เรือนไทย
ยินดีต้อนรับ ท่านผู้มาเยือน
กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
ส่งอีเมล์ยืนยันการใช้งาน?
ข่าว: การแนบไฟล์ กรุณาใช้ชื่อไฟล์ภาษาอังกฤษเท่านั้นครับ
หน้า: 1 ... 5 6 [7] 8
  พิมพ์  
อ่าน: 22852 ขุนหลวงพระยาไกรสี (เปล่ง เวภาระ)
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33584

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 90  เมื่อ 06 ก.พ. 16, 21:03

โรคมานกษัยคือโรคอะไร  ไม่มีความรู้ ต้องถามอาจารย์หมอทั้งหลายที่แวะเข้ามาเยือนเรือนไทยค่ะ
ไปถามหมอกู๊กก็ได้คำตอบตามนี้
โรคกษัย หมายถึง ธาตุเสื่อม เป็นภาษาบาลี-ภาษามคธ แปลว่า ย้อม ติด กวาด รัดรึง ซึ่งถ้ากษัยไปติด กวาด รัดรึง ที่อวัยวะใดจะทำให้มีอาการซูบผอม บางครั้งผอมเหลือง อวัยวะทำงานผิดปกติ ธาตุพิการจึงเกิดโรค ซึ่งเรียก มานกษัย บ้าง ท้องมานบ้าง

ตามไปหาต่อว่าท้องมานคืออะไร ก็ได้คำตอบมาอีกว่า
ท้องมานหมายถึง ภาวะที่มีน้ำขังอยู่ในช่องท้อง โดยปกติช่องท้องจะอยู่ใต้ช่องอก แยกจากกันด้วยกล้ามเนื้อกระบังลม น้ำในช่องท้องที่มีปริมาณตั้งแต่ 1500 มิลิลิตรจึงจะตรวจร่างกายพบ น้ำปริมาตรตั้งแต่ 500 มิลิลิตรจึงตรวจด้วย ultrasound หากปริมาณน้อยกว่านี้จะตรวจไม่พบ
น้ำในช่องท้องมีแหล่งที่มาได้ต่างๆ กัน โดยเกิดได้จากสาเหตุหลายอย่าง เช่น โรคตับแข็ง โรคมะเร็ง โรคหัวใจล้มเหลว และโรคไต

ไม่ทราบว่าขุนหลวงพระยาไกรสีในวัยไม่ถึง 40 ปี  ท่านเป็นโรคท้องมาน เพราะสาเหตุจากอะไร
บันทึกการเข้า
เพ็ญชมพู
หนุมาน
********
ตอบ: 12600



ความคิดเห็นที่ 91  เมื่อ 29 ก.พ. 16, 14:14

เรื่องที่ท่านเสียชีวิตก็เป็นที่สงสัย เพราะก่อนหน้านั้นไม่นาน หลวงรัตนาญัป์ติ(ในเวลานั้น สะกดแบบนี้) เป็นอธิบดีกรมอัยการ
โดยชายสามคนรุมตีด้วยไม้เท้าจนบาดเจ็บสาหัส     ใกล้ถนนเจริญกรุง
สืบเนื่องมาจากหนังสือ ธรรมศาสตร์วินิจฉัย  ราคา ๔๑ อัฐ   ได้ลงพิมพ์เรื่องข้าราชการชั้นผู้ใหญ่เล่นการพนัน

(รายละเอียดของคดี  เก็บไว้ดีมากเกินไป  ไม่สามารถค้นพบในเวลานี้  เชิญสหายทั้งปวงค้นได้ตามความสามารถ)

สหายท่านใดพอจะเฉลยรายละเอียดของคดีนี้ได้บ้าง  ฮืม
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33584

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 92  เมื่อ 29 ก.พ. 16, 15:23

ถ้าค้นไม่เจอก็ไม่ใช่คุณเพ็ญชมพู
อุตส่าห์เก็บงำเรื่องนี้ไว้   เพราะนีกว่าจะพ้นสายตาท่าน     เจอจนได้
ถ้าอยากได้คำตอบ   กรุณารอก่อน
งานนอกเรือน เยอะค่ะ
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33584

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 93  เมื่อ 01 มี.ค. 16, 09:51

