เรือนไทย
ยินดีต้อนรับ ท่านผู้มาเยือน
กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
ส่งอีเมล์ยืนยันการใช้งาน?
ข่าว: การแนบไฟล์ กรุณาใช้ชื่อไฟล์ภาษาอังกฤษเท่านั้นครับ
หน้า: 1 ... 3 4 [5] 6 7 ... 9
  พิมพ์  
อ่าน: 31324 สงครามดอกกุหลาบ The Wars of the Roses
ประกอบ
สุครีพ
******
ตอบ: 1342


ความคิดเห็นที่ 60  เมื่อ 19 ส.ค. 16, 14:59

คำถามตอบยากต้องใหเท่านอาจารย์ใหญ่มาตอบ  ยิงฟันยิ้ม

ย้อนมาเพิ่มเติมรายละเอียดศึกที่เวคฟิลด์

ในเดือนตุลา 1460 เมื่อดยุคแห่งยอร์คอ้างสิทธิในการเป็นพระราชา  ราชินีนางเอกของเราก็เรียกระดมพลจากผู้สนับสนุนฝ่ายแลงคาสเตอร์ทันที ฝ่ายยอร์คมีรี้พลประมาณ 5-6000 คนตั้งมั่นอยู่ที่ปราสาทแซนดาล (Sandal castle) ใกล้เวคฟิลด์อยู่ทางตอนใต้เมืองลีดส์ (Leeds)ในปัจจุบัน ฝ่ายแลงคาสเตอร์มีรี้พลมากกว่าประมาณ 2 เท่าตั้งมั่นอยู่ห่างไปประมาณ 9 ไมล์

ท่ามกลางอากาศหนาวเหน็บ(เดา) วันที่ 30 ธันวา 1460 ฝ่ายแลงคาสเตอร์ก็เริ่มเคลื่อนพลเข้าหาฝ่ายยอร์ค ฝ่ายยอร์คเองก็มีความผิดพลาด มีการบุกจู่โจมกองกำลังฝ่ายเดียวกันอย่างไม่ตั้งใจ ทำให้เกิดการระส่ำระสาย ฝ่ายแลงคาสเตอร์แบ่งกองกำลังเป็นสามกองเข้าโจมตี ฝ่ายยอร์คเมื่อกำลังตกเป็นรอง ดยุคแห่งยอร์คพยายามจะถอยแต่ไม่ทัน ถูกสังหารในสนามรบไม่ไกลจากปราสาทแซนดาล  กองกำลังที่เหลือแตกกระจายกันหลบหนี แม่ทัพขุลพลฝ่ายยอร์คหลายคนถูกสังหาร  ฝ่ายยอร์คตายไปมากกว่าสองพันคนในขณะที่ฝ่ายแลงคาสเตอร์เสียคนไปแค่ราวสองร้อยคนเท่านั้น  ขุลพลสำคัญของฝ่ายยอร์คเช่นเอิร์ลแห่งซอลส์เบอรี่ถูกจับและถูกตัดศรีษะในวันถัดมา

มากาเร็ตนางเอกของเรา สั่งให้เอาหัวของดยุคแห่งยอร์ค เอิร์ลแห่งรัทแลนด์ และเอิร์ลแห่งซอลส์เบอรี่เสียบไม้ประจานไว้ที่ประตูเมืองยอร์คด้านตะวันตก บนหัวของท่านดยุคมีมงกุฏกระดาษสวมหัวไว้

ภาพแรกผังการโจมตี  ภาพที่สองถาพพื้นที่สนามรบในปัจจุบันบริเวณที่ดยุคแห่งยอร์คถูกสังหาร และภาพสุดท้ายปราสาทแซนดาลในปัจจุบัน




บันทึกการเข้า

วิรุศฑ์ษมาศร์ อัฐน์อังการจณ์
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33584

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 61  เมื่อ 19 ส.ค. 16, 15:10

ไปค้นคำว่า Rosa gallica officinalis คือกุหลาบอะไร   ได้คำตอบมาว่า มันมีอีกชื่อว่า red rose of Lancaster
เป็นกุหลาบป่า (wild rose) ชนิดหนึ่งค่ะ

