เรือนไทย
ยินดีต้อนรับ ท่านผู้มาเยือน
กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
ส่งอีเมล์ยืนยันการใช้งาน?
ข่าว: การแนบไฟล์ กรุณาใช้ชื่อไฟล์ภาษาอังกฤษเท่านั้นครับ
หน้า: 1 ... 7 8 [9] 10 11 ... 18
  พิมพ์  
อ่าน: 39711 พระพุทธเจ้าอยู่หัวในความทรงจำของผม
NAVARAT.C
หนุมาน
********
ตอบ: 11307


ความคิดเห็นที่ 120  เมื่อ 03 พ.ย. 16, 08:42

ธรรมพล เล่าให้เพื่อนฝูงฟังต่อว่าตนคือผู้อยู่ที่นั่นสองคนกับชาญวิทย์  เมื่อเห็นพระเจ้าอยู่หัวเสด็จเข้ามาก็นั่งคุกเข่าเพราะเข้าตาจนแล้วไม่รู้จะทำอย่างไร พระองค์ท่านก็ทรงคลาริเน็ตส่ายไปส่ายมาอยู่เหนือศีรษะของชาญวิทย์  พอดีมีเสียงผู้ตามเสด็จเชียร์ว่าเต้นเลยๆ เราสองคนก็ลุกขึ้นเต้นระบำงูไปตามจังหวะเพลง  พอเห็นว่าทรงโปรดก็เลยยิ่งส่ายไปส่ายมาอย่างเมามัน ชาญวิทย์บอกว่าจังหวะหนึ่งที่ตนเต้นถอยหลังไปชนคลาริเน็ตของพระองค์ท่านที่ทรงไล่ตามอย่างกระชั้นชิด ได้ยินทรงอุทาน โอ โอ ก่อนจะทรงเป่าต่อไปเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ครั้นถึงฝั่งแล้วจึงได้หมอบกราบขอรับพระราชทานอภัยโทษ

พี่เป็ดจัดให้ทุกคนมาตั้งแถวถวายตัวหลังจากนั้น สมเด็จพระบรมราชินีนาถทรงมีพระราชเสาวนีย์กับพวกเรา ทรงขอบใจ แล้วรับสั่งให้พนักงานนำน้ำส้มมาเลี้ยงพวกผีๆ ทรงตรัสว่าคอคงจะแห้งเพราะแผดเสียงอยู่หลายชั่วโมง


นับเป็นศิริมงคลยิ่งในชีวิตของพวกเราแต่ละคนที่ประสบเหตุการณ์ดังกล่าว และถือเป็นประวัติอันสุดจะภาคภูมิใจของถาปัดจุฬาสมัยของผม  แม้พวกเราจะได้เข้าไปรับใช้สนองพระมหากรุณาธิคุณในโอกาสอื่นๆอีกหลายครั้ง  บางครั้งนั้น ระหว่างที่พวกเรากำลังจัดเวที พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จมาทรงแบดบินตันในห้องโถง พวกเราก็พากันหยุดงานมานั่งเฝ้า ครั้นทรงออกกำลังพระวรกายเสร็จแล้ว  พระองค์ท่านยังทรงพระกรุณาโปรดเกล้าให้พวกเราทั้งหมดเข้าหมอบรับพระราชทานน้ำพระสุหร่ายเนื่องจากวโรกาสปีใหม่เป็นการเฉพาะอีกด้วย
บันทึกการเข้า
เพ็ญชมพู
หนุมาน
********
ตอบ: 12600



ความคิดเห็นที่ 121  เมื่อ 03 พ.ย. 16, 10:53


บันทึกการเข้า
NAVARAT.C
หนุมาน
********
ตอบ: 11307


ความคิดเห็นที่ 122  เมื่อ 03 พ.ย. 16, 11:51

ขอบคุณคุณหมอมากครับ ผมทำวิธีเดิมๆอย่างไรก็ไม่สำเร็จ ต้องขอความรู้หลังไมค์ด้วยครับ
บันทึกการเข้า
NAVARAT.C
หนุมาน
********
ตอบ: 11307


