Anna
|
ความคิดเห็นที่ 60 เมื่อ 02 ธ.ค. 15, 09:41
|
|
ของฝากจากกระทู้เก่า date=1272507603[/sup]] เอาบทประพันธ์ของขุนหลวงพระยาไกรสี (เปล่ง เวภาระ) มาฝาก ขออนุญาตนอกเรื่องหน่อยนะคะ คือสงสัยมานานแล้วค่ะ ว่าอาจารย์เพ็ญฯบริหารจัดการระบบจัดเก็บข้อมูลยังไงคะ ถึงจำได้ว่าเรื่องอะไรอยู่ไหน กระทู้ไหนบ้าง ข้อความข้างบนนี้ผ่านไปตั้งห้าปีแล้ว อาจารย์ก็ยังสามารถรื้อค้นลิ้นชักความจำออกมาได้อีก ทราบค่ะ ว่าเรื่องนี้เป็นความสามารถเฉพาะตัว แต่อยากจะขอลอกเลียนแบบ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เพ็ญชมพู
|
ความคิดเห็นที่ 61 เมื่อ 02 ธ.ค. 15, 13:15
|
|
คุณแอนนาลองใช้บริการ หน้าค้นหา ของเรือนไทยดู
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
ตอบ: 33584
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 62 เมื่อ 03 ธ.ค. 15, 11:00
|
|
ดวงราชการของคุณหลวงรัตนฯ นับว่ารุ่ง เพราะฝีมือท่านไม่เบาอย่างที่เห็นได้จากประวัติ ทำงานหนักแต่จัดระเบียบเรียบร้อย เป็นที่พอพระราชหฤทัย จึงได้รับพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเป็นเจ้ากรมอัยการในปีต่อมา สมัยนั้นกรมอัยการสังกัดอยู่ในกระทรวงยุติธรรม
หน้าที่อัยการในสมัยนั้น อย่างที่คุณหลวงรัตนาฯ(เปล่ง) สรุปความไว้ก็คือ "ได้เป็นทนายแทนกระทรวงทั้งปวง ว่าความหลวงส่วนแพ่ง ซึ่งเกี่ยวด้วยผลประโยชน์พระราชทรัพย์ และความอาญาแผ่นดินในศาลต่างๆ....เป็นที่ปรึกษากฎหมายของเจ้าพนักงานในกระทรวงต่างๆ ในเรื่องคดีถ้อยความเกี่ยวกับผลประโยชน์ของราชาธิปไตยทั่วไป ได้บังคับราชการในกรมอัยการ ตามกฎหมายและอย่างธรรมเนียมที่ชอบด้วยราชการ และได้คิดร่างแต่งกฎเสนาบดีสำหรับใช้ในกระทรวงยุติธรรม และประกาศและพระราชบัญญัติต่างๆซึ่งเสนาบดีกระทรวงยุติธรรมจะได้นำขึ้นทูลเกล้าฯถวาย"
ผลงานชิ้นสำคัญชิ้นหนึ่งในปีเดียวกันนี้ คือเป็นยกกระบัตรของศาลรับสั่งพิเศษ ชำรำคดีพระยอดเมืองขวาง ท่านก็ได้ทำจนเสร็จสิ้นเรียบร้อย เรื่องพระยอดเมืองขวางเป็นอีกเรื่องหนึ่งที่สามารถเล่าได้ยาวเหยียด โยงไปถึงความเป็นเจ้าอาณานิคมของฝรั่งเศส และต่อเนื่องถึงเหตุการณ์ร.ศ. 112 ยาวเกินกว่าจะเล่าในกระทู้นี้ได้ ก็ขอเว้นไปก่อนนะคะ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
ตอบ: 33584
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 63 เมื่อ 09 ธ.ค. 15, 21:14
|
|