ขอปูพื้นเรื่องก่อนว่า  นอกเหนือจากรับราชการแล้ว   ขุนหลวงพระยาไกรสีท่านยังจัดพิมพ์หนังสือกฎหมายออกเผยแพร่ด้วย  โดยตั้งโรงพิมพ์ชื่อโรงพิมพ์วิชาการ
หนังสือที่จัดพิมพ์มี ๓ ชุด คือธรรมสาสตรวินิจฉัย    กฎหมายไทย หรือกฎหมายรัชกาลที่ ๕    เล่มสุดท้ายคือธรรมศาสตรสมัย

หนังสือธรรมศาสตรวินิจฉัย ไม่ใช่หนังสือตำราเล่มเดียวจบ  แต่เป็นแมกกาซีนรายปักษ์ หน้าตาเหมือนหนังสือพิมพ์   ข่าวสารที่ลงเป็นเรื่องเกี่ยวกับการทำงานของศาล  กฎหมายและเหตุการณ์สำคัญของบ้านเมือง     คิดว่าท่านคงจะได้แนวมาจากหนังสือพิมพ์ของอังกฤษ  เมื่อครั้งไปศึกษา
ราคาหนังสือคือ ๘ อัฐ  (หรือหนึ่งเฟื้อง = ครึ่งสลึง)
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33584

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 94  เมื่อ 01 มี.ค. 16, 10:02

ในเมื่อหนังสือ(พิมพ์)เล่มนี้รายงานเหตุการณ์บ้านเมือง และคดีอะไรต่อมิอะไรในศาลด้วย  เพื่อให้ราษฎรทั่วไปได้หูกว้างตากว้าง   รู้เห็นเหตุการณ์ร่วมสมัย    ก็ไม่แปลกที่บรรณาธิการจะไปสะดุดตอเข้าในบางครั้ง
ครั้งที่ทำให้คุณหลวงรัตนาฯท่านเจ็บตัว มีสาเหตุมาจากครั้งหนึ่งเจ้าพนักงานพบว่าเจ้าหมื่นศรีสรรักษ์ ขุนโภชนวิสูตร  กับพวกรวม ๒๒ คน   รวมกลุ่มกันเล่นบ่อนเบี้ยคือกำถั่วกำโป  เจ้าพนักงานก็ตรงเข้าจับกุม     จับเสร็จแล้วก็ส่งฟ้องศาลตามระเบียบ
เมื่อถึงศาล อัยการก็เป็นโจทย์ยื่นฟ้องต่อศาลราชทัณฑ์พิเฉท     เขียนคำฟ้องเสร็จเรียบร้อย  สำเนาคำฟ้องตกมาถึงมือคุณหลวงรัตนาฯ    ก่อนหน้านี้ คุณหลวงก็เคยส่งสำเนาคำฟ้องทำนองเดียวกันนี้ไปลงในหนังสือพิมพ์ธรรมสาสตรวินิจฉัยเป็นประจำอยู่แล้ว     ไม่เคยมีเรื่องมีราวอะไรตามมา  คนอ่านเขาก็อ่านกันไป  โจทย์จำเลยในคดีก็รับรู้กันไป    จากนั้นก็สู้คดีกันต่อไปตามระเบียบ
แต่คราวนี้     มันไม่ยักเป็นตามระเบียบ   เพราะจำเลยในคดีนี้เกิดโกรธขึ้นมา    เมื่อโกรธแล้วก็ไม่ได้ทำเพียงแค่เถียงว่าข้าพเจ้าไม่ได้ทำผิดกฎหมาย ข้าพเจ้าแค่ไม่ทำตามกฎหมาย  หรืออะไรทำนองนั้น   แต่แสดงความเป็นนักเลงยิ่งกว่านั้น คือกล้าเล่นงานศาลเอาเลยทีเดียว
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33584

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 95  เมื่อ 01 มี.ค. 16, 10:12