ความคิดเห็นที่ 123  เมื่อ 03 พ.ย. 16, 13:12

อ้อ เข้าใจแล้วครับ เพราะจุดเริ่มต้นของคลิปไม่เหมือนกัน ผมไม่ได้เริ่มตรงจุดเริ่มต้น แต่จงใจจะให้เข้าตรงจังหวะที่ทรงดนตรีเลย มันจึงไม่ปรากฎภาพออกมาเป็นจอเช่นข้างบน
บันทึกการเข้า
เพ็ญชมพู
หนุมาน
********
ตอบ: 12600



ความคิดเห็นที่ 124  เมื่อ 03 พ.ย. 16, 14:19

เป็นเช่นนั้นแล  ยิงฟันยิ้ม

เคยใกล้ชิดในหลวงเมื่อรับปริญญาจากพระหัตถ์ ๒ ครั้ง

มีเรื่องอัศจรรย์เกี่ยวกับฟ้าฝนและรอยพระสรวลของในหลวงที่โรงเรียนสวนกุหลาบมาเล่าเสริม

วันที่ ๓๐ กรกฎาคม พุทธศักราช ๒๕๒๗ วันนั้นเป็นวันที่ในหลวงทรงย่างพระบาทลง ณ โรงเรียนสวนกุหลาบ เพื่อทรงเปิดพระบรมราชานุสาวรีย์รัชกาลที่ ๕ และทรงเปิดตึก ๑๐๐ ปี ฝนฟ้าตกลงมาหลายวันแล้ว จนเป็นที่หวั่นวิตกของคณะครูอาจารย์ว่าพระพิรุณจะโปรยปรายลงมาอีก แต่คงเป็นเพราะพระบารมีของในหลวงทั้งสองรัชกาล ทำให้พระพิรุณท่านเกรงพระทัยมิได้ส่งสายฝนลงมา และพระสุริยาทิตย์มิได้สาดแสงลงมาแรงนัก ทำให้อากาศในวันนั้นเย็นชื่นฉ่ำยิ่ง

หลังจากเปิดพระบรมราชานุสาวรีย์รัชกาลที่ ๕ และตึก ๑๐๐ ปีแล้ว เสด็จพระราชดำเนินเข้าในตึก ๑๐๐ ปี เพื่อทอดพระเนตรโขนนักเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย ในวันนั้นนักเรียนแสดงโขนเรื่องรามเกียรติ์ ตอน พระรามตามกวาง สีดาหาย และ หนุมานถวายพล เมื่อการแสดงจบแล้ว ผู้แสดงโขนไปนั่งส่งเสด็จฯที่ทางออกด้านขวา เมื่อเสด็จพระราชดำเนินมาถึง ทรงมีพระราชปฎิสันถารกับคณะโขนด้วยพระพักตร์ที่แย้มพระสรวลตลอดเวลา ทรงมีพระราชดำรัสชมเชยว่า

“เล่นเก่งมาก แสดงได้เหมือนโขนอาชีพ ฝึกซ้อมนานไหม”

ผู้แสดงคนหนึ่งกราบบังคมทูลตอบว่า
“ใช้เวลาฝึกซ้อม ๒ เดือนครับ”

ทรงมีพระราชปฎิสันถารกับผู้แสดงเป็นทศกัณฐ์ว่า
“คงเหนื่อยซีนะ เราคนเดียวต้องถูกเขารุมรบทั้งพระราม พระลักษณ์ หนุมาน ก็แพ้เขาน่ะซี”

ตรัสถามว่า
“จะแสดงอีกไหมนี่”

ทศกัณฐ์ทูลตอบทันที
“ถ้าท่านเสด็จอีก ผมก็จะแสดงอีก”

ในหลวงทรงพระสรวล ผู้ที่ตามเสด็จฯก็หัวเราะและยิ้มตาม ๆ กัน

เมื่อเสด็จพระราชดำเนินออกจากตึก ๑๐๐ ปี ทรงปลูกต้นราชพฤกษ์ที่หน้าตึก ในขณะนั้นราชองครักษ์ที่ตามเสด็จท่านหนึ่งได้ปรารภขึ้นว่า

