ยินดีต้อนรับ
ท่านผู้มาเยือน
กรุณา
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
ส่งอีเมล์ยืนยันการใช้งาน?
หน้าแรก
ตู้หนังสือ
ค้นหา
ข่าว
: การแนบไฟล์ กรุณาใช้ชื่อไฟล์ภาษาอังกฤษเท่านั้นครับ
เรือนไทย
>
General Category
>
ประวัติศาสตร์ไทย
>
ขุนหลวงพระยาไกรสี (เปล่ง เวภาระ)
หน้า:
1
...
6
7
[
8
]
พิมพ์
อ่าน: 22345
ขุนหลวงพระยาไกรสี (เปล่ง เวภาระ)
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
ตอบ: 33479
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
ความคิดเห็นที่ 105
เมื่อ 05 มี.ค. 16, 10:28
คุณเพ็ญชมพูไม่ยอมให้จบค่ะ
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
ตอบ: 33479
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
ความคิดเห็นที่ 106
เมื่อ 09 มี.ค. 16, 09:38
กลับมาต่อเรื่องที่ค้างอยู่
ด้านครอบครัว ขุนหลวงพระยาไกรสีมีภรรยาคนแรกชื่อจัน ถึงแก่กรรมในปี ๒๔๓๖ ท่านสมรสใหม่กับคุณหญิงทองคำ มีบุตรด้วยกัน ๔ คน คือบุตรีชื่อชื่นจิต บุตรชายชื่อสฤษดิลาภ คนที่สามเป็นบุตรีชื่อผ่องศรี ชื่อนี้ได้รับพระราชทานจากสมเด็จพระศรีพัชรินทราฯ นำมาจากสร้อยพระนาม และคนสุดท้องเป็นชายชื่อสฤษดิพร
อาการป่วยโรคท้องมานของขุนหลวงพระยาไกรสี น่าจะเกิดขึ้นในระยะเวลาไม่กี่เดือน ทำให้อาการท่านทรุดลงรวดเร็ว จนถึงแก่อนิจกรรมเมื่ออายุ ๓๘ ปี ๖ เดือนเท่านั้นเอง ศพของท่านเก็บไว้ ยังไม่ได้จัดการตามประเพณี ซึ่งในสมัยนั้นไม่ใช่เรื่องแปลก เพราะนิยมเก็บศพไว้เผากันอย่างน้อยก็ ๑ ปี ไม่ใช่ ๗ วันเผาเหมือนสมัยนี้ ศพบางศพก็เก็บไว้นานกว่านั้น บางครั้งนานหลายปี ด้วยเหตุผลหรือความจำเป็นของแต่ละครอบครัว
ส่วนศพของขุนหลวงพระยาไกรสีเก็บไว้ด้วยเหตุใด ยังไม่พบคำตอบ มีแต่เสียงทางอินทรเนตร ซึ่งหาไม่เจอว่าที่ไหน ว่าอาจเกิดจากการจัดการมรดกที่ยังไม่ลงตัว คุณหญิงทองคำผู้ภรรยาซึ่งมีอายุยืนยาวมาจนประมาณพ.ศ. ๒๔๘๐ ก็มิได้บอกบุตรหลานว่าเก็บศพสามีไว้ ณ วัดใด ในเมื่อเจ้าคุณท่านถึงแก่อนิจกรรมเมื่ออายุยังไม่ถึง ๔๐ ด้วยซ้ำ ลูกๆแต่ละคนก็ยังอยู่ในวัยเยาว์ ทำให้การรับรู้ในเรื่องนี้ขาดช่วงไป คุณผ่องศรีอายุเพียง ๔ ขวบ วัยแค่นี้คงยากจะมีความทรงจำเกี่ยวกับบิดา เรื่องอนิจกรรมของท่านที่ยังไม่ได้มีพระราชทานเพลิงจนแล้วจนรอดจึงกลายเป็นความลับดำมืดที่บุตรธิดาไม่มีโอกาสรู้ ล่วงเลยมาจนถึงยุคหลานของท่าน
หลานตาคนหนึ่งของขุนหลวงพระยาไกรสี ชื่อมารุต บุนนาค เป็นบุตรเกิดจากคุณผ่องศรี กับพระสุทธิสารวินิจฉัย คุณผ่องศรีถึงแก่กรรมเมื่ออายุเพียง ๓๗ ปี ลูกๆยังอยู่ในวัยเยาว์ ก็เลยไม่มีโอกาสรู้เรื่องคุณตา
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
ตอบ: 33479
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
ความคิดเห็นที่ 107
เมื่อ 09 มี.ค. 16, 17:20
หลานปู่หลานตาของขุนหลวงพระยาไกรสี ได้รับทราบเพียงว่า ศพของท่านยังอยู่ ณ ที่ใดที่หนึ่งในประเทศไทยนี่แหละ แต่จะอยู่ที่ใดไม่มีใครทราบ เพราะคนที่รู้ดีคือคุณหญิงทองคำก็ถึงแก่กรรมไปแล้วตั้งแต่ก่อนสงครามโลกครั้งที่ 2 คนที่รู้เพียงเลาๆว่าศพเจ้าคุณตายังไม่ได้รับพระราชทานเพลิงศพตามประเพณี คือหลานตาชื่อคุณมารุต บุนนาค
