เรือนไทย
ยินดีต้อนรับ ท่านผู้มาเยือน
กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
ส่งอีเมล์ยืนยันการใช้งาน?
ข่าว: การแนบไฟล์ กรุณาใช้ชื่อไฟล์ภาษาอังกฤษเท่านั้นครับ
หน้า: 1 ... 4 5 [6] 7 8 ... 11
  พิมพ์  
อ่าน: 41143 รักร่วมเพศในวังบัคกิ้งแฮม : อดีตและปัจจุบัน
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33585

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 75  เมื่อ 01 ก.ค. 16, 20:52

ยังค่ะ  ถึงตอนไปคาบไม้บรรทัดต่อจากแม่บัว  โทษฐานหลับในห้อง

เอารูปเจ้าชายหลุยส์ในวัยรุ่น  หล่อสะอาดมาดองค์ชาย  มาฉายเป็นตัวอย่างไว้ก่อนค่ะ


บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33585

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 76  เมื่อ 04 ก.ค. 16, 17:26

ทั้งที่เป็นเยอรมันโดยเชื้อชาติ  แต่เจ้าชายหลุยส์ถือกำเนิดในอังกฤษ  เติบโตอย่างเด็กชายอังกฤษ และถูกส่งเข้าร.ร.อังกฤษ ไม่ต่างจากเจ้าของภาษา      สงครามโลกครั้งที่ 1  ระหว่างเยอรมนีและชาติอื่นๆโดยเฉพาะอังกฤษ ทำให้พระบิดาของเจ้าชายตัดสินพระทัยที่จะเลือกเป็นอังกฤษโดยสมบูรณ์   ด้วยเหตุนี้ทั้งท่านและโอรสธิดาก็เลยสละฐานันดรเดิมในราชวงศ์เฮสส์ เปลี่ยนมาใช้นามสกุลฟังเป็นอังกฤษมากกว่าเยอรมัน  แบตเตนเบิร์กจึงกลายมาเป็นเมาท์แบตเตน แทน

พระเจ้าแผ่นดินอังกฤษก็ทรงชดเชยความเป็นเจ้าที่จบไป  ด้วยการตั้งให้เป็นขุนนางอังกฤษ  เจ้าชายพระบิดาได้รับแต่งตั้งเป็นมาเควสแห่งมิลฟอร์ด ฮาเวน( Marquess of Milford Haven)  ส่วนเจ้าชายน้อยก็กลายเป็นลอร์ดหลุยส์ เมาท์แบตเตน

ลอร์ดหลุยส์เรียนจบแล้ว เข้ารับราชการในราชนาวีอังกฤษ      เติบโตมากับญาติๆในราชวงศ์วินด์เซอร์   หนึ่งในญาติสนิทวัยใกล้เคียงกันคือเจ้าชายเอ็ดเวิร์ด ปรินซ์ออฟเวลส์ผู้เป็นรัชทายาท  (ต่อมาสมรสกับนางซิมป์สัน และสละราชบัลลังก์)   ก็มีข่าวซุบซิบว่า เด็กหนุ่มทั้งสองนั้นสนิทกันยิ่งกว่าเพื่อน ตั้งแต่ย่างเข้าวัยรุ่น


บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33585

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 77  เมื่อ 04 ก.ค. 16, 17:30

     ความจริง พฤติกรรมทำนองนี้ ติดตัวเจ้าชายเอ็ดเวิร์ดมาก่อนพบแม่ม่ายซิมป์สัน     ทรงมีข่าวว่าเคยไปติดพระทัยเจ้าชายหนุ่มรูปหล่อแห่งราชวงศ์โรมานอฟของรัสเซีย ชื่อเจ้าชายเฟลิกซ์  ยูซูปอฟ   
     อันว่าเจ้าชายองค์นี้ก็มีชื่อเสียงในประวัติศาสตร์ไม่เบาเหมือนกัน  คือเป็นคนที่วางแผนกำจัดและสังหารนักบวชนรกรัสปูตินได้สำเร็จ    แต่นั่นเป็นอีกเรื่องไม่เกี่ยวกับกระทู้นี้  ขอข้ามไปนะคะ
    แค่เอารูปเจ้าชายเฟลิกซ์มาให้ดู  ว่าสวยเอ๊ยหล่อขนาดไหน


บันทึกการเข้า
แพรวพิม
อสุรผัด
*
ตอบ: 19


ความคิดเห็นที่ 78  เมื่อ 04 ก.ค. 16, 19:20

ดูเผินๆ คิดว่าเป็นผู้หญิงเลยค่ะอาจารย์   ขยิบตา
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33585