“เอ โรงเรียนสวนกุหลาบนี่ มีอะไรดีนะ ทำให้ในหลวงทรงพระสรวลได้หลายครั้ง พวกเราไม่เคยเห็นรอยพระสรวลอย่างนั้นมานานแล้ว”

จาก เกร็ดชื่นใจในวันรับเสด็จ โดย อ.เนาวรัตน์ พลเดช  หนังสือ สมานมิตร รุ่น ๑๐๓ (พ.ศ.๒๕๒๗)



บันทึกการเข้า
เพ็ญชมพู
หนุมาน
********
ตอบ: 12600



ความคิดเห็นที่ 125  เมื่อ 03 พ.ย. 16, 15:35

การแสดงโขนเฉพาะพระพักตร์ในวันนั้น

บันทึกการเข้า
NAVARAT.C
หนุมาน
********
ตอบ: 11307


ความคิดเห็นที่ 126  เมื่อ 03 พ.ย. 16, 16:00

ภาพข้างบนสวยงามมากครับ ทรงยิ้มอย่างเปี่ยมไปด้วยพระเมตตาจริงๆ
ย้อนขึ้นไปดู พ.ศ. แล้ว เป็นไปได้มากเลย ที่ราชองครักษ์จะว่าไม่เคยเห็นรอยพระสรวลอย่างนั้นมานานแล้ว

หลัง ๑๔ ตุลาคม ๒๕๑๖ ทรงงดงานทรงดนตรีของทุกมหาวิทยาลัย และการเสด็จพระราชดำเนินงานรื่นเริงราตรีสโมสรทั้งหมด ปิดสมัย Golden Period ของราษฎรไทยในยุค Renaissance ของรัชกาลที่ ๙
ชีวิตของพระพุทธเจ้าอยู่หัวในภาคต่อไป ทรงมีแต่งาน งาน และ งาน
บันทึกการเข้า
superboy
พาลี
****
ตอบ: 222


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 127  เมื่อ 03 พ.ย. 16, 21:13

ด้ามเพลาหักนี่มุขนิยายทุกเล่มเลยนะครับ ไม่คิดว่าจะมีอยู่จริง แล้วจำเพาะต้องมาหักเอางานใหญ่เสียด้วย

ผมก็เคยกำกับละครเวทีตอนม.5 เรื่องพระมหาชนกเสียด้วย (ตอนนั้นยังไม่มีใครรู้จัก) ยัดเยียดบท "ต้นไม้"เอย "ก้อนหิน"เอย และที่สำคัญ "ทะเล" ให้กับเพื่อน ๆ คือเอาผ้าสีฟ้ายาว ๆ มาโบกสะบัดเป็นคลื่นอยู่ด้านหลังเรืออีกที

แต่ก็ไม่คิดว่าจะมีบท"น้ำตก"มาก่อน  ยิ้มกว้างๆ
บันทึกการเข้า
NAVARAT.C
หนุมาน
********
ตอบ: 11307


ความคิดเห็นที่ 128  เมื่อ 04 พ.ย. 16, 07:54

แหม ผมก็ไม่ได้เป็นนักอ่านนิยายเสียแล้วตั้งแต่เข้าวัยทำงาน  เลยไม่รู้ว่าเขาเอาด้ามเพลาหักมาเป็นมุขในนิยายทุกเล่ม ยิ่งถ้ารู้ก่อนจะต้องรับบทนี้แล้วละก็ พี่เบี๊ยวแกสั่งผมไม่ได้แน่ละ คุณเอ๋ย

แล้วถ้าคุณจะมีบทให้น้ำตกในฉากละครมันเคลื่อนไหวได้ อย่าได้มอบบทให้ใครเข้าไปเล่นแบบใช้มือคนนั่งหมุนด้ามเพลาเป็นอันขาด จงใช้เครื่องทุ่นแรงเถิด มอเตอร์ตัวละไม่กี่บาท อุปกรณ์อื่นเช่นตลับลูกปืนและโซ่ขับฯลฯ รวมแล้วก็ไม่สักกี่เท่าไหร่  หาช่างมืออาชีพหน่อยก็แล้วกัน
บันทึกการเข้า
NAVARAT.C
หนุมาน
********
ตอบ: 11307