คุณมารุตได้รับคำบอกเล่าจากผู้ใหญ่ซึ่งยังจำเหตุการณ์เก่าๆได้ คือท่านผู้หญิงดุษฎี มาลากุล ธิดาของเจ้าพระยามหิธร ซึ่งเคยเป็นเสนาบดีกระทรวงยุติธรรม และเคยรับราชการร่วมกับขุนหลวงพระยาไกรสีที่ศาลพระราชอาญา ว่าศพของขุนหลวงพระยาไกรสี ยังไม่มีการดำเนินการตามประเพณี คำบอกเล่านี้ทำให้คุณมารุตไม่สบายใจมาก แต่ท่านกับญาติก็ไม่มีช่องทางที่จะค้นหาได้
จนกระทั่งปาฎิหาริย์มาเอง
จากพ.ศ. 2444 อันเป็นปีที่ขุนหลวงพระยาไกรสีถึงแก่อนิจกรรม จำเนียรกาลล่วงเลยมาถึงพ.ศ. 2525 เป็นเวลา 81 ปี มีการฉลองครบสองร้อยปีกรุงรัตนโกสินทร์ กระทรวงยุติธรรมจัดนิทรรศการทางกฎหมายแสดงแก่ประชาชน ในเดือนเมษายน โดยทางกระทรวงมอบหมายคุณทวี กสิยพงศ์ ผู้พิพากษาหัวหน้าคณะในศาลฎีกา และเลขาธิการสำนักอบรมศึกษากฎหมายแห่งเนติบัณฑิตยสภา เป็นประธานอนุกรรมการดำเนินการ
อนุกรรมการชุดนี้จัดแสดงภาพนักกฎหมายคนสำคัญในอดีต เผยแพร่ให้ประชาชนเข้าชมนิทรรศการได้ ในบรรดาภาพถ่ายเก่าแก่เหล่านั้นมีภาพของขุนหลวงพระยาไกรสี (เปล่ง เวภาระ)รวมอยู่ด้วย
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
ตอบ: 33479
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
ความคิดเห็นที่ 108
เมื่อ 09 มี.ค. 16, 17:33
ในบรรดาประชาชนที่เข้าชม มีพระครูประสาธน์ธรรมวิทย์ ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดกัลยาณมิตร ฝั่งธนบุรี นายมงคล วงศ์สมศักดิ์ ข้าราชการบำนาญ และนายสมพงศ์ เถาประถม นายป่าช้าของวัด เห็นภาพถ่ายและนามของขุนหลวงพระยาไกรสี ในตอนนั้นหลานตาของท่านคือคุณมารุต บุนนาคดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีกระทรวงยุติธรรมอยู่ ทั้งสามจึงแจ้งให้ทราบว่าที่วัดมีโลงศพเก่าแก่อยู่โลงหนึ่ง ฝากไว้ที่วัดเป็นเวลา 80 ปีมาแล้ว เป็นโลงไม้สักใหญ่ เข้าลิ้นไว้แข็งแรง แม้สีทองที่ทาหลุดลอกไปแล้ว ก็ยังมีชื่อผู้วายชนม์เขียนไว้พออ่านออกว่า ชื่อขุนหลวงพระยาไกรสี (เปล่ง เวภาระ)
โลงนี้ฝากไว้ที่วัดนมนานมาเกินกว่าใครจะจำได้ แม้ว่ามีการเปลี่ยนตัวเจ้าอาวาสมาหลายครั้ง ล้างป่าช้ากันหลายหน และพระและกรรมการวัดก็ประชุมตกลงกันอย่างรอบคอบทุกหนว่า โลงนี้เป็นโลงศพของข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ในอดีต ซึ่งทางวัดไม่อาจสืบหาเครือญาติได้ ก็สมควรจะเก็บรักษาไว้ จนกว่าลูกหลานจะมาพบ และดำเนินการตามประเพณี ทางวัดจะไม่ด่วนเผาเองโดยพลการ
พอคุณมารุตทราบก็พาคุณทวีและญาติพี่น้องไปที่วัดกัลยาณมิตร ฝั่งธน ทันที ไปสำรวจแล้วพบว่าชื่อที่จารึกอยู่ที่โลง แม้เก่าคร่ำคร่าเต็มทีก็พออ่านออกว่าเป็นชื่อบรรพบุรุษของท่าน เปิดโลงออกมายังมีโครงกระดูกรูปร่างสูงใหญ่ เนื้อหนังมังสาผุพังกลายเป็นดินหมดแล้ว เหลือแต่กระดูกเท่านั้น