เมื่อเข้ารับหน้าที่อัยการ แม้คุณหลวงเป็นคนเก่งกาจปราดเปรื่องอยู่มาก แต่ก็ไม่ได้ช่วยให้พ้นจากความยากลำบากที่มิใช่ในตำรับตำราหรือระเบียบราชการ หากแต่เป็น "ตอ" ขนาดใหญ่ เจอเข้าอย่างจัง ในคดีของขุนนางผู้ใหญ่ คือพระยาสีหราชเดโชไชย
สาเหตุของเรื่องนี้ไม่ได้มาจากตัวคุณหลวงรัตนาเปล่ง แต่มาจากหญิงผู้มาฟ้องร้องในเรื่องของตน เธอชื่ออำแดงเป้า มีสามีชื่อนายสิงโต นายสิงโตนั้นเดิมเป็นทหารมหาดเล็ก ได้อำแดงเป้าเป็นภรรยามีบุตรด้วยกัน 2 คนและอยู่ในท้องอีกคน เป็น 3 คน วันร้ายคืนร้ายนายสิงโตเกิดตายลงไป แต่ไม่ได้ตายด้วยเหตุธรรมชาติ แต่ตายกะทันหันอยู่ในบ้านของขุนนางผู้ใหญ่คือพระยาสีหราชเดโชไชย ทางฝ่ายเจ้าคุณแจ้งกับภรรยาว่านายสิงโตผูกคอตาย แต่อำแดงเป้าไม่เชื่อ เพราะรู้มาจากไหนไม่ได้ระบุไว้ ว่าเจ้าคุณกับบ่าวในบ้านช่วยกันจับนายสิงโตไปกักขังไว้ในบ้าน ทุบตี ล่ามโซ่กักขัง เฆี่ยนตี กระทำทรมานต่างๆจนบาดเจ็บสาหัส ทนเจ็บปวดจากบาดแผลไม่ไหว ก็เลยขาดใจตาย
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
ตอบ: 33584
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 64 เมื่อ 09 ธ.ค. 15, 21:27
|
|
นายสิงโตนั้นมีอาชีพในขณะนั้นเป็นพ่อค้า มีเรือฉลอมลำหนึ่งบรรทุกกะปิ น้ำปลา หอม กระเทียมและสินค้าอื่นๆ ขึ้นล่องลำน้ำขายของเรื่อยมา ส่วนอำแดงเป้าไม่ได้ช่วยสามีขายของ แต่ทำงานเป็นพวกวิเศศห้องเครื่องในวังหลวง (หมายถึงพนักงานในครัว) ในช่วงเกิดเหตุ เธอไม่ได้อยู่กับสามี เพราะพระเจ้าอยู่หัวเสด็จแปรพระราชฐานไปเกาะสีชัง เธอต้องตามเสด็จไปด้วย ทิ้งให้สามีจอดเรือขายของชำอยู่หน้าบ้านพี่ชายเธอ ในคลองตลาดสมเด็จ หน้าบ้านสมเด็จเจ้าพระยา นายสิงโตตามที่ภรรยาบรรยายไว้ บอกว่าเป็นคนคุ้มดีคุ้มร้าย แต่ไม่ได้เสียสติอยู่ตลอดเวลา บางเวลาก็ดีเป็นปกติ บางเวลาก็คลุ้มคลั่งไม่ค่อยจะได้สติสตังเท่าไหร่ แต่ดูรูปการณ์แล้ว นายสิงโตน่าจะมีเวลาดีมากกว่าไม่ดี ไม่งั้นคงขายของกับชาวบ้านไม่รู้เรื่อง ระหว่างที่อำแดงเป้าอยู่ที่สีชัง ก็ได้ข่าวจากทางกรุงเทพฯว่าสามีเสียชีวิตไปแล้ว ซ้ำไม่ได้ตายดี หากแต่ถูกพระยาสีหราชฯกับบ่าวไพร่เฆี่ยนตีทำร้ายจนถึงแก่ความตาย เธอก็รีบทูลลาเจ้านายคือพระองค์เจ้าพวงสร้อยสอางค์กลับมาบ้าน ไปสอบถามว่าเรื่องราวเป็นอย่างไร ขุนนางที่อำแดงเป้าไปสอบถามคือพระเทพผลูเจ้ากรมกองตระเวนซ้าย (ถ้าเทียบสมัยนี้ก็คือตำรวจ แต่เทียบตำแหน่งกับอะไรต้องถามท่านอื่นในเรือนไทย) ได้ความกลับตาลปัตรเป็นคนละเรื่อง พระเทพผลูบอกว่าพระยาสีหราชฯใจดีเอาตัวนายสิงโตมารักษา แต่นายสิงโตเกิดอะไรไม่รู้ ผูกคอตายไปเสียแล้ว เท่านั้นยังไม่พอ เรือฉลอมที่ใช้ทำมาหากินก็ถูกพระเทพผลูยึดมา แล้วให้ผู้อื่นยืมไปใช้ โดยไม่รอลูกเมียของนายสิงโตมารับมรดก เป็นอันว่าอำแดงเป้าเสียทั้งสามี เสียทั้งเครื่องมือทำมาหากิน
