.
กรุงเทพฯ เป็นพื้นที่ชุ่มน้ำ ฝนหนักน้ำย่อมท่วม แต่วิธีแก้ไขต้องมี! ร.๙ ทรงแก้ด้านตะวันออกได้ยั่งยืน!!เผยแพร่: 14 ต.ค. 2563 09:14 โดย: โรม บุนนาค

เมื่อก่อนปี ๒๕๒๖ เมื่อฝนตกหนักทีไร นักข่าวทุกสำนักต่างมุ่งไปที่ด้านตะวันออกของกรุงเทพฯ โดยเฉพาะย่านถนนรามคำแหง
ซึ่งเจิ่งนองไปด้วยน้ำในทุกครั้งที่มีฝนตกหนัก และไม่ใช่ท่วมเช้าเย็นลด แต่แช่เป็นเดือนๆ การจราจรในย่านนั้นจึงต้องใช้เรือเป็นหลักบนถนน
ทางราชการต่างระดมความช่วยเหลือไปยังจุดนั้น กองทัพบกส่งรถ ยีเอ็มซี. กองทัพเรือส่งเรือท้องแบน ไปช่วยขนคนตามหมู่บ้านทั้งสองฟากถนนรามคำแหงออกมาถนนใหญ่ที่รถเมล์ยังพอวิ่งได้
ส่วนภายในหมู่บ้าน เช่นหมู่บ้านเสรี หลังมหาวิทยาลัยรามคำแหง ซึ่งเป็นหมู่บ้านจัดสรรใหญ่ที่สุดของกรุงเทพฯ ชีวิตก็ต้องเปลี่ยนเป็น “นิวนอร์มอล”
รถขายของที่เคยมาหน้าบ้านทุกวันได้เปลี่ยนเป็นเรือ คนที่เคยหาบของมาขายก็ยังต้องทนลุยน้ำทำมาหากิน แต่ต้องตัดสาแหรกที่หาบให้สั้นพ้นน้ำ
บุรุษไปรษณีย์ที่เคยใช้มอร์เตอร์ไซด์หรือจักรยาน หันไปใช้อ่างใบใหญ่ใส่จดหมาย แล้วเจาะผูกเชือกลากน้ำไปบนฟุตบาทส่งตามบ้าน

แต่ก็แปลก ที่น้ำที่ท่วมขังอยู่ในย่านนั้น แม้จะท่วมอยู่นานถึง ๓-๔ เดือนก็ไม่เน่า เพราะกระแสน้ำไหลแรงอยู่ตลอดเวลา
บางซอยยังมีคนเอาตาข่ายมาขึงดักปลาเป็นกับข้าวได้ และท่วมซ้ำซากแบบนี้อยู่หลายปี นับเป็นความขมขื่นของคนในย่านนั้นทุกฤดูฝน จนหลายคนต้องย้ายบ้านหนี

