NAVARAT.C
|
ความคิดเห็นที่ 75 เมื่อ 31 มี.ค. 16, 15:35
|
|
แม้ว่าท่านทูตปฤษฎางค์จะบันทึกว่าทรงได้รับการต้อนรับเป็นการส่วนพระองค์เป็นอย่างดีจากองค์พระประมุขของทุกประเทศ ในฐานะที่ทรงเป็นเชื้อพระวงศ์จากสยาม แต่เรื่องนี้ก็เกิดขึ้นได้
เมื่อถึงวันที่จะเข้าถวายพระราชสาส์นตราตั้งต่อพระนางเจ้าวิกทอเรียที่พระราชวังวินเซอร์ ในวันที่ ๑๕ กรกฎาคม ๑๘๘๒ นั้น แม้จะได้นัดหมายกับลอร์ดแกรนวิลล์ไว้ล่วงหน้าแล้ว แต่ดูเหมือนว่าไม่มีใครจะทราบเรื่องการเดินทางของท่าน เมื่อเดินทางออกจากลอนดอนไปโดยรถไฟตู้โดยสารธรรมดา ท่านได้สังเกตุเห็นชาวอินเดียกลุ่มหนึ่งในเครื่องแต่งกายประจำชาติอลังการ ขึ้นรถไฟขบวนเดียวกันในรถตู้พิเศษ นำไปโดยมาควิสแห่งฮาร์ติงตัน รัฐมนตรีกิจการอินเดียของอังกฤษ ท่านทูตปฤษฎางค์สอบถามได้ความว่า คณะนั้นประกอบด้วยรัฐมนตรีสองคนจากไฮเดอราบาด ราชทูตจากรัฐไนซาม กับเจ้าหน้าที่ชาวอินเดียและอังกฤษอีกสามสี่คน
ท่านกับมาควิสแห่งฮาร์ติงตันนั้นเคยได้รับการแนะนำให้รู้จักกันมาก่อน แต่ในนาทีนั้นท่านมาควิสไม่มีท่าทีว่าจะจำท่านได้ เพราะกำลังง่วนอยู่กับแขกของรัฐบาลอังกฤษ ซึ่งท่านทูตจำเป็นต้องรักษามารยาทไม่ไปรบกวนเขา
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
NAVARAT.C
|
ความคิดเห็นที่ 76 เมื่อ 31 มี.ค. 16, 15:58
|
|
เมื่อไปถึงสถานีวินเซอร์ มีรถม้าสามคันมาเทียบไว้รอรับคณะชาวอินเดีย แต่ไม่มีวี่แววว่าจะมีคันใดอีกที่มารอรับท่านราชทูตจากสยาม เมื่อท่านทูตสอบถามเจ้าหน้าที่ก็พบกับคำตอบที่น่าผิดหวัง ไม่มีใครทราบการมาของท่าน เมื่อท่านร้องขอให้จัดรถให้ เขาก็นำท่านไปนั่งในรถคันที่สาม ร่วมกับพวกคนใช้ในเบาะหลัง เพราะที่นั่งดีๆทุกที่ถูกจัดให้แขกผู้มีเกียรตินั่งหมดแล้ว
นายทหารคนสนิทของมาควิสแห่งฮาร์ติงตันหันมาถามท่านว่าท่านทราบไหมว่าคณะของราชทูตสยามจะมาถึงเมื่อไหร่ และจะมากี่คนด้วยกัน ท่านทรงตอบไปว่า ไม่มีใครหรอกนอกจากตัวท่านคนเดียวนี่แหละ นายทหารคนนั้นทำท่างงเป็นไก่ตาแตกแล้วถามว่า ตัวท่านเนี่ยนะ คือท่านราชทูต ครั้นท่านทูตยืนยันว่าใช่ นายทหารผู้นั้นทำท่าตกใจแล้วก็รีบขอให้ท่านสลับที่นั่งกับตน แต่ท่านทูตบอกว่าไม่เป็นไร ท่านรู้สึกสบายดีอยู่แล้วไม่มีปัญหา นายทหารผู้นั้นหายอมไม่ และยืนยันจะให้ท่านเปลี่ยนที่นั่งกับตนให้ได้ จนท่านทูตปฤษฎางค์ต้องทรงยินยอมกระทำตาม
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
NAVARAT.C
|
