เรือนไทย
ยินดีต้อนรับ ท่านผู้มาเยือน
กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
ส่งอีเมล์ยืนยันการใช้งาน?
ข่าว: การแนบไฟล์ กรุณาใช้ชื่อไฟล์ภาษาอังกฤษเท่านั้นครับ
หน้า: 1 ... 11 12 [13] 14 15 ... 18
  พิมพ์  
อ่าน: 39714 พระพุทธเจ้าอยู่หัวในความทรงจำของผม
naitang
หนุมาน
********
ตอบ: 5823


ความคิดเห็นที่ 180  เมื่อ 26 พ.ย. 16, 19:15

เมื่อย้ายเข้าไปอยู่คณะใน (กลุ่มพวกเด็กโต) ปีแรกก็เลือกเรียนเรื่อง "ปั้นดินเผา" เพื่อหนีการเข้าไปนั่ง 1 ชม.ในห้องเพร็บ (ในขณะที่หลายคนเลือกเรียนตนตรีเข้าวงปี่สก็อต วงโยธวาทิต และวงจุลดุริยางค์) ผมก็เลยพอจะรู้เรื่องเกี่ยวกับการทำเครื่องปั้นดินเผาทั้งระบบ ตั้งแต่การเตรียมดิน การปั้นด้วยโต๊ะหมุน (ด้วยแรงถีบ) การเผา การเคลือบ ก็จำได้จนกระทั่งทุกวันนี้  แต่มาได้เข้าใจว่าทำไมต้องทำเช่นนั้นเช่นนี้ก็เมื่อมาเรียนและเป็นนักธรณีวิทยาแล้ว
   
ปีต่อมาโรงเรียนก็เปิดวงดนตรีใหม่เรียกว่าวง String band ผมก็เลยสมัครเข้าเรียนและเลือกเรียนเครื่องแมนโดลิน (Mandolin) เครื่องดนตรีอื่นๆก็มีอาทิ Mandola, Guitar, Steel Guitar (หรือ Slide Guitar) ซึ่งในสมัยนั้นเรียกว่า Hawaiian Guitar, Violin และ Viola   มีคนสนใจเรียนน้อย วงจึงเล็กกระทัดรัด มีเครื่องแมนโดลินอยู่สองสามตัว นอกนั้นก็อย่างละตัว   เพลงที่เรียนและซ้อมกันบ่อยมากเท่าที่จำได้ก็มี Santa Lucia, La Paloma, O Sole Mio, Arrivederci Roma นอกนั้นก็เป็นเพลงของ Hawaii และอื่นๆ   จำไม่ได้แล้วครับ   
บันทึกการเข้า
naitang
หนุมาน
********
ตอบ: 5823


ความคิดเห็นที่ 181  เมื่อ 26 พ.ย. 16, 20:28

แล้ววง String Band ซึ่งเล่นเพลงที่นุ่มนวลก็ได้มีโอกาสไปเล่นออกอากาศในห้องส่งของสถานีวิทยุ อ.ส.ซึ่งตั้งอยู่ในพระราชวังสวนจิตรลดา ซึ่งสมัยนั้นเรียกกันว่า สถานี อ.ส.วันศุกร์  ก็ไม่ทราบหรอกครับว่าทำไมจึงเรียกกันว่า อ.ส.วันศุกร์  ผมทราบแต่เพียงว่าพระองค์ท่านจะเสด็จลงมาทรงดนตรีร่วมกับนักดนตรีในวงดนตรีของพระองค์ และออกอากาศสดทุกเย็นวันศุกร์