ในขณะที่คนย่านรามคำแหงต้องลุยน้ำเข้าออกบ้าน พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ ๙ ซึ่งประทับอยู่ที่พระตำหนักสวนจิตรลดา ที่น้ำไม่ท่วม
ก็ทรงมาลุยน้ำเหมือนกัน ในปี ๒๕๒๖ ที่น้ำท่วมหนัก
วันที่ ๘ ตุลาคม เสด็จโดยเฮลิคอปเตอร์ ทอดพระเนตรน้ำท่วมบริเวณซอยศูนย์วิจัย ถนนเพชรบุรีตัดใหม่ ถนนลาดพร้าว บางกะปิ พระโขนง และสำโรง
วันที่ ๑๙ ตุลาคม เสด็จโดยเรือของกองพันทหารช่างที่ ๑ รักษาพระองค์ ไปตามคลองแสนแสบ เพื่อตรวจการก่อสร้างทำนบคลองแสนแสบ ตามพระราชดำริ
วันที่ ๒๗ ตุลาคม เสด็จโดยรถยนต์พระที่นั่งทอดพระเนตรสภาพน้ำท่วมบริเวณซอยศูนบ์วิจัย
วันที่ ๑๔ พฤศจิกายน เสด็จโดยรถยนต์พระที่นั่ง ทอดพระเนตรน้ำท่วมบริเวณเขตพระโขนงและบางนา
วันที่ ๒๔ พฤศจิกายน เสด็จโดยรถยนต์พระที่นั่ง ทอดพระเนตรสภาพน้ำท่วมบริเวณคลองพระยาราชมนตรี
และทรงพระราชดำเนินลุยน้ำผ่านทุ่งนาไปยังประตูระบายน้ำคลองพระยาราชมนตรี เป็นระยะทางประมาณ ๑ กิโลเมตร
วันที่ ๒๗ พฤศจิกายน เสด็จโดยรถยนต์พระที่นั่ง ทอดพระเนตรสภาพน้ำท่วมบริเวณคลองลาดกระบัง คลองหนองบอน ผ่านตามแนวถนนบางพลี
จากการเสด็จไปค้นหาข้อมูลของปัญหาถึงต้นตอของปัญหา ก็ทรงทราบว่า น้ำที่ท่วมย่านตะวันออกของกรุงเทพฯที่เป็นแอ่งกระทะนี้ เป็นน้ำที่มาจากทางด้านเหนือ
ถ้าจะสูบน้ำในย่านนี้ให้แห้ง ก็ต้องสูบทั้งทุ่งรังสิตให้แห้งก่อน ทั้งน้ำจากด้านตะวันออกของกรุงเทพฯนี้ ยังไหลไปเข้าท่วมตัวเมืองสมุทรปราการและพื้นที่กรุงเทพฯชั้นกลาง
ได้แก่ เขตดอนเมือง บางเขน บึงกุ่ม ลาดพร้าว บางกะปิ สวนหลวง ประเวศ พระโขนง และพื้นที่ชั้นใน เช่น คลองเตย ราชเทวี ปทุมวัน สาทร ป้อมปราบ และพญาไท
ฉะนั้นวิธีแก้ จะต้องกั้นไม่ให้น้ำจากด้านเหนือไหลเข้ากรุงเทพฯทางด้านนี้ ให้ไหลลงคลองก่อนจะมาถึงแอ่งกระทะ ให้ระบายออกลงทะเลโดยตรง
นั่นก็คือโครงการพระราชดำริให้กรุงเทพมหานคร ร่วมกับกรมทางหลวงและการรถไฟ สร้างคันดินเลียบถนนนิมิตใหม่ ถนนร่มเกล้า ถนนกิ่งแก้ว เป็นระยะทาง ๗๒ กิโลเมตร
เพื่อกันน้ำจากทุ่งทางเหนือไม่ให้ไหลลงมาในแอ่ง พร้อมทั้งขุดลอกคลองในย่านนั้นที่ตื้นเขินและตีบตัน ระบายน้ำให้ไหลลงทะเลได้คล่องขึ้น
เมื่อฝนตกลงมาในแอ่งกระทะ ไม่ว่าจะหนักแค่ไหน กำลังเครื่องสูบน้ำของ กทม.ก็สามารถสูบให้แห้งได้อย่างรวดเร็ว
จากปี ๒๕๒๗ เป็นต้นมา ปัญหาน้ำท่วมเขตตะวันออกของกรุงเทพฯก็หมดไป ตามคำกล่าวที่ว่า “พระบาทยาตรา ปวงประชาเป็นสุข”
ตอนนี้ทั้งวิศวกรและนักวิชาการทางด้านชลประทานก็มีมากมายแทบจะเดินชนกันตาย แต่เมื่อสัปดาห์ที่แล้วเจอดีเปรสชั่นเข้าไปน้ำนองไปทั่วประเทศ
และเจอแบบนี้มาซ้ำซาก ซึ่งวิธีแก้ไขก็น่าจะมี และเป็นงานเร่งด่วนกว่าแก้รัฐธรรมนูญเสียอีก น่าจะลงมือกันให้จริงจังกันเสียที
ที่สำคัญคนในเมืองก็ต้องแก้ไขตัวเอง ไม่มักง่ายทิ้งขยะลงไปอุดตันท่อระบายน้ำ ถ้าเจอแบบนี้นักวิชการทั้งหลายก็ต้องมึนไปเหมือนกัน
นิวนอร์มอลกันเสียที ให้เห็นว่าประเทศนี้ก็มีความก้าวหน้า
ขอขอบคุณ :
mgronline.com.