เรือนไทย
ยินดีต้อนรับ ท่านผู้มาเยือน
กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
ส่งอีเมล์ยืนยันการใช้งาน?
ข่าว: การแนบไฟล์ กรุณาใช้ชื่อไฟล์ภาษาอังกฤษเท่านั้นครับ
หน้า: 1 ... 4 5 [6] 7 8 ... 18
  พิมพ์  
อ่าน: 39635 พระพุทธเจ้าอยู่หัวในความทรงจำของผม
NAVARAT.C
หนุมาน
********
ตอบ: 11307


ความคิดเห็นที่ 75  เมื่อ 30 ต.ค. 16, 19:37

หาที่ชัดกว่านี้ยังไม่เจอ แต่จำได้ว่าเคยเห็นชัดเจนมาก เพราะทุกคนจะรอคิวกัน ยกพระบาทไปวางไว้บนศีรษะตนเอง แต่ภาพนี้อยู่ไกลกล้องไปหน่อย

ชาวบ้านจะเอาอย่างไรก็เอา พระองค์ท่านก็ย้อม ยอม


บันทึกการเข้า
NAVARAT.C
หนุมาน
********
ตอบ: 11307


ความคิดเห็นที่ 76  เมื่อ 30 ต.ค. 16, 21:41

ขออนุญาตนำมาให้ดูได้ฟังกันชัดๆอีกทีครับ ผู้แทนอเมริกันคนนี้พูดแสดงความอาลัยในพระพุทธเจ้าอยู่หัวได้ซาบซึ้กินใจเหลือเกิน เสียดายตอนชมถ่ายทอดสด ผมหลงไปเปิดช่องที่เขาพากษ์เสียงไทย ซึ่งคนแปลได้พยายามแปลแต่ก็ผิดๆถูกๆ ทำลายความรู้สึกมาก จะเปลี่ยนช่องก็ไม่กล้า กลัวหนีเสือปะจระเข้ เลยต้องพยายามแยกเสียงที่กระทบหูเอา ซึ่งก็ได้ผลไม่มากนัก

คลิ๊บนี้สำหรับผู้ที่มีความรู้สึกเช่นเดียวกันครับ

บันทึกการเข้า
NAVARAT.C
หนุมาน
********
ตอบ: 11307


ความคิดเห็นที่ 77  เมื่อ 31 ต.ค. 16, 07:35

ปีท้ายๆในชีวิตนักเรียนมัธยมของผม โชคดีที่พระพุทธเจ้าอยู่หัวพระชนมพรรษา ครบ ๓ รอบพระนักษัตร  รัฐบาลจอมพลสฤษดิ์ ธนรัตน์ได้รื้อฟื้นโบราณราชประเพณีเสด็จเลียบพระนครโดยสถลมารคด้วยกระบวนพยุหยาตราใหญ่ขึ้นมาใหม่เพื่อเทิดพระบารมี  ในสมัยรัตนโกสินทร์มีประวัติว่าเคยการจัดกระบวนเสด็จระดับนี้เพียง ๒ ครั้งเท่านั้นคือ ในสมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว คราวเสด็จพระราชดำเนินถวายผ้าพระกฐินในปี พ.ศ. ๒๓๘๗ ครั้งหนึ่ง และต่อมาในปี พ.ศ. ๒๔๓๘ พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว คราวเสด็จพระราชดำเนินไปทรงเปิดพระปฐมบรมราชานุสาวรีย์พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก และทรงเปิดสะพานพระพุทธยอดฟ้าอีกครั้งหนึ่ง
คราวนี้ สำนักพระราชวัง ประกาศพระบรมราชโองการดำรัสสั่ง  ให้ประกอบพระราชพิธีดังกล่าวเป็นครั้งที่สาม ในวันที่ ๗ ธันวาคม ๒๕๐๖

