เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
    
ตอบ: 33477
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 90 เมื่อ 02 ก.ย. 16, 14:48
|
|
ทุ่งเอดจ์โค้ต ในปัจจุบัน
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
    
ตอบ: 33477
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 91 เมื่อ 04 ก.ย. 16, 08:24
|
|
เมื่อได้พระราชามาอยู่ในกำมือแล้ว แผนขั้นต่อไปของวอริคก็คือกลับคืนสู่อำนาจ โดยมีพระเจ้าเอ็ดเวิร์ดเป็นลูกไก่ในกำมือ หรือไม่ก็จับพระองค์ถอดจากบัลลังก์ซะ แล้วตัวเองขึ้นมาแทน แต่วอริคคะเนตัวเองผิดไปมาก อังกฤษมีตำแหน่งพระเจ้าแผ่นดินก็จริง แต่ก็มีสภาขุนนางซึ่งประกอบด้วยขุนนางใหญ่น้อยอีกมาก คอยคานอำนาจอยู่ด้วย และเราต้องไม่ลืมว่า ในขณะนั้นพระเจ้าแผ่นดินไม่ได้มีองค์เดียว แต่มี 2 องค์คือพระเจ้าเฮนรี่ที่หก(องค์ที่ป่วยเป็นโรคประสาทนั่นแหละค่ะ) กับพระเจ้าเอ็ดเวิร์ดที่สี่ผู้ชิงบัลลังก์มาเอง แค่มี 2 องค์ องค์หนึ่งกุหลาบแดงแลงคาสเตอร์ กับอีกองค์กุหลาบขาวยอร์ค ชิงอำนาจกันไม่รู้จบ ประชาชนและขุนนางต่างก็เดือดร้อนสู้รบ ล้มตายกันไปไม่รู้เท่าไหร่แล้ว นี่จะมีคนที่สามคือวอริคขึ้นมากุมอำนาจให้ตายกันอีกเป็นสามเท่า สภาขุนนางทนไม่ไหว ก็เลยแอนตี้วอริคขึ้นมา เกิดกบฏขึ้นมาในประเทศ กดดันวอริคอย่างหนัก ทำให้เขารู้ตัวว่าฝันหวานที่วางไว้ กลายเป็นฝันสลาย วอริคก็เลยจำใจต้องคายอ้อยออกจากปากช้าง คือปล่อยพระเจ้าเอ็ดเวิร์ดเป็นไทแก่ตัว
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
    
ตอบ: 33477
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 92 เมื่อ 04 ก.ย. 16, 08:36
|
|
พระเจ้าเอ็ดเวิร์ดกลับคืนสู่บัลลังก์ได้อีกครั้ง แต่แทนที่พระองค์จะถือโอกาสนี้กวาดล้างวอริคและพระอนุชาดยุคแห่งกลอสเตอร์เสียให้สิ้นซาก พระองค์ก็กลับทำอย่างที่สุนทรภู่ห้ามไว้อีกนั่นแหละ คือ ประเพณีตีงูให้หลังหัก มันก็มักทำร้ายเมื่อภายหลัง คือทรงประนีประนอมไม่เอาผิดทั้งวอริคและเจ้าชายพระอนุชา นึกว่าสองคนนี้จะสำนึกในพระกรุณา แล้วก็อยู่กันสงบๆต่อไป ได้ไม่มีไพร่พลต้องล้มตาย ประเทศเสียหายกันอีก เปล๊า สัญชาติงูยังไงจะให้กลายเป็นไส้เดือนนั้นย่อมเป็นไปไม่ได้ วอริคคอยจังหวะอยู่ พอได้ที ก็รวบรวมพลกบฏต่อพระราชาขึ้นมาอีก