คุณมารุตและญาติพี่น้องเห็นหลักฐานแล้วก็เชื่อโดยสนิทใจ ไม่มีข้อสงสัยว่านี่คือศพของคุณตาที่สาบสูญไปหลายสิบปีนั่นเอง ข่าวนี้กลายเป็นข่าวครึกโครมลงหนังสือพิมพ์ไทยรัฐอยู่หลายวัน เป็นเรื่องน่าอัศจรรย์ที่ขุนหลวงพระไกรสีได้ปรากฏตนขึ้นอีกครั้ง ร่วมฉลองสองร้อยปีกรุงเทพ ยังไม่พอ ท่านยังปรากฏได้จังหวะเดียวกับที่หลานตาของท่านได้เป็นรัฐมนตรีกระทรวงยุติธรรม สามารถจัดงานพระราชทานเพลิงศพได้อย่างสมเกียรติของท่าน
ข่าวนี้ก็ทำให้ชื่อเสียงของขุนหลวงพระยาไกรสี ที่จางหายไปจากสังคมไทย 81 ปีแล้ว ได้กลับมาปรากฎต่อสาธารณะ เป็นที่น่าอัศจรรย์อย่างยิ่ง
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
ตอบ: 33479
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
ความคิดเห็นที่ 109
เมื่อ 09 มี.ค. 16, 17:40
แม้ว่าขุนหลวงพระไกรสีได้ดำรงบรรดาศักดิ์ชั้นพระยา แต่ในสมัยของท่าน ท่านได้รับเครื่องราชอิสริยาภรณ์มงกุฎสยามชั้นที่ 3 มัณฑนาภรณ์ และเหรียญดุษฎีมาลา ตามฐานะในณะนั้น บุคคลในระดับพระยายังไม่ได้มีโอกาสได้รับพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ชั้นสายสะพาย ทางกระทรวงยุติธรรมเห็นว่าท่านเป็นนักกฎหมายสำคัญท่านหนึ่งในประวัติศาสตร์ จึงได้ทำเรื่องเสนอเลขาธิการพระราชวัง ขอพระราชทานเพลิงศพ ก็ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ เลื่อนเกียรติยศประกอบหีบศพเป็นหีบทองลายสลัก ฉัตรและกลอง พร้อมกับพระราชทานผ้าไตร 5 ไตร เป็นกรณีพิเศษ ณ วัดเทพศิรินทราวาส
บันทึกการเข้า
เพ็ญชมพู
หนุมาน
ตอบ: 12566
ความคิดเห็นที่ 110
เมื่อ 10 มี.ค. 16, 09:46
อ้างจาก: เทาชมพู ที่ 09 มี.ค. 16, 17:40
สมัยของท่าน ท่านได้รับเครื่องราชอิสริยาภรณ์มงกุฎสยามชั้นที่ 3 มัณฑนาภรณ์ และเหรียญดุษฎีมาลา
หนังสืออนุสรณ์ในงานพระราชทานเพลิงศพ ณ เมรุวัดเทพศิรินทราวาส ๒๐ มกราคม พ.ศ. ๒๕๒๖ ระบุว่าท่านได้รับเครื่องราชอิสริยาภรณ์ ม.ม. (มัณฑนาภรณ์มงกุฎสยาม ปัจจุบันคือ ตริตาภรณ์มงกุฎไทย), ท.ช. (ทวีติยาภรณ์ช้างเผือก คงได้รับพระราชทานในรัชกาลปัจจุบัน), และ ร.ด.ม. (เหรียญดุษฎีมาลา)
บันทึกการเข้า
เพ็ญชมพู
หนุมาน
ตอบ: 12566
ความคิดเห็นที่ 111
เมื่อ 10 มี.ค. 16, 11:45
ขุนหลวงพระยาไกรสีได้รับพระราชทานเหรียญดุษฎีมาลา เข็มศิลปวิทยาเป็นคนแรกในสยาม
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
ตอบ: 33479
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
ความคิดเห็นที่ 112
เมื่อ 10 มี.ค. 16, 12:49
มีหนังสือ แล้วหลอกให้เราเล่าอยู่ได้ ชิส์
บันทึกการเข้า
ประกอบ
สุครีพ
ตอบ: 1338
ความคิดเห็นที่ 113
เมื่อ 10 มี.ค. 16, 16:01
อ้างจาก: เทาชมพู ที่ 10 มี.ค. 16, 12:49
มีหนังสือ แล้วหลอกให้เราเล่าอยู่ได้ ชิส์
เป็นผม ผมไม่ยอมครับแบบนี้ ท่านอาจารย์ใหญ่อย่ายอมเด็ดขาด ต้องปรับเสียให้เข็ด
(ความร้าวฉาน คืองานของเรา)
บันทึกการเข้า
วิรุศฑ์ษมาศร์ อัฐน์อังการจณ์
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
ตอบ: 33479
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
ความคิดเห็นที่ 114
เมื่อ 10 มี.ค. 16, 18:11
บ่างเนี่ย ย่างได้เหมือนกระรอกไหมคะ ถามคุณตั้ง?