ผมได้รับคำสั่งให้ปฏิบัติหน้าที่มหาดเล็กหลวงในขบวนเสด็จ  แถวของมหาดเล็กหลวงจัดเป็นแถวตอนเรียงหนึ่ง เดินกระหนาบสองข้าง อยู่ด้านในถัดจากแถวของตำรวจหลวงซึ่งเดินอยู่ด้านนอกสุดของขบวนหน้า ขบวนกลางเป็นพวกข้าราชสำนักชั้นผู้ใหญ่ กลุ่มที่อยู่ติดๆกับพระราชยานจะเป็นข้าราชการฝ่ายหน้าเชิญเครื่องสูง และราชองครักษ์  ซึ่งมีท่านนายกรัฐมนตรีในเครื่องแบบจอมพลเดินถวายอารักขาอยู่ด้วย ด้านหลังของพระราชยาน ต่อจากพวกเชิญเครื่องสูง และเครื่องประกอบพระราชอิสริยศ โดยมีทหารมหาดเล็กรักษาพระองค์สองกองร้อยแต่งเต็มยศแบกปืน เดินขนาบสองข้างขบวนพระราชยาน ขบวนหลังเป็นแถวมหาดเล็กหลวงเชิญหอกและตำรวจหลวงสพายดาบ เดินกระหนาบทั้งแนวซ้ายและขวา

ผมโชคดีเป็นชั้นที่สอง เพราะได้เดินอยู่ขบวนหน้าของพระราชยาน ไม่มีภาระต้องแบกอะไร ส่วนพวกเพื่อนๆในขบวนหลังที่ต้องเดินเชิญหอก โดยถือไว้ด้วยมือทั้งสองข้าง พับศอก ยื่นแขนเป็นแนวฉากออกไปข้างหน้า แล้วเดินช้าๆไปในท่านั้นเป็นชั่วโมงๆ  พอเลิกแถวครั้งใดพวกนี้จะทำท่าเหมือนคนพิการ

เราไปซ้อมเดินกันสองครั้ง ครั้งแรก และครั้งซ้อมใหญ่ก่อนวันจริง ภาพนี้เพื่อนถ่ายให้ถ่ายในวันซ้อมใหญ่ เมื่อห้าสิบกว่าปีที่แล้วครับ


บันทึกการเข้า
NAVARAT.C
หนุมาน
********
ตอบ: 11307


ความคิดเห็นที่ 78  เมื่อ 31 ต.ค. 16, 08:02

พระราชพิธีเสด็จเลียบพระนครโดยสถลมารคด้วยกระบวนพยุหยาตรานี้จะเริ่มต้นในเวลา ๑๔ น. ในวันซ้อมก็กระทำในเวลาเดียวกัน  แดดกำลังเปรี้ยง ขบวนเสด็จจะเคลื่อนจากเกยพระที่นั่งอาภรณ์พิโมกข์ปราสาท ออกพระบรมมหาราชวังทางประตูวิเศษชัยศรี ไปตามถนนหน้าพระลาน  ถนนราชดำเนินใน ข้ามสะพานผ่านพิภพลีลา เลี้ยวซ้ายไปตามถนนจักรพงษ์  แล้วเลี้ยวขวาไปตามถนนพระสุเมรุ เทียบพระราชยานที่เกยพลับพลาหน้าวัดบวรนิเวศวิหาร เสด็จเข้าไปนมัสการบูชาพระรัตนตรัยในพระอุโบสถ  คนในขบวนเสด็จได้พักยกให้น้ำ

หลังเสด็จออกจากวัดบวรนิเวศวิหารแล้ว ขบวนเดินต่อตามแนวกำแพงพระนครไปจนถึงสพานผ่านฟ้าลีลาศ แล้วเลี้ยวขวาเข้าถนนราชดำเนินกลางและราชดำเนินใน เข้าสู่พระบรมมหาราชวัง เทียบพระราชยานที่เกยพระที่นั่งอาภรณ์พิโมกข์ปราสาท แล้วเสด็จขึ้น

ทั้งสองวันนี้เหงื่อโซก หน้าโดนแดดไหม้เกรียม ผมก็เพิ่งจะรู้ว่าการเดินเข้าจังหวะแบบช้าๆนี้จะสร้างความปวดเมื่อยไปทั้งตัว ไม่เหมือนกับการเดินในอัตราเร็วปกติ  แต่ถามว่า งั้นไม่ต้องมาเดินแล้วเอามั๊ยล่ะ ไม่เอาครับ ถึงจะเป็นจะตายยังไงก็ยอม ขอมีส่วนร่วมถวายความจงรักภักดีต่อพระองค์ท่านจนกว่าชีวิตจะหาไม่