  วันที่ ๒๗ กรกฎาคม ร.ศ. ๑๑๓   เวลาบ่ายโมง   คุณหลวงรัตนาฯนั่งรถม้าออกจากบ้านที่ถนนเฟื่องนครจะมาทำงานที่ศาลตามปกติ    มีเด็กติดตามถือแฟ้มหนังสือราชการนั่งมาด้วย    ทั้งคู่ก็ไม่รู้อีโหน่อีเหน่ ไม่ได้เฉลียวใจเลยว่าจะเจอแจ๊กพ็อทเข้าในวันนี้
  พอรถม้าวิ่งก๊อกๆ ผ่านบ้านพระยาเทเวศร์ฯ มาได้หน่อย    ก็มีคนร้าย ๓ คนซึ่งไม่ได้ปิดหน้าปิดตาอะไร  เห็นหน้าชัดเจนว่าเป็นขุนโภชนวิสูตร  มีตำแหน่งเป็นนายเวรในกรมพิพิธภัณฑ์   และเป็นจำเลยในคดีเล่นถั่วเล่นโปนี่แหละ กับสมุนอีก ๒ คนชื่อนายเด่น มหาดเล็ก   และอ้ายเล็ก ทาสเจ้าหมื่นศรีสรรักษ์   ถือไม้พลองยาวประมาณ ๒ ศอก  วิ่งกรูกันออกมาจากที่ซ่อน  คนหนึ่งวิ่งไล่รถจนยึดท้ายรถม้าไว้ได้   อีกสองคนโดดขึ้นยืนบนบันไดรถข้างละคน   
  จากนั้นก็ลงมือปฏิบัติการ ปิดประตูตีแมว   กลุ้มรุมกันกระหน่ำตีคุณหลวงรัตนาฯ  ผู้เคราะห์ร้ายถูกตีที่สีข้าง ไหล่ขวา  เหนือหน้าผากฟกช้ำ  นาฬิกาพกเรือนทองในกระเป๋าเสื้อแตกกระจายเสียหาย   ในเรื่องไม่ได้บอกว่าเด็กติดตามของคุณหลวงโดนอะไรบ้าง แต่น่าจะถูกลูกหลงหัวหูน่วมไปไม่มากก็น้อย
  สามคนกระหน่ำตีแล้วตีอีกอยู่ยังงั้น  ในขณะที่คนขับรถม้าเห็นเข้าก็ขับรถไม่คิดชีวิต มาถึงสี่แยกเจริญกรุง    ผู้คนแถวนั้นมีอยู่พอสมควร  เห็นคนถูกทำร้ายในรถก็กรูกันเข้ามาช่วย    คนร้ายจึงหยุดตีคุณหลวงซึ่งก็คงจะบอบช้ำไปทั้งตัว
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33584

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 96  เมื่อ 01 มี.ค. 16, 10:41

  ฉ็อทเด็ดของเหตุการณ์นี้ ยังมีอีกค่ะ
  เมื่อผู้คนกรูกันเข้ามาช่วยคุณหลวงรัตนาฯ  ผู้ร้ายสามคนก็หยุดตี   แต่แทนที่จะเผ่นลงจากรถม้า โกยอ้าวหนีเข้าตรอกเข้าซอยไป อย่างผู้ร้ายทั้งหลายพึงกระทำ    พวกนี้กลับยืนเฉย รอมอบตัวแต่โดยดี   ไม่หนี แถมไม่สะทกสะท้านใดๆ
  คุณหลวงรัตนาฯ ทั้งที่สะบักสะบอม ก็ยังมีแรงพอจะเรียกพลตระเวนหรือตำรวจสมัยนั้น มาจับสามคนนี่ส่งไปที่ศาลโปริสภา

  ยัง ฉ็อทเด็ดยังไม่จบ
  พอไปถึง    สามคนก็ควักไม้เด็ดสุดท้ายออกมาจากกระเป๋า คือหนังสือขอลุแก่โทษ ที่เขียนเตรียมไว้แล้ว ยื่นต่อพระยางำเมือง  อธิบดีศาลโปริสภา     ในหนังสือที่ร่างมาอย่างรัดกุมเรียบร้อยนั้น ฟ้องว่าคุณหลวงรัตนาฯต่างหากเป็นตัวการ  แกล้งเอาคำฟ้องในคดีเล่นการพนันไปลงหนังสือพิมพ์ เป็นการประจานจำเลย  ทั้งๆศาลก็ยังไม่ทันตัดสินว่าจำเลยมีความผิดจริงหรือไม่

   เรื่องนี้กลายเป็นคดีที่เอิกเกริกกันมากในบ้านเมืองยุคนั้น

   แต่หนังสือนั้นจะได้ผลต่อคดีหรือไม่ยังไงก็ตาม  ที่เห็นชัดๆคือ ๓ วันต่อมา  ปลัดกรมอัยการเป็นโจทย์ยื่นฟ้องคนร้ายทั้งสามต่อศาลราชทัณฑ์พิเฉท     
   ศาลตัดสินลงโทษคนร้ายทั้งสามคน
   คนร้ายไม่ยอมแพ้ ขออุทธรณ์   ก็แพ้อีก
   จำเลยก็ทูลเกล้าถวายฎีกา

