giggsmay
|
ความคิดเห็นที่ 15 เมื่อ 05 มิ.ย. 16, 00:03
|
|
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
ประกอบ
|
ความคิดเห็นที่ 16 เมื่อ 05 มิ.ย. 16, 07:30
|
|
จัดให้ครับ ไม่มีขนมอะไรเข้ากับเรื่องนี้มากไปกว่านี้แล้วครับบัว
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
วิรุศฑ์ษมาศร์ อัฐน์อังการจณ์
|
|
|
giggsmay
|
ความคิดเห็นที่ 17 เมื่อ 05 มิ.ย. 16, 09:36
|
|
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
    
ตอบ: 33477
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 18 เมื่อ 05 มิ.ย. 16, 10:35
|
|
แอบเอาขนมเข้ามากินในห้องเรียนยังไม่พอ ยังแจกจ่ายเพื่อนให้กินด้วย คิกคักกันใหญ่ ไปยืนคาบไม้บรรทัดที่มุมห้องทั้งคู่เลยไป๊
รายต่อไปที่จะนำเสนอ ไม่ได้ลับๆล่อๆ ชวนให้เถียงกันไม่รู้จบอย่างพระเจ้าริชาร์ดใจสิงห์ แต่มีบันทึกของพระองค์ และบันทึกของข้าราชบริพารร่วมสมัยบอกเอาไว้ ถึงความเสน่หาที่พระราชาองค์นี้มีต่อ "คนโปรด" ซึ่งก็มีหลายคนด้วยกัน องค์นี้คือพระเจ้าเจมส์ที่ 6 แห่งสก๊อตแลนด์ผู้ข้ามมารับราชสมบัติของอังกฤษเป็นพระเจ้าเจมส์ที่ 1 แห่งสหราชอาณาจักร
ขอเท้าความนิดหน่อยว่า พระเจ้าเจมส์เป็นพระโอรสของพระราชินีสก๊อตผู้มีพระนามว่า ควีนแมรี่ สจ๊วต ซึ่งครองบัลลังก์สก๊อตแลนด์ตามสิทธิ์ของพระนางเอง ในขณะที่อังกฤษในตอนนั้นก็มีพระราชินีผู้ครองราชย์ในฐานะกษัตริย์เช่นกัน คือพระราชินีเอลิซาเบธที่ 1 ควีนเอลิซาเบธไม่ได้เสกสมรส จึงไม่มีโอรสธิดา เมื่อสิ้นพระชนม์ พระญาติที่สืบสายโลหิตใกล้ที่สุดไม่ยักใช่เจ้านายอังกฤษด้วยกัน แต่กลายเป็นเจ้าชายสก๊อตที่ชื่อเจมส์องค์นี้แหละค่ะ ตอนนั้นครองบัลลังก์สก๊อตอยู่แล้ว ก็เลยข้ามมาครองบัลลังก์อังกฤษ
พระเจ้าเจมส์เกิดมาเป็นเด็กอาภัพ มีประวัติชีวิตฉูดฉาดดราม่ายิ่งกว่าหนังแอ๊คชั่น เกิดมาก็ไม่มีโอกาสรู้จักพ่อ เพราะพ่อถูกแม่กับชู้สมคบกันฆาตกรรมตั้งแต่พระองค์ยังอยู่ในท้องแม่ พอคลอดออกมา แม่ก็แต่งงานใหม่กับชู้ ยกชู้ขึ้นครองบัลลังก์ ปรากฎว่าราษฎรทนไม่ไหว ก่อกบฏขึ้น แม่ลี้ภัยไปอังกฤษแล้วถูกจับขังไว้ที่หอคอยแห่งลอนดอน บั้นปลายชีวิตถูกประหาร ด้วยข้อหาคบคิดกับขุนนางจะปลงพระชนม์ควีนแห่งอังกฤษ สรุปว่าเจ้าชายน้อยก็กำพร้าทั้งพ่อและแม่ เติบโตมาในราชสำนักตามลำพัง มีพระญาติและข้าราชบริพารเลี้ยงดู
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เพ็ญชมพู
|
ความคิดเห็นที่ 19 เมื่อ 05 มิ.ย. 16, 11:21
|
|
แอบเอาขนมเข้ามากินในห้องเรียนยังไม่พอ ยังแจกจ่ายเพื่อนให้กินด้วย คิกคักกันใหญ่ ไปยืนคาบไม้บรรทัดที่มุมห้องทั้งคู่เลยไป๊
น้องเข้อาสามาคาบเป็นเพื่อน 
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
