เคยไปเรียนที่เมืองเล็กๆมีต้นไม้ร่มรื่นทั้งเมือง เป็นเมืองมหาวิทยาลัย ไม่มีตึกระฟ้าเลยสักหลังเดียว ส่วนใหญ่เป็นบ้านชั้นเดียว สร้างน่ารัก เป็นระเบียบ ผู้คนเป็นมิตร อัธยาศัยคล้ายๆคนไทยในชนบท
เจ้าของบ้านไม่รังเกียจนักเรียนไทย เพราะเราไม่เคยไปทำเรื่องเสียหายให้เขา แต่มักจะใจกว้าง ทำอาหารการกินก็เอาไปเผื่อแผ่ให้คุณยายเจ้าของบ้านกินด้วย ถ้าไม่ผัดพริกหรือเจียวกระเทียมเสียอย่าง คุณยายชอบอกชอบใจทั้งนั้น เรายังติดต่อส่งข่าวถึงกันอยู่แม้ว่ากลับมาเมืองไทยนานแล้ว
แต่เมืองใหญ่จะไม่เป็นอย่างนี้ ผู้คนอยู่แบบตัวใครตัวมัน อาชญากรรมชุกชม ขนาดล็อครถ ยังถูกงัดเอาของไป
เท่าที่เจอจากเพื่อนอเมริกัน จะแบ่งได้เป็น ๒ แบบ
ชีวิตส่วนตัว- มักจะมีปัญหาเรื่องความรัก/แต่งงาน หย่าร้างกันง่าย ลูกเจอปัญหาขาดพ่อหรือขาดแม่
กว่าจะลงตัวก็แต่งงานครั้งที่สาม ตอนนั้นอยู่กันยืดเพราะแก่เกินกว่าจะต้องการอะไรนอกจากเพื่อน
พวกเขามีความคิดอ่านและการวิเคราะห์ดี มีเหตุผล เป็นผลจากระบบการศึกษาที่กระตุ้นให้เด็กคิด มากกว่าท่องจำ เรียนรู้ที่จะดิ้นรนช่วยตัวเอง ไม่พึ่งพาพ่อแม่เป็นลูกแหง่ แต่จะเปราะบางด้านจิตใจ และค่อนข้างตามใจตัวเอง โดยเฉพาะความต้องการทางกาย
สมัยเรียน เคยถูกเพื่อนสาวอเมริกันถามว่า...เธออยู่มาได้ยังไงจนอายุ ๒๐ กว่าแล้วไม่เคยเดทใคร (คือไม่มีประสบการณ์ทางเพศ) ไม่เก็บกดบ้างหรือ?
คนตอบก็ร้องจ๊ากไปเท่านั้นเอง มันตรงข้ามกับสุภาษิตสอนหญิงอะไรปานนั้น
ความเป็นพลเมือง - สวัสดิการเขาดี คนมีรายได้ มีการศึกษา ไม่ว่าส่วนตัวจะล้มเหลวยังไง ก็ประคองชีวิตไปได้เพราะรัฐค้ำไว้ไม่ให้ล้ม พวก homeless มีจำนวนน้อยมากเมื่อเทียบกับอัตราประชากรทั้งหมดที่ดำรงชีวิตได้ไม่ขาดแคลนทางวัตถุ
ศาสนาก็เป็นส่วนหนึ่งที่ยึดจิตใจพวกเขาได้มาก เขาจะเชื่อในสิ่งดีๆที่จะเกิดขึ้นในชีวิต ยังมีความหวังในทางดี ไม่ว่าจะเจ็บป่วยด้วยโรคร้ายหรืออะไรก็ตาม
หนุ่มสาวจะติดยากันง่าย แต่พออายุมากขึ้นก็เลิก สถานบำบัดของเขามีมากพอ สวัสดิการด้านนี้ดีมาก
ดิฉันชอบสิ่งดีๆที่เห็นในอเมริกา แต่ในที่สุดเรียนจบก็กลับบ้าน
ตั้งใจว่าจะเอาเรื่องสวัสดิการ/ระบบการศึกษาแบบคิดและวิเคราะห์/ ความมีระเบียบและสะอาดที่เห็นมาใช้กับสังคมเรา ให้เป็นประโยชน์มากกว่าจะชื่นชมศูนย์การค้าใหญ่ๆ ของเขา
แต่พบว่าเมื่อกลับมาบ้าน คนอเมริกีนในไทยโดยเฉพาะคนในตำแหน่งการงานสูงๆค่อนข้างจะดูถูกคนไทย คล้ายความรู้สึกของชาวอังกฤษยุควิกตอเรียนต่ออาณานิคม
อย่างหนึ่งคือเราพูดภาษาได้ไม่เก่งเท่าเขา ถ้าคนไหนพูดได้เขาก็เขยิบเกรดให้ขึ้นไปนิดหน่อย ดิฉันก็เคยเจอคล้ายๆคุณนวลเจอ แต่คนละสถานการณ์
นึกถึงพระบรมปัจฉิมโอวาทในพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว ว่า
" การงานสิ่งใดของเขาที่คิดควรจะเรียนเอาไว้ก็ให้เอาอย่างเขา แต่อย่าให้นับถือเลื่อมใสไปทีเดียว"
จนบัดนี้ก็ยังชอบ แต่ไม่เลื่อมใสค่ะ

http://vcharkarn.com/reurnthai/uploaded_pics/RW679x008.gif'>