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 79  เมื่อ 05 ก.ค. 16, 16:14

    ลอร์ดหลุยส์ ใช้ความเป็นอดีตเจ้าชายและยศศักดิ์ขุนนางพรางเรื่องส่วนตัวไว้มิดชิด     ยุคนั้น ความเป็นเกย์ไม่เป็นที่ยอมรับในสังคม  ถือว่าเป็นทั้งบาปและอาการป่วยทางจิต  เขาจึงเปิดเผยกับใครไม่ได้  แต่ก็ไม่่ได้หมายความว่าจะเก็บเนื้อเก็บตัว ไม่เกี่ยวข้องกับหนุ่มๆด้วยกัน  ตรงกันข้าม   ความรักความใคร่ส่วนตัวก็เป็นเรื่องหนึ่ง  หน้าตาในสังคมก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง  แยกกันคนละทาง
     หนึ่งในบรรดา "เพื่อนสนิท "ของลอร์ดหลุยส์คือนักศึกษาหนุ่มชาวไอริชซึ่งมาเจอกันที่เคมบริดจ์  ชื่อยาวเหยียดว่าเจมส์ เจอระไมห์ วิคเตอร์ ฟิตซ์วิลเลียม เมอร์ฟี  หรือเรียกสั้นๆว่าปีเตอร์ เมอร์ฟี่     นายคนนี้นอกจากเป็นเกย์แล้วยังเป็นผู้นำนักศึกษาหัวเอียงซ้าย  แต่แปลกที่ทั้งคู่ก็คบหากันได้สนิทสนมยาวนาน  ไม่เคยทิ้งขว้างร้างรากันแม้ว่าจะไม่ได้มีกันและกันคนเดียวก็ตาม    ลอร์ดหลุยส์จ่ายเงินเลี้ยง "ไอ้หนู" คนนี้ปีละ 600 ปอนด์อย่างสม่ำเสมอ  จนนายเมอร์ฟี่ถึงแก่กรรมไปในปี 1966
    อีกคนหนึ่งที่เข้ามาเป็นเพื่อนสนิทในแวดวงของลอร์ดหลุยส์ ก็คือคู่เชยของดยุคแห่งเค้นท์ โนเอล เคาเวิร์ด

    ชีวิตส่วนตัวของลอร์ดหลุยส์ถือว่าสุดเหวี่ยงสุดๆในยุคนั้น   หลังจากตายไปแล้ว   มีข่าวว่าเขาเคยเข้าไปเอี่ยวในคดีเหตุอื้อฉาวช่ื่อ the Kincora Boys’ Home ด้วย   คินคอร่าเป็นชื่อสถานสงเคราะห์เด็กชายอยู่ในไอร์แลนด์  ตั้งขึ้นเป็นสถานพำนักของเด็กที่หนีจากบ้านเพราะถูกทำร้ายหรือต้องมีเหตุสุดวิสัยจนอยู่กับครอบครัวไม่ได้     แต่ตอนหลัง ข่าวรั่วออกมาว่า ที่นี่กลายเป็นซ่องโสเภณีเด็กชายวัยรุ่น ที่บรรดาวีไอพีหัวงูทั้งหลายไปใช้บริการกัน     เมื่อความแตกออกมาก็เลยกลายเป็นเรื่องใหญ่ ว่าเด็กตกเป็นเหยื่อ
    ลอร์ดหลุยส์จะไปเอี่ยวจริงหรือเปล่าไม่มีประชาชนคนนอกรู้     แต่ที่แน่ๆคือตำแหน่งการงานของเขาก้าวไกลด้วยดี  จนได้เป็นถึงจอมพลเรือ  
    ที่สำคัญก็คือลอร์ดหลุยส์แต่งงานกับสาวทายาทมหาเศรษฐี   ซึ่งเป็นรักร่วมเพศ คบได้ทั้งสองเพศเช่นเดียวกัน

    บ้านข้างล่างนี้คือสถานสงเคราะห์คินคอร่า ค่ะ


บันทึกการเข้า
Jalito
องคต
*****
ตอบ: 478


ความคิดเห็นที่ 80  เมื่อ 06 ก.ค. 16, 00:58

....ที่สำคัญก็คือลอร์ดหลุยส์แต่งงานกับสาวทายาทมหาเศรษฐี   ซึ่งเป็นรักร่วมเพศ คบได้ทั้งสองเพศเช่นเดียวกัน...