บันทึกการเข้า
NAVARAT.C
หนุมาน
********
ตอบ: 11307


ความคิดเห็นที่ 79  เมื่อ 31 ต.ค. 16, 08:29

วันที่ ๗ ธันวาคม ๒๕๐๖ เวลาบ่ายสองโมงตรง  พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช ทรงเครื่องบรมขัตติยราชภูษิตาภรณ์ ทรงพระมหามาลา เสด็จออกเกยพระที่นั่งอาภรณ์พิโมกข์ปราสาท ประทับพระราชยานพุตตานทอง ขณะนั้นทหารบกยิงปืนใหญ่เฉลิมพระเกียรติ ๒๑ นัด ขบวนเสด็จพระราชดำเนินโดยกระบวนพยุหยาตราเคลื่อนตัวออกช้าๆท่ามกลางเพลงสรรเสริญพระบารมี เสียงประโคมแตรสังข์และมโหรทึกดังกึกก้องโสตประสาท บัดนั้นปรากฏเมฆใหญ่เคลื่อนตัวเข้าแทรกพระสุรีย์ศรี บังเกิดร่มเงาปกป้องขบวนเสด็จและไพร่ฟ้าประชาชนที่มาชุมนุมกันแน่นชนัดเพื่อชื่นชมพระบารมี ตั้งแต่หน้าพระราชวังไปตลอดสองข้างทางเสด็จพระราชดำเนิน

ผมมีความรู้สึกเหมือนเดินลอยไปข้างหน้า วันซ้อมกับวันจริงเป็นคนละเรื่อง ทั้งเสียงและภาพที่กระทบอายตนะโสตประสาทมันสุดที่สัญชาติญาณของมนุษย์จะรับได้ ภาพของประชาชนที่เฝ้ารอรับเสด็จและใบหน้าของพวกเขาเหล่านั้น ผมบรรยายไม่ถูกจริงๆ แต่คุณคงนึกภาพออกนั่นแหละ มันเป็นภาพของความรักระหว่างประชาชนกับพระราชาที่ไม่มีที่ไหนในโลกนอกจากเมืองไทย


บันทึกการเข้า
NAVARAT.C
หนุมาน
********
ตอบ: 11307


ความคิดเห็นที่ 80  เมื่อ 31 ต.ค. 16, 09:51

ผมขอยืนยันอีกครั้งหนึ่งว่า ผมไม่ได้ต้องการเขียนเรื่องนี้ให้เป็นดราม่า ด้วยการกล่าวคำเท็จเพื่อเสริมเรื่องราวที่ยังคงเที่ยงอยู่ในสมอง ฝรั่งผู้ที่ทำคลิ๊บยกย่องพระพุทธเจ้าอยู่หัวบางคนแม้จะพูดภาษาไทยได้ดี   ยังใช้คำว่าพระเจ้าอยู่หัวพระองค์นี้ทรงมีอิทธิพล ซึ่งเขาคงกลั่นมาจากคำในภาษาอังกฤษว่า influence ซึ่งความจริงไม่ถูกต้องทีเดียวนัก พระองค์ทรงมีสิ่งที่คนไทยเรียกว่า “บารมี”
คำๆนี้ฝรั่งไม่รู้จัก แต่คนไทยรู้ลึกซึ้งว่าพระพุทธเจ้าอยู่หัวทรงมีสิ่งที่ยอดยิ่งกว่าอิทธิพลนัก ทรงมีพระบารมีเหนือมนุษย์และเทวดา ชนิดที่คนอย่างเราๆท่านๆก็สัมผัสได้

เมฆใหญ่ผลัดเปลี่ยนกันลอยมาปกคลุมไปตลอดทางเสด็จพระราชดำเนิน  แปลกแม้กระทั่งว่าเมื่อเสด็จเข้าไปประกอบพระราชภารกิจในวัดบวร  เพื่อให้ไพร่พลในขบวนเสด็จได้มีโอกาสพักนั้น เวลาร่วมครึ่งค่อนชั่วโมงดังกล่าวเทวดาก็ได้ขอพักด้วย  เมฆที่บดบังพระอาทิตย์อยู่กลับกระจายหาย จนต่อเมื่อได้เวลาเสด็จออก เมฆใหญ่นั้นก็ค่อยๆรวมตัวกันเข้ามาใหม่ เมื่อขบวนเสด็จผ่านเข้าสู่ถนนราชดำเนินกลางนั้น กล่าวได้ว่าท้องฟ้าร่มเย็นเมฆกรองแดดเหลือเพียงแสงอ่อนๆตลอดเส้นทาง  ผมไม่ทราบว่าคุณนายตั้งที่ร่วมขบวนอยู่เช่นเดียวกับผม ยังจะจำความอัศจรรย์นี้ได้หรือเปล่า