giggsmay
|
ความคิดเห็นที่ 20 เมื่อ 05 มิ.ย. 16, 13:42
|
|
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
Molly
อสุรผัด

ตอบ: 25
|
ความคิดเห็นที่ 21 เมื่อ 05 มิ.ย. 16, 20:06
|
|
หัวเราะหนักมากกับขนมของเพื่อนประกอบและความอร่อยเหาะของเพื่อนบัว จุ๊จุ๊ อย่าเอ็ดไป เดี๋ยวอาจารย์ได้ยิน Molly ไม่อยากไปยืนคาบไม้บรรทัดนอกห้อง กลัวน้องเข้ อิอิ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
SILA
|
ความคิดเห็นที่ 22 เมื่อ 06 มิ.ย. 16, 09:35
|
|
ขอคั่นรายการย้อนกลับไปที่พระเจ้าใจสิงห์ด้วยคลิปจากหนังเก่าที่ประสบความสำเร็จ ทั้งรายได้และรางวัล นั่นคือ The Lion in Winter(1968) สองนักแสดงหนุ่มหน้าใหม่บน จอเงินมีผลงานหนังเรื่องนี้เป็นเรื่องแรกทั้งคู่ นั่นคือ Anthony Hopkins รับบท Richard The Lionheart และ Timothy Dalton รับบท Philip II of France
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
SILA
|
ความคิดเห็นที่ 23 เมื่อ 06 มิ.ย. 16, 09:37
|
|
ความสัมพันธ์ของเจ้าทั้งสองอาจจะเป็นในรูปแบบ เสน่หานุชา (หรือ เสน่หาภราดา) - Bromance(Brother + Romance) เหมือนอย่างที่มีการตีความสัมพันธ์ระหว่าง Holmes กับ Watson ใหม่ใน Sherlock Holmes เวอร์ชั่น Robert Downey,Jr.  (pinterest)
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
นางมารน้อย
พาลี
   
ตอบ: 306
ทำงานแล้วค่ะ
|
ความคิดเห็นที่ 24 เมื่อ 06 มิ.ย. 16, 11:40
|
|
มาลงชื่อเข้าชั้นตามอ่านค่ะ ถั่วดำน้ำกะทิข้าวเหนียวของโปรดด้วย
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
สวัสดีทุกๆท่านค่ะ
|
|
|
ประกอบ
|
ความคิดเห็นที่ 25 เมื่อ 06 มิ.ย. 16, 13:52
|
|
เด็กๆ กินถั่วดำกันจนทั้งเรอทั้งผายลมกันไปทั่ว โดนลงโทษไปก็แล้ว ท่านอาจารย์ใหญ่ยังไม่มา งั้นระหว่างรอนอกจากกินถั่วดำรอ ก็ต้องหาอะไรมาคั่นเวลา
ใครที่เคยดูหนังรางวัลออสกาสุดสนุกเรื่อง Braveheart คงจำได้ว่า อริของพระเอกในเรื่องคือกศัตริย์เอ็ดเวิร์ดที่ 1 แห่งอังกฤษ ที่มีลูกชายไม่ได้เรื่องอยู่คนนึงแถมเป็นเกย์ด้วย ลูกชายคนนั้น ต่อมาคือกษัตริย์เอ็ดเวิร์ดที่ 2 (1284 - 1327) แห่งอังกฤษ ที่ได้อภิเษกสมรสกับราชินีอิสซาเบลาแห่งฝรั่งเศส
เอ็ดเวิร์ดเป็นกษัตริย์ที่ชอบความหรูหา ฟู่ฟ่า มีขุนนางคู่พระทัยอยู่คนหนึ่ง คือเพียร์ส เกฟสตัน ซึ่งเอ็ดเวิร์ดรักมาก ตาคนนี้ได้แต่งตั้งให้เป็นเอิร์ลแห่งคอร์นวอลล์ แถมแต่งตั้งให้เป็นผู้สำเร็จราชการช่วงที่เอ็ดเวิร์ดเดินทางไปแต่งงานที่ฝรั่งเศสด้วย แต่สุดท้ายเกฟสตันก็ถูกสังหารโดยเหล่าขุนนางที่ไม่พอใจ
