เป็นเช่นนั้นแล
เคยใกล้ชิดในหลวงเมื่อรับปริญญาจากพระหัตถ์ ๒ ครั้ง
มีเรื่องอัศจรรย์เกี่ยวกับฟ้าฝนและรอยพระสรวลของในหลวงที่โรงเรียนสวนกุหลาบมาเล่าเสริม
วันที่ ๓๐ กรกฎาคม พุทธศักราช ๒๕๒๗ วันนั้นเป็นวันที่ในหลวงทรงย่างพระบาทลง ณ โรงเรียนสวนกุหลาบ เพื่อทรงเปิดพระบรมราชานุสาวรีย์รัชกาลที่ ๕ และทรงเปิดตึก ๑๐๐ ปี ฝนฟ้าตกลงมาหลายวันแล้ว จนเป็นที่หวั่นวิตกของคณะครูอาจารย์ว่าพระพิรุณจะโปรยปรายลงมาอีก แต่คงเป็นเพราะพระบารมีของในหลวงทั้งสองรัชกาล ทำให้พระพิรุณท่านเกรงพระทัยมิได้ส่งสายฝนลงมา และพระสุริยาทิตย์มิได้สาดแสงลงมาแรงนัก ทำให้อากาศในวันนั้นเย็นชื่นฉ่ำยิ่ง
หลังจากเปิดพระบรมราชานุสาวรีย์รัชกาลที่ ๕ และตึก ๑๐๐ ปีแล้ว เสด็จพระราชดำเนินเข้าในตึก ๑๐๐ ปี เพื่อทอดพระเนตรโขนนักเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย ในวันนั้นนักเรียนแสดงโขนเรื่องรามเกียรติ์ ตอน พระรามตามกวาง สีดาหาย และ หนุมานถวายพล เมื่อการแสดงจบแล้ว ผู้แสดงโขนไปนั่งส่งเสด็จฯที่ทางออกด้านขวา เมื่อเสด็จพระราชดำเนินมาถึง ทรงมีพระราชปฎิสันถารกับคณะโขนด้วยพระพักตร์ที่แย้มพระสรวลตลอดเวลา ทรงมีพระราชดำรัสชมเชยว่า
“เล่นเก่งมาก แสดงได้เหมือนโขนอาชีพ ฝึกซ้อมนานไหม”
ผู้แสดงคนหนึ่งกราบบังคมทูลตอบว่า
“ใช้เวลาฝึกซ้อม ๒ เดือนครับ”
ทรงมีพระราชปฎิสันถารกับผู้แสดงเป็นทศกัณฐ์ว่า
“คงเหนื่อยซีนะ เราคนเดียวต้องถูกเขารุมรบทั้งพระราม พระลักษณ์ หนุมาน ก็แพ้เขาน่ะซี”
ตรัสถามว่า
“จะแสดงอีกไหมนี่”
ทศกัณฐ์ทูลตอบทันที
“ถ้าท่านเสด็จอีก ผมก็จะแสดงอีก”
ในหลวงทรงพระสรวล ผู้ที่ตามเสด็จฯก็หัวเราะและยิ้มตาม ๆ กัน
เมื่อเสด็จพระราชดำเนินออกจากตึก ๑๐๐ ปี ทรงปลูกต้นราชพฤกษ์ที่หน้าตึก ในขณะนั้นราชองครักษ์ที่ตามเสด็จท่านหนึ่งได้ปรารภขึ้นว่า
“เอ โรงเรียนสวนกุหลาบนี่ มีอะไรดีนะ ทำให้ในหลวงทรงพระสรวลได้หลายครั้ง พวกเราไม่เคยเห็นรอยพระสรวลอย่างนั้นมานานแล้ว” จาก
เกร็ดชื่นใจในวันรับเสด็จ โดย อ.เนาวรัตน์ พลเดช หนังสือ สมานมิตร รุ่น ๑๐๓ (พ.ศ.๒๕๒๗)