คราวนี้พระเจ้าไม่เข้าข้าง วอริคเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ต้องเผ่นหนีออกนอกอังกฤษไปพึ่งฝรั่งเศสศัตรูเก่า พระนางมาร์กาเร็ตนางเอกหญิงเหล็กของเราคอยทีอยู่แล้ว วอริคกับพระนางก็เลยจับมือกัน พร้อมจะเอาฝรั่งเศสมาช่วยโค่นบัลลังก์พระเจ้าเอ็ดเวิร์ด เพื่อจะส่งบัลลังก์คืนให้กษัตริย์เชื้อสายแลงคาสเตอร์ คือพระเจ้าเฮนรี่ที่หก ตัวพระเจ้าเฮนรี่น่ะไม่เท่าไหร่หรอก พระนางมาร์กาเร็ตทรงทำเพื่อโอรสของพระนาง จะได้สืบทอดบัลลังก์อังกฤษต่อไปต่างหาก
วอริคคุมทัพเรือจากฝรั่งเศส มุ่งหน้ากลับไปอังกฤษ สงครามดอกกุหลาบ ระหว่างแลงคาสเตอร์ นำโดยพระนางมาร์กาเร็ตและวอริค กับยอร์ค ของพระเจ้าเอ็ดเวิร์ดที่สี่แห่งอังกฤษ ก็ระเบิดขึ้นมาอีกครั้ง
|
|
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 05 ก.ย. 16, 09:26 โดย เทาชมพู »
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
    
ตอบ: 33477
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 93 เมื่อ 04 ก.ย. 16, 10:37
|
|
สงครามดอกกุหลาบครั้งนี้ แลงคาสเตอร์นำโดยวอริค เป็นฝ่ายชนะ พระเจ้าเอ็ดเวิร์ดฝ่ายยอร์คแพ้ ต้องหนีตายออกจากอังกฤษไปเมืองฟลานเดอร์ในแคว้นเบอร์กันดี เมื่อแลงคาสเตอร์ชนะ วอริคก็ยาตราทัพเข้าลอนดอน แต่คราวนี้ไม่ตั้งตัวเป็นใหญ่อีกอย่างคราวก่อน หากแต่กลับไปยกพระเจ้าเฮนรี่แห่งแลงคาสเตอร์กลับขึ้นมาเป็นกษัตริย์แทน การคืนกลับสู่บัลลังก์ครั้งนี้เรียกกันในประวัติศาสตร์ว่า the Readeption of Henry VI เรื่องมันควรจะจบ เพราะพระราชาองค์เดิมก็กลับคืนสู่บัลลังก์ได้แล้ว องค์ที่มาชิงราชสมบัติก็พ่ายแพ้ไปแล้ว แต่เอาเข้าจริงก็ไม่จบ เพราะพระเจ้าเอ็ดเวิร์ดท่านก็ชาติเสือไว้ลายเหมือนบรรพบุรุษของท่าน จึงไม่ได้หนีไปอยู่ฟลานเดอร์เฉยๆ นั่งๆนอนๆจนกว่าจะแก่ตายไปเอง แต่รวบรวมกำลังพลจากเบอร์กันดี กลับมาชิงบัลลังก์คืนจากพระเจ้าเฮนรี่และวอริคให้จงได้ โดยมีผู้ร่วมรบเป็นขุนพลคู่พระทัยคือพระอนุชาอีกองค์หนึ่งชื่อเจ้าชายริชาร์ด ส่วนพระอนุชาอีกองค์คือเจ้าชายจอร์ชนั้น แปรพักตร์ไปเป็นฝ่ายแลงคาสเตอร์เรียบร้อย เพราะเป็นลูกเขยของวอริคไปแล้ว
ที่จำต้องเอ่ยย้ำชื่อพระอนุชาทั้งสองของพระเจ้าเอ็ดเวิร์ดขึ้นมา ให้เปลืองหน่วยความจำในสมองของคนอ่านกระทู้ ก็เพราะเจ้าชายริชาร์ดองค์นี้ต่อไปจะมีบทบาทสำคัญในสงครามดอกกุหลาบค่ะ ทนจำเอาหน่อย