ความคิดเห็นที่ 77 เมื่อ 31 มี.ค. 16, 19:29
|
|
เอารูปมาประกอบสักหน่อยให้พอเห็นที่นั่งคนรับใช้บนรถม้าหลวงของราชสำนักอังกฤษ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
ตอบ: 33585
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 78 เมื่อ 31 มี.ค. 16, 19:44
|
|
พระองค์เจ้าปฤษฎางค์ถูกจัดให้นั่งที่นั่งบ่าว ตรงนี้เลยหรือคะ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
NAVARAT.C
|
ความคิดเห็นที่ 79 เมื่อ 31 มี.ค. 16, 21:20
|
|
ท่านว่าอย่างนั้นแหละครับ เพราะแขกนั่งที่นั่งดีๆหมดแล้ว
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
NAVARAT.C
|
ความคิดเห็นที่ 80 เมื่อ 01 เม.ย. 16, 08:57
|
|
เมื่อถึงพระราชฐานแล้ว คณะทูตชาวอินเดียได้รับการเลี้ยงรับรองมื้อกลางวันโดยมาควิสแห่งฮาร์ติงตัน โดยมีข้าราชสำนักทั้งชายและหญิงเข้าร่วมต้อนรับ ท่านทูตปฤษฎางค์คงได้ถูกมั่วๆเชิญไปนั่งโต๊ะด้วย จึงมีโอกาสคุยกับคณะชาวไนซาม ทราบว่าพวกเขาต้องรออยู่ในลอนดอนถึง ๒ เดือน กว่าพระนางเจ้าวิกทอเรียจะโปรดเกล้าให้เข้าเฝ้าได้ หลังจากวันนี้ก็จะอยู่ต่ออีกสักสิบวัน แล้วจะเดินทางไปเที่ยวยุโรปกันก่อนจะกลับบ้าน
หลังอาหารกลางวันทุ กคนลุกขึ้นจากโต๊ะแล้ว ก็ยังไม่มีวี่แววว่ามาควิสแห่งฮาร์ติงตันจะมาเสวนาด้วย ท่านทูตปฤษฎางค์จึงเป็นฝ่ายเดินไปทักทายก่อนโดยกล่าวว่าท่านมีโอกาสได้พบท่านมาควิส เมื่อคราวที่มาเข้าเฝ้าพระนางเจ้าวิกทอเรียในครั้งแรก ท่านมาควิสจำได้จึงตอบว่านึกออกแล้วว่าเคยพบท่านในโอกาสนั้นนั่นเอง ท่านทูตปฤษฎางค์ไม่ทราบจะพูดอะไรต่อนอกจากจะถามว่า ท่านจะต้องถวายตราตั้งทั้งซองหรือต้องนำออกมาก่อน มาควิสแห่งฮาร์ติงตันตอบว่าตนก็ไม่ทราบเหมือนกัน แต่เดี๋ยวจะถามราชเลขานุการส่วนพระองค์ให้ ได้ความแล้วจะแจ้งให้ทราบภายหลัง จากนั้น ท่านมาควิสจึงเดินไปถามเซอร์เฮนรี พอนซันบี
ภาพข้างล่าง มาควิสแห่งฮาร์ติงตัน
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
NAVARAT.C
|
ความคิดเห็นที่ 81 เมื่อ 01 เม.ย. 16, 16:31
|
|
หม่อมเจ้าปฤษฎางค์รออยู่สักพักหนึ่งก่อนที่จะถูกเชิญเข้าไปในห้องที่ตกแต่งด้วยสีเหลืองเพื่อรอเวลาที่จะทรงมีพระกรุณาโปรดเกล้าให้เข้าเฝ้า ระหว่างที่พระนางเจ้าวิกทอเรียกำลังทรงเตรียมพระองค์อยู่นั้น ราชเลขานุการส่วนพระองค์ได้เข้ามากระซิบทูลถามถึงวิธีประดับสายสะพายเรื่องราชอิสริยาภรณ์ช้างเผือกของสยาม หลังจากนั้นสักพัก เซอร์เฮนรี พอนซันบีได้เข้ามาประกาศว่า พระนางเจ้าโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้อัครราชทูตจากสยามเข้าเฝ้าก่อนเป็นรายแรก