ในศตวรรษที่ 15  อยู่ในยุคมืด ศิลปวิทยาการทั้งหลายชะงักงันอยู่เป็นนานหลายศตวรรษ  เพิ่งจะมาฟื้นตื่นขึ้นในยุคเรอเนสซองส์  เพราะฉะนั้นก็เดาว่าวิชาผสมกุหลาบน่าจะยังไม่เกิดในศตวรรษที่ 15    ดอกไม้ที่มีอยู่ในอังกฤษก็มีอยู่ตามธรรมชาติ เกิดเองในป่าเขาลำเนาไพร   กุหลาบป่าในแคว้นแลงคาเชอร์ก็อยู่ในข่ายนี้


บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33584

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 62  เมื่อ 19 ส.ค. 16, 15:37

 ส่วนคำถามว่าทำไมฝ่ายยอร์คใช้กุหลาบขาว  อ่านหลายเว็บแล้ว ยังอึมครึมเหมือนฝรั่งคนเขียนเองก็ไม่รู้ว่าทำไม    เลยพยายามจะโยงมั่วกันไปหมด    รอท่านลอร์ดประกอบเทพ หรือท่านเอิร์ลท่านดยุคอื่นๆในเรือนไทยมาตอบก็แล้วกันค่ะ


บันทึกการเข้า
siamese
หนุมาน
********
ตอบ: 7165


หนุ่มรัตนะกับภูเขาทอง


ความคิดเห็นที่ 63  เมื่อ 19 ส.ค. 16, 16:00

เคยซื้อ Jigsaw ของอังกฤษเอามาต่อเล่น เป็นการเล่าเรื่องราวประวัติศาสตร์อังกฤษอย่างง่ายๆ ผ่านรูปวาดในแต่ละสมัย ซึ่งดูแล้วเข้าใจดีครับว่าในแต่ละสมัยมีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้น

เลยจับภาพเฉพาะในส่วนของสงครามดอกกุหลาบมาให้ชม เห็นภาพวาดก็เข้าใจว่า เกิดการแย่งชิงมงกุฏกัน ระหว่างกุหลาบขาวและแดง ในยุคนี้ก็เกิดระบบแม่พิมพ์เกิดขึ้นด้วย


คลิกที่รูปเพื่อขยาย/ย่อ
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33584

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 64  เมื่อ 19 ส.ค. 16, 16:39

^


บันทึกการเข้า
ประกอบ
สุครีพ
******
ตอบ: 1342


ความคิดเห็นที่ 65  เมื่อ 19 ส.ค. 16, 16:46

เมื่อท่านเลดี้เทาชมพูสั่งการมา จะไม่ทำก็คงไม่ได้

อย่างแรกคือทำไมบอร์คใช้กุหลาบขาว เจ้ากรมข่าวลืออ้างว่าเรื่องนี้ต้องต้นไปตั้งแต่ยุคศตวรรษที่ 14 เมื่อเอ็ดมัน แลงลีย์ ดยุคแห่งยอร์คคนที่ 1 (1341 - 1401) ได้รับบรรดาศักดิ์นี้เลือกใช้กุหลาบขาวเป็นสัญลักษณ์น่าจะมาจากพื้นฐานทางด้านศาสนาเป็นหลัก เพื่อเป็นการระลึกถึงพระแม่มารีที่เปรียบเสมือนกุหลาบขาวแห่งสวงสวรรค์ นอกจากนี้สีขาวยังเป็นสัญลักษณ์ของความสว่าง ความบริสุทธิ์ ความสุข และเกียรติศักดิ์

แต่อย่างไรก็ตาม ในช่วงสงครามดอกกุหลาบนี้ กุหลาบขาวเป็นเพียงหนึ่งในสัญลักษณ์ที่ฝ่ายยอร์คใช้เท่านั้น ส่วนกุหลาบแดงของแลงคาสเตอร์นี่น่าจะใช้กันจริงๆ ก็ช่วงปี 1480 ที่เป็นปลายยุคสงครามดอกกุหลาบแล้ว คำว่าสงครามดอกกุหลาบก็น่าจะเริ่มใช้กันเมื่อศตวรรษที่ 19 นี่เอง ก่อนหน้านี้คนร่วมสมัยจะพูดถึงสงครามนี้เป็นสงครามระหว่างลูกพี่ลูกน้อง(Cousins’ Wars)
บันทึกการเข้า