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
    
ตอบ: 33477
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 94 เมื่อ 05 ก.ย. 16, 10:52
|
|
กองทัพของพระเจ้าเอ็ดเวิร์ดมีจำนวนไม่มากนัก แต่พระองค์ก็ฉลาดพอจะยกทัพผ่านยอร์คเชอร์ไปได้อย่างสะดวกโยธิน ในฐานะเป็นผู้นำฝ่ายยอร์ค เพื่อรุดหน้าต่อไปยังลอนดอน สถานการณ์พลิกกลับมาเป็นผลดีอย่างไม่น่าเชื่อ เมื่อพระอนุชา เจ้าชายจอร์ช ดยุคแห่งคลาเรนซ์ซึ่งแสดงตัวออกหน้าออกตาว่าสนับสนุนวอริคผู้เป็นพ่อตา เต็มประตูมาแต่ไหนแต่ไร เกิดเปลี่ยนใจกลับข้างมาเป็นฝ่ายพระเชษฐา เหตุผลของเจ้าชายจอร์ชพอจะมองเห็นกันได้ไม่ยาก ก่อนหน้านี้ เจ้าชายหวังว่าพ่อตากำจัดพระเชษฐาออกไปจากบัลลังก์แล้ว ตัวเองผู้เป็นน้องชายถัดมาก็จะได้ลอยลำขึ้นเป็นกษัตริย์อังกฤษ ในเมื่อมีบัลลังก์ทั้งอันเป็นเดิมพัน พี่เพ่ออะไรก็ไม่สำคัญอีกต่อไป ของพรรค์นี้ใครดีใครได้ ก็รู้ๆกัน แต่ที่ไหนได้ เจ้าชายจอร์ชอกหักอย่างแรง เมื่อวอริคชนะพระเจ้าเอ็ดเวิร์ดแล้ว แต่ไม่ยักเห็นหัวเจ้าชาย กลับไปยกพระราชาองค์เก่าที่สติสตังไม่สู้ดี อำนาจราชศักดิ์อะไรก็ไม่มี มีแต่ยี่ห้อแลงคาสเตอร์แปะเอาไว้หน่อยนึง ขึ้นมาครองบัลลังก์อังกฤษเฉยเลย แม้วอริคพยายามเอาใจเจ้าชายจอร์ช โดยสัญญาว่าเจ้าชายจะได้ขึ้นครองบัลลังก์หากว่าหมดเชื้อสายพระเจ้าเฮนรี่ทางฝ่ายแลงคาสเตอร์แล้ว เจ้าชายก็รู้ดีว่าเป็นสัญญาลมๆแล้งๆไปงั้นเอง เพราะพระเจ้าเฮนรี่เองก็มีรัชทายาท ที่สมัยนั้นเรียกว่าปรินซ์ออฟเวลส์ สัญญานี้ก็ไม่ต่างจากสัญญาว่าจะให้ถูกลอตเตอรี่ ทั้งๆไม่มีลอตเตอรี่อยู่ในมือ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
    
ตอบ: 33477
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 95 เมื่อ 05 ก.ย. 16, 11:27
|
|
ในเมื่ออยู่ต่อไปกับฝ่ายแลงคาสเตอร์ ไม่เห็นจะมีอะไรดีขึ้นมา เจ้าชายจอร์ชก็ตัดสินใจอีกเป็นครั้งสุดท้าย ว่ากลับไปอยู่กับพี่ดีกว่า อย่างน้อย ก็ไม่มีอะไรแย่ไปกว่านี้อีกแล้ว แพ้ก็เสมอตัว เผื่อพี่ชายชนะศึก ตัวเองอาจจะได้รับอภัยโทษ ปูนบำเหน็จมีความดีความชอบขึ้นมามั่งก็ได้ ดังนั้น ในสงครามดอกกุหลาบที่ระเบิดขึ้นอีกครั้งในคราวนี้ จึงเป็นสงครามที่ตัดสินชะตากรรมของแต่ละฝ่าย