ขอบันทึกไว้เพื่อไม่ให้เรื่องราวที่เกิดขึ้นในรัชสมัยของพระองค์เลือนหาย


คลิกที่รูปเพื่อขยาย/ย่อ
บันทึกการเข้า
NAVARAT.C
หนุมาน
********
ตอบ: 11307


ความคิดเห็นที่ 81  เมื่อ 31 ต.ค. 16, 10:22

สลับอารมณ์

บันทึกการเข้า
CVT
องคต
*****
ตอบ: 452


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 82  เมื่อ 31 ต.ค. 16, 12:31

เสด็จพระราชดำเนินเลียบพระนครทางสถลมารค วันที่ ๗ ธันวาคม ๒๕๐๖ นาที่ที่ ๑๙.๓๐ ครับ

บันทึกการเข้า
ธสาคร
พาลี
****
ตอบ: 248


ความคิดเห็นที่ 83  เมื่อ 31 ต.ค. 16, 16:27

นั่งฟังอ้าปากหวอเลยครับ  ตั้งแต่เรื่องต้นบัญญัติในการเข็นรถพระที่นั่ง-รุมสกรัมโถชักโครก-ต้องอาวุธชีวภาพของสปาร์ตา
ผมไม่มีเรื่องเล่าในความทรงจำ  จึงขอนำภาพมาประกอบเรื่องที่คุณ navarat ได้กรุณาเล่าให้ฟัง
รูปแรก ถ.พระสุเมรุช่วงต่อกับถ.ราชดำเนิน ขอบซ้ายของรูปคือตึกเทเวศประกันภัย
รูปสอง กำลังเลี้ยวเข้าถนนราชดำเนิน




คลิกที่รูปเพื่อขยาย/ย่อ
บันทึกการเข้า
NAVARAT.C
หนุมาน
********
ตอบ: 11307


ความคิดเห็นที่ 84  เมื่อ 31 ต.ค. 16, 17:24

เยี่ยมเลยครับ
บันทึกการเข้า
Jalito
องคต
*****
ตอบ: 478


ความคิดเห็นที่ 85  เมื่อ 31 ต.ค. 16, 17:42

วันที่ ๗ ธันวาคม ๒๕๐๖ เวลาบ่ายสองโมงตรง  พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช ทรงเครื่องบรมขัตติยราชภูษิตาภรณ์ ทรงพระมหามาลา เสด็จออกเกยพระที่นั่งอาภรณ์พิโมกข์ปราสาท ประทับพระราชยานพุตตานทอง ขณะนั้นทหารบกยิงปืนใหญ่เฉลิมพระเกียรติ ๒๑ นัด ขบวนเสด็จพระราชดำเนินโดยกระบวนพยุหยาตราเคลื่อนตัวออกช้าๆท่ามกลางเพลงสรรเสริญพระบารมี เสียงประโคมแตรสังข์และมโหรทึกดังกึกก้องโสตประสาท บัดนั้นปรากฏเมฆใหญ่เคลื่อนตัวเข้าแทรกพระสุรีย์ศรี บังเกิดร่มเงาปกป้องขบวนเสด็จและไพร่ฟ้าประชาชนที่มาชุมนุมกันแน่นชนัดเพื่อชื่นชมพระบารมี ตั้งแต่หน้าพระราชวังไปตลอดสองข้างทางเสด็จพระราชดำเนิน

ผมมีความรู้สึกเหมือนเดินลอยไปข้างหน้า วันซ้อมกับวันจริงเป็นคนละเรื่อง ทั้งเสียงและภาพที่กระทบอายตนะโสตประสาทมันสุดที่สัญชาติญาณของมนุษย์จะรับได้ ภาพของประชาชนที่เฝ้ารอรับเสด็จและใบหน้าของพวกเขาเหล่านั้น ผมบรรยายไม่ถูกจริงๆ แต่คุณคงนึกภาพออกนั่นแหละ มันเป็นภาพของความรักระหว่างประชาชนกับพระราชาที่ไม่มีที่ไหนในโลก