ผมได้มีโอกาสเข้าไปเล่นออกอากาศอยู่สองสามครั้ง  ก็ไม่ทราบหรอกครับว่าท่านผู้ใดเป็นผู้จัดผังการออกอากาศ จำได้แต่ว่าจะเป็นรายการก่อนหน้ารายการของพระองค์ท่าน ดังนั้นเมื่อเราแสดงเสร็จ ก็จะอกจากห้องส่งมาตั้งแถวอยู่ห่างๆรอรับเสด็จพระองค์ท่าน   
อาคารสถานีวิทยุ อ.ส.เป็นอาคารชั้นเดียว และดูเหมือนจะมีเพียงห้องส่งและห้องควบคุมเท่านั้น จำได้ว่าอย่างนั้นนะครับ    อาคารสถานีมีเฉลียงและมีหลังคา  พระองค์ท่านจะทรงนั่งพักเสวยน้ำพระสุธารสที่เฉลียงนี้ัก่อนที่จะเสด็จเข้าห้องส่งเพื่อทรงดนตรี  ในระหว่างที่พระองค์ทรงนั่งอยู่ เราก็จะได้ยินเสียงบรรดานักดนตรีของวง อ.ส.วันศุกร์ ต่างคนต่างซ้อม เสียงดังไม่เป็นเพลงใดๆ จนกระทั่งพระองค์ท่านเสด็จเข้าห้องส่ง เสียงจึงค่อยเบาลงหน่อย

ได้เห็นพระองค์ทรงการแต่งกายในชุดแบบสบายๆ (จำได้ว่าทรงเสื้อยืดและพระสนับเพลาสีอ่อนๆ)  ผมก็ได้แต่มีความประทับใจสุดๆเท่านั้น ได้เห็นพระอริยาบทแบบสบายๆที่ต่างไปจากที่ได้เห็นในช่วงเวลาปฎิบัติพระราชกรณียกิจที่เป็นทางการต่างๆ   เป็นภาพที่ประทับใจมากๆครับ           
บันทึกการเข้า
naitang
หนุมาน
********
ตอบ: 5823


ความคิดเห็นที่ 182  เมื่อ 27 พ.ย. 16, 19:13

เมื่ออยู่มัธยมปลายก่อนจะจบการศึกษาจากโรงเรียน ในวันกรีฑา (ที่คุณ NAVARAT C. เล่าไว้ใน คห. 59) ก่อนปิดภาคเรียนเทอมปลาย ผมได้ถูกคัดให้เป็นผู้ถวายการแสดงในนิทรรศการวิทยาศาสตร์ ในเรื่องพลังของสนามแม่เหล็ก โดยใช้แม่เหล็กอยู่ใต้โต๊ะดูดเรือจำลองเล็กๆให้เคลื่อนที่บนผิวโต๊ะพื้นเรียบๆด้านบน

ในการแสดงครั้งนั้น คุณครูเพียงแต่ให้แนวทางทางวิชาการ ส่วนคำถวายรายงานนั้นต้องทำเอง ทำเป็นบทกราบบังคมทูลแล้วซ้อมการกล่าวนั้นให้ผู้บังคับการฯ ? หรือคุณครู ?ฟัง (จำไม่ได้แล้วว่าต่อหน้าใคร)  จำได้ว่ามีการซ้อมเพียงครั้งเดียวเท่านั้น  ตอนซ้อมก็ไม่กลัวอะไรหรอก  แต่พอวันจริง ยิ่งใกล้เวลาก็ยิ่งรู้สึกตื่นเต้นมากขึ้นตามลำดับ หัวใจเต้นตูมตามเป็นพักๆตามแต่ว่าจะนึกถึงขึ้นมาเมื่อใด   คำอธิบายที่จะถวายต่อพระองค์ ที่ว่าท่องจำมาจนรู้สึกว่าขึ้นใจแล้วนั้น มันชักเริ่มจะสับสน รู้สึกจะไม่เรียงต่อเนื่องกันเรียบๆเสียแล้ว เรื่องราวหรือเนื้อเรื่องดูจะกระโดดไปกระโดดมา อยู่ไม่เป็นที่เป็นทาง 