ความคิดเห็นที่ 129  เมื่อ 04 พ.ย. 16, 08:42


หลัง ๑๔ ตุลาคม ๒๕๑๖ ทรงงดงานทรงดนตรีของทุกมหาวิทยาลัย และการเสด็จพระราชดำเนินงานรื่นเริงราตรีสโมสรทั้งหมด ปิดสมัย Golden Period ของราษฎรไทยในยุค Renaissance ของรัชกาลที่ ๙
ชีวิตของพระพุทธเจ้าอยู่หัวในภาคต่อไป ทรงมีแต่งาน งาน และ งาน

แม้จะมิได้ทรงโปรดเกล้าให้งด แต่หลังวันมหาวิปโยค ๑๖ ตุลาแล้ว สังคมไทยเปลี่ยนโฉมไปทันที กิจกรรมบันเทิงในทุกมหาวิทยาลัยงดหมดตามนโยบายของศูนย์นิสิตนักศึกษา ซึ่งตอนนั้นมีฐานะแบบไม่เป็นทางการประดุจรัฐบาลเงาของชาติแทนสถาบันทหาร นายพลนายพันที่ผมรู้จักจำต้องแต่งกายนอกเครื่องแบบเวลามาปรากฏตัวนอกกรมกองอยู่พักใหญ่

กิจกรรมกิฬาก็ไม่เว้น รวมทั้งที่เล่นกันหลายสิบปีมาแล้วจนเป็นประเพณีก็ถูกเลิกไปด้วย คือฟุตบอลประเพณีระหว่างจุฬาและธรรมศาสตร์ ซึ่งทุกปีจะเสด็จพระราชดำเนินมาทอดพระเนตรทั้งสองพระองค์  ในช่วงที่รักกันสุดๆนั้นจุฬาธรรมศาสตร์ได้เพื่มรักบี้ประเพณีเข้าไปอีกด้วย และเพื่อฉลองไฟฟ้าที่สนามศุภชลาศัยติดตั้งขึ้นใหม่เพื่อให้ใช้แข่งขันในเวลากลางคืนได้ รักบี้ประเพณีจุฬาธรรมศาสตร์จึงกำหนดเวลาการเล่นหลังพระอาทิตย์ตกดินไปแล้ว เพราะจะมีการแปรอักษรโดยใช้ไฟฉายเล่นสีด้วยการฉายแสงผ่านกระดาษแก้วสีต่างๆที่แผนกเชียรตัดเป็นแผ่นเล็กๆไว้ให้ แทนการแปรอักษรแบบใช้ผ้าหรือกระดาษสีที่ยังทำกันอยู่ในทุกวันนี้

นี่ เขียนจากความทรงจำของผมเองในกระทู้หนึ่งของเรือนไทยนี้แหละ ขอยกมาให้อ่านกันอีกที