บันทึกการเข้า
เพ็ญชมพู
หนุมาน
ตอบ: 12566
ความคิดเห็นที่ 115
เมื่อ 11 มี.ค. 16, 08:43
อ้างจาก: ประกอบ ที่ 10 มี.ค. 16, 16:01
เป็นผม ผมไม่ยอมครับแบบนี้ ท่านอาจารย์ใหญ่อย่ายอมเด็ดขาด ต้องปรับเสียให้เข็ด
(ความร้าวฉาน คืองานของเรา)
รูปที่ท่านชายวิรุศฑ์ษมาศร์ อัฐน์อังการจณ์ นำมาแสดงคือ "กระรอกบิน" แสดงว่าท่านชายยังคงต้องการปกปิดโฉมหน้าที่แท้จริงอยู่
อ้างจาก: ประกอบ ที่ 12 มี.ค. 14, 19:14
เข้ามาเกาะขอบเวที มุมแดงท่านเฒาว์ฌร์มภูว์ลูกจามจุฬี กับมุมน้ำเงิน เภ็ณย์ฌร์มภูว์ษิศย์ศามญ่าน ฮิฮิ งานนี้เหตุผลใครจะมีน้ำหนักกว่ากัน ในฐานะบ่างช่างยุ ต้องติดตามชมอย่างใกล้ชิด
นี่คือโฉมหน้าที่แท้จริงของท่านชาย
อ้างจาก: เทาชมพู ที่ 28 พ.ค. 11, 22:43
ตัวนี้ อีสปท่านเล่าว่าเป็นตัวช่างยุใช่ไหม
ชาวเรือนไทยเคยอ่านนิทานอีสปหรือเปล่าคะ
บันทึกการเข้า
Jalito
องคต
ตอบ: 478
ความคิดเห็นที่ 116
เมื่อ 12 มี.ค. 16, 01:39
อ้างจาก: เทาชมพู ที่ 10 มี.ค. 16, 18:11
บ่างเนี่ย ย่างได้เหมือนกระรอกไหมคะ ถามคุณตั้ง?
ภาพอาหารหวานคาวโดยท่านอาจารย์ใหญ่ห่างหายไปจากเรือนนานแล้วตั้งแต่ท่านอาจารย์ใหญ่กว่าแซวหนักเมื่อปีที่แล้ว
ทำให้เรือนไทยขาดสีสันบรรยากาศที่คุ้นเคย
(ขออนุญาตแว้บซอยแยกนิดนึงครับ)
บันทึกการเข้า
NAVARAT.C
หนุมาน
ตอบ: 11307
ความคิดเห็นที่ 117
เมื่อ 12 มี.ค. 16, 08:01
แหม เข้ากับเรื่องที่กำลังพูดเรื่องบ่างดีแท้ๆเชียวขอรับ
บันทึกการเข้า
หน้า:
1
...
6
7
[
8
]
พิมพ์
กระโดดไป:
เลือกกระทู้:
-----------------------------
General Category
-----------------------------
=> ศิลปะวัฒนธรรม
=> ภาษาวรรณคดี
=> ระเบียงกวี
=> ชั้นเรียนวรรณกรรม
=> หน้าต่างโลก
=> ประวัติศาสตร์โลก
=> ประวัติศาสตร์ไทย
=> ทันกระแส
=> วิเสทนิยม
=> ห้องหนังสือ
=> ชมรมอนุรักษ์ภาพจิตรกรรมไทย
Powered by SMF 1.1.21
|
SMF © 2006, Simple Machines
Simple Audio Video Embedder
XHTML
|
CSS
|
Aero79
design by
Bloc
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.035 วินาที กับ 20 คำสั่ง
Loading...