พอเห็นพระองค์ท่านเสด็จเข้ามาในห้องนิทรรศการ ร่างกายที่ยืนสงบอยู่ก็ชักจะเริ่มไม่ค่อยสงบ ทุกส่วนของร่างกายและอวัยวะต่างๆเริ่มจะอยู่ไม่นิ่ง ต้องทำใจบังคับให้มันสงบ เรียกขวัญของตัวเองให้มาอยู่กับเนื้อกับตัว    เมื่อถึงเวลาจริง การแสดงและการถวายรายงานทุกอย่างก็ผ่านพ้นไปด้วยดีจนพระองค์ท่านมีพระราชดำรัสถาม เท่านั้นเองแหละครับ ที่ว่าเราสามารถควบคุมตัวเองได้แล้วนั้นก็พลันกระเจิงอีก แต่ก็ถวายการตอบไปแบบตะกุกตะกัก         
บันทึกการเข้า
naitang
หนุมาน
********
ตอบ: 5823


ความคิดเห็นที่ 183  เมื่อ 27 พ.ย. 16, 20:18

ในช่วงเวลานั้น ก็ไม่ได้คิดอะไรมากไปกว่าความปิติยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้มีโอกาสอยู่ใกล้ๆกับพระองค์ท่าน (ห่างกันประมาณเมตรเดียว)   แต่พอมีอายุมากขึ้น เมื่อย้อนนึกกลับไปถึงประสบการณ์ของตนเองในวันนั้น ผนวกกับเรื่องราวต่างๆตามที่สื่อได้นำเสนอเกี่ยวกับพระจริยวัตรที่เป็นไปอย่างตามปกติของพระองค์   ได้ก็ทำให้ผมได้รู้อย่างลึกซึ้งว่าพระองค์ท่านนั้นทรงมีพระเมตตาที่มีต่อพสกนิกรของท่านอย่างเหลือล้นจริงๆ ไม่ว่าจะเป็นวัยใด ไม่ว่าจะมีฐานะทางเศรษฐกิจและสังคมใด คนป่วย คนเจ็บ...ฯลฯ ครับ เรียกว่า any walk of life จริงๆ

ในวันนั้น พระองค์ท่านจะรับฟังแล้วทรงดำเนินผ่านไปเฉยๆก็ได้ การแสดงก็เป็นเพียงของเด็กๆที่เพิ่งจะเรียนรู้ทางวิทยาการได้ไม่นาน พระองค์ท่านทรงมีความรู้ความรู้สูงกว่านั้นมาก แต่ก็ยังทรงให้ความสนใจเพื่อเป็นกำลังใจให้กับเด็กๆ   ก็จึงไม่น่าจะแปลกใจนะครับที่เราจะเห็นภาพพระองค์ท่านทรงสนทนากับชาวบ้าน และจะได้ยินกระแสพระราชดำรัสในลักษณะของการให้กำลังใจ ให้ลุกขึ้นต่อสู้ฟันฝ่าอุปสรรคทั้งหลายด้วยความอดทนตลอดมา
บันทึกการเข้า
CVT
องคต
*****
ตอบ: 452


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 184  เมื่อ 28 พ.ย. 16, 07:53



คนในรูปบอกว่าเมื่อ พ.ศ.๒๕๐๙ ยังเรียนชั้น ป.๖ โรงเรียนวชิราวุธ ถูกแต่งเป็นหญิงเพื่อแสดงรีวิวประกอบเพลง "ราชาเป็นสง่าแห่งแคว้น" ซึ่งเป็นการแสดงของเด็กเล็ก
ส่วนเด็กโตแสดงละครเรื่อง "เฮเลนออฟทรอย"

จากเฟซบุ๊ก Banyong Pongpanich
บันทึกการเข้า
naitang
หนุมาน
********
ตอบ: 5823


ความคิดเห็นที่ 185  เมื่อ 28 พ.ย. 16, 20:29

คิดว่าปีที่มีการแสดง Helen of Troy นั้น น่าจะเป็นปี พ.ศ.2507 หรือ 2508 นะครับ  ยังช่วยกันทำหมวกแบบทหารโรมัน ใช้กระดาษกับแป้งเปี่ยกทำหมวก ใช้ไม้กวาดมาทำพู่ของหมวก   แล้วพลบค่ำวันหนึ่งก่อนวันแสดงจริง พวกผมก็ยังแอบยกพวกไปเล่นกันอย่างสนุกสนาน
บันทึกการเข้า
naitang
หนุมาน
********
ตอบ: 5823