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
ตอบ: 33584
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 65 เมื่อ 10 ธ.ค. 15, 19:56
|
|
อำแดงเป้าคงสอบสาวราวเรื่องด้วยตัวเองมาแล้ว จึงเล่าเหตุการณ์ได้เป็นฉากๆ ว่า ในวันที่เริ่มเกิดเหตุ นายสิงโตจอดเรือฉลอมขายของอยู่ในคลองดีๆ หน้าบ้านสมเด็จเจ้าพระยา บ่าวไพร่กลุ่มหนึ่งของพระยาสีหราชเดโชไชยก็กรูเข้าไปรุมนายสิงโต เอาไม้ตีจนฟกช้ำดำเขียว แล้วจับตัวมัดไว้ เท่านั้นยังไม่พอ จับตัวได้แล้วก็ยังต่อยยังตีต่อไปอีก จากนั้นก็เอาโซ่ล่ามนายสิงโตไว้ ด้วยข้อกล่าวหาว่านายสิงโตเป็นผู้ร้ายดอดเข้าไปลักขโมยของบนตึกบ้านสมเด็จเจ้าพระยา อำแดงเป้าบรรยายต่อไปว่า เมื่อจับตัวสามีของเธอในข้อหาผู้ร้ายลักขโมยของได้ แทนที่จะส่งตัวให้เจ้ากระทรวงโรงศาลพิจารณาโทษตามระเบียบกฎหมายบ้านเมือง ก็กลับทะนงตัวว่าเป็นผู้มียศถาบรรดาศักดิ์ สั่งให้ขุนวิสูตอักษร(พุ่ม) กับบ่าวไพร่ของตนจับนายสิงโตนอนคว่ำ ยึดมือเท้าไว้ แล้วเฆี่ยนหลังด้วยหวายอย่างสาหัสประมาณ 30 ทีจนหลังแตกยับเยิน เลือดไหล เขียวบวมช้ำด้วยจากการเตะตี เท่านั้นยังไม่พอ วันรุ่งขึ้น พระยาสีหราชเดโชไชยก็สั่งบ่าวไพร่ให้นำนายสิงโตซึ่งบอบช้ำไปทั้งตัวแล้ว ไปขังทึ่ห้องใต้ถุนตึกของเจ้าคุณท่านเอง ทิ้งให้ทรมานอยู่อย่างนั้น 5 วัน 6 คืน นายสิงโตทนความเจ็บปวดจากบาดแผลไม่ไหวก็ขาดใจตาย อำแดงเป้าจึงนำเรื่องนี้มาฟ้องศาล เขียนจาระไนเรื่องราวอยา่งละเอียดแถมบอกได้ด้วยว่าพระยาสีหราชผิดมาตราไหนบ้าง ให้ศาลลงโทษผู้กระทำผิด และปรับค่าเสียหายด้วย
|
|
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 12 ธ.ค. 15, 19:53 โดย เทาชมพู »
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
ตอบ: 33584
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 66 เมื่อ 10 ธ.ค. 15, 20:08
|
|
