ศรีสรรเพชญ์
|
ความคิดเห็นที่ 60 เมื่อ 16 ก.ค. 16, 18:39
|
|
ขอเรียนถาม อ. V_Mee เรื่องการรับราชการในสมัยนั้นหน่อยครับ
พอดีผมเห็นว่าขุนนนท่านรับราชการเป็นทั้งมหาดเล็ก ดังปรากฏหลักฐานจำนวนมากรวมถึงประกาศเลื่อนตำแหน่งเมื่อ พ.ศ.๒๔๕๙ และในเวลาเดียวกันก็สังกัดกรมมหรสพไปด้วย
ตามความเข้าใจคิดว่าถ้าเป็นมหาดเล็ก ก็น่าจะทำงานที่เกี่ยวข้องกับมหาดเล็กเป็นหลัก และน่าจะสังกัดกรมมหาดเล็กหลวง แต่เหตุใดในเวลาเดียวกันถึงอยู่ที่กรมมหรสพไปด้วย
เลยสงสัยว่าในสมันนั้น การรับการสองกรมเป็นเรื่องที่ปกติในสมัยนั้นหรือเปล่าครับ
ของคุณครับ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
V_Mee
|
ความคิดเห็นที่ 61 เมื่อ 17 ก.ค. 16, 08:11
|
|
กรมมหากดล็กนั้นเป็นกรมใหญ่เทียบได้กับกระทรวงเลยทีเดียวครับ
ในกรมมหาดเล็กยังแบ่งซอยเป็นส่วนราชการระดับกรมและเทียบเท่าอีก ๕ กรม คือ
๑) กรมบัญชาการกลางสภาจางวางมหาดเล็ก มีสภาจางวางมหาดเล็กซึ่งเป็นผู้บังคับบัญชาสูงสุดของกรมมหาดเล็กเป็นผู้รับผิดชอบราชการ กรมนี้เมื่อยุบเลิกตำแหน่งสภาจางวางมหาดเล็กแล้ว เปลี่ยนเป็นกรมบัญชาการกลางมหาดเล็ก มีผู้สำเร็จราชการมหาดเล็กเป็นผู้บังคับบัญชา ในกรมบัญชาการกลางนี้ยังมีส่วนราชการย่อย เช่น กรมโรงเรียนในพระบรมราชูปถัมภ์ กรมตรวจ กรมสารวัด ฯ ล ฯ ขึ้นอยู่ในกรมนี้
๒) กรมมหาดเล็กรับใช้ มีอธิบดีกรมมหาดเล็กเป็นผู้บังคับบัญชา แบ่งส่วนราชการเป็นกรมมหาดเล็กตั้งเครื่อง มีหน้าที่เดินโต๊ะเสวยและรับใช้ทั่วไป และกองมหาดเล็กห้องพระบรรทม มีหน้าที่ถวายการรับใช้เฉพาะในห้องพระบรรทม ทั้งเรื่องการจัดดูแลเครื่องทรง การรักษาความสะอาดในห้องพระบรรทม และถวายอารักขาในเวลาทรงพระบรรทม
๓) กรมพระอัศวราช มีอธิบดีกรมพระอัศวราชเป็นผู้บังคับบัญชา มัหน้าที่รับผิดชอบเรื่องพระราชพาหนะทั้งปวง กรมนี้แบ่งส่วนราชการเป็นกรมพระอัศวราช มีหน้าที่จัดขบวนรถม้าพระที่นั่ง และรับผิดชอบม้าต้น กรมยานยนต์หลวง มีหน้าที่รับผิดชอบเรื่องรถยนต์พระที่นั่งและรถยนต์หลวง กรมเรือยนต์หลวง มีหน้าที่รับผิดชอบเรื่องเรือยนต์พระที่นั่งและเรือยนต์หลวง
๔) กรมชาวที่ มีอธิบดีกรมชาวที่เป็นผู้บังคับบัญชา มีหน้าที่รับผิดชอบดูแลรักษาพระราชฐานที่ประทับและพระราชอุทยาน แบ่งส่วนราชการเป็นกรมสวนหลวง มีหน้าที่รับผิดชอบพระราชอุทยาน กรมรักษาพระราชวังดุสิต กรมรักษาพระราชวังสนามจันทร์ กรมรักษาพระราชวังบางปะอืน ฯลฯ มีหน้าที่รับผิดชอบ ดูแลรักษาพระที่นั่งในพระราชวังนั้นๆ รวมทั้งเรื่องงานระบบไฟฟ้า ประปา และการสุขาภิบาล