หลังจากลมหนาวเข้าฉาย ไม่นานเพลงสดุดีมหาราชาก็โด่งดังจนร้องกันได้แทบทุกคน ปีนั้น หลังการแข่งขันรักบี้ประเพณีจุฬาธรรมศาสตร์ ชิงถ้วยพระราชทาน“มหิดล” ซึ่งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้าปกติจะเสด็จทอดพระเนตรด้วย เมื่อจะเสด็จพระราชดำเนินกลับ ประธานจัดการแข่งขันได้กราบบังคมทูลขอพระราชทานพระบรมราชานุญาตให้นิสิตนักศึกษาทั้งสองสถาบัน ร่วมกันร้องเพลงสดุดีมหาราชาถวาย คนทั้งสนามได้ลุกขึ้นยืนร่วมร้องกับนิสิตนักศึกษาด้วยอย่างพร้อมเพรียง กำหนดกันไว้ว่าจะร้องสามจบ แต่เมื่อครบแล้วก็มีคนขึ้นต้นร้องต่อ ทุกคนก็ร้องตาม เป็นอย่างนี้ไม่รู้สักกี่เที่ยวต่อกี่เที่ยว ทรงขยับจะเสด็จพระราชดำเนินกลับก็ไม่ยอม ช่วยกันเปล่งร้องแบบไม่มีเสียงตก ผมว่าน่าจะเกินสิบเที่ยวไปโขอยู่
ในที่สุดก็ทรงลุกขึ้นประทับยืน แย้มพระสรวลทั้งสองพระองค์เพื่อเป็นสัญญาณ สักพักใหญ่ก็ไม่มีวี่แววว่าพวกเราจะหยุดร้อง  ในที่สุดแล้วจึงทรงโบกพระหัตถ์ให้นิสิตนักศึกษา แล้วทรงหันหลังออกไปจากบริเวณที่ประทับ แต่เสียงร้องก็ยังหาได้ยุติลงไม่ นัยว่าเพราะรถพระที่นั่งยังเคลื่อนออกไปไม่พ้นสนามศุภชลาศัย แม้เวลาผ่านไปนานจนน่าจะพ้นแล้ว เสียงเพลงสดุดีมหาราชาก็ยังไม่ยอมจบ จนประธานเชียรทั้งสองมหาวิทยาลัยต้องออกไปประกาศให้ยุติ  แยกย้ายกันกลับบ้าน หลายครั้งหลายคลา แล้วให้สนามดับไฟไล่ จึงได้ทยอยกันออกจากอัฒจรรย์โดยหลายกลุ่มก็ไม่ได้หยุดร้อง เสียงเพลงได้เงียบลงจริงๆก็หลังจากที่ทุกคนพ้นประตูสนามศุภเพื่อมุ่งหน้ากลับบ้าน

ต่อมาได้ข่าวจากประธานเชียรส.จ.ม.ว่า ทรงเป็นห่วงพวกเรามากโดยเฉพาะพวกผู้หญิง น่าจะได้กลับบ้านกันก่อนจะดึกเกิน จึงไม่ทรงอนุญาตให้ร้องเพลงสดุดีมหาราชาเช่นนี้อีกในปีต่อๆไป

หลังจากนั้นมา ผมไม่เคยเจอเหตุการณ์ยิ่งใหญ่ที่เกิดขึ้นโดยมิได้นัดหมายเช่นนี้อีกเลย

บันทึกการเข้า
NAVARAT.C
หนุมาน
********
ตอบ: 11307


ความคิดเห็นที่ 130  เมื่อ 04 พ.ย. 16, 13:28

เรื่องอื่นๆในจุฬาที่ไม่ได้เกี่ยวข้องโดยตรงผมจะขอผ่านนะครับ

สุดท้ายในชีวิตมหาวิทยาลัยของผมก็จบในวันพระราชทานปริญญา  ซึ่งนับเป็นครั้งแรกที่ถือว่าได้เข้าเฝ้าใกล้ชิดพระพุทธเจ้าอยู่หัวที่สุด คือในระยะพระหัตถ์


บันทึกการเข้า
NAVARAT.C
หนุมาน
********
ตอบ: 11307


ความคิดเห็นที่ 131  เมื่อ 04 พ.ย. 16, 13:33

ในปีที่สำเร็จการศึกษานั้นเอง ผมได้รับพระมหากรุณาธิคุณ โปรดเกล้าให้อยู่ในพระบรมราชานุเคราะห์  ในการอุปสมบทเป็นพระภิกษุนาคหลวง ณ พระอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดาราม  เสร็จแล้วได้ไปจำพรรษาที่วัดบวรนิเวศวิหาร

พระพุทธเจ้าอยู่หัวเสด็จมาในพระราชพิธีอุปสมบทนาคหลวง เพื่อพระราชทานอัฐบริขารแก่พระภิกษุที่บวชในวันนั้นทุกรูป  ครั้งนั้น ผมในเพศบรรพชิตได้ยืนอยู่ต่อหน้าพระพักตร์ในระยะที่ใกล้พระองค์ยิ่งขึ้น และนานยิ่งขึ้นไปอีก