    โลกนี้ช่างสับสนเหลือเกิน อะไรก็เป็นไปได้ทั้งนั้น

     ล้ำลึกเกินนิยาย
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33585

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 81  เมื่อ 06 ก.ค. 16, 20:17

นี่คือสาวงาม เอ็ดวิน่า ซินเธีย แอนเน็ตต์ แอชลีย์(Edwina Cynthia Annette Ashley)   สาวไฮโซ ในยุค 1930s ของลอนดอน   เธอเป็นสาวสวยเปรี้ยว มีชีวิตส่วนตัวโลดโผนให้ซุบซิบกันได้มากมาย   แต่สังคมก้มหัวให้เพราะเธอคาบช้อนทองฝังเพชรออกมาจากท้อง    มีทั้งพ่อและตาเป็นมหาเศรษฐี
เพราะอยู่ในแวดวงไฮโซด้วยกัน ลอร์ดหลุยส์ เมาท์แบตเตนจึงได้พบสาวงามบนกองเงินกองทองคนนี้     เธอได้มรดกจากตาถึง 2 ล้านปอนด์ และทรัพย์สินอื่นๆอีกด้วย  ส่วนเขามีรายได้ปีละ 610 ปอนด์ในฐานะนายทหารเรือ   ในเมื่อคนหนึ่งมีศักดิ์ อีกคนก็มีทรัพย์   จึงลงเอยกันง่ายดาย


บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33585

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 82  เมื่อ 07 ก.ค. 16, 10:32

งานวิวาห์สุดหรู   เป็นหน้าเป็นตาของลอร์ดหลุยส์และเอ็ดวิน่า    มีเจ้านายพระญาติพระวงศ์ไปร่วมงานกันเพียบ


บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33585

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 83  เมื่อ 08 ก.ค. 16, 09:14

  เมื่อแต่งงานกันแล้ว  สามีภรรยาก็อยู่ด้วยกันในคฤหาสน์หรูในลอนดอน ตามแบบชาวไฮโซทุกประการ   เวลาผ่านไป  ก็มีลูกสาวด้วยกัน 2 คน  ดูจากภายนอก  ชีวิตราบรื่นดี  ไม่ปรากฏว่ามีอาการแตกร้าวบ้านแตกสาแหรกขาดอย่างที่น่าจะเป็น 
   ทั้งนี้เพราะว่าต่างคนต่างอยู่  ต่างดำเนินชีวิตตามแบบของตัวเอง    ในบันทึกของลูกสาวที่เขียนเมื่อโตเป็นผู้ใหญ่แล้ว  บอกว่าเด็กสองคนอยู่กับพี่เลี้ยง   แทบไม่มีเวลาได้ใกล้ชิดพ่อแม่เอาเสียเลย
  ลอร์ดหลุยส์ไต่ระดับขึ้นไปเรื่อยๆในราชการ    มีชีวิตนอกบ้านมากกว่าจะอยู่บ้าน     แต่เขาก็ให้ความรักและความเอาใจใส่ลูกสาวทั้งสองมากกว่าแม่ซึ่งไม่เหลียวแลลูกสาวเอาเสียจริงๆ     เอ็ดวิน่าไม่เลิกชีวิตอื้อฉาวอย่างที่เธอเคยเป็นมาก่อนแต่งงาน   แต่อ่านแล้วไม่พบว่าหลังแต่งงาน เธอเกี่ยวข้องกับผู้หญิงคนไหน   ตรงกันข้าม  เธอกลับคบผู้ชายไม่เลือกหน้า  แม้แต่ลูกเล็กๆก็รู้ข้อนี้ว่า แม่มีเพื่อนชายมากหน้าหลายตาจริงๆ

ภาพเอ็ดวิน่ากับลูกสาวคนโต  พาเมล่า


บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33585

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 84  เมื่อ 11 ก.ค. 16, 10:10