มีชื่อว่าThe Battle of Barnet สมรภูมิอยู่ที่ทุ่งกว้างทางเหนือของเมืองบาร์เน็ต ทัพของฝ่ายแลงคาสเตอร์นำโดยวอริคปะทะกับฝ่ายยอร์คของพระเจ้าเอ็ดเวิร์ด ส่วนทัพที่แอบไปสมทบช่วยพระราชาก็คือไพร่พลทางฝ่ายเจ้าชายจอร์ช รบกันครั้งนี้ ยอร์คเป็นฝ่ายกล้าแข็งขึ้นมาอย่างไม่น่าเชื่อ แลงคาสเตอร์ที่มีกำลังพลจากเมืองหลวงกลับระส่ำระสายควบคุมกันไม่อยู่ ที่สำคัญก็คือผู้นำฝ่ายแลงคาสเตอร์ คือวอริคนั้น พลาดพลั้งถูกทหารฝ่ายยอร์คฆ่าตายในสมรภูมิ เมื่อสิ้นแม่ทัพฝ่ายกุหลาบแดง ยอร์คกุหลาบขาวก็ชนะ ยาตราทัพเข้าลอนดอน
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
    
ตอบ: 33477
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 96 เมื่อ 05 ก.ย. 16, 11:29
|
|
วาระสุดท้ายของวอริค
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
    
ตอบ: 33477
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 97 เมื่อ 05 ก.ย. 16, 11:31
|
|
เสาหินนี้คืออนุสรณ์ สร้างขึ้นตรงที่ที่เชื่อว่าเป็นวาระสุดท้ายของวอริค ค่ะ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
    
ตอบ: 33477
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 98 เมื่อ 05 ก.ย. 16, 12:33
|
|
มีดราม่าย่อยๆแทรกอยู่ในสงครามดอกกุหลาบช่วงนี้ ที่จริงจะไม่อ่าน ข้ามไปก็ได้ แต่ใครชอบนิยายรักระหว่างรบ จะอ่านแก้ง่วงก็ไม่ว่ากันค่ะ ใครที่อ่านมาแต่ต้นคงจำได้ว่า พระเจ้าเฮนรี่แห่งแลงคาสเตอร์ผู้สติสตังไม่ค่อยดี มีพระโอรสรัชทายาทเกิดจากพระนางมาร์กาเร็ตหญิงเหล็ก พระนางกับวอริคเป็นพันธมิตรกัน ถึงขนาดที่ว่าวอริคยกลูกสาวคนเล็กชื่อแอนน์ ให้เป็นเจ้าสาวของเจ้าชายพระโอรสองค์นั้น เรียกไม่ให้ซ้ำคนอื่นว่าปรินซ์ออฟเวลส์ก็แล้วกัน เลดี้แอนน์ก็เลยกลายเป็นเจ้าหญิงตามบรรดาศักดิ์สามี คู่ของแอนน์กับเจ้าชายปรินซ์ออฟเวลส์เป็นคู่น่าสงสาร ไม่ได้อยู่กันเป็นปกติสุขอย่างคู่สมรสอื่นๆ ทั้งที่อายุยังน้อยมาก อยู่กันยังไม่ทันจะมีลูก เจ้าชายก็ต้องออกศึกเพื่อรักษาสิทธิ์ในบัลลังก์ของตัวเองและพระบิดา หลังจากวอริคถูกฆ่าตายในศึกที่บาร์เน็ต พระเจ้าเอ็ดเวิร์ดฝ่ายยอร์คกลับสู่บัลลังก์ พระเจ้าเฮนรี่ฝ่ายแลงคาสเตอร์ยังถูกคุมขังที่หอคอยแห่งลอนดอน ตามที่ถูกขังมาหลายปีแล้ว เจ้าชายหนุ่มน้อยวัย 17 ก็ไม่มีทางอื่นนอกจากจะรวบรวมกองทัพขึ้นมา เพื่อต่อต้านพระเจ้าเอ็ดเวิร์ด เป็นการปกป้องสิทธิ์ในราชบัลลังก์ของเจ้าชาย และเพื่อจะช่วยพ่อออกจากที่คุมขังเป็นโอกาสสุดท้าย สงครามดอกกุหลาบก็เกิดขึ้นมาอีก ครั้งที่เท่าไหร่ไม่ได้นับ ศึกครั้งนี้เรียกชื่อว่า the Battle of Tewkesbury