บันทึกการเข้า
NAVARAT.C
หนุมาน
********
ตอบ: 11307


ความคิดเห็นที่ 132  เมื่อ 04 พ.ย. 16, 13:35

ครั้งสุดท้ายที่ได้เข้าเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทใกล้ชิดที่สุด  ถึงระยะที่ทรงใช้พระดัชนีเจิมหน้าผากให้  ก็ในวันสมรสพระราชทาน  นับว่าเป็นศิริมงคลยิ่งใหญ่สำหรับการเริ่มต้นชีวิตครอบครัว  ซึ่งผมยังคงดำรงชีวิตคู่อยู่กับศรีภรรยามาจนทุกวันนี้


บันทึกการเข้า
NAVARAT.C
หนุมาน
********
ตอบ: 11307


ความคิดเห็นที่ 133  เมื่อ 05 พ.ย. 16, 09:32

ท่านคงเข้าใจได้ไม่ยากนะครับ สิ่งที่เกิดขึ้นในภาพทั้งสามนั้น ผู้ที่ปลื้มเท่าๆหรือมากกว่าผมก็คือแม่ของผมเอง ท่านพร่ำรำพันในพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลในทุกโอกาส สวดมนต์ภาวนาถวายพระราชกุศลแด่พระองค์ท่านทุกวันไม่เคยเว้น และปรารภอยากจะทำอะไรสนองพระมหากรุณาธิคุณบ้าง

ต้องปูพื้นหลังนิดนึง แม่ผมเป็นเจ้าของกิจการและอาจารย์ใหญ่โรงเรียนสวนเด็ก ซึ่งเปิดสอนทั้งระดับอนุบาลและประถม แล้วในวันหนึ่งโอกาสนั้นก็มาถึง เมื่อหม่อมดุษฎี บริพัตร นายกสมาคมอนุบาลศึกษานำความมาแจ้งต่อที่ประชุมกรรมการว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงมีพระราชดำริจะทำโครงการสาธิต ระบบการศึกษาทางไกลตามแนวที่รัฐบาลออสเตรเลียประสบความสำเร็จ ในการกระจายความรู้ไปสู่โรงเรียนตามท้องถิ่นห่างไกลที่ขาดครูผู้ชำนาญในวิชาการสาขาต่างๆ โดยใช้วิทยุเป็นสื่อการเรียนการสอน จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าให้สมาคมคัดเลือกผู้ที่จะไปศึกษาดูงานที่ซิดนีย์ ในโปรแกรมทั้งหมด ๖ เดือน เพื่อกลับมาทำโครงการพระราชดำรินี้ให้สถานีวิทยุ อส. พระราชวังดุสิต เมื่อหม่อมพุ่งเป้ามายังแม่ว่าเป็นผู้เหมาะสมที่สุดที่จะเป็นผู้นั้น แม่จึงยากที่จะปฏิเสธ

กล่าวโดยย่อ แม่ตั้งอกตั้งใจทำงานนี้เต็มที่หวังจะให้ไม่ทรงผิดหวัง เมื่อกลับแล้วก็เริ่มดำเนินโครงการวิทยุเพื่อการศึกษา ร่วมกับสถานีวิทยุ อส. ซึ่งมีคุณขวัญแก้ว วัชโรทัย เป็นนายสถานีอยู่หลายปี แบบอุทิศทั้งแรงกายและแรงทรัพย์ไม่ยอมเบิกค่าใช้จ่ายใดๆเลย รายการนี้เมื่อระบบสื่อสารมวลชนได้พัฒนาไปถึงระดับที่เสียงและภาพไปด้วยกันแล้ว โครงการนำร่องที่พระองค์ท่านทรงริเริ่มทดลองไว้ได้เติบโตเป็นมูลนิธิการศึกษาทางไกลผ่านดาวเทียม โดยคุณขวัญแก้วเป็นประธานมูลนิธิดังกล่าว ทำการออกอากาศที่พระราชวังไกลกังวลมาตราบจนทุกวันนี้
บันทึกการเข้า
NAVARAT.C
หนุมาน
********
ตอบ: 11307


