เมื่อเสด็จลงไปประทับที่สนามใหญ่ด้านข้างหอประชุมแล้ว นักเรียนวชิราวุธทั้งโรงเรียนจะสวนสนามถวายตัว หลังจากนั้นก็เป็นการแข่งขันกรีฑารอบชิงชนะเลิศระหว่างคณะต่างๆทั้งเด็กเล็กและเด็กโต ซึ่งโรงเรียนเลือกการแข่งขันประเภทที่สั้นๆและน่าสนใจมาถวายทอดพระเนตรเพี่ยงไม่กี่รายการ เช่น วิ่ง ๖๐ เมตรของเด็กเล็ก วิ่ง ๑๐๐ ๒๐๐ และ ๔๐๐ เมตร วิ่งผลัด ๔x๑๐๐ และวิ่งทน ๘๐๐ หรือ ๑๕๐๐ เมตร จำไม่ได้ ทั้งหมดนี้ใช้เวลาไม่นาน จบแล้วจะมีการแสดงหน้าพระที่นั่ง
ผมกับคุณนายตั้งจะเป็นดาราประกอบ สมัยของเราอยู่นั้นที่แน่ๆคือ เรื่องคลีโอพัตราปีนึง กับ เฮเลน ออฟ ทรอย อีกปีนึง ได้รับบทเป็นทหารเลว ฟันดาบกันโช้งเช้งๆ
ปีที่เล่นเป็นทหารกรีกเมืองทรอย ใส่เสื้อเกราะ(กระดาษแข็ง) รบกับฝ่ายสปาต้านั้น ทหารเลวสองคน คือผมกับเพื่อนรุ่นเดียวกันอีกคนหนึ่ง(อนาคตของเขาตอนนั้นหรืออดีตตอนนี้ติดยศพลเอก ตำแหน่งกรมวังผู้ใหญ่) ได้เล่นบทเด่นที่ผู้กำกับไม่ได้สั่งไว้ คือระหว่างที่เราถูกกำหนดให้ต้องนอนตายอยู่นิ่งๆในฉากนั้น ดั๊น ไปล้มลงบนรังมดคันไฟกลางสนามหญ้าพอดี ตายได้พักเดียวมดเข้าไปเต็มเสื้อเกราะ ดังนั้น ในขณะที่พระเอกนางเอกเขาแสดงบทโศกาอาดูรเข้าสู่ไคลแม็กซ์ของเรื่อง ผู้ชมทั้งสนามจะเห็นศพทหารเลวสองคนคืนชีพ ลุกขึ้นโซเซแล้วไปล้มลงนอนทุรนทุราย ไม่ยอมตายสักทีจนกระทั่งจบการแสดง
หมู่นี้คนแก่รุ่นผมจะเอารูปเก่าๆมารำพึงรำพันถึงพระพุทธเจ้าอยู่หัว ดังเช่นรูปของชัยสิริ สมุทวานิช เพื่อนซี้ร่วมรุ่นอีกคนหนึง ซึ่งเอาภาพตอนแสดงเป็นทหารกรีกในเฮเลน ออฟ ทรอย มาลงไว้ในfb อดไม่ได้ที่จะก๊อปเอามาลงไว้ในกระทู้นี้ เพราะผมและคุณนายตั้งก็แสดงอยู่ในฉากเดียวกันนี้แหละ
เล่นละครแต่งกายอย่างนี้มันจึงจะเหมาะกับลูกผู้ชายอกศอกเดียวในตอนนั้น อาไร้ ชอบเอาบทเด็กผู้หญิงมาบังคับให้เล่น
แล้วผมก็เข้ามายืนยันร่วมกับคุณนายตั้งให้อาจารย์วรชาติ เพื่อนรุ่นหลังหลายปีได้มั่นใจ บทเด็กผู้หญิงนี่เป็นฝีมือพวกครูแก่ๆคณะเด็กเล็กครับ ตอนนั้นนายเทิ่งยังไม่เข้าวงการบันเทิง ตอนเขาดังแล้วจึงสอดตัวเข้ามา โดยวันหนึ่งติดตามคุณอารีย์ นักดนตรีมาเยี่ยมหลานที่คณะดุสิต แล้วตีซี๊กับนักเรียนโต จนได้เข้ามาเป็นผู้ฝึกสอน ผู้จัดการแสดงให้คณะดุสิตเล่นในงานคณะก่อน แล้วจึงขยายกิจกรรมไปคณะอื่นๆ ซึ่งนายเทิ่งจะมีความสุขมากที่ได้อยู่ท่ามกลางหนุ่มๆวัยสะรุ่นทั้งหลาย