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
ประกอบ
|
ความคิดเห็นที่ 99 เมื่อ 05 ก.ย. 16, 19:38
|
|
ปรินซ์ออฟเวลส์คนที่ท่านอาจารย์ใหญ่ว่ามาคือเอ็ดเวิร์ดปรินซ์ออฟเวลส์ หรืออาจจะเรียกว่าเอ็ดเวิร์ดแห่งแลงคาสเตอร์ หรือเอ็ดเวิร์ดแห่งเวสมินสเตอร์ก็ได้ เอ็ดเวิร์ดเป็นอีกคนที่น่าสนใจ ถ้าใครที่ดูลิเกฝรั่งเรื่อง Game of throne คงจำเจ้าชายจอฟฟรี่ ที่ต่อมาเป็นกษัตริย์จอฟฟรีได้ดี นี่เป็นตัวละครโปรดที่หลายๆ คนคงหมั่นไส้ คิดในใจอยากให้มันตายเร็วๆ จริงๆ ตัวละครจอฟฟรีน่าจะได้รับอิทธิพลมาไม่น้อยจากชีวิตจริงของเอ็ดเวิร์ด
เอ็ดเวิร์ดเป็นเจ้าชายที่เกิดหลังจากมาร์กาเร็ตกับกษัตริย์เฮนที่ที่ 6 อภิเษกกันแล้วถึง 8 ปี แถมช่วงที่เกิด ตั้งแต่ช่วงที่คาดว่านางจะตั้งครรภ์เป็นช่วงที่เฮนรี่กำลังวิปลาสซะอีก เจ้ากรมข่าวลือทั้งหลายจึงเชื่อว่าเอ็ดเวิร์ดน่าจะเป็นลูกชู้ที่เกิดจากดยุคแห่งซอมเมอร์เซ็ต หรือไม่ก็เอิร์ลแห่งวิลเชียร์มากกว่า แต่ไม่ว่าจะลือกันขนาดไหน พระเจ้าเฮนรี่ที่ 6 ก็ยอมรับเจ้าชายเอ็ดเวิร์ดเป็นบุตรที่ชอบธรรมถูกต้องตามกฏหมาย
บันทึกจากทูตของราชสำนักมิลานที่อยู่ในราชสำนักฝรั่งเศสช่วงที่มาร์กาเร็ตกับเจ้าชายเอ็ดเวิร์ดลี้ภัยไปอาศัยอยู่เขียนไว้ว่า ตอนนั้นแม้เอ็ดเวิร์ดอายุเพิ่ง 13 ปีเท่านั้น เด็กชายก็ไม่พูดเรื่องอะไรเลยนอกจากการตัดหัวคน หรือก่อสงคราม ทำเหมือนตัวมีอำนาจมากมายหรือเป็นเจ้าแห่งสงครามหรือไม่ก็ครองบังลังก์แล้ว ยังมีบันทึกอื่นๆ อีกเขียนไว้ว่า เจ้าชายทุ่มเทให้กับการสงคราม มากกว่าจะเอาใจใส่เล่าเรียน มีความสุขกับการใช้หอก หาบ หรืออาวุธอื่นๆ จู่โจมเหล่าคนรับใช้รอบตัว
เอ็ดเวิร์ดของเราแต่งงานเมื่ออายุ 17 กับแอนน์ ลูกสาวของวอริควัย 14 ไม่มีบันทึกว่าชีวิตสมรสของทั้งคู่เป็นอย่างไร แต่สิ่งที่อาจจะแตกต่างระหว่างเอ็ดเวิร์ดกับจอฟฟรี่คือ เอ็ดเวิร์ดแม้จะกระหายเลือดแต่ไม่ขี้ขลาด เพราะเจ้าตัวนำทัพเข้าสู้รบเมื่ออายุ 17 ปีที่ the Battle of Tewkesbury
