หนังสือพิมพ์ไทยโพสต์ -- อาทิตย์ที่ 18 กันยายน 2559 00:00:16 น.
ถนอมจิต คงจิตต์งาม
thanomjitk9@gmail.comดิฉันเป็นสมาชิกนิตยสารสกุลไทย เป็นโดยผ่านร้านซูเปอร์มาร์เก็ตเล็กๆ เจ้าประจำข้างบ้าน
ทุกเย็นวันจันทร์หรือเช้าวันอังคาร พี่โกวิท เจ้าของซูเปอร์มาร์เก็ตจะต้องประคับประคองถือสกุลไทยไว้อย่างดี เพราะกลัวยับย่นยู่ยี่ มากดออดเรียกแล้วบรรจงเสียบไว้ในตำแหน่งที่เห็นได้ชัดเจน โดยคำนวณเรื่องของสภาพดินฟ้าอากาศประกอบ เพื่อไม่ให้หนังสือถูกฝนเปียกปอนเสียหาย
ดิฉันเองอาจจะไม่ได้มีเวลาอ่านทุกอย่างภายในหนังสือเล่มนี้ แต่เมื่อรับมาปุ๊บจะพลิกดูโดยพลัน และหนึ่งในคอลัมน์ที่เปิดก่อนเลยคือ บทสัมภาษณ์พิเศษที่เขียนโดย "เมล็ดข้าว" เพื่อนรุ่นพี่ที่รู้จักกันมานาน ไม่ค่อยได้ติดต่อกัน แต่อาศัยคอลัมน์นี้เองที่ช่วยเป็นสะพานการสื่อสารเพื่อบอกให้รู้ว่า ตอนนี้พี่เขาทำอะไร ไปที่ไหน และยังสุขสบายดีอยู่หรือเปล่า
ถัดมาก็พินิจพิจารณาเรื่องของปก สกุลไทยนำภาพคนมาขึ้นปก แต่ถ้าเป็นช่วงวาระสำคัญของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระบรมราชินีนาถ และพระบรมวงศานุวงศ์ ก็เป็นรูปของพระองค์ท่าน ดิฉันเคยทึ่งว่าตลอดเวลา 61 ปีที่ผ่านมา ทำไมนิตยสารฉบับนี้จึงสามารถสร้างความแตกต่างได้ภายใต้โจทย์เดียว วันสำคัญมีเป็นประจำทุกปี แต่สิ่งที่นำมาเป็นรูปปกก็แตกต่างไปได้ทุกปีเช่นกัน
จากนั้นต้องพลิกไปอ่านก่อนเลย คือนวนิยายของกฤษณา อโศกสิน ศิลปินแห่งชาติและนักเขียนในดวงใจ ที่มีทั้งวิธีคิด คติสอนใจ ซุกซ่อนไว้ในกลวิธีดำเนินเรื่อง ผ่านชีวิตคน ทุกเรื่องวางอยู่บนสัจธรรมพื้นฐานของกฎธรรมชาติที่อยู่เบื้องหลังการดำเนินชีวิตของมนุษย์ในโลกปัจจุบัน
ถัดมาขาดไม่ได้เลย คือ "ตอบปัญหาคาใจ" ของ "น้ำผึ้งป่า" ซึ่งส่วนใหญ่ที่ให้คำตอบกับผู้เขียนมาถามได้อย่างเหลือเชื่อ ภายใต้ความรอบรู้เข้าอกเข้าใจในความเป็นมนุษย์ผสมผสานกับการนำหลักวิชาโหราศาสตร์ว่าด้วยดวงดาวมาช่วยอธิบายเป็นแนวทางของคำตอบ
ดิฉันเคยลองอ่านเรื่องที่ผู้อ่านถามมา แล้วทำตัวเป็นคนตอบ จากนั้นค่อยไปอ่าน "น้ำผึ้งป่า" ว่าให้แนวทางกับคนอ่านอย่างไร ปรากฏว่าความคิดของเรานั้นเต็มไปด้วยอารมณ์ ขณะที่ "น้ำผึ้งป่า" คลี่คลายปัญหาให้ผู้อ่านด้วยหลักของเหตุผลและหลักธรรม
ต้องบอกว่าคอลัมน์ต่างๆ ในสกุลไทยช่วยทำให้เราหูตากว้างไกล กลายเป็นคนทันสมัย เพราะมีตั้งแต่ภาพและข่าวสังคมความเคลื่อนไหว มีบทสัมภาษณ์ทั้งผู้ที่มากประสบการณ์และคนหนุ่มสาวผู้เปรียบเสมือนดาวพราวแสงที่กำลังเติบโต, มีแฟชั่น ความงาม บันเทิง, บทกวี มองภาษา, คอลัมน์เกี่ยวกับเด็กและเยาวชน, สารคดี บทความ การให้โอกาสนักเขียนหน้าใหม่ในคอลัมน์สนทนาประสาเรื่องสั้น