ขออนุญาตท่านอาจารย์ NAVARAT C. ร่วมระลึกประวัติศาสตร์วันนั้นด้วย
วันนั้นผมและน้องสาวอีก 2 คนก็เป็นส่วนของประชาชนที่เข้ามารับเสด็จด้วย นั่งกันอยู่ริมท้องสนามหลวง เยื้องๆศาลพระหลักเมือง ตรงหัวขบวนวงโยธวาทิตย์ของกองทหารมหาดเล็กพระองค์พอดี จำไม่ได้ว่าพวกปี่ กลองชนะ มโหระทึก อยู่หน้าหรือหลังวงโยฯ ก็ตื่นตาตื่นใจเพราะไม่เคยเห็นกระบวนพระราชพิธียิ่งใหญ่แบบนี้มาก่อน พอกระบวนเริ่มเคลื่อนเพลงที่บรรเลงนำจำได้ว่าคือเพลงคลื่นกระทบฝั่ง จังหวะสโลว์มาร์ช(จำติดหูถึงทุกวันนี้) ด้วยรู้สึกต่างๆประดังเข้ามาถึงกับขนลุก ขบวนเริ่มเคลื่อนผ่านช้าๆเฝ้ารอด้วยใจจดจ่อ จนกระทั่งขบวนพระราชยานคานหามซึ่งมีพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวพระทับบนพระที่นั่งพุดตานทอง ทรงครุยราชภูษิตาภรณ์ ทรงพระมหามาลาเส้าสะเทินประดับขนนกวายุภักษ์ ค่อยๆผ่านมาโดดเด่นและงามสง่ายิ่ง ได้เฝ้าชมพระบารมีของพระองค์ได้อย่างจุใจ เพราะกระบวนเคลื่อนไปช้าๆเห็นพระองค์ท่านชัดเจน สมกับที่ตั้งใจมาเฝ้า ด้วยว่าตอนนั้นเป็นนักเรียนมัธยมชานเมือง ได้แต่ยืนเข้าแถวรับเสด็จเวลาที่ขบวนเสด็จฯกลับจากพระราชภารกิจทางจังหวัดภาคตะวันออก ขบวนเสด็จจะผ่านแว้บไปอย่างเร็ว ต้องคอยจ้องจับรถเก๋งที่มีธงมหาราชให้ดี
   พสกนิกรที่มาเฝ้ารับเสด็จเวลานั้นน่าจะในกรุงเทพฯเป็นส่วนใหญ่ แต่ก็เนืองแน่นเรียงรายสองฟากถนนที่กระบวนพยุหยาตราฯผ่าน
   น้องสาว 2 คน ตอนนั้น คนหนึ่ง 12 ขวบ อีกคน 9 ขวบ ที่พาทั้งสองคนไปด้วย ก็เพื่อจะได้มีโอกาสอยู่ในประวัติศาสตร์ครั้งหนึ่งร่วมกับพระเจ้าอยู่หัวของเรา ซึ่งโอกาสต่อไปไม่รู้จะมีอีกเมื่อไร
   ล่าสุดได้พบทั้งสองคนเมื่อ 20 ต.ค. 2559 ที่ผ่านมา มาร่วมยินดีกับหลานสาวที่ได้รับพระราชทานปริญญาบัตร(รุ่นสุดท้ายในรัชกาลที่ 9) ได้ถามถึงเหตุการณ์วันนั้น คน 12ขวบตอบว่าค่อนข้างเลือนลาง คน 9ขวบบอกว่า จำได้ แต่มีเลือนไปบ้าง ก็เวลาตั้ง 53 ปีมาแล้ว
   สำหรับตัวผมเองเป็นความระลึกแจ่มชัดอยู่ในจิตวิญญาณจนวาระที่สุดของชีวิต
บันทึกการเข้า
NAVARAT.C
หนุมาน
********
ตอบ: 11307