ไม่มีใครรู้ว่าเอ็ดเวิร์ดรูปร่างหน้าตาเป็นอย่างไร แต่คาดว่าน่าจะเป็นหนุ่มน้อยผมทอง แค่คงจะไม่ได้มีหุ่นอรชรอ้อนแอ้นแต่แข็งแกร่งมีมัดกล้ามตามประสานักรบมากกว่า
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
วิรุศฑ์ษมาศร์ อัฐน์อังการจณ์
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
    
ตอบ: 33477
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 100 เมื่อ 06 ก.ย. 16, 10:27
|
|
สงครามดอกกุหลาบครั้งนี้มีชื่อว่า the Battle of Tewkesbury เพราะรบกันที่เมืองทีคเบอรี่ ในกลอสเตอร์เชอร์ สถานการณ์ไม่สู้ดีสำหรับฝ่ายแลงคาสเตอร์แต่แรกแล้ว ทัพของเจ้าชายหนุ่มวัย 17 ยกมาจากฝรั่งเศส พอขึ้นบกได้ก็ได้ข่าวถึงความพ่ายแพ้ของทัพวอริค แม่ทัพเองก็เสียชีวิตในสนามรบ พระนางมาร์กาเร็ตผู้มากับพระโอรสจึงให้เดินทัพขึ้นไปสมทบกับกำลังทางฝ่ายแลงคาสเตอร์ทางเหนือ แทนที่จะบุกเข้ารบเดี่ยวๆ เพราะโอกาสจะชนะพญาสิงโตอย่างพระเจ้าเอ็ดเวิร์ดที่สี่นั้นเป็นไปไม่ได้เลย แต่ทางฝ่ายพระเจ้าเอ็ดเวิร์ด เมื่อได้ข่าวว่าข้าศึกยกมาอีกทัพ ก็ไม่ยอมให้ทางฝ่ายแลงคาสเตอร์ตั้งตัวติด ระดมพลจากลอนดอนไปสะกัดทันที เจอกันที่ทีคเบอรี่ สมรภูมิละเลงเลือดก็เกิดขึ้นอีกครั้ง ปะทะกันครั้งนี้ทัพเจ้าชายเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ยับเยิน ตัวเจ้าชายเองก็ถูกจับได้ในละเมาะไม้ใกล้สมรภูมิ โดยทหารฝ่ายดยุคแห่งคลาเรนซ์ แม้ว่าเจ้าชายจะขอชีวิตไว้ ก็ไม่เป็นผลสำเร็จ เจ้าชายถูกประหารตรงนั้นเองโดยคำสั่งของคลาเรนซ์ พระอนุชาของพระเจ้าเอ็ดเวิร์ด ผู้เคยให้สัตย์สาบานเป็นพันธมิตรฝ่ายแลงคาสเตอร์มาเมื่อปีก่อนหน้านี้เอง
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
    
ตอบ: 33477
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 101 เมื่อ 06 ก.ย. 16, 10:30
|
|
อย่างไรก็ดี เมื่อพระเจ้าเอ็ดเวิร์ดทรงทราบว่าศัตรูถูกสังหารไปแล้ว พระองค์ก็ยังมีเมตตาโปรดให้ฝังพระศพเจ้าชายไว้ที่วิหารเมืองทีคเบอรี่ ถือเป็นการให้เกียรติกันเป็นครั้งสุดท้าย แม้ว่าจะเป็นปรปักษ์กันก็ตาม ส่วนพระนางมาร์กาเร็ตหญิงเหล็กของเรารอดตาย กลับฝรั่งเศสไปได้ แต่ก็มีชีวิตอยู่อย่างอับเฉาเหมือนพระญาติจนๆองค์หนึ่งของพระเจ้าแผ่นดินฝรั่งเศส ไร้ความหมายไร้ความสลักสำคัญ จนสิ้นพระชนม์เมื่ออายุแค่ 