     เอ็ดวิน่ามีเหตุผลให้การกระทำของตัวเอง  คือ เธอเป็นคนขี้เหงา     สามีเป็นนายทหารเรือ   ต้องออกจากบ้านไปอยู่กลางทะเลทีละนานๆ  เธอก็ฆ่าความว้าเหว่ด้วยการคบเพื่อนผู้ชาย  เฟลิตกับพวกเขา ให้เขาลุ่มหลงไล่ตามเธอเล่นแก้เหงา   
     คำว่า"เหงา" มักเป็นเหตุผลคลาสสิคของคนเจ้าชู้   ไม่ว่าหญิงหรือชาย  คนขี้เหงามักจะเป็นคนที่นึกถึงแต่ตัวเองมากกว่าจะเอาใจใส่กับโลกภายนอก  ส่วนคนเจ้าชู้ก็เป็นคนที่เห็นแก่ความสุขของตัวเองมากกว่านึกถึงใจคนรัก คู่สมรส หรือลูก   เมื่อสองอย่างมาบวกลงตัวกันพอดี   จึงพบบ่อยๆว่าคนเจ้าชู้มักจะขี้เหงา  และคนขี้เหงาก็มักจะเจ้าชู้   เอ็ดวิน่าก็ไม่ได้อยู่นอกคำจำกัดความนี้
     ยิ่งแต่งงานไม่ใช่เพราะรัก แต่เพราะความเหมาะสมและหน้าตาในสังคม   กิ่งทองไม่แท้ และใบหยกเทียมคู่นี้ก็เลยมีชีวิตส่วนตัวที่แยกกันไปคนละทาง   
     ลอร์ดหลุยส์ คบชายอื่นและหญิงอื่นหลังสมรส   ส่วนเอ็ดวิน่าก็คบชายอื่นมาตลอด   หนึ่งในจำนวนนั้นเธอพาเข้าบ้านมาคลุกคลีตีโมงกับลูกๆ  ช่วยเธอเลี้ยงลูกราวกับเป็นพ่อคนที่สอง   ส่วนพ่อตัวจริงไปใช้ชีวิตส่วนตัวกับคนอื่น
    อย่างไรก็ตาม  สังคมไฮโซสมัยนั้นเพ่งเล็งที่เปลือกนอกมากกว่าเรื่องภายใน     ตราบใดที่ผัวเมียยังควงกันหน้าชื่นตาบานออกสังคมก็ถือว่าโอเค   ต่อให้ภายในบ้านยุ่งเหยิงอย่างไรก็เป็นเรื่องของเขาไปแก้กันเอง


บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33585

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 85  เมื่อ 15 ก.ค. 16, 17:01

  ทั้งสองอยู่กันมาได้จนล่วงเข้าวัยกลางคน   เพราะว่าต่างคนต่างอยู่ ต่างมีชีวิตส่วนตัวของตัวเอง     อย่างที่ลอร์ดหลุยส์เคยสรุปประเด็นเอาไว้ชัดเจนไม่ต้องซักถามกันอีก ว่า
  "“Edwina and I spent all our married lives getting into other people's beds."
   " เอ็ดวิน่ากับข้าพเจ้าใช้ชีวิตสมรสด้วยกันบนเตียงคนอื่น โดยตลอด"

   อย่างไรก็ตาม ชีวิตราชการของลอร์ดหลุยส์ก็ก้าวลิ่วๆเจริญเติบโตด้วยดี   ถึงขั้นได้เป็น viceroy คำนี้แปลว่าอุปราช  เป็นตำแหน่งประมุขฝ่ายบริหารของอังกฤษ  มีมาตั้งแต่อินเดียยังเป็นอาณานิคมของอังกฤษ     เมื่ออินเดียได้เอกราชในค.ศ. 1947 หลังสงครามโลกครั้งที่สองสิ้นสุดลง    ลอร์ดหลุยส์ก็กลายเป็นอุปราชคนสุดท้ายในประวัติศาสตร์อินเดีย     เอ็ดวิน่าเองก็ได้เป็นไวซรีนหรือท่านผู้หญิงของอุปราช    ต้องอพยพย้ายถิ่นจากลอนดอนไปอยู่ที่อินเดียตลอดระยะเวลาดำรงตำแหน่ง
   ในอินเดียนี่เอง   ทั้งสองก็ได้พบบุคคลน่าสนใจที่สุดในประเทศนั้น  เขาคือบัณฑิตเยาวะหะราล เนห์รู  นายกรัฐมนตรีของอินเดีย


บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33585

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 86  เมื่อ 15 ก.ค. 16, 18:52

