึ่งต้องทุ่มเวลาและทรัพยากรไม่รู้เท่าไร
             ถ้าลูกหมีไม่รอด,ก็ต้องหาต้นแบบหรือหนทางอื่นในการท่องอวกาศ

ข้อความท้ายของ abstract จากบทความเก่า เมื่อครั้งยังไม่ได้ส่งลูกหมีไปพระจันทร์

What can we learn from the toughest animals of the Earth? Water bears (tardigrades) as
multicellular model organisms in order to perform scientific preparations for lunar exploration

.... The relevance of ground-based and space studies on tardigrades rests on the presumption that
results could suggest strategies to protect organisms, also humans, when exposed to the space and
lunar environments.

Planetary and Space Science
Volume 74, Issue 1, December 2012,

https://www.sciencedirect.com/science/article/pii/S0032063312001341
บันทึกการเข้า
SILA
หนุมาน
********
ตอบ: 6362


ความคิดเห็นที่ 204  เมื่อ 08 ส.ค. 19, 11:30

ดูไป,ดูมา ลูกหมีก็น่ารักดี


บันทึกการเข้า
เพ็ญชมพู
หนุมาน
********
ตอบ: 12599



ความคิดเห็นที่ 205  เมื่อ 09 ส.ค. 19, 09:49

ถ้าเป็นหมีน้ำยักษ์ล่ะ จะน่ารักสำหรับคุณศิลาอยู่อีกมั้ย

ใน Star Trek: Discovery (2017-2019) มีตัวเอกคือ หมีน้ำยักษ์อวกาศ  ผู้ชมชอบสปอร์ของราอวกาศ Prototaxites stellaviatori เพื่อเป็นอาหาร ซึ่งมีผลต่อร่างกายของมันทำให้เดินทางข้ามอวกาศทะลุมิติได้อย่างอิสระชั่วพริบตา





น่าสงสัยว่า หมีน้ำตัวน้อยบนดวงจันทร์วิวัฒนาการเป็นหมียักษ์อวกาศตัวนี้หรือเปล่าน้อ  ยิ้มเท่ห์
บันทึกการเข้า
เพ็ญชมพู
หนุมาน
********
ตอบ: 12599



ความคิดเห็นที่ 206  เมื่อ 30 ส.ค. 19, 10:56

สัตว์ประหลาดบางชนิดอาจจะมีความน่ารักในบางท่วงที อย่างตุ๊กแกลายเสือดาวกับกิ้งก่าคาเมเลี่ยนคู่นี้

Stimpy the leopard gecko and Olive the chameleon


บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33584

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 207  เมื่อ 30 ส.ค. 19, 12:07

เอามาฝากคุณเพ็ญชมพู
น่าเกลียดน้อยกว่าตัวข้างบนนั่นค่ะ


บันทึกการเข้า
เพ็ญชมพู
หนุมาน
********
ตอบ: 12599



ความคิดเห็นที่ 208  เมื่อ 30 ส.ค. 19, 13:10

ตัวข้างบนเฝ้าโบสถ์เดียวกับตัวข้างล่าง

สัตว์ประหลาดการ์กอยล์ ตัวนี้นั่งเฝ้าโบสถ์โนเตรอะดาม เดอ ปารีส์


ตอนที่ไฟไหม้ใหญ่เดือนเมษายนที่มหาวิหารนอเทรอดาม หวังว่าการ์กอยล์ ๒ ตัวนี้คงจะหนีทัน   ตกใจ
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33584

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 209  เมื่อ 04 ก.ย. 19, 08:11

หลังคาโบสถ์ 2 ใน 3 ถูกทำลายไปในเพลิงไหม้    คิดว่าชะตากรรมของน้องก๋อยก็คงสูญหายไปในกองเพลิง  แต่บางส่วนน่าจะเหลืออยู่บ้าง
หลังๆนี้ ทางสถาปนิกเขาก็ไม่อยากเก็บพวกนี้ไว้ทำหน้าที่ระบายน้ำแบบเดิมอีกแล้ว เพราะฝนทำให้มันชำรุดมาก อาจหักพังหล่นลงหัวชาวบ้านบนพื้นดินเบื้องล่างได้ง่ายๆ   

คำอธิบาย : การ์กอยล์พวกนี้หน้าที่จริงคือท่อระบายน้ำ   รับน้ำฝนไม่ให้ขังนองอยู่บนหลังคาโบสถ์ หรือไหลอาบลงมาบนพื้นผิวด้านข้าง   แต่ระบายลงมาข้างล่าง ช่วยยืดอายุโบสถ์
แต่ในเมื่อการ์กอยล์รับน้ำเสียเอง  ก็เลยพังง่าย ต้องซ่อมต้องเปลี่ยนตัวกันมาหลายยุคแล้ว    สถาปนิกก็เลยออกแบบให้หน้าตามันซ้ำๆกัน จะได้เปลี่ยนง่าย
การ์กอยล์เป็นสัตว์ประหลาด ที่ถูกสร้างขึ้นมาให้ปกป้องสถานที่ศักดิ์สิทธิ์และทำหน้าที่ขับไล่วิญญาณร้ายไม่ให้เข้ามากล้ำกรายโบสถ์ค่ะ   


บันทึกการเข้า
หน้า: 1 ... 12 13 [14] 15 16 ... 32
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by SMF 1.1.21 | SMF © 2006, Simple Machines
Simple Audio Video Embedder

XHTML | CSS | Aero79 design by Bloc หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.07 วินาที กับ 20 คำสั่ง