๕) กรมมหรสพ มีผู้บัญชาการกรมมหรสพเป็นผู้บังคับบัญชา มีหน้าที่รับผิดชอบเรื่องการช่างและการมหรสพในพระราชสำนัก แบ่งส่วนราชการเป็น กรมโขนหลวง มีหน้าที่รับผิดชอบจัดดูแลรักษาเครื่องโขนฝึกซ้อมและออกแสดงกรมพิณพาทย์หลวง มีหน้าที่รับผิดชอบจัดดูแลรักษาเครื่องดนตรีไทย ฝึกซ้อมและออกแสดง กองเครื่องสายฝรั่งหลวง เป็นวงออร์เคสตร้า มีหน้าที่รับผิดชอบจัดดูแลรักษาเครื่องดนตรีสากลฝึกซ้อมและออกแสดง กรมช่างมหาดเล็ก มีหน้าที่ซ่อมสร้าง โรงโขนและโรงละคร รวมทั้งการจัดสร้างฉาก และงานช่างทั้งจิตรกรรมและประติมากรรมในพระราชสำนัก
ในแต่ละกรมที่มีผู้บังคับบัญชาเรียกว่า อธิบดี และผู้บัญชาการแล้ว กรมย่อยๆ ที่สังกัดในกรมใหญ่นั้นยังมี เจ้ากรม เป็นผู้บังคับบัญชารับผิดชอบราชการในกรมนั้น ยกเว้นกองเครื่องสายฝรั่งหลวง ผู้บังคับบัญชาเรียกว่า ปลัดกรม
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
ศรีสรรเพชญ์
|
ความคิดเห็นที่ 62 เมื่อ 17 ก.ค. 16, 20:20
|
|
ขอบคุณครับ
งั้นคงได้ข้อสรุปแล้วว่าท่านเป็นมหาดเล็กที่สังกัดกรมมหรสพอีกต่อหนึ่งครับ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
|
Jalito
|
ความคิดเห็นที่ 64 เมื่อ 21 ก.ค. 16, 18:49
|
|
ออกซอยย่อย บรรดาศักดิ์ขุนนนทฯ คงจะมีมาแต่โบราณ ถึงได้มีชื่อบางมาพ้อง...บางขุนนนท์
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เพ็ญชมพู
|
ความคิดเห็นที่ 65 เมื่อ 21 ก.ค. 16, 19:22
|
|
นอกจากขุนนนท์แล้ว ในกรุงเทพฯ ก็ยังมี ขุนเทียน ขุนศรี ขุนพรหม ที่เป็นคนดังประจำถิ่น จนชาวบ้านเอาไปเรียกเป็นชื่อบาง 
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
ศรีสรรเพชญ์
|
ความคิดเห็นที่ 66 เมื่อ 23 ก.ค. 16, 10:17
|
|
ขอบคุณคุณเพ็ญชมพูมากครับสำหรับข้อมูล
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
|
ศรีสรรเพชญ์
|
ความคิดเห็นที่ 68 เมื่อ 23 ก.ค. 16, 10:55
|
|
สรุปข้อมูลที่ทุกท่านช่วยกันค้นหาเกี่ยวกับคุณเพาะ บุนนาคที่มีทั้งหมดในตอนนี้คือ
ท่านเป็นบุตรชายคนใหญ่ของนายราชาณัตยานุหาร (พาสน์) กับคุณสงวน สุขสภา มีศักดิ์เป็นหลานปู่ของท่านเจ้าพระยาภาสกรวงศ์ และเป็นหลานป้าของท่านเจ้าจอมพิศว์