วิรุศฑ์ษมาศร์ อัฐน์อังการจณ์
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33584

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 66  เมื่อ 23 ส.ค. 16, 11:42

  ถึงแม้ว่ายอร์คถูกประหารไปแล้ว   แต่สงครามก็ยังไม่สงบ  หากแต่เพิ่มความดุเดือดหนักขึ้น   เพราะฝ่ายแลงคาสเตอร์ทำได้แต่ฆ่าพ่อ แต่ยังเหลือหน่อที่กลายมาเป็นเสี้ยนหนามสำคัญ    หน่อนั้นก็คือลูกชายคนโตของยอร์คชื่อเอ็ดเวิร์ด     เขาคนนี้ชิงยกทัพเข้าลอนดอนก่อนที่ฝ่ายแลงคาสเตอร์จะยกพลมาถึง   
  เมื่อเข้าลอนดอนได้  เอ็ดเวิร์ดก็ไม่ได้อิหลักอิเหลื่อยอมแพ้แก่เสียงส่วนใหญ่ในสภาอย่างพ่อเขา   ตำแหน่งผู้สำเร็จราชการอะไรก็ไม่เอาทั้งนั้น    เขาประกาศตัวเองเป็นกษัตริย์ทันที ทรงพระนามว่าพระเจ้าเอ็ดเวิร์ดที่ 4   ทั้งๆพระเจ้าเฮนรี่กษัตริย์ตัวจริงก็ยังมีพระชนม์ชีพอยู่โทนโท่ 
   เราก็คงเดาได้ว่า เมื่อเกิดมีสองกษัตริย์ในหนึ่งบัลลังก์ขึ้นมาแบบนี้     มันก็ต้องรบกันท่าเดียว ระหว่างแลงคาสเตอร์กับยอร์ค    สมรภูมิคราวนี้อยู่ใกล้เมืองโทว์ทันในยอร์คเชอร์   เรียกกันว่า "ศึกโทว์ทัน"   
    ศึกครั้งนี้ได้ชื่อว่าเป็นศึกละเลงเลือดครั้งใหญ่ที่สุดครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์การรบของอังกฤษ   ทั้งหฤโหดด้วยอากาศไม่เป็นใจ คือรบกันท่ามกลางพายุหิมะกระหน่ำหนัก อุณหภูมิต่ำกว่าศูนย์   (ลองนึกถึงเกราะเหล็กกลางหิมะดูบ้างว่ามันจะเย็นเจี๊ยบขนาดไหน)      และฆ่าฟันกันไม่คิดชีวิต   ผลคือทั้งแลงคาสเตอร์และยอร์คเอาชีวิตมาทิ้งเสียประมาณ 28,000 คน จากจำนวนทั้งหมดราว 50,000 คน 
   ทั้งหมดนี้ก็เพื่อผลดีของคนคนเดียว คือผู้นำฝ่ายยอร์ค 


บันทึกการเข้า
ประกอบ
สุครีพ
******
ตอบ: 1342


ความคิดเห็นที่ 67  เมื่อ 23 ส.ค. 16, 12:23

จากการขุดค้นหลุมศพของเหล่าทหารหารที่ตายในสมรภูมินี้ นักโบราณคดีพบหลุมศพหมู่หลายหลุมบริเวณโทว์ทันเมื่อปี 1996 อายุของผู้ตายมีตั้งแต่ 16 - 50 ปี พบร่องรอยความน่าสยดสยองมากมายที่ปรากฏอยู่ครับ บางหัวกะโหลกมีบาดแผลต่างๆ มากถึง 22 แผล ภาพที่นำมาให้ดูคือร่องรอยความรุนแรงบางส่วน และพื้นที่ที่เคยเป็นสมรภูมิรบในปัจจุบัน





บันทึกการเข้า

วิรุศฑ์ษมาศร์ อัฐน์อังการจณ์
นางมารน้อย
พาลี
****
ตอบ: 306


ทำงานแล้วค่ะ


ความคิดเห็นที่ 68  เมื่อ 23 ส.ค. 16, 16:24

ชุดเกราะหนักขนาดนั้น คนใส่(รวมถึงม้าที่ต้องใส่เกราะด้วย)คงต้องฟิตร่างกายประจำแน่เลยนะคะ ไม่อย่างนั้นคงแบกน้ำหนักเหล็กหลายกิโลไม่ไหวเอา