ความคิดเห็นที่ 186  เมื่อ 28 พ.ย. 16, 21:28

ในวันกรีฑาปีสุดท้ายก่อนจบจากโรงเรียน ก็ได้ถูกคัดให้ทำหน้าที่ถวายเครื่องพระสุธารส   เมื่อทั้งสองพระองค์เสด็จขึ้นบนเวทีและประทับบนเก้าอี้พระที่นั่งเพื่อทรงชมการแข่งขันกีฬาและการแสดงต่างๆเป็นที่เรียบร้อยแล้ว  ก็มีนักเรียน 2 ชุดๆละ 3 คนแยกกันทำหน้าที่ สำหรับผมนั้นอยู่ชุดถวายสมเด็จพระบรมราชินีนาถ   คนแรกจะเดินมือเปล่า คนที่สองจะต้องยกโต๊ะเล็กๆ (สำหรับวางข้างพระเก้าอี้ที่ทรงประทับนั่ง) คนที่สามจะต้องยกถาดเงินที่มีแก้วน้ำพระสุธารสและขนมของว่างจัดวางอยู่   คนแรกจะรับโต๊ะจากคนที่สองนำไปวางให้ถูกต้องพอดี คนที่สามจะส่งถาดชุดพระสุธารสให้คนแรกนำไปวาง   จำภาพได้ว่าทั้งสองพระองค์ทรงมองเราทั้งสองชุด

เมื่อได้ตั้งชุดถวายเสร็จสิ้น สมเด็จพระบรมราชินีนาถ ก็ได้ทรงยิ้มและเอ่ยพระโอษฐ์ว่า "ขอบใจจ้ะ"  คงไม่ต้องบอกกล่าวนะครับว่าเป็นอะไรที่เป็นความปิติและเป็นมงคลอย่างยิ่งของชีวิต   เมื่อเดินกลับไปด้านหลังก็มีแต่คนถามว่าพระองค์ท่านทรงตรัสว่าอะไร

ผมมาคิดดูในภายหลัง ก็เห็นว่าพระองค์ท่านคงจะทรงให้ความเอ็นดูเราเป็นอย่างยิ่ง  โต๊ะไม้นั้นก็หนักพอประมาณ แต่ถาดที่วางชุดพระสุธารสนั่นหนักมากจริงๆ ยกถือเดินมามีแต่เสียงกระทบกันของภาชนะที่วางอยู่บนถาด  ทุกย่างก้าวของเราเองก็คงจะดูเกร็งไปหมด แสดงอาการกลัวจะผิดพลาดจนเห็นได้ชัด  ตอนซ้อมก็ใช้ถาดธรรมดา ไม่หนัก  แต่พอวันจริงใช้ของจริง หนักจริงๆครับ

ประสบการณ์เล็กๆของผมนี้คงจะช่วยย้ำแสดงให้เห็นว่าพระองค์ท่านทรงมีพระเมตตาเป็นที่ตั้งอยู่ในพระหฤทัยของพระองค์อยูตลอดเวลา

อาจจะสับสนนะครับ แต่คิดว่าในปีนั้น พวกเราได้เข็นรถพระที่นั่งไปไกลจนถึงเกือบถึงประตูโรงเรียน           
บันทึกการเข้า
NAVARAT.C
หนุมาน
********
ตอบ: 11307


ความคิดเห็นที่ 187  เมื่อ 29 พ.ย. 16, 10:07

ดูรูปของบรรยงแล้ว ไม่ทราบว่าครูผู้หญิงแก่ๆทำไมชอบจับเด็กผู้ชายมาแต่งตัวเป็นเด็กผู้หญิงเล่นระบำรำฟ้อน ผมละสยดสยองนัก กลัวถูกจับไปนุ่งผ้าซิ่นหรือกระโปรง คิดว่าคุณนายตั้งก็เคยโดน ส่วนผมโชคดีที่ระบำแขกไม่มีที่ต้องแต่งเป็นผู้หญิงเลยรอดตัวไป ไม่มีความทรงจำอันเลวร้าย
บันทึกการเข้า
CVT
องคต
*****
ตอบ: 452