ทุกอย่างพร้อม มาควิสแห่งฮาร์ติงตันได้เดินนำหม่อมเจ้าปฤษฎางค์ไปยังท้องพระโรง พนักงานชาวที่เปิดประตูให้ ภายในนั้น ลอร์ดริบเบิลส์เดล และลอร์ด เฟรดิคาร์ยืนรออยู่แล้ว มันน่าแปลกเกินไปสักหน่อยที่ไม่มีการเตรียมการใดๆมาก่อนเลย ลอร์ดริบเบิลส์เดลจึงเพียงแต่ขานเบิกตัวผู้เข้าเฝ้าง่ายๆว่า “อัครราชทูตสยาม” แทนที่จะต้องเอ่ยนามและตำแหน่งเต็มตามระเบียบพิธีการ
มาควิสแห่งฮาร์ติงตันเดินเคียงท่านทูตปฤษฎางค์ไปยังกลางท้องพระโรง ซึ่งพระนางเจ้าวิกทอเรียทรงประทับยืนเป็นสง่าอยู่โดยมีเจ้าหญิงบีทรีสอยู่เบื้องหลังทางด้านขวาของพระองค์ แล้วท่านมาควิสได้ก้าวไปยืนคู่กันทางด้านซ้าย หลังถวายคำนับ หม่อมเจ้าปฤษฎางค์ได้ยื่นถวายพระราชสาส์นตราตั้ง พระนางเจ้าวิกทอเรียทรงแย้มพระพักตร์อย่างงดงาม แล้วทรงยื่นพระหัตถ์ออกมารับ หม่อมเจ้าปฤษฎางค์ทรงกราบบังคมทูลตามถ้อยคำที่ทรงเตรียมมาอย่างดีในสมอง พระนางเจ้าวิกทอเรียทรงมีพระราชดำรัสตอบ ถามว่า “ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวแห่งสยามทรงมีพระกรุณามาก พระองค์ทรงสุขสบายดีอยู่หรือ” หม่อมเจ้าปฤษฎางค์ “พระองค์ทรงสุขสบายดีพระเจ้าข้า” พระนางเจ้าวิกทอเรีย “ท่านพูดภาษาอังกฤษได้ดีมากทีเดียว” หม่อมเจ้าปฤษฎางค์ “ข้าพระองค์ถือเป็นเกียรติที่ได้มาพำนักอยู่ในประเทศของใต้ฝ่าพระบาทมากว่าสิบปีแล้ว พระเจ้าข้า” พระนางเจ้าวิกทอเรีย “ มิน่าเล่า ท่านจึงพูดได้คล่องแคล่วนัก” มาควิสแห่งฮาร์ติงตันสอดตนเข้ามาขัดจังหวะการสนทนา “ เจ้าชายองค์นี้เคยเป็นเลขานุการคณะทูตสยามที่เคยมาเฝ้าพระองค์ในปี 1880 พระเจ้าข้า” พระนางเจ้าวิกทอเรีย “ฉันคิดว่าฉันจำท่านได้ ยินดีมากที่ได้พบท่านอีก”
พระองค์ทรงพยักพระพักตร์ ผู้เข้าเฝ้าตระหนักว่าได้เวลาอันสมควรแล้ว “ เป็นพระมหากรุณาธิคุณล้นพ้น” หม่อมเจ้าปฤษฎางค์กราบบังคมทูลก่อนจะถวายคำนับ แล้วถอยตนออกไปจากท้องพระโรงนั้น
หลังจากนั้น คณะของชาวอินเดียจึงได้เข้าเฝ้าต่อ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
NAVARAT.C
|
ความคิดเห็นที่ 82 เมื่อ 02 เม.ย. 16, 09:40
|
|
หลังการเข้าเฝ้าแล้ว ยังมีเวลาเหลืออีกมากก่อนจะถึงเวลาที่รถไฟขบวนต่อไปจะแวะสถานีวินเซอร์ในเที่ยวกลับสู่ลอนดอน ลอร์ดริบเบิลส์เดล และลอร์ด เฟรดิคาร์สองกรมวังก็ได้ทำคณะทูตอินเดียและท่านทูตปฤษฎางค์ไปเที่ยวชมภายในห้องหับต่างๆของปราสาท ครั้นได้เวลาบ่ายสามโมงครึ่ง ขบวนรถม้าสามคันจึงได้มาจอดเรียงกันอยู่ด้านหน้าของพระราชวัง เพื่อนำคณะไปส่งยังสถานีรถไฟ