   น่าเสียดายอย่างยิ่ง   เล่ามาให้ลุ้นระทึกกันแบบนี้    ไ่ม่สามารถจะเล่าตอนจบได้  เพราะว่าไม่มีหลักฐานว่าคดีขึ้นถึงที่สุดแล้วเป็นยังไง     ก็จบไปแบบด้วนๆ ยังงี้ละค่ะ คุณเพ็ญชมพู
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33584

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 97  เมื่อ 01 มี.ค. 16, 10:49

  อ่านจากเนื้อหาข้างบนนี้    อดนึกไม่ได้ว่า ผู้ร้ายสามคน เห็นทีจะมีลูกพี่ใหญ่คอยกำกับอยู่เบื้องหลัง    คงมีการวางแผนกันมาแล้วอย่างดี เป็นขั้นเป็นตอน  คือทำร้ายคุณหลวงฯให้สะใจหายแค้นซะก่อนในขั้นต้น    ขั้นต่อมาคือเตรียมหนังสือไว้ยื่นกับโปริสภา   เพื่อขอความเห็นใจและบรรเทาโทษ    โดยซัดไปที่คุณหลวงว่าเป็นต้นเหตุ     ไม่ยักใช่ว่าพวกตัวซึ่งไปเล่นบ่อนเถื่อนผิดกฎหมายเข้า
  คนที่คิดการได้ระดับนี้  ไม่กระจอกแน่นอน     สามารถสั่งสอนคนระดับอธิบดีกรมอัยการให้เข็ดขยาดไม่กล้ามาแตะได้  นี่ก็ต้องตำแหน่งใหญ่กว่าคุณหลวงรัตนาฯ   มีเส้นสายใหญ่โตกว่าด้วย     ปล่อยลูกน้องออกทำการแล้วจอมบงการลอยนวล
  ศาลก็คงจะเอื้อมถึงแค่จำเลย   เพราะในข่าวไม่ได้บอกว่าจำเลยซัดทอดถึงลูกพี่

   คิดขึ้นมาอีกอย่างว่า   คุณหลวงรัตนาฯ หรือขุนหลวงพระยาไกรสีท่านอายุสั้น  คดีที่เดินมาตั้ง ๓ ศาล ย่อมกินเวลาหลายปี  เป็นได้ว่าเจ้าคุณท่านถึงแก่อนิจกรรมไปก่อนที่คดีจะสิ้นสุด     ถ้าถึงขั้นนั้น ก็อาจมีการวิ่งเต้นเส้นสายกันอย่างหนัก เพื่อถวายฎีกาขอพระราชทายอภัยโทษหรือผ่อนหนักเป็นเบา  ให้นักเลง ๓ คนนี้ได้รับโทษสถานเบาที่สุดก็เป็นได้

    จบแล้วค่ะ  ใครมีความเห็น เชิญได้เลยนะคะ
บันทึกการเข้า
เพ็ญชมพู
หนุมาน
********
ตอบ: 12600



ความคิดเห็นที่ 98  เมื่อ 01 มี.ค. 16, 13:47

ครั้งที่ทำให้คุณหลวงรัตนาฯท่านเจ็บตัว มีสาเหตุมาจากครั้งหนึ่งเจ้าพนักงานพบว่าเจ้าหมื่นศรีสรรักษ์ ขุนโภชนวิสูตร  กับพวกรวม ๒๒ คน   รวมกลุ่มกันเล่นบ่อนเบี้ยคือกำถั่วกำโป  เจ้าพนักงานก็ตรงเข้าจับกุม     จับเสร็จแล้วก็ส่งฟ้องศาลตามระเบียบ

จำเลยคดีเล่นการพนันที่มียศศักดิ์สำคัญที่ออกนามมีอยู่ ๒ ท่านคือ เจ้าหมื่นศรีสรรักษ์ และ ขุนโภชนวิสูตร   ท่านหลังเป็นจำเลยในคดีทำร้ายร่างกายด้วย เป็นที่น่าสงสัยว่าคนที่บงการให้ทำร้ายร่างกายคนระดับอธิบดีกรมอัยการอาจจะเป็นท่านแรก ซึ่งมีเส้นสายใหญ่โตพอตัว