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 188  เมื่อ 29 พ.ย. 16, 10:26

ดูรูปของบรรยงแล้ว ไม่ทราบว่าครูผู้หญิงแก่ๆทำไมชอบจับเด็กผู้ชายมาแต่งตัวเป็นเด็กผู้หญิงเล่นระบำรำฟ้อน ผมละสยดสยองนัก กลัวถูกจับไปนุ่งผ้าซิ่นหรือกระโปรง คิดว่าคุณนายตั้งก็เคยโดน ส่วนผมโชคดีที่ระบำแขกไม่มีที่ต้องแต่งเป็นผู้หญิงเลยรอดตัวไป ไม่มีความทรงจำอันเลวร้าย

โชคดีนะครับที่พี่ตั้วแกไม่กลายเป็นหญิง  ยิงฟันยิ้ม ยิงฟันยิ้ม ยิงฟันยิ้ม ยิงฟันยิ้ม ยิงฟันยิ้ม
บันทึกการเข้า
NAVARAT.C
หนุมาน
********
ตอบ: 11307


ความคิดเห็นที่ 189  เมื่อ 29 พ.ย. 16, 11:05

บรรยง พงศ์พานิช คนดัง ในโรงเรียนเรียกกันว่า "ไอ้เตา" ที่บรรยงชอบเรียกตนเอง
คนๆนี้ไม่มีทางกลายพันธุ์ การถูกครูคณะเด็กเล็กจับแต่งเป็นผู้หญิง มีแต่จะทำให้เหล่าทะโมนห่ามขึ้น ผมเกรงว่าจะทำให้ศักดิ์ศรีของสุภาพสตรีจะพลอยมัวหมองไปด้วยมากกว่า
บันทึกการเข้า
V_Mee
สุครีพ
******
ตอบ: 1436


ความคิดเห็นที่ 190  เมื่อ 29 พ.ย. 16, 16:48

เรื่องให้เรียนแต่งเป็นหญิงนั้น  น่าจะเป็นความคิด "พี่เทิ่ง  สติเฟื่อง" ที่มาช่วยฝึกสอนในแต่ละปีมากกว่าครับ
พี่เทิ่งมาช่วยฝึกหัดการแสดงคั้งแต่ผมอยู่เด็กเล็กจน ม.ศ.๕ ก็ยังมาช่วยอยู่ทุกปีครับ
บันทึกการเข้า
naitang
หนุมาน
********
ตอบ: 5823


ความคิดเห็นที่ 191  เมื่อ 29 พ.ย. 16, 18:31

เทิ่ง สติเฟื่อง กับ ท้วม ทรนง เป็นดาราดังคู่หูคู่ฮาของไทยทีวีช่อง 4 บางขุนพรหม ในยุคแรกๆของการโทรศน์ของไทย  ผมคิดว่า เทิ่ง สติเฟื่อง น่าจะเริ่มเข้ามาสัมผัสกับครูและนักเรียนในลักษณะส่วนบุคคลในช่วงแถวๆ พ.ศ. 2503 <-> 2504
บันทึกการเข้า
naitang
หนุมาน
********
ตอบ: 5823