ว่าแต่การสวมเกราะแบบเต็มยศนั้นมีกำหนดลำดับชั้นคนสวมไหมคะ หรือว่าใครเป็นทหารก็มีเกราะแบบนี้กันหมด
บันทึกการเข้า

สวัสดีทุกๆท่านค่ะ
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33584

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 69  เมื่อ 23 ส.ค. 16, 17:07

ข้อนี้ยังหาคำตอบไม่เจอค่ะ  รอท่านลอร์ดประกอบเทพ
แต่คิดว่า ถ้าเป็นชั้นแม่ทัพนายกองก็แต่งคล้ายๆกัน   ดูออกว่าใครเป็นใครก็ตรงโล่หรือตราประจำตัวที่สวมตัว    แต่ถ้าเป็นทหารเดินเท้า น่าจะใส่เกราะเท่าที่จำเป็น   ขืนแบกทั้งหมดเหมือนอัศวิน คงเดินไม่ไหว
น้ำหนักของเกราะ มีตั้งแต่ 15-25 กิโล ค่ะ


บันทึกการเข้า
ประกอบ
สุครีพ
******
ตอบ: 1342


ความคิดเห็นที่ 70  เมื่อ 23 ส.ค. 16, 20:12

เลดี้เทาชมพูจ่ายการบ้านอีกแล้ว ไหงหนูโดนอยู่คนเดียว T__T


เอาเรื่องน้ำหนักเกราะก่อน


ตอนผมไปรบที่เวคฟิลด์เนี่ย สวมเกราะชั้นแม่ทัพ เกราะหนักประมาณ 20-25 กิโลกรัม บวกน้ำหนักหมวกด้วยก็อีกราว 4 กิโล ดีที่ว่าอากาศเย็น เลยไม่รู้สึกร้อน อุ่นสบายครับ  บางคนอาจจะสงสัยว่า เอ๊ ชุดเกราะหนักตั้งเกือบ 30 กิโล จะรบไหวเหรอ ต้องบอกว่าสบายมากครับ ลองเปรียบเทียบกับชุดทหารสมัยต่อๆ มาดูก็ได้  ตอนผมไปโดดร่มวัน D-day ที่นอร์มังดี อุปกรณ์ทั้งหลายที่พวกพลทหารแบกไป หนักประมาณ 30 กิโล ระดับนายทหารอย่างผมแบกเยอะกว่าหน่อยราว 40 กิโล นี่ยังไม่รวมน้ำหนักร่ม!!!  หรือตอนผมไปฝึกดับเพลิง ชุดอุปกรณ์ดับเพลิงรวมถังออกซิเจ่นหนักมากกว่า 30 กิโลแล้ว  นี่ยังไม่รวมตอนผมไปกู้ระเบิดในอิรัคอีก ชุดนี่หนักอึ้งจนขี้เกียจคิด  ชุดทหารรวมอุปกรณ์สมัยนี้ หนักกว่าชุดเกราะที่ผมสวมตอนไปรบในสงครามดอกกุหลาบอีก


นอกจากจะหนักกว่าแล้ว อุปกรณ์สนามที่แบกไปรบวัน D-day หรือที่อิรักเนี่ย ต้องสะพายหลังบ้าง ห้อยไว้ตามเอวบ้าง ถ่วงเป็นจุดๆ ไป แต่ชุดเกราะที่สวมที่เวคฟิลด์นี่น้ำหนักเกราะมันกระจายทั้งตัวครับ เคลื่อนไหวสะดวกกว่ามาก แถมตอนขึ้นม้ายังมีอัศวินฝึกหัดช่วยดันตัวอีก ถ้าตกจากหลังม้าก็ขึ้นม้าเองลำบากนิดหน่อยเท่านั้น เวลารบก็คล่องแคล่วว่องไว เพราะชุดเกราะชั้นดีแบบที่ผมสวม ผลิตตามสัดส่วนมัดกล้าม ชุดเดียวราคาแพงพอกับค่าแรงของช่างฝีมือทำงาน 3 ปีเลย ชุดเกราะอัศวินมาเพิ่มน้ำหนักมากขึ้นตั้งแต่ช่วงศตวรรษที่ 17 เพราะต้องให้ป้องกันกระสุนปืนที่เริ่มมีใช้กันในยุคนี้แล้ว


