มีศิษย์คนเก่งชื่อ จิตร ภูมิศักดิ์(คำสัมภาษณ์ช่วงนี้ได้ถูกถ่ายทอดไปแล้วในกระทู้ จิตร ภูมิศักดิ์ ค่ะ เปิดอ่านดูได้)
หิ่งห้อย : การเดินทางร่วมกันของสาวอักษรและหนุ่มวิดยา หิ่งห้อยแปลร่วมกับอาจารย์ระวี ภาวิไล ก็เพราะเป็นหนังสือของอาจารย์ระวี
คือดิฉันสนิทกับอาจารย์ระวี ตั้งแต่สอนที่จุฬาฯ ท่านอ่อนกว่าดิฉันตั้ง 6 ปี
รู้จักกันมาเรื่อยๆ สมัยนั้นท่านก็เริ่มต้นแปลยิบรานแล้ว
สมัยที่คนอเมริกันยังไม่รู้จักว่า ยิบรานคือใคร
แล้วที่แปล ก็พูดกันตั้งนานแล้วว่า น่าจะแปล
ดิฉันก็ลงมือแปล นักอักษรศาสตร์เชียว แปลยั้วไปเยี้ยมา
อาจารย์ระวี แกเป็นนักวิทยาศาสตร์ แกตัดเฉิบๆๆๆ แกบอกว่าให้สั้นๆอย่างนี้
ดิฉันก็ว่า จะเอาสั้นอย่างนี้หรือ ดิฉันก็เลยแปลไปตามสำนวนแก
แปลต่อไปจนจบเลย อันนี้แกถูกอกถูกใจ ก็เลยเอาชื่อ 2 คนใส่ เพราะว่าหนังสือนั่นของแก
กวีไทยในใจยุคใหม่ชอบเนาวรัตน์(พงษ์ไพบูลย์)
ยุคเดียวกันก็ชอบทุกคน ไม่ต้องมีอะไรจะพูดถึงอีกแล้ว
มันก็เหมือนเพื่อนเรา ที่ทำอะไรพร้อมๆกัน มีไม่กี่คน
และเราก็รู้จักกันทางสมอง ต้องใช้คำอย่างนั้น สัมผัสถึงกันได้ทุกคน เขาเก่งกัน
อย่างท่านอังคาร กัลยาณพงศ์ ท่านเขียนของท่านสมัยใหม่แบบนี้
เลือกส่งสัมผัสตามที่ท่านต้องการ โดยไม่จำเป็นต้องลงตามที่ท่านอาจารย์โบราณเขียนไว้
ดิฉันไม่ขัดข้องเลย และก็ไม่เห็นเป็นอุบัติร้ายแรงอะไรด้วย
เพราะว่าก็เป็นสิทธิของผู้เขียนที่จะถ่ายทอดยังไง
การที่ไม่บังคับสัมผัสตรงนั้นตรงนี้กลับทำให้ดีเสียอีก
เพราะจะทำให้เกิดลีลาและจังหวะที่แปลกไปหว่าเดิม
แล้วก็เสรีภาพในการที่จะใช้ถ้อยคำนี้มากกว่าเดิม
ดิฉันรู้สึกว่าตัวเองเป็นคนมาทีหลังตลอดเวลา
ไม่ได้อยู่ในวงการนี้มาก่อน เราเป็นครูอยู่ที่ไหนก็ไม่รู้
แล้วเข้ามา เผอิญมีโอกาสที่เขาเปิดให้เข้ามาก็ดีถมไปแล้ว

จบแล้วค่ะ