ความคิดเห็นที่ 192  เมื่อ 29 พ.ย. 16, 19:38

จบจากโรงเรียนก็สอบติด มช. พอปลายปีแรกที่ไปเรียน ก็ได้มีโอกาสใกล้ชิดกับพระองค์ท่านอีก   พระองค์ท่านพระราชทานเลี้ยงอาหารเย็นนักศึกษาทั้งหมดในพื้นที่พระตำหนักภูพิงค์พระราชนิเวศน์   จำได้ว่า ก่อนที่จะรับประทานกันอาหารเสร็จเรียบร้อย วงดนตรีของสโมสรนักศึกษาก็เล่นดนตรีให้ความบันเทิง ผมเองเล่นกีตาร์ เพื่อนรุ่นพี่คนหนึ่งเล่นเปียโน จำได้ว่าเพลงหนึ่งที่เล่นเป็นเพลงของฝรั่งเศสชื่อเพลง  j' attendrai   ไม่นานนักทั้งพระพุทธเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระบรมราชินีนาถก็เสด็จมาที่เต็นท์แสดงดนตรี เพื่อพระราชทานโอวาทแก่นักศึกษาก่อนจะเลิกงาน  แต่แล้วพระองค์ก็ทรงนั่งที่เปียโนและเล่นเปียโนให้พวกนักศึกษาฟัง จากนั้นก็ทรงเปลี่ยนให้สมเด็จพระบรมราชินีนาถเป็นผู้ทรงเปียนโนแทน ส่วนพระองค์ท่านเปลี่ยนไปเล่นกีร์ตาโปร่ง   

ผมไม่รู้ว่าเพลงที่พระองค์ทั้งสองทรงเล่นนั้นชื่อเพลงอะไรบ้าง และก็ไม่แน่ใจว่ามีเพลงพระราชนิพนธ์อยู่ด้วยหรือไม่ จำได้ว่าทั้งสองพระองค์ทรงเล่นอยู่เพียง 2 หรือ 3 เพลง เท่านั้น    ครับ มัวแต่ตื่นเต้นกับเรื่องที่ไม่คาดฝัน ก็เลยจำเรื่องราวในรายละเอียดไม่ค่อยได้    แต่เรื่องที่ผมประทับใจมากที่สุดก็คือ พระองค์ท่านได้ทรงเปียโนที่เต็มไปด้วย chord ทางเพลง jazz อย่างคล่องแคล่วและน่าทึ่งมากๆ  ส่วนสำหรับองค์สมเด็จพระบรมราชินีก็ทรงเปียโนได้อย่างเยี่ยมยอดแม้จะไม่ออกไปทางสไตล์แจส โดยมีพระพุทธเจ้าอยู่หัวทรงกีร์ตาโปร่งเป็น chord ประกอบ แถมก็ยังเป็น chord ยากๆของเพลงสไตล์แจ๊สที่เราไม่ค่อยจะรู้จักหรือเล่นกัน   ครับ เป็นเพลงที่ไพเราะมากจริงๆครับ

เป็นความประทับใจอย่างยิ่งของผมที่ได้มีโอกาสได้อยู่ใกล้ ได้เห็น ได้ยิน และได้รับรู้พระอัจฉริยะภาพของพระองค์ท่านทั้งสองที่ไม่มากคนนักจะได้มีโอกาสสัมผัสเช่นนี้       
บันทึกการเข้า
NAVARAT.C
หนุมาน
********
ตอบ: 11307


ความคิดเห็นที่ 193  เมื่อ 29 พ.ย. 16, 20:26

เป็นบุญแท้ๆของคนยุคเรา
บันทึกการเข้า
NAVARAT.C
หนุมาน
********
ตอบ: 11307


ความคิดเห็นที่ 194  เมื่อ 30 พ.ย. 16, 06:53

เมื่อเสด็จลงไปประทับที่สนามใหญ่ด้านข้างหอประชุมแล้ว นักเรียนวชิราวุธทั้งโรงเรียนจะสวนสนามถวายตัว หลังจากนั้นก็เป็นการแข่งขันกรีฑารอบชิงชนะเลิศระหว่างคณะต่างๆทั้งเด็กเล็กและเด็กโต ซึ่งโรงเรียนเลือกการแข่งขันประเภทที่สั้นๆและน่าสนใจมาถวายทอดพระเนตรเพี่ยงไม่กี่รายการ เช่น วิ่ง ๖๐ เมตรของเด็กเล็ก วิ่ง ๑๐๐ ๒๐๐ และ ๔๐๐ เมตร วิ่งผลัด ๔x๑๐๐ และวิ่งทน ๘๐๐ หรือ ๑๕๐๐ เมตร จำไม่ได้ ทั้งหมดนี้ใช้เวลาไม่นาน จบแล้วจะมีการแสดงหน้าพระที่นั่ง