52 ปี หลังจากนั้นไม่กี่วัน พระเจ้าเฮนรี่ที่หก พระบิดาของเจ้าชายซึ่งถูกคุมขังในหอคอยแห่งลอนดอนมานานหลายปี ก็สิ้นพระชนม์ รายงานข่าวอย่างเป็นทางการแถลงว่าทรงโศกเศร้าตรอมพระทัยตายตามพระโอรส แต่เจ้ากรมข่าวลือบอกในทางตรงข้ามว่า ถูกปลงพระชนม์โดยพระบัญชาของพระเจ้าเอ็ดเวิร์ด ให้หมดเรื่องหมดราวหมดเสี้ยนหนามทางแลงคาสเตอร์อีก ก็เป็นอันว่าผลจากศึกครั้งนี้ กุหลาบแดงก็ถูกกุหลาบขาวขุดรากถอนโคน กุหลาบขาวก็ขึ้นนั่งบัลลังก์อย่างมั่นคงไปยาวนานถึง 14 ปี มันก็น่าจะจบสงครามดอกกุหลาบ แต่ก็ไม่ยักจบจนได้
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
ประกอบ
|
ความคิดเห็นที่ 102 เมื่อ 06 ก.ย. 16, 12:17
|
|
เอาภาพบริวเณที่ฝังศพของเอ็ดเวิร์ดหนุ่มในวิหารที่ทีคเบอรี่มาให้ชม คำจารึกเขียนเป็นภาษาลาติน แปลคร่าวๆ ได้ประมาณว่า "ที่ทอดร่างของเอ็ดเวิร์ด เจ้าชายแห่งเวลส์ ผู้ถูกสังหารของโหดร้ายในขณะที่ยังเยาว์วัย 4 พฤษภาคม 1471 อนิจจาแสนป่าเถื่อน แสงสว่างสุดท้ายของมารดาท่าน ความหวังสุดท้ายที่สิ้นสุด"
อีกภาพคือบริเวณที่เชื่อว่าเฮนรี่ที่ 6 ถูกสังหารในหอคอยแห่งลอนดอน
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
วิรุศฑ์ษมาศร์ อัฐน์อังการจณ์
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
    
ตอบ: 33477
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 103 เมื่อ 07 ก.ย. 16, 09:52
|
|
จากค.ห.ก่อนๆ เราคงจำกันได้ถึงตัวละครสำคัญคนหนึ่ง คือเจ้าชายจอร์ช ดยุคแห่งคลาเรนซ์ พระอนุชาคนรองของพระเจ้าเอ็ดเวิร์ด คลาเรนซ์เป็นคนที่ใครได้ไปเป็นพี่เป็นน้องก็คงปวดหัว เพราะดูจากพฤติกรรมแล้ว เป็นคนที่ทำอะไรได้ทุกอย่างเพื่อสนองความมักใหญ่ใฝ่สูงของตัวเอง คิดคดทรยศ กลับไปกลับมาไว้ใจไม่ได้เลย เดี๋ยวก็อยู่ฝ่ายแลงคาสเตอร์ เดี๋ยวก็กลับมาเป็นฝ่ายยอร์ค แต่ในยามที่อังกฤษเผชิญสงครามแย่งชิงบัลลังก์กันอยู่ตลอดเวลา พระเจ้าเอ็ดเวิร์ดก็จำต้องพึ่งน้องชายคนนี้บ้างตามกาลเทศะ เอาไว้ทำศึกกับศัตรู จนกระทั่งพระองค์กวาดล้างศัตรูฝ่ายกุหลาบขาวได้เหี้ยนเตียนไปหมด ขึ้นนั่งบัลลังก์ได้อย่างโล่งอกเสียที ทีนี้ก็มาถึงปัญหาเรื่องพี่ๆน้องๆที่จะต้องสงบศึกกันเป็นการภายใน คลาเรนซ์เป็นไม้เบื่อไม้เมากับน้องชายคนเล็กคือเจ้าชายริชาร์ด ดยุคแห่งกลอสเตอร์ องค์เล็กนี่ร่วมรบเคียงบ่าเคียงไหล่กับพี่ชายคนโต แต่ไม่ถูกกับพี่ชายคนรอง เพราะแบ่งทรัพย์สินกันไม่ลงตัว ทรัพย์สินที่ว่านั้นคือมรดกเจ้าคุณปู่ เพราะวอริคที่ถูกฆ่าตายไปแล้วในสมรภูมิบาร์เน็ตเป็นขุนนางที่มั่งคั่งที่สุดในอังกฤษ คลาเรนซ์อ้างสิทธิ์ในฐานะลูกเขยของวอริค ขอฮุบมรดกทั้งหมด ปัญหาคือเราคงจำได้ว่าวอริคมีลูกสาวคนเล็กชื่อแอนน์ ซึ่งสมรสไปกับเจ้าชายปรินซ์ออฟเวลส์ผู้ถูกสังหารไปแล้วที่การรบครั้งล่าสุดที่ทีคเบอรี่ แอนน์แม่ม่ายสาวน้อยเป็นที่ต้องตาต้องใจของเจ้าชายริชาร์ดดยุคแห่งกลอสเตอร์น้องชายของคลาเรนซ์ เมื่อกลอสเตอร์พยายามจะแต่งงานกับแอนน์ให้ได้ คลาเรนซ์ก็โกรธจนตัวสั่น หาว่าน้องชายจะมาฉกมรดกพ่อตาเอาไปกินซะหน้าด้านๆ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
    
ตอบ: 33477
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 104 เมื่อ 07 ก.ย. 16, 11:18
|
|
ไม่ว่าคลาเรนซ์ขัดขวางอย่างไรก็ตาม กลอสเตอร์ก็แต่งงานกับแอนน์จนได้ พระเจ้าเอ็ดเวิร์ดยื่นมือเข้ามาชี้ขาดกรณีพิพาทระหว่างน้องชายทั้งสองด้วยการแบ่งทรัพย์สินของวอริคให้คนละครึ่ง ข้อนี้ทำความแค้นเคืองให้คลาเรนซ์เอามากๆที่ไม่สามารถจะรวบได้ทั้งหมด เหตุผลต่อมาคือเมื่ออิซาเบลภรรยาของคลาเรนซ์เสียชีวิตหลังคลอดบุตร คลาเรนซ์ก็พยายามจะแต่งงานใหม่กับเจ้าหญิงแห่งเบอร์กันดี เพื่อจะสร้างอำนาจให้ตัวเอง โดยอาศัยฐานกำลังทางแคว้นฝ่ายภรรยา แต่พระเจ้าเอ็ดเวิร์ดเล็งเห็นเสียก่อนว่าน้องชายคนนี้ชักกำเริบขึ้นทุกที ปล่อยเอาไว้จะเป็นภัยกับพระองค์ ก็เลยไม่ประทานพระอนุญาตให้แต่ง ความไม่พอใจที่คุกรุ่นต่อพี่ชายนำคลาเรนซ์ไปสู่การตัดสินใจโค่นอำนาจ หรือเรียกง่ายๆว่ากบฏ แต่แผนแตกเสียก่อน พระเจ้าเอ็ดเวิร์ดก็เลยจับน้องชายที่เป็นหอกข้างแคร่มานาน เข้าขังเป็นนักโทษที่หอคอยแห่งลอนดอน คลาเรนซ์ประสบวาระสุดท้าย ถูกประหารอย่างเงียบๆ ด้วยคำสั่งของพี่ชาย เจ้ากรมข่าวลือแถลงว่า การประหารนั้นไม่ได้ถุกตัดหัวหรือแขวนคออย่างนักโทษอื่นๆ แต่ถ้าเป็นหัวข้อข่าวไทยรัฐเดลินิวส์ข่าวสดสมัยนี้ก็คงใช้คำว่า "ฆ่ายัดถัง" ค่ะ เจ้าชายถูกถ่วงน้ำในถังเหล้าไวน์ เรียกกันว่า malmsey wine เป็นไวน์ชนิดไหนดิฉันไม่ทราบเหมือนกัน ต้องถามคุณตั้ง
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
|