ที่ดิฉันต้องอ่านอีก 2-3 คอลัมน์ คือ "ตะวันชายบ่ายคล้อย" ของครูแอ๋ว อรชุมา และ "เศรษฐศาสตร์ชาวเมือง"ของ "นวพร เรืองสกุล" "สำรับโลก" ของวราภรณ์ สามโกเศศ ส่วนนวนิยายไม่ต้องพูดถึง สัปดาห์หนึ่งทยอยอ่านเกือบครบ ไม่ว่าจะเป็นงานของ ว.วินิจฉัยกุล, ม.มธุการี, โสภาค สุวรรณ และอีกหลายท่าน
ปกติเวลาอ่านเสร็จแล้ว ดิฉันจะส่งหนังสือไปบริจาคตามโรงพยาบาล ให้คนไข้เอาไว้ใช้อ่านระหว่างรอ เพราะรู้สึกว่าอยากส่งสารที่เป็นสาระและดีไปให้ผู้อ่านอื่นๆ พอรู้แบบนี้ปุ๊บเป็นอันต้องเก็บที่เหลือไว้ทั้งหมด
เพราะโดยส่วนตัวนั้น สำหรับดิฉันวนเวียนอยู่กับการทำงานเขียน นิตยสารสกุลไทย ไม่ได้เป็นแค่หนังสือสำหรับมีไว้ให้อ่านแก้เหงาเท่านั้น หากแต่เป็นตำราเล่มใหญ่ที่ดิฉันมีไว้หาคำตอบในการเขียนหนังสือด้วย ติดขัดเรื่องใด ข้องขัดเรื่องไหน ก็ไปรื้อ ไปค้น สักพักก็ได้คำตอบ ได้แนวทางการปฏิบัติที่ถูกต้องในการทำงานด้านภาษา
นิตยสารเล่มนี้จึงมีคุณค่าทางใจ เพราะเป็นหนังสือในอุดมคติ มีเรื่องราวของความจริง ความดีและความงามอยู่ภายใน มีความทันสมัยที่หยิบฉวยมาปฏิบัติได้ เป็นบรรทัดฐานของการใช้ภาษาไทย อ่านครั้งใดก็อิ่มเอมใจ ติดขัดเรื่องใดก็ศึกษาหาความรู้ได้
ด้วยเหตุผลทั้งหลายทั้งปวง เลยทำให้รู้สึกวิเวก โหวงเหวง เมื่อทราบว่านิตยสารสกุลไทยจะต้องปิดตัวลงไป ไม่มาทักทายกันเหมือนที่ผ่านมา แต่ครั้นพินิจพิจารณาถึงเหตุผลและความจำเป็นทางด้านเศรษฐกิจ ความเปลี่ยนแปลงของโลกยุคใหม่ ก็ต้องยอมรับความจริงและทำใจ
ทุกอย่างเป็นไปตามกติกาสากลของธรรมชาติ มีเกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไปตามกาลเวลา
ส่วนที่เป็นกายภาพ เป็นสังขารนั้น เป็นธรรมดาที่ย่อมเปลี่ยนแปลงและแตกดับได้
แต่สิ่งที่คงอยู่ตลอดไปคือ คุณค่าที่มีต่อชีวิตและจิตใจของผู้คน
ดิฉันสั่งพี่โกวิทไว้แล้วว่า ช่วยเก็บฉบับสุดท้ายไว้ 5 เล่ม อยากได้ไว้เป็นที่ระลึกและเก็บไว้เป็นของขวัญสำหรับคนที่คู่ควร
ส่งไลน์ไปไม่กี่นาที พี่โกวิทตอบทันใจ อาจไม่ได้ตามที่สั่ง เพราะใครๆ ก็สั่งแบบเดียวกัน
ดิฉันเลยคิดว่า ไม่เป็นไร เพราะสิ่งที่ได้รับมาแล้วจากนิตยสารสกุลไทยตลอดเวลาที่ผ่านมานั้น เป็นคลังขุมทรัพย์ทางความรู้ ที่นำมากิน มาใช้มากเท่าไรก็ไม่มีวันหมดอยู่แล้ว
:
http://www.ryt9.com/s/tpd/2511732