คดีทำร้ายร่างกายเกิดก่อนขุนหลวงพระยาไกรสีเสียชีวิต ๗ ปี (พ.ศ. ๒๔๔๔ - พ.ศ. ๒๔๓๗) เป็นไปได้ว่ากว่าคดีจะสิ้นสุดท่านอาจจะเสียชีวิตแล้ว
บันทึกการเข้า
เพ็ญชมพู
หนุมาน
********
ตอบ: 12600



ความคิดเห็นที่ 99  เมื่อ 01 มี.ค. 16, 14:45

หลังจากเกิดเรื่องใน ร.ศ. ๑๑๓ อีก ๔ ปีต่อมาเจ้าหมื่นศรีสรรักษ์ก็ลาออกจากราชการ และยังเกี่ยวข้องอีกหลายคดี  ตกใจ

เจ้าพระยาภาสกรวงศ์ (พร บุนนาค) เสนาบดีกระทรวงธรรมการ มีจดหมายพิมพ์ดีดลงวันที่ ๑๔ มกราคม ร.ศ. ๑๑๗ ทูลกรมหมื่นสมมตอมรพันธ์ ว่าเจ้าหมื่นศรีสรรักษ์ (เพ่ง บุนนาค) เจ้ากรมพิพิธภัณฑ์ขอลาออกจากตำแหน่งเพราะทำผิด ถูกขังเร่งเงินหลวงอยู่  

เรื่องนายเพ่ง ศรีสรรักษ์นั้นมีรายละเอียดมาก  ถ้าจะให้เล่าต้องให้เวลานาน
ควรแต่สรุปสั้นๆ ว่า นายเพ่งนั้น  บิดาและมารดาเหลืออดเหลือนกับพฤติกรรมมาก
จนถึงแก่ทำหนังสือกราบบังคมทูลให้ทรงถอดออกจากตำแหน่งและยศบรรดาศักดิ์
รวมทั้งถอดออกจากสมาชิกเครื่องราชอิสริยาภรณ์จุลจอมเกล้า ในฐานะเป็นบุตรคนโตที่สืบสกุลเจ้าพระยาภาสกรวงศ์
และตัดสิทธิจากทายาทผู้ควรได้รับมรดกด้วย  

ส่วนเรื่องที่นายเพ่ง ติดคุกนั้น  กรณีที่นายเพ่งติดคุกเพราะถูกเร่งเงินหลวงค่านาก็เป็นกรณีหนึ่ง
แต่ก็ยังติดไม่นานเท่ากับคดีต่อมาภายหลังที่นายเพ่งออกจากราชการแล้ว คดีนั้นเป็นคดีใหญ่
ที่มีเจ้านายเข้าไปเกี่ยวข้อง  และเป็นคดีที่ไม่เคยเกิดในเมืองไทยมาก่อน  ผลนายเพ่งติดคุกอยู่หลายปี
กว่าจะพ้นมาได้โดยการดปรดเกล้าฯ พระราชทานอภัยโทษ   ส่วนเจ้านายพระองค์นั้น
ต้องทรงรับโทษข้ามรัชกาลเป็นเวลานานกว่านายเพ่งหลายปี


เรื่องนายเพ่งนี่ยาวมาก   ที่จริงท่านมีฝีมือในทางแปลเรื่องเซอร์ยอนโบว์ริงเข้ามาเมืองไทยไม่น้อย  ภาษาไทยนุ่มนวล

ได้อ่านฎีกาของท่านสองสามเรื่อง  แต่คดีใหญ่นั้น   ยังไม่เห็นเอกสาร

เจ้าคุณพ่อแก้ตัวให้ครั้งหนึ่งว่า  ทำการเกินตัวด้วยไปตั้งโรงสีข้าวและกู้เงินมาซื้อเครื่องจักร

พ่อกับแม่ต้องขอผ่อนหนี้แทน    ครอบครัวก็ขัดสนเพราะใช้หนี้ให้หลายครั้ง  และกำลังจะทำงานเผาหม่อมอินซอ

ไม่มีเอกสารที่กล่าวถึงความเสียใจของท่านผู้หญิงเปลี่ยน       การที่ท่านร่วมเซ็นชื่อกับเจ้าคุณภาสขอถอดลูกชายคนโตจาก

ผู้ถือตราตระกูลนั้นแสดงว่าท่านพยายามตัดใจเป็นที่สุด

คลับคล้ายว่านายเพ่ง ศรีสรรักษ์ หลังออกจากราชการแล้ว ก็คบคิดกับชาวญี่ปุ่นทำแบงก์โน๊ตปลอมเข้ามาจากกรุงญี่ปุ่นขนส่งมายังกรุงสยาม