และเช่นเดิม หาได้มีใครเชิญท่านราชทูตไทยให้ขึ้นรถไม่ ดังนั้น โดยปราศจากระเบียบมารยาทอันพึงปฏิบัติ เมื่อชาวอินเดียทั้งหมดได้ขึ้นไปนั่งบนรถเรียบร้อยแล้ว หม่อมเจ้าปฤษฎางค์จึงได้เชิญตนเองขึ้นไปนั่งร่วมกับเขา
เรื่องการไปเข้าเฝ้าพระราชินีนาถแห่งอังกฤษจึงจบลงอย่างสันติสุขได้ดังนี้แล
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
NAVARAT.C
|
ความคิดเห็นที่ 83 เมื่อ 03 เม.ย. 16, 09:06
|
|
ภารกิจสำคัญของราชทูตสยามตามพระราชบัญชา
ท่านทูตปฤษฎางค์จะต้องเดินทางไปเฝ้าองค์พระประมุขและเข้าพบประธานาธิบดีประเทศต่างๆอีก ๑๑ ประเทศ หลังจากราชสำนักเซนต์เจมส์แล้ว ซึ่งภารกิจเหล่านี้ต้องทะยอยกระทำตามแต่จะกำหนดนัดหมายกับกระทรวงการต่างประเทศของแต่ละแห่งได้ กว่าจะเสร็จสิ้นก็ใช้เวลาเป็นปี
ภารกิจหลักที่สำคัญที่สุดตอนนั้น คืองานที่จะต้องเจรจากับรัฐบาลของชาติมหาอำนาจให้ยอมแก้ไขสนธิสัญญาภาษีร้อยชักสาม ในเรื่องการนำเข้าสุราเข้ามาในพระราชอาณาจักรให้ได้ โดยสยามต้องการเก็บภาษีเพิ่มเป็นร้อยละสิบ และผู้ค้าปลีกจะต้องลงทะเบียนและเสียค่าอากรกับรัฐบาลด้วย เงื่อนไขดังกล่าวฝรั่งมองว่าสยามมีแต่ได้ประโยชน์ ส่วนเขามีแต่เสีย รัฐบาลฝรั่งเศสจึงได้เสนอข้อต่อรองโหดๆออกมาสำหรับการทำข้อตกลงใหม่ ส่วนรัฐบาลอังกฤษยื่นเงื่อนไขว่า อังกฤษจะยอมแก้ไขสนธิสัญญากับสยามก็ต่อเมื่อมหาอำนาจทุกชาติตกลงยอมแก้ในบริบทเดียวกันทั้งหมดเท่านั้น
การทำงานของราชทูตสยามยิ่งยากลำบากขึ้นไปอีก เพราะความริษยาของกงสุลใหญ่อังกฤษประจำกรุงเทพ ผู้ไม่ต้องการให้สยามมีผู้แทนประจำราชสำนักซึ่งอังกฤษจะมีแต่จะเสียผลประโยชน์ จึงได้ทำหนังสือประท้วงไปยังรัฐบาลของตนในเรื่องนี้หลายฉบับ และฟ้องว่าสยามแสดงเจตนาไม่ชอบในเรื่องของสุรานำเข้าจากต่างประเทศ และถ้าเมื่อไหร่ที่อังกฤษยอมแก้ไขให้เป็นไปอย่างที่คนไทยต้องการแล้ว วงการค้าสุราก็จะเผชิญความเลวร้ายยิ่งขึ้น เพราะพ่อค้าในบังคับของอังกฤษจะต้องถูกบีบจากการปฏิบัติอย่างโหดร้ายจากหน่วยงานทางราชการสยาม
ท่านทูตปฤษฎางค์ต้องทรงใช้ความอดทนอย่างยิ่งยวดที่จะติดตามความคืบหน้าของเรื่อง และเจรจาทีละขั้นละตอนกว่าจะนำไปสู่ความสำเร็จได้
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
NAVARAT.C
|
ความคิดเห็นที่ 84 เมื่อ 04 เม.ย. 16, 07:22