ตอนหลังราชินีสมคบกับชู้รักโรเจอร์ มอร์ติเมอร์ บังคับให้เอ็ดเวิร์ดสละราชสมบัติในปี 1327 ให้พระโอรสที่ยังทรงพระเยาว์เป็นกษัตริย์เอ็ดเวิร์ดที่ 3 เพื่อที่จะได้คงอำนาจในฐานะผู้สำเร็จราชการแทน แล้วทั้งคู่ก็แอบสั่งให้สำเร็จโทษเอ็ดเวิร์ดอย่างสยดสยอง เค้าลือกันว่าเอาเหล็กเผาไฟเสียบทางทวารหนัก เผาอวัยวะข้างในจนตายอย่างสยดสยองทรมาน พระศพปัจจุบันถูกฝังอยู่ที่วิหารเมืองกลอสเตอร์
ตอนหลังกงกรรมกงเกวียน โรเจอร์ มอร์ติเมอร์ ก็ถุกสังหารเช่นกัน ส่วนราชินีอิสซาเบลล่าถูกขังโดยกษัตริย์เอ็ดเวิร์ดที่ 3 ซึ่งต่อมาเป็นกษัตริย์ที่มีชื่อเสียงมากองค์หนึ่งของอังกฤษ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
วิรุศฑ์ษมาศร์ อัฐน์อังการจณ์
|
|
|
เพ็ญชมพู
|
ความคิดเห็นที่ 26 เมื่อ 08 มิ.ย. 16, 09:40
|
|
เอาดอกไม้สีม่วง "ไลอาทริส" (Liatris) มาประดับชั้นเรียน ดอกไม้นี้มีอีกชื่อหนึ่งว่า "Gayfeather" 
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
แพรวพิม
อสุรผัด

ตอบ: 19
|
ความคิดเห็นที่ 27 เมื่อ 08 มิ.ย. 16, 18:30
|
|
เห็นหัวข้อกระทู้นี้แล้วไม่รอรี รีบเข้ามาอ่านเลยค่ะ เพราะเป็นคนชอบเรื่องราวในรั้วในวังเป็นพิเศษอยู่แล้ว ทั้งของไทยและของเทศ นักเรียนคนนี้ขอสมัครเรียนคลาสนี้ด้วยนะคะ มาช้าไปหน่อย อาจารย์โปรดยกโทษให้เถิดนะคะ 
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
    
ตอบ: 33477
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 28 เมื่อ 09 มิ.ย. 16, 12:42
|
|
ใครนั่งแถวหน้า เขยิบที่ให้คุณแพรวพิมด้วยค่ะ มีที่ว่าง 2 ที่ เพราะนักเรียนถูกยืนคาบไม้บรรทัด ยังไม่กลับมานั่งค่ะ
พระเจ้าเจมส์ น่าจะเป็นพวกรักร่วมเพศโดยกำเนิด ไม่ใช่ว่ามีใครมาสั่งสอนให้เป็น เห็นได้จากเมื่อทรงมีอายุได้ 13 ปี ถ้าเป็นสมัยนี้ก็อยู่ราวๆ ม. 1 ก็ทรงพึงพอพระทัยในตัวขุนนางหนุ่มวัย 37 เข้าคนหนึ่งอย่างจัง เขาผู้นั้นเป็นคนเชื้อสายสก๊อตผสมฝรั่งเศส มีถิ่นฐานเดิมอยู่ในฝรั่งเศสแต่มาอยู่ในราชสำนักสก๊อตที่เอดินเบอระ ยุคนั้นเรื่อยมาจนศตวรรษที่ 19 ฝรั่งเศสได้ชื่อว่าเป็นอาณาจักรที่เจริญรุ่งเรือง มีวัฒนธรรมสูงส่ง ผู้คนดูดีมีเสน่ห์ทั้งการแต่งกาย กิริยาพาทีโก้หรูไปเสียหมดโดยเฉพาะบรรดาผู้ดีมีตระกูล จึงไม่แปลกที่หนุ่มหล่อวัย 37 ชื่อเดิมว่าเอสเม สต๊วต ซึ่งมีศักดิ์เป็นญาติห่างๆกับพระเจ้าเจมส์ จะทำให้พระราชาน้อยทรงหลงใหลได้ตั้งแต่แรกรู้จัก รับเขาเข้ามาประจำในราชสำนักยังไม่พอ ยังประทานยศตำแหน่งขุนนางให้ด้วย ทีแรกเป็นเอิร์ลแห่งเลนนอกซ์ ปีต่อมาก็ก้าวพรวดขึ้นเป็นดยุคแห่งเลนนอกซ์ ชั้นสูงสุดของขุนนาง และยังได้อยู่ใน Privy Council หรือสภาที่ปรึกษาของพระเจ้าแผ่นดิน สมัยนี้ก็พอจะเทียบได้กับองคมนตรี ดยุคแห่งเลนนอกซ์ เป็นชายแท้รึเปล่า ก็ก้ำๆกึ่งๆ ก่อนหน้าได้ดิบได้ดีเป็นพิเศษ แกเป็นผู้ชายธรรมดาเหมือนชายอื่นๆ มีเมียและมีลูกชายเข้าไปตั้ง 5 คนแล้ว แต่จะว่าเป็นชายแท้ก็น่าสงสัย เพราะดูจงรักภักดีกับพระเจ้าเจมส์มาก ขนาดยอมเปลี่ยนศาสนาจากคาทอลิคมาเป็นเพรสไบทีเรียนตามแบบสก๊อต การเปลี่ยนศาสนาในสมัยโน้นเป็นเรื่องใหญ่ เท่ากับเปลี่ยนชีวิตเลยทีเดียว