ความคิดเห็นที่ 134  เมื่อ 05 พ.ย. 16, 09:44

แม่จะเจียดเวลาช่วงบ่ายไปทำงานผลิตสื่อที่จะใช้ออกอากาศที่สถานี ซึ่งตั้งอยู่ภายในพระราชวังสวนจิตรลดา สัปดาห์หนึ่งๆหลายวัน ที่พลาดไม่ได้ก็คือวันศุกร์ เพราะหลังเวลาเลิกงานของแม่แล้ว บางครั้ง พระพุทธเจ้าอยู่หัวจะเสด็จมาทรงดนตรีร่วมกับวง อส.ออกอากาศทางวิทยุกระจายเสียงด้วย ซึ่งแม่จะนั่งรอเฝ้าอยู่ในทางที่จะเสด็จพระราชดำเนินผ่าน เวลาที่เสด็จมาแล้วทอดพระเนตรเห็นแม่ก็จะทรงยิ้มให้

แม่เป็นคนที่ทำอะไรจริงจัง แม้จะเป็นงานเพื่อการกุศลไม่มีค่าตอบแทน ก็ไม่เคยทำแบบขอไปที วันหนึ่งจึงได้รับหนังสือเจริญพรมาจากพระสาสนโสภณ (เจริญ สุวฑฺฒโน) สมณศักดิ์นี้เรียกกันโดยย่อว่าท่านเจ้าคุณสา ให้ไปพบ
ท่านเจ้าคุณสาเจ้าอาวาสวัดบวรนิเวศวิหารองค์นี้ต่อมาก็คือ สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก เวลาแม่ไปหาพระท่านมักจะให้ผมไปเป็นเพื่อนด้วย ผมจึงทราบว่าสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี ทรงอาราธนาให้ท่านเจ้าคุณสาจัดทำรายการธรรมะที่เข้าถึงง่ายสำหรับบุคคลทุกวัย เพื่อเผยแพร่ออกอากาศทางสถานีวิทยุ อ.ส. ท่านจึงมีความประสงค์ที่จะมอบหมายให้แม่เป็นผู้รับผิดชอบรายการบริหารทางจิตสำหรับเด็กเล็ก โดยจะมีอาจารย์โสมรัสมิ์ จันทรประภา เป็นผู้รับผิดชอบรายการบริหารทางจิตสำหรับเด็กวัยรุ่น ส่วนท่านเจ้าคุณสาเองจะเป็นผู้รับผิดชอบรายการบริหารทางจิตสำหรับผู้ใหญ่ แม่กราบรับบัญชาของท่านด้วยความยินดี โดยนำพระพุทธประวัติมาเรียบเรียงเป็นบทวิทยุตามที่ท่านแนะนำ

บทวิทยุนี้แม่ทำไว้ทั้งหมดตั้งแต่บทประสูติจนถึงปรินิพพาน รวมกันแล้วถึง ๑๓๖ ตอน แต่ละตอนเป็นการบรรยายแบบเล่านิทาน ใช้เพลงไทยเดิมที่แต่งบทขับร้องขึ้นใหม่ให้สั้นกระชับเข้ากับเนื้อเรื่องบรรเลงประกอบ ถึงวันออกอากาศวันใด ศิลปินกรมศิลปากรสองท่านจะมาทานข้าวกลางวัน แล้วซ้อมกันที่โรงเรียนสวนเด็กสักพัก ก่อนจะขึ้นรถตู้ของโรงเรียนไปสถานีวิทยุ อ.ส.กับแม่เพื่อออกอากาศกันแบบสดๆ 
บันทึกการเข้า
หน้า: 1 ... 7 8 [9] 10 11 ... 18
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by SMF 1.1.21 | SMF © 2006, Simple Machines
Simple Audio Video Embedder

XHTML | CSS | Aero79 design by Bloc หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.074 วินาที กับ 19 คำสั่ง