คดีนี้ คุณหลวงรัตนาเปล่ง พระเอกของกระทู้นี้ ออกโรงเป็นอัยการ ทำหน้าที่แทนผู้เสียหายคืออำแดงเป้าเอง สมัยนั้นเรียกว่า "พนักงานทำการในน่าที่กรมอัยการ" เข้าใจว่าเป็นคดีแรกที่มีการทำงานในตำแหน่งนี้ และอัยการคนแรกของสยามก็คือคุณหลวงรัตนาฯ หรือขุนหลวงพระยาไกรสีนี่เอง ในเมื่อทางการบ้านเมืองเอาจริงเอาจัง พระยาสีหราชฯซึ่งแม้ว่าเป็นขุนนางผู้ใหญ่ ก็ต้องเดินขึ้นศาลในฐานะจำเลย แต่ได้รับพระมหากรุณาธิคุณ ในฐานะขุนนางผู้ใหญ่ ไม่ต้องถูกจำขัง แต่ต้องมาศาลด้วยตัวเอง จะแต่งทนายมาแทนแล้วตัวเองอยู่บ้านเฉยๆไม่ได้ ศาลชำระความจากคำฟ้องและหลักฐานแล้ว ก็ได้ความว่าพระยาสีหราชเดโชไชยทำอย่างที่อำแดงเป้าฟ้องมาจริงๆ แต่ไม่ได้ทำลงไปเพราะอยากแกล้งนายสิงโตแต่อย่างใด หากเป็นเพราะเชื่อคำบอกเล่าของบ่าวไพร่ว่า นายสิงโตเป็นผู้ร้ายขึ้นบ้านสมเด็จเจ้าพระยาไปฉกลักข้าวของ ก็เลยลงโทษนายสิงโตดังที่กล่าวมา แต่ไม่ได้มีเจตนาจะฆ่านายสิงโต
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
ตอบ: 33584
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 67 เมื่อ 12 ธ.ค. 15, 19:51
|
|
คดีนี้ดำเนินต่อมาโดยมีองค์คณะผู้พิพากษาคือ พระเจ้าน้องยาเธอกรมหลวงพิชิตปรีชากร พระยาประชากิจกรจักร พระธรรมสาตร และพระพิจารณา สอบสวนโจทก์จำเลยและพยานเสร็จสิ้นแล้วก็เรียบเรียงคำปรึกษาขึ้นทูลเกล้าฯถวายพระเจ้าอยู่หัว การดำเนินคดีนี้กินเวลายาวนานถึง 4 ปี ความเห็นขององค์คณะผู้พิพากษาคือ พระยาสีหราชเดโชไชยสั่งให้บ่าวไพร่เฆี่ยนนายสิงโตเพราะเชื่อคำบอกเล่าของบ่าวไพร่ว่า นายคนนี้เป็นคนร้าย แต่ตัวเจ้าคุณเองไม่ได้มีเจตนาจะฆ่านายสิงโต จึงมีความผิดถูกโทษปรับไหมเป็นเงิน 66 ชั่งเศษ ส่วนบ่าวไพร่ที่ลงไม้ลงมือเฆี่ยนตีทำร้ายนายสิงโตเกินกว่าเหตุ ซ้ำยังเอาตัวคุมขังไว้ 5 วันจนตาย มีความผิด ถูกจำคุกคนละ 3 ปี แต่บางคนก็ตายไปเสียก่อนจะคดีจะสิ้นสุด ส่วนอีก 2 คนที่ช่วยกันยึดมือนายสิงโตขณะถูกเฆี่ยน เป็นความผิดลหุโทษ แค่ถูกภาคทัณฑ์ ถ้าใครในเรือนไทยสงสัยเหตุใดเจ้าคุณสีหราชฯจึงถูกโทษเพียงปรับ ก็ต้องยึดคำตอบของศาลว่า พิจารณาแล้วเห็นว่าท่านไม่ได้มีเจตนาฆ่านายสิงโต มีเจตนาเพียงลงโทษน่าจะให้แค่หลาบจำ แต่บ่าวไพร่ท่านผู้ลงมือเฆียนตีนั่นตะหาก มือหนักเอาการ แถมยังซ้อมสะบักสะบอมอีกด้วย สมัยนั้นคงไม่มีใครดูออกว่า นายสิงโตมีอาการช้ำในอย่างหนัก นอกเหนือจากแผลถูกเฆี่ยนเนื้อหนังแตก เมื่อถูกขังหลายวันติดกัน ไม่ได้รับการรักษาเยียวยาทันเวลา ก็เลยสิ้นใจไป ส่วนคำถามที่ว่านายสิงโตเป็นขโมยไปฉกลักของบนตึกเป็นเรื่องจริงหรือไม่ หาคำตอบไม่เจอค่ะ อาจเป็นได้หรือไม่ได้เป็น มีน้ำหนักพอๆกัน แต่นายสิงโตเป็นขโมยหรือไม่เห็นจะไม่ใช่ประเด็นใหญ่ ประเด็นใหญ่คือแกถูกทำร้ายจนถึงแก่ความตาย แม้คนที่เกี่ยวข้องเป็นขุนนางผู้ใหญ่ก็ต้องรับโทษอยู่ดี อัยการผู้ทำคดีนี้ ถือว่าเก่งเอาการที่สามารถทำสำนวนและดำเนินเรื่องมาจนจำเลยทั้งหลายได้รับโทษกันหมด ไม่มีใครรอดความผิดไปได้