ความคิดเห็นที่ 86  เมื่อ 31 ต.ค. 16, 19:33

วิเศษครับ
บันทึกการเข้า
naitang
หนุมาน
********
ตอบ: 5823


ความคิดเห็นที่ 87  เมื่อ 31 ต.ค. 16, 20:46

..............แปลกแม้กระทั่งว่าเมื่อเสด็จเข้าไปประกอบพระราชภารกิจในวัดบวร  เพื่อให้ไพร่พลในขบวนเสด็จได้มีโอกาสพักนั้น เวลาร่วมครึ่งค่อนชั่วโมงดังกล่าวเทวดาก็ได้ขอพักด้วย  เมฆที่บดบังพระอาทิตย์อยู่กลับกระจายหาย จนต่อเมื่อได้เวลาเสด็จออก เมฆใหญ่นั้นก็ค่อยๆรวมตัวกันเข้ามาใหม่ เมื่อขบวนเสด็จผ่านเข้าสู่ถนนราชดำเนินกลางนั้น กล่าวได้ว่าท้องฟ้าร่มเย็นเมฆกรองแดดเหลือเพียงแสงอ่อนๆตลอดเส้นทาง  ผมไม่ทราบว่าคุณนายตั้งที่ร่วมขบวนอยู่เช่นเดียวกับผม ยังจะจำความอัศจรรย์นี้ได้หรือเปล่า...

จำได้ครับ จำได้แม่นอีกด้วย ผมเป็นพวกพลมหาดเล็กเครื่องศาสตราวุธหอก  

ใส่ชุดผ้าม่วงทับกางเกงขาสั้น ใส่เสื้อราชปะแตนสีขาวทับเสื้อเชิร์ตสีขาว (ใส่ทับชุดนักเรียนกางเกงขาสั้นยาวถึงสะบ้าหัวเข่า) ใส่ถุงเท้าขาวยาวเกือนถึงเข่า ใส่รองเท้าแบบไม่มีเชือกผูกแบบโบราณ (ที่เขาตัดให้) ใส่หมวกแบบไม่มีรูระบายอากาศ เดินถือหอกลักษณะที่คุณ NAVARAT.C บอกล่าว  เดินเป็นขบวนในจังหวะ Slow march ในช่วงเวลาบ่ายต้นๆ จากพระบรมมหาราชวัง ไปวัดบวรนิเวศวิหาร ใช้เวลาประมาณ 1 ชม.

ด้วยพระบารมี ได้ทำให้ท้องฟ้าในวันนั้นลดความร้อนแรงลงอย่างเหลือเชื่อ  ไม่มีผู้ใดในขบวนเจ็บป่วยตลอดพิธีการตลอดบ่ายนั้น
บันทึกการเข้า
NAVARAT.C
หนุมาน
********
ตอบ: 11307


ความคิดเห็นที่ 88  เมื่อ 31 ต.ค. 16, 21:17

คนที่อยู่ในเหตุการณ์คงไม่มีวันลืม แต่ถ้าไม่บันทึกไว้บ้างก็จางหาย
บันทึกการเข้า
naitang
หนุมาน
********
ตอบ: 5823


ความคิดเห็นที่ 89  เมื่อ 01 พ.ย. 16, 07:38

ขบวนพยุหยาตราหยุดที่วัดบวรฯ น่าประมาณครึ่งชั่วจะโมงหรือกว่านั้นเล็กน้อย  เมื่อพระองค์ท่านทรงเสร็จสิ้นพระราชกรณียกิจ ขบวนก็ยาตรากลับพระบรมมหาราชวัง ใช้เวลาอีกประมาณ 1 ชม.

ในระหว่างที่พักขบวนนั้น ก็ไม่ได้มีการแตกแถวใดๆ ทุกคนก็ยังยืนอยู่ในอริยาบทท่าพักอยู่ตามตำแหน่งที่อยู่ในขบวน ไม่เห็นมีผู้ใดบ่นใดๆเลย มีแต่ยิ้มแย้มและพร้อมจะปฎิบัติหน้าที่สนองพระราชกรณีกิจในลุล่วงไปด้วยความสำเร็จและสมบูรณ์ที่สุด

ที่ผมประทับใจที่สุดอีกประการหนึ่งในวันนั้นก็คือ อาหารมื้อกลางวันที่ทรงพระราชทานเลี้ยงแก่บรรดาผู้ที่อยู่ในขบวน ง่ายมากและอร่อยมากๆอีกด้วย  แกงเขียวหวานเนื้อราดข้าวและปลาตะเพียนแดดเดียวทอดอีกหนึ่งตัว อร่อยมากจริงๆครับ
บันทึกการเข้า
หน้า: 1 ... 4 5 [6] 7 8 ... 18
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by SMF 1.1.21 | SMF © 2006, Simple Machines
Simple Audio Video Embedder

XHTML | CSS | Aero79 design by Bloc หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.117 วินาที กับ 20 คำสั่ง