ผมกับคุณนายตั้งจะเป็นดาราประกอบ สมัยของเราอยู่นั้นที่แน่ๆคือ เรื่องคลีโอพัตราปีนึง กับ เฮเลน ออฟ ทรอย อีกปีนึง ได้รับบทเป็นทหารเลว ฟันดาบกันโช้งเช้งๆ

ปีที่เล่นเป็นทหารกรีกเมืองทรอย ใส่เสื้อเกราะ(กระดาษแข็ง) รบกับฝ่ายสปาต้านั้น ทหารเลวสองคน คือผมกับเพื่อนรุ่นเดียวกันอีกคนหนึ่ง(อนาคตของเขาตอนนั้นหรืออดีตตอนนี้ติดยศพลเอก ตำแหน่งกรมวังผู้ใหญ่) ได้เล่นบทเด่นที่ผู้กำกับไม่ได้สั่งไว้ คือระหว่างที่เราถูกกำหนดให้ต้องนอนตายอยู่นิ่งๆในฉากนั้น ดั๊น ไปล้มลงบนรังมดคันไฟกลางสนามหญ้าพอดี ตายได้พักเดียวมดเข้าไปเต็มเสื้อเกราะ ดังนั้น ในขณะที่พระเอกนางเอกเขาแสดงบทโศกาอาดูรเข้าสู่ไคลแม็กซ์ของเรื่อง ผู้ชมทั้งสนามจะเห็นศพทหารเลวสองคนคืนชีพ ลุกขึ้นโซเซแล้วไปล้มลงนอนทุรนทุราย ไม่ยอมตายสักทีจนกระทั่งจบการแสดง

 

หมู่นี้คนแก่รุ่นผมจะเอารูปเก่าๆมารำพึงรำพันถึงพระพุทธเจ้าอยู่หัว ดังเช่นรูปของชัยสิริ สมุทวานิช เพื่อนซี้ร่วมรุ่นอีกคนหนึง ซึ่งเอาภาพตอนแสดงเป็นทหารกรีกในเฮเลน ออฟ ทรอย มาลงไว้ในfb อดไม่ได้ที่จะก๊อปเอามาลงไว้ในกระทู้นี้ เพราะผมและคุณนายตั้งก็แสดงอยู่ในฉากเดียวกันนี้แหละ

เล่นละครแต่งกายอย่างนี้มันจึงจะเหมาะกับลูกผู้ชายอกศอกเดียวในตอนนั้น อาไร้ ชอบเอาบทเด็กผู้หญิงมาบังคับให้เล่น
แล้วผมก็เข้ามายืนยันร่วมกับคุณนายตั้งให้อาจารย์วรชาติ เพื่อนรุ่นหลังหลายปีได้มั่นใจ บทเด็กผู้หญิงนี่เป็นฝีมือพวกครูแก่ๆคณะเด็กเล็กครับ ตอนนั้นนายเทิ่งยังไม่เข้าวงการบันเทิง ตอนเขาดังแล้วจึงสอดตัวเข้ามา โดยวันหนึ่งติดตามคุณอารีย์ นักดนตรีมาเยี่ยมหลานที่คณะดุสิต แล้วตีซี๊กับนักเรียนโต จนได้เข้ามาเป็นผู้ฝึกสอน ผู้จัดการแสดงให้คณะดุสิตเล่นในงานคณะก่อน แล้วจึงขยายกิจกรรมไปคณะอื่นๆ ซึ่งนายเทิ่งจะมีความสุขมากที่ได้อยู่ท่ามกลางหนุ่มๆวัยสะรุ่นทั้งหลาย


บันทึกการเข้า
หน้า: 1 ... 11 12 [13] 14 15 ... 18
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by SMF 1.1.21 | SMF © 2006, Simple Machines
Simple Audio Video Embedder

XHTML | CSS | Aero79 design by Bloc หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.046 วินาที กับ 20 คำสั่ง