|
|
ท่านอัครราชทูตทรงติดต่อขอเข้าพบปลัดกระทรวงการต่างประเทศ เซอร์จูเลียน ผู้ซึ่งเพิ่งจะเข้ามารับตำแหน่งใหม่ ท่านทูตทรงทวงว่าท่านได้เจรจาเรื่องนี้ผ่านลอร์ดแกรนวิลล์ครั้งหนึ่งนานพอสมควรแล้ว ท่านรัฐมนตรียังไม่ให้ให้คำตอบแก่ท่านตามที่สัญญาไว้ เซอร์จูเลียนได้ยกกล่องเอกสารกล่องหนึ่งมาให้ท่านดูแล้วบอกว่า ตั้งแต่รับตำแหน่งนี้มา ท่านยังไม่มีเวลาอ่านเอกสารในกล่องเลย นี่เป็นเรื่องเกี่ยวกับสุราของสยามทั้งนั้น แต่เอาเถอะ ท่านจะหาเวลาอ่านให้เร็วที่สุดและจะทูลแจ้งให้ท่านทูตทรงทราบต่อไป แต่ท่านก็มีลูกเล่นที่จะประวิงเวลาโดยขอให้ส่งกฏหมายว่าด้วยสุราของสยามมาให้ท่านศึกษาก่อนเป็นพื้นฐานความรู้
หลังจากนั้นอีกหลายเดือนเหมือนกัน แต่ก็ถือว่าไม่นานเกินรอ สยามและสหราชอาณาจักรก็ได้ทำกรอบข้อตกลงในเรื่องภาษีสุราฉบับใหม่ต่อกัน โดยมีหม่อมเจ้าปฤษฎางค์และลอร์ดแกรนวิลล์เป็นผู้มีอำนาจลงนามกระทำการแทนรัฐบาลของทั้งสองฝ่าย ส่วนปัญหาที่จะไปแก้ไขในตัวสนธิสัญญาเดิมอย่างไรนั้น จะตกลงกันภายหลัง
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
NAVARAT.C
|
ความคิดเห็นที่ 85 เมื่อ 04 เม.ย. 16, 07:59
|
|
เมื่อตกลงกับอังกฤษได้แล้ว หม่อมเจ้าปฤษฎางค์ก็อาศัยความสนิทสนมกับท่านทูตฮอลแลนด์ที่ประจำอยู่กรุงลอนดอน ผู้ซึ่งมีบุตรชายทำงานเป็นเลขานุการรัฐมนตรีต่างประเทศ พ่อหนุ่มผู้นี้เป็นผู้ต้อนรับท่านยังกรุงเฮกและพาเข้าพบท่านรัฐมนตรี ยังผลให้เกิดกรอบข้อตกลงในเรื่องภาษีสุราฉบับระหว่างสยามกับฮอลแลนด์ แต่ยังลงนามกันไม่ได้ เนื่องจากระหว่างนั้นกษัตริย์ฮอลแลนด์เสด็จลักซ์เซมเบิร์ก
หม่อมเจ้าปฤษฎางค์ต้องเดินทางกลับไปครั้ง เพื่อเข้าเฝ้าพระเจ้าวิลเลียมที่ ๓ เพื่อถวายพระราชสาส์นตราตั้งให้ท่านเป็นอัครราชทูตสยาม ประจำกรุงเฮก หลังจากวันนั้นแล้วท่านจึงมีฐานะและอำนาจเต็มที่จะลงนามในกรอบข้อตกลงในเรื่องภาษีสุราฉบับในนามของรัฐบาลสยาม แต่ยังมิทันจะได้เซนต์สัญญากัน กรมหลวงนเรศวรฤทธิ์ อัครราชทูตสยามประจำอังกฤษองค์ใหม่ผู้จะมาแทนท่านได้เสด็จถึงโดเวอร์แล้ว ท่านจึงต้องรีบเสด็จกลับไปรับ
แต่การลงนามในกรอบข้อตกลงก็ได้กระทำกันโดยเรียบร้อยในไม่กี่เดือนหลังจากนั้น
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
ตอบ: 33585
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 86 เมื่อ 04 เม.ย. 16, 16:14
|
|
เป็นงานระดับล้มยักษ์ทีเดียว พระองค์เจ้าปฤษฎางค์ทรงสร้างผลงานได้ยอดเยี่ยมในช่วงนี้