      นายกเนห์รู ไม่ใช่ชาวอินเดียธรรมดาที่ไต่ระดับขึ้นไปจนได้เป็นนายกรัฐมนตรี   แต่เป็นระดับหัวกะทิมาตั้งแต่เกิด  เขาเกิดในตระกูลมั่งคั่ง   มีครูชาวอังกฤษมาสอนหนังสือให้ที่บ้านตั้งแต่เด็ก ตามแบบผู้ดีทุกประการ   พอโตก็ถูกส่งตัวไปเรียนหนังสือตั้งแต่ระดับมัธยมที่อังกฤษ    เข้าเรียนที่มหาวิทยาลัยเคมบริดจ์ เรียนจบได้เกียรตินิยม   แล้วไปอบรมต่อที่สำนักกฎหมาย  ก่อนจะกลับมาเป็นนักการเมืองที่บ้านเกิดเมืองนอน   ต่อสู้ทางการเมืองมาอย่างโชกโชนจนกระทั่งก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งผู้นำ
     ถ้าหากว่าไม่มองสัญชาติว่าเขาเป็นชาวอินเดีย  เนห์รูก็มีคุณสมบัติของปัญญาชนชั้นเลิศจากลอนดอน  เป็นสุภาพบุรุษ  พร้อมด้วยกิริยามารยาทน่านับถือทุกประการ     ตอนที่อุปราชคนใหม่และภรรยาไปรับตำแหน่งที่อินเดีย   เนห์รูเป็นพ่อม่ายหนุ่มใหญ๋  ภรรยาเขาเสียชีวิตด้วยวัณโรคเมื่อ 8 ปีก่อน ทิ้งลูกสาวคนเดียวไว้ให้ดูต่างหน้า
     เขาเป็นคนไฟแรง เฉลียวฉลาดรอบรู้ทั้งวิชาการและประสบการณ์ชีวิต     นับเป็นเสน่ห์ของผู้ชาย  ไม่ซ้ำแบบกับหนุ่มไฮโซที่เคยล้อมอยู่รอบตัวเอ็ดวิน่า    เสน่ห์ของกระดังงาลนไฟก็เริ่มปฏิกิริยาเคมีกับเสน่ห์ของท่านผู้นำทันที


บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33585

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 87  เมื่อ 15 ก.ค. 16, 18:58

ส่งรูปมาเซิฟๆค่ะ


บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33585

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 88  เมื่อ 22 ก.ค. 16, 16:51

  ความสัมพันธ์ระหว่างเอ็ดวิน่าและท่านนายกฯเนห์รู  จริงๆแล้วเป็นยังไง ก็ไม่เคยมีพยานที่ไหนสอดรู้สอดเห็นเข้าไปได้ถึงที่สุด    ขาเม้าท์ทั้งหลายก็ได้แต่เล่าลือกันไปตามกระแส   อย่างหนึ่งที่เห็นๆกันก็คือเอ็ดวิน่าปลื้มท่านผู้นำคนนี้จนออกนอกหน้า   ประทับใจความเฉลียวฉลาดรอบรู้และคุณสมบัติเลิศเลอเพอร์เฝ็คของพ่อม่ายหนุ่มใหญ่      ซึ่งเธอก็แสดงออกอย่างไม่กระมิดกระเมี้ยนปิดบังอะไร  
   จึงปรากฏให้เห็นอยู่หลายครั้งว่า  ภรรยาท่านไวซรอยสนิทกับนายกอินเดีย มากกว่าตัวท่านไวซรอยพึงสนิทกับท่านผู้นำเองเสียอีก  ไม่ว่าไปไหนที่จะต้องเจอกัน   เธอกับท่านนายกก็จะเดินคู่กันไป พูดคุยแลกเปลี่ยนความเห็นกันไม่มีที่จบสิ้น   ส่วนตัวท่านไวซรอยลอร์ดหลุยส์ก็เดินล้าหลังไปข้างหลัง  คุยกับคู่สนทนาซึ่งอาจเป็นใครก็ได้ที่ร่วมทางไปด้วย    โดยมากก็คือลูกสาวคนโตนั่นแหละที่กลายเป็นคู่สนทนาของพ่อ

  ตอนนั้น ลูกสาวคนโตของลอร์ดหลุยส์และเอ็ดวิน่า คือพาเมล่า เมาท์แบตเตนอายุ 18 ปีแล้ว   เป็นสาวพอจะดูออกถึงความสัมพันธ์ระหว่างแม่กับท่านนายกฯอินเดีย ว่าไม่ธรรมดา    แต่หลายสิบปีต่อมาเมื่อเข้าวัยชรา  ผู้ใกล้ชิดทั้งหลายล่วงลับไปแล้ว เธอเขียนหนังสือชีวประวัติของตัวเอง เล่าถึงเรื่องนี้ว่า แม่ของเธอกับท่านนายกอินเดีย สนิทสนมกันอย่างพลาโตนิคเฟรนด์ชิป  คือมิตรภาพระหว่างชายหญิงที่เป็นอย่างเพื่อนจริงๆ  ไม่มีเซกส์เข้ามาเกี่ยวข้อง


บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33585

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 89  เมื่อ 22 ก.ค. 16, 16:54

เนห์รูกับพาเมล่า


บันทึกการเข้า
หน้า: 1 ... 4 5 [6] 7 8 ... 11
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by SMF 1.1.21 | SMF © 2006, Simple Machines
Simple Audio Video Embedder

XHTML | CSS | Aero79 design by Bloc หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.121 วินาที กับ 19 คำสั่ง