นายราชาณัตยานุหารผู้เป็นบิดาเสียชีวิตไปเร็วมาก ตั้งแต่ พ.ศ.๒๔๔๕ ส่วนคุณสงวนผู้เป็นมารดาไปมีครอบครัวใหม่
วัยเด็กท่านน่าจะอาศัยอยู่ที่บ้านบุนนาคหน้าวัดประยุรวงษศาวาสกับท่านเจ้าพระยาภาสกรวงศ์ที่เป็นเจ้าคุณปู่ เจ้าจอมพิศว์ที่เป็น "คุณป้าในวัง" กับน้องๆ ของท่าน
ต่อมาท่านได้ถวายตัวเป็นมหาดเล็กในพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ตั้งแต่ครั้งยังทรงดำรงพระอิสริยยศเป็นสมเด็จพระยุพราช ได้เป็น ๑ ในเด็ก ๔๐ คนที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ย้ายจากพระราชวังสราญรมย์มาเล่าเรียนต่อที่โรงเรียนมหาดเล็กหลวงตั้งแต่วันแรกเปิดโรงเรียนคือวันที่ ๒๙ ธันวาคม ๒๔๕๓
เมื่อจบหลักสูตรแล้วท่านได้เข้ารับราชการในกรมมหาดเล็กหลวง สังกัดกรมมหรสพ และได้รับพระราชทานบรรดาศักดิ์เป็นลำดับต่อมาจนเป็น "ขุนนนทรวบรัด" มหาดเล็กวิเศษ (เทียบเท่านายร้อยตรี) ไม่ทราบวันเวลาแน่ชัด แต่ก่อน พ.ศ.๒๔๕๙ จากประวัติที่คุณยายเล่าไว้ ระบุว่าท่านเคยถวายงานเป็นมหาดเล็กห้องพระบรรทมด้วย
ได้รับพระราชทานยศราชนาวีเสือป่า ระดับนายเรือตรี และเป็นสมาชิกของสโมสรราชเสวก
เมื่ออายุครบอุปสมบท ได้เป็นนาคหลวงที่ได้รับบรรพชาอุปสมบทภายในพระอุโบสถ วัดพระศรีรัตนศาสดาราม
๒๒ เมษายน พ.ศ.๒๔๕๙ ได้เลื่อนจากมหาดเล็กวิเศษ เป็นรองหุ้มแพร (เทียบเท่านายร้อยโท)
๓๑ กรกฎาคม พ.ศ.๒๔๕๙ เป็นผู้เขียนพินัยกรรมของเจ้าพระยาภาสกรวงศ์จำนวน ๒ ฉบับ
๑ มกราคม พ.ศ.๒๔๖๗ ได้เลื่อนบรรดาศักดิ์เป็น "หลวงนนทรวบรัด" เนื่องในพระราชพิธีเฉลิมพระชนม์พรรษา
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เพ็ญชมพู
|
ความคิดเห็นที่ 69 เมื่อ 25 ก.ค. 16, 09:40
|
|
ได้รับพระราชทานยศราชนาวีเสือป่า ระดับนายเรือตรี และเป็นสมาชิกของสโมสรราชเสวก ๒๘ กันยายน ๒๔๖๑ จ่าตรี เพาะ บุนนาค ได้เลื่อนยศในกองพันหลวงราชนาวีเสือป่า เป็น พันจ่า (ลำดับยศต่อจากพันจ่าคือ นายเรือตรี)
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เพ็ญชมพู
|
ความคิดเห็นที่ 70 เมื่อ 25 ก.ค. 16, 10:09
|
|
คุณวีมีเคยอธิบายเรื่องยศเสือป่าไว้ ยศเสือป่าเรียงลำดับจากต่ำสุดไปสู่สูงสุด ในช่วงแรกตั้งกองเสือป่า ดังนี้ครับ
พลเสือป่า นายหมู่ตรี โท เอก นายหมู่ใหญ่ นายหมวดตรี โท เอก นายกองตรี โท เอก นายกองใหญ่