เอาชุดตอนไปโดดร่มที่นอร์มังดีมาให้ดูเปรียบเทียบครับ


บันทึกการเข้า

วิรุศฑ์ษมาศร์ อัฐน์อังการจณ์
ประกอบ
สุครีพ
******
ตอบ: 1342


ความคิดเห็นที่ 71  เมื่อ 23 ส.ค. 16, 20:47

ส่วนเรื่องชุดเกราะต่างกันตามลำดับชั้นไหม ก็ต้องบอกว่าต่างกันครับ เพราะทหารแต่ละหน่วยมีชุดเกราะหรือการปกป้องไม่เท่ากัน ส่วนชุดเกราะเองก็มีหลายชั้น ที่เป็นเพราะก็จะเริ่มจากเกราะอ่อนที่เป็นชุดห่วง คือเอาห่วงหรือโซ่เล็กๆ มาร้อยกันเป็นเกราะ เกราะแบบนี้จะป้องกันคมดาบคมหอกได้ครับ   อัศวันชั้นต่ำๆ หรือพวกทุนทรัพย์น้อยอาจสวมแค่เกราะชั้นนี้ ชั้นถัดมาก็เป็นเกราะหนัง แล้วถึงจะเป็นเกราะเหล็กชั้นนอก  ซึ่งพวกทุนน้อยก็อาจมีแค่เกราะลำตัว ส่วนพวกนายๆ ทุนหนาก็มีเกราะหุ้มทั้งตัวครับ ส่วนพวกหมวกเหล็กนี่มีกันทุกคน

เอาภาพเครื่องแบบทหารแต่ละหน่วยมาให้ดู กับชั้นการสวมเกราะครับ


คลิกที่รูปเพื่อขยาย/ย่อ

คลิกที่รูปเพื่อขยาย/ย่อ
บันทึกการเข้า

วิรุศฑ์ษมาศร์ อัฐน์อังการจณ์
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33584

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 72  เมื่อ 23 ส.ค. 16, 21:32

ท่านลอร์ดออกสงครามบ่อยค่ะ   เลยขอตัวมาช่วยออกโรงบ่อย
แบกอาวุธยุทโธปกรณ์ไปด้วย 40 กิโล ไม่ว่าจะเดินไปไหน   เท่ากับแบกคุณนางมารน้อย  หรือแม่บัว ขึ้นบ่าไปด้วยคนหนึ่งเต็มๆเลยนะคะ    วางก็ไม่ได้
บันทึกการเข้า
ประกอบ
สุครีพ
******
ตอบ: 1342


ความคิดเห็นที่ 73  เมื่อ 23 ส.ค. 16, 21:47

แบกอาวุธยุทโธปกรณ์ไปด้วย 40 กิโล ไม่ว่าจะเดินไปไหน   เท่ากับแบกคุณนางมารน้อย  หรือแม่บัว ขึ้นบ่าไปด้วยคนหนึ่งเต็มๆเลยนะคะ    วางก็ไม่ได้

อันนี้นี่คุณนางมารน้อยหรือแม่บัวครับนี่ มิน่า ไปไหนมาไหนหน่วงๆ ตัวพิกล  ลังเล


บันทึกการเข้า

วิรุศฑ์ษมาศร์ อัฐน์อังการจณ์
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33584

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 74  เมื่อ 23 ส.ค. 16, 21:53

ได้ยินเสียงกรี๊ดดดแว่วเข้ามาในเรือน แต่ยังบอกไม่ถูกว่าเสียงสาวคนไหนค่ะ
ตัวใครตัวมันนะท่านลอร์ด
บันทึกการเข้า
หน้า: 1 ... 3 4 [5] 6 7 ... 9
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by SMF 1.1.21 | SMF © 2006, Simple Machines
Simple Audio Video Embedder

XHTML | CSS | Aero79 design by Bloc หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.045 วินาที กับ 20 คำสั่ง