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
    
ตอบ: 33477
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 29 เมื่อ 09 มิ.ย. 16, 13:11
|
|
ขอเท้าความเรื่องความเป็นมาของรักร่วมเพศในยุโรปสักหน่อยนะคะ เมื่อย้อนหลังไปสมัยกรีกและโรมัน เรื่องชายรักชายถือเป็นเรื่องธรรมดาสามัญ ยิ่งกว่าธรรมดาสามัญอีก คือยอมรับนับถือกันเป็นเรื่องของเกียรติยศหน้าตาเลยเชียว บรรดาคนใหญ่คนโตเช่นแม่ทัพนายกองทั้งหลาย มีทหารหนุ่มน้อยมาฝึกหัดรับใช้แบบเป็นท.ส. หรือหน้าห้อง พร้อมกับบำเรอด้วย ทั้งหมดนี้เป็นเรื่องเปิดเผยไม่ต้องปิดบัง ยังถือกันว่า ความรักแบบชายต่อชายนี่สิเป็นการให้เกียรติกันอย่างสูง เป็นรักแท้ที่ผูกพันกันฉันเพื่อนตาย ส่วนความรักแบบชายกับหญิงนั้นไม่ได้ลึกซึ้งอะไรนัก ก็แค่เพื่อดำรงเผ่าพันธ์เท่านั้นเอง ค่านิยมเช่นนี้พัฒนาขึ้นในกรีกก่อน จากนั้นโรมันก็รับมาอีกที ในตำนานเทพเจ้าของกรีกก็ไม่วายมีอะไรแบบนี้ปนๆอยู่บ้างพอให้สังเกตกันได้ ว่าเทพบิดรซุสของกรีกหรือต่อมาคือจูปิเตอร์ของโรมัน ก็มีหนุ่มน้อยชื่อ Ganymede (อ่านว่ากานิมี้ด) เป็นคนสนิทประจำตัว มีหน้าที่ถือคนโทเหล้าองุ่นซึ่งเป็นน้ำอมฤตของเทพเจ้า คอยรินให้เทพบิดร นอกจากรับใช้เรื่องนี้แล้วก็ยังต้องบำเรออีกด้วย ตามวัฒนธรรมในสมัยนั้น ตามตำนานเล่าว่า กานิมี้ด เป็นเจ้าชายของเมืองทรอย เป็นหนุ่มน้อยรูปงามจนลือเลื่องขึ้นไปถึงสวรรค์ เป็นที่ต้องตาต้องใจของเทพบิดรซุส จึงจำแลงเป็นนกอินทรี บินจากฟ้าลงมาโฉบเจ้าชายขึ้นไปสู่ยอดเขาโอลิมปัสอันเป็นที่สถิตย์ของเหล่าเทพ แต่เมื่อขโมยลูกเขาไปแล้ว ซุสก็ชดเชยให้พระเจ้าทรอสผู้บิดาด้วยฝูงม้างามที่สุดเท่าที่จะหาให้ และบอกว่าไม่ต้องห่วงลูกชายที่หายไป เพราะบัดนี้เจ้าชายได้ขึ้นไปอยู่บนสวรรค์ ทำหน้าที่รับใช้ใกล้ชิดเทพบิดร มีชีวิตอมตะอย่างเทพเจ้า พระเจ้าทรอสก็ปลาบปลื้มมากที่ลูกชายได้รับเกียรติขนาดนั้น หายเสียดายเป็นปลิดทิ้ง เจ้าชายกานิมี้ดขึ้นไปเสวยสุขอยู่บนสวรรค์ได้พักใหญ่ เป็นที่ยอมรับของเหล่าเทพเจ้าด้วยดี เว้นแต่องค์เดียวคือเทพมารดาเฮรามเหสีขี้หึงของซุสนั่นเอง นางก็ตามหึงตามราวี "เจ้าหนู" ของพระสวามี ไม่ลดละเหมือนตามรังควาน "นังหนู" รายก่อนๆของซุสมาแล้ว จนในที่สุดซุสก็ต้องเปลี่ยนเจ้าชายให้กลายเป็นกลุ่มดาวชื่อ Aquarius หรือดาวรูปคนถือคนโท เป็นดาวประจำราศีกุมภ์
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
|