ยศตั้งแต่นายหมู่ใหญ่ขึ้นไปจนถึงนายกองใหญ่จัดเป็นยศชั้นสัญญาบัตร ผู้ที่ได้รับพระราชทานยศตั้งแต่นายหมู่ใหญ่ขึ้นไปได้พระราชทานพระบรมราชานุญาตให้ถือไม้เท้าเสือป่า (เป็นไม้เท้าสีดำ ต้นและปลายไม้เท้าเป็นโลหะสีทอง มีปลอกอักษรพระบรมนามาภิไธย ว.ป.ร.โลหะสีทอง รัดที่ที่ต้นไม่เท้าตอนใต้ปลอกโลหะ มีพู่ไหมทองสลับดำ) เป็นเครื่องยศแทนกระบี่ด้วย
ในระหว่างปี ๒๔๕๔ - ๒๔๕๘ พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงดำรงพระยศ นายกองใหญ่ เพียงพระองค์เดียว ต่อมาในปี พ.ศ. ๒๔๕๘ เมื่อโปรดเกล้าฯ ให้เพิ่มยศนายพลเสือป่า เป็นชั้นยศเหนือ นายกองใหญ่ อีกยศหนึ่ง ได้พระราชทานยศนายพลเสือป่าแก่นายเสือป่าชั้นผู้ใหญ่หลายท่าน และต่อมาได้โปรดเกล้าฯ ให้ "ว่าที่นายพลเสือป่า" เปลี่ยนมาใช้ยศนายกองใหญ่แทน คงต้องขอคำอธิบายเพิ่มเติมจากคุณวีมี ในเรื่องยศอื่นของเสือป่าเช่น จ่าโท จ่าตรี พันจ่า นายเรือตรี ตามที่ปรากฎข้างบน
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
V_Mee
|
ความคิดเห็นที่ 71 เมื่อ 25 ก.ค. 16, 18:29
|
|
เนื่องจากในสมัยรัชกาลที่ ๖ มียศหลากชนิดหลายประเภท จึงได้จัดทำเป็นตารางเปรียบเทียบไว้เพื่อประโยชน์แก่ท่านที่สนใจครับ
ตารางข้างล่างนี้เป็นยศชั้นสัญญาบัตร เป็นชั้นยศที่ได้รับพระราชทานสัญญาบัตรเป็นสำคัญ
|
 คลิกที่รูปเพื่อขยาย/ย่อ
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
V_Mee
|
ความคิดเห็นที่ 72 เมื่อ 25 ก.ค. 16, 18:31
|
|
ยศชั้นประทวน
|
 คลิกที่รูปเพื่อขยาย/ย่อ
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
ศรีสรรเพชญ์
|
ความคิดเห็นที่ 73 เมื่อ 25 ก.ค. 16, 20:10
|
|
ขอบคุณสำหรับความรู้ดีๆ ครับ
เรียนถามว่า ร,น,ส, คืออะไรหรือครับ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
V_Mee
|
ความคิดเห็นที่ 74 เมื่อ 25 ก.ค. 16, 20:19
|
|
ร.น.ส. ย่อมาจาก ราชนาวีเสือป่าครับ ใช้ในความหมายเดียวกับนายทหารเรือ ใช้ ร.น. ต่อท้ายชื่อและยศที่เป็นอักษรย่อ เช่น น.ต. หลวงหาญสมุท ร.น. ความหมายคือ นายนาวาตรี หลวงหาญสมุท แห่งราชานาวี แต่ชั้นยศนายพลเรือจะไม่เติม ร.น. ต่อท้ายชื่อ เพราะในยศบอกไว้ชัดแล้วว่าเป็นนายพลเรือ แม้จะใช้อักษรย่อ การใช้คำย่อ ร.น.นี้ รับมาจากราชนาวีอังกฤษ ที่นายทหารเรืออังกฤษใช้ R.N. ต่อท้ายชื่อ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
|