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
Jalito
|
ความคิดเห็นที่ 68 เมื่อ 13 ธ.ค. 15, 08:55
|
|
พระยาสีหราชเดโชไชยท่านนี้ คงจะใช่ท่านโต บุนนาค
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
ตอบ: 33584
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 69 เมื่อ 13 ธ.ค. 15, 12:18
|
|
พยายามไม่บอกอะไรเกี่ยวกับพระยาสีหราชฯ เกรงว่าลูกหลานท่านจะมาประท้วงอยู่หน้าเรือนไทย คุณ Jalito แหวกวงเข้ามา กระเจิงกันหมด ส่งไปรับหน้าเห็นจะดีนะคะ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
Jalito
|
ความคิดเห็นที่ 70 เมื่อ 13 ธ.ค. 15, 16:24
|
|
ขออภัยท่านอาจารย์เทาชมพู จริงๆไม่มีเจตนาพาดพิง นามและสกุลของ เจ้าคุณท่านนั้น ซึ่งเรื่องราวที่เกิดขึ้นได้สิ้นสุดลงโดยผ่านกระบวนการยุติธรรมสมัยนั้นไปแล้ว ท่านเจ้าคุณคงยอมรับ เพราะท่านก็เป็นชายชาติทหาร อันที่จริงสกุลของท่าน ตั้งแต่บรรพบุรุษ ตัวท่านเอง ตลอดลงมาชั้นลูกหลาน ก็เป็นขุนนางชั้นสูง ทำคุณประโยชน์แก่แผ่นดินมากมายหนักหนา รอยด่างที่เกิดขึ้นจากบริวารทำเกิน(ยุคใดสมัยใดก็มีตลอด) ท่านซึ่งเป็นนายก็ต้องรับผิดชอบ ลูกหลานในสกุลชั้นต่อๆมาคงจะเข้าใจดี
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
ตอบ: 33584
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 71 เมื่อ 16 ธ.ค. 15, 22:20
|
|
มีความจำเป็นต้องขอพักครึ่งเวลานะคะ นักเรียนออกไปกินขนมนอกห้องกันได้ค่ะ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
ตอบ: 33584
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 72 เมื่อ 29 ธ.ค. 15, 11:08
|
|
ขอโทษอีกทีที่ยังต่อกระทู้ไม่ได้ ตัวอยู่ที่หนึ่ง หนังสืออยู่อีกที่หนึ่ง คนละจังหวัดกันค่ะ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
Jalito
|
ความคิดเห็นที่ 73 เมื่อ 29 ธ.ค. 15, 12:42
|
|
นักเรียนยังรออยู่ด้วยใจระทึก!!
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เพ็ญชมพู
|
ความคิดเห็นที่ 74 เมื่อ 08 ม.ค. 16, 11:11
|
|
กระทู้ใกล้ตกหน้าแล้วจึงดึงขึ้นมา รอประกาศจากท่านเจ้าเรือนว่าจะเริ่มคลาสเมื่อไร
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
|