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
NAVARAT.C
|
ความคิดเห็นที่ 87 เมื่อ 04 เม.ย. 16, 18:19
|
|
ครับ ไม่ว่าจะอย่างไร ท่านเป็นคนไทยระดับสุดยอดคนหนึ่งทีเดียว ที่ทำคุณประโยชน์ให้ชาติและพระมหากษัตริย์ไว้มากถึงระดับนี้
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
NAVARAT.C
|
ความคิดเห็นที่ 88 เมื่อ 05 เม.ย. 16, 07:21
|
|
ในภาพคือพระเจ้าวิลเลียมที่ ๓ แห่งราชอาณาจักรฮอลแลนด์ หม่อมเจ้าปฤษฎางค์ทรงบันทึกว่า ในวันที่กลับไปลงนามในกรอบข้อตกลงในเรื่องภาษีสุราฉบับใหม่ต่อกันนั้น รัฐบาลดัชท์ได้จัดงานรับรองเป็นเกียรติแก่ท่านโดยมีคณะรัฐมนตรีทั้งหมดมาร่วมในงาน
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
NAVARAT.C
|
ความคิดเห็นที่ 89 เมื่อ 05 เม.ย. 16, 08:10
|
|
ต่อจากฮอลแลนด์ หม่อมเจ้าปฤษฎางค์เสด็จไปสี่ประเทศในการเดินทางครั้งเดียว เริ่มต้นที่สวีเดน นอร์เวย์ เดนมาร์ก และจบที่เบลเยียม ประเทศเหล่านี้มีความรู้สึกเห็นอกเห็นใจในข้อเสียเปรียบของสยามอยู่แล้วจึงไม่มีปัญหาแต่อย่างใด ท่านทูตได้รับการต้อนรับอย่างอบอุ่น
หม่อมเจ้าปฤษฎางค์เดินทางไปกับ Mr. Verney เลขานุการด้านการต่างประเทศของสถานทูต ระหว่างการเดินทางโดยเรือโดยสารตัดข้ามทะเลเหนือมีเรื่องให้ตื่นเต้นเล็กน้อย ฤดูกาลนั้นหมอกลงจัด ในเช้าวันดังกล่าวเรือต้องวิ่งไปอย่างช้าๆราวกับหอยทาก แต่ก็ไม่วาย ระหว่างเดินทางไปข้างหน้าโดยมองหน้าต่างออกไปไม่เห็นอะไรเลยนั้น ต้องเปิดหวูดให้สัญญาณกันเป็นระยะๆ ครั้งหนึ่งเมื่อได้ยินหวูดสัญญาณตอบรับทางด้านหน้าขวา กัปตันก็หักซ้ายหมดตัวและลดความเร็วที่ก็ช้าอยู่แล้วลงอีกจนแทบจะหยุด ทันใดนั้นก็มีเรือสำใหญ่โผล่มาจากหมอกด้วยความเร็วสูงตัดหน้าไปในระยะใกล้ ท่านกล่าวว่าถ้ากัปตันเรือไม่ตัดสินใจทำเช่นนั้น เรือคงถูกเรือลำที่ว่าผ่ากลางขาดเป็นสองท่อนแน่
หลังจากบ่ายสองโมงไปแล้วหมอกจางหายหมด เรือใช้ความเร็วเต็มที่เดินทางถึงเมืองโกเธนเบิร์กอย่างปลอดภัยในเช้าตรู่ของวันรุ่งขึ้น เมื่อหาโรงแรมในเมืองนั้นพักผ่อนรับประทานอาหารเช้าแล้ว ทั้งคู่ก็นั่งรถไฟเพลิดเพลินไปกับทัศนียภาพชนบทอันงดงามสู่กรุงสตอกโฮล์ม แล้วเข้าพำนักยัง Grand Hotel อันหรูเลิศที่สุดของเมืองนั้น ก่อนจะลงมือเขียนหนังสือถึงรัฐมนตรีต่างประเทศเพื่อขอเข้าพบ มอบให้นายเวอร์นีย์ถือไปหาด้วยตนเองในวันรุ่งขึ้น
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
|