ในฉากญี่ปุ่นบานหนึ่ง และด้วยอะไรก็สุดแล้วแต่ ฉากญี่ปุ่นบานนั้น ก็ตกเป็นกรรมสิทธิ์ของเสด็จในกรมพระองค์หนึ่ง

ครั้นภายหลังเรื่องแบงก์ปลอมแดงขึ้น นายเพ่งถูกจับ เสด็จในกรมท่านก็ติดร่างแหไปด้วย ถูกถอดยศ ริบเหรียญตราเครื่องราชฯ

เป็นเรื่องใหญ่โตเจียว
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33584

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 100  เมื่อ 01 มี.ค. 16, 16:04

ในรัชกาลที่ ๔  เมื่อพระราชโอรสธิดาองค์ใดประสูติ   พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงผูกดวงพระชะตาไว้ทุกองค์
ด้วยพระปรีชารอบรู้ในโหราศาสตร์  จึงทรงเล่าคำทำนายให้พระราชโอรสพระองค์ใหญ่คือพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวไว้ว่า ในภายภาคหน้า จะมีเจ้านาย ๒ พระองค์ หญิง ๑ ชาย ๑ ทำความผิดอุกฉกรรจ์โทษถึงประหาร   จึงทรงขอไว้ให้ผ่อนเพลาโทษลง
เจ้านายชายพระองค์นั้นก็คือเจ้านายของเจ้าหมื่นศรีสรรักษ์ผู้นี้   ทรงติดสนมอยู่หลายปี
บันทึกการเข้า
Naris
องคต
*****
ตอบ: 421


ความคิดเห็นที่ 101  เมื่อ 02 มี.ค. 16, 10:14

คนวางแผนทำได้แยบยลและคลาสสิคมากครับ เพราะมีการมาซุ่มรอ แสดงให้เห็นว่าเป็นเรื่องตระเตรียมการมาก่อน แต่อาวุธที่ใช้กลับเป็นเพียงไม้พลอง เพื่อแสดงให้เห็นว่า ไม่มีเจตนาฆ่า มีเพียงเจตนาทำร้าย เมื่อเป็นการลงมือในเวลาที่ผู้คนเห็นได้ ก็น่าจะต้องการให้ได้อาย มากกว่าประสงค์ต่อชีวิต

เมื่อทำการเสร็จก็ไม่ได้หลบหนีแต่รอมอบตัวต่อสู้คดี โดยมีการเตรียมคำแก้ต่างมาเป็นอย่างดี และเป็นการแก้ต่างที่โยนความผิดกลับไปให้ทางผู้เสียหายเสียด้วย

ไม่ธรรมดาจริงๆ ครับ
บันทึกการเข้า
เพ็ญชมพู
หนุมาน
********
ตอบ: 12600



ความคิดเห็นที่ 102  เมื่อ 04 มี.ค. 16, 09:09

มีอีกคดีหนึ่งที่น่าสนใจ เกี่ยวพันกับขุนหลวงพระยาไกรสี

ศพถูกย้ายจากวัดบวรนิเวศ ไปฝากไว้ที่วัดกัลยาณมิตร  ถึง ๘๑ ปี มิได้เผา
เนื่องด้วยคุณหญิงทองคำไม่ได้แจ้งผู้ใดไว้เลย
(มีคดีมรดกกับมารดาพระยาไกรศรี)

คุณเทาชมพูน่าจะมีรายละเอียดเกี่ยวกับคดีนี้  ยิงฟันยิ้ม
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33584

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 103  เมื่อ 04 มี.ค. 16, 09:38

ไม่จบจนได้
รอแป๊บค่ะ
บันทึกการเข้า
Jalito
องคต
*****
ตอบ: 478


ความคิดเห็นที่ 104  เมื่อ 05 มี.ค. 16, 00:48

ก็เหมือนจะจบ แต่ยังไม่บริบูรณ์นี่ครับ ท่านอาจารย์เจ้าเรือน
บันทึกการเข้า
หน้า: 1 ... 5 6 [7] 8
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by SMF 1.1.21 | SMF © 2006, Simple Machines
Simple Audio Video Embedder

XHTML | CSS | Aero79 design by Bloc หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.061 วินาที กับ 19 คำสั่ง