เรือนไทย
ยินดีต้อนรับ ท่านผู้มาเยือน
กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
ส่งอีเมล์ยืนยันการใช้งาน?
ข่าว: การแนบไฟล์ กรุณาใช้ชื่อไฟล์ภาษาอังกฤษเท่านั้นครับ
หน้า: 1 ... 31 32 [33] 34 35 ... 37
  พิมพ์  
อ่าน: 106464 ใครอยากรู้จัก NAVARAT.C เชิญที่กระทู้นี้
NAVARAT.C
หนุมาน
********
ตอบ: 11307


ความคิดเห็นที่ 480  เมื่อ 29 ม.ค. 16, 07:06

(ต่อ)

ฉายาว่าบิ๊กหมงนี่เริ่มต้นจากเด็กสระแก้วที่หมงไปชักชวนมาทำงานกับผมที่บังกะโลพระนางเพลส ตอนแรกๆก็เรียกพี่มงคล หลังๆที่สนิทสนมกันมากขึ้นก็ไม่รู้ว่าใครเรียกบิ๊กหมงขึ้นก่อน คนอื่นๆเลยเรียกตาม เด็กชุดนี้น่ารักมากทั้งผู้หญิงผู้ชาย ทำงานทำการขยันขันแข็งยิ้มย่องผ่องใสทุกคน พอผมเลิกกิจการบังกะโล จ่ายเงินชดเชยให้เกินที่กำหนดตามกฎหมายแล้วถามความสมัครใจ หากใครต้องการทำงานโรงแรมต่อก็จะให้สิทธิ์ เมื่อใดเปิดรับพนักงานจะมีหนังสือไปจ้างให้มาสมัครใหม่ แต่เมื่อถึงเวลานั้นจริงๆมีผู้มาตามนัดหมายไม่ถึงครึ่ง พวกที่ไม่มาส่วนหนึ่งได้แต่งงานแต่งการกันไปแล้วกับเนื้อคู่ที่เจอกันที่นั่น หลายคนฝังรากลึกอยู่แถวปักษ์ใต้นั้นเลย

พอถึงสงกรานต์เด็กเหล่านี้กลับไปเยี่ยมบ้านที่สระแก้ว ก็จะเจอกับบิ๊กหมงเป็นประจำ แล้วคนหนึ่งในนั้นนั่นแหละที่เป็นแม่สื่อแม่ชัก แนะนำเมียใหม่ให้บิ๊กหมง

เจ๊ปองแม้จะเป็นสาวโสดแต่ก็มีอายุแล้ว พ่อเป็นคนจีนแม่เป็นคนใต้ สร้างเนื้อสร้างตัวจากขายของจนมีร้านอยู่ในย่านตลาดของตำบลแห่งหนึ่งในจังหวัดตรัง สุดท้ายเป็นร้านใหญ่ขนาดสามสี่ห้องเห็นจะได้ เจ๊ปองเป็นลูกสาวคนเดียวทำงานช่วยพ่อแม่จนไม่มีเวลาให้ใครจีบ จนพ่อตายไปคนนึงเจ๊เลยยิ่งยุ่งเข้าไปใหญ่ ผู้หญิงนี่ถ้าปล่อยเวลาให้เนิ่นนานเท่าไหร่ก็ยิ่งขึ้นคานหนักเข้าไปทุกทีจนเจ๊ปองหมดหวังว่าจะมีผู้ชายคนใดกล้ามาจีบ ความจริงก็มีคนอยากจะจีบอยู่หรอก แต่ทั้งหมดที่เสนอหน้าเข้าไปเจ๊ปองแกไม่เอา

ผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่าบิ๊กหมงแอบตามแม่สื่อลงไปพบกับเธอเมื่อไหร่ยังไง เพียงเจอกันไม่กี่ครั้ง แม่สื่อก็กล่อมจนตกลงโอเคทั้งสองฝ่าย
“เค้าทำอาหารเก่งมากเลยครับ เก่งกว่าหมูอีก พ้มน่ะดูอย่างเดียวนี้แหละ อยู่กันแล้วไม่อดแน่ก็เอาเลย” หมงตอบผมหลังคำถามที่ว่าไปติดใจอะไรเค้า
“แล้วจะไปทำมาหากินอะไรวะหมง จะไปช่วยเมียขายของเหรอ” ผมสงสัย
“พ้มก็คงต้องช่วยเค้าบ้าง แต่เค้ายังมีสวนอีกห้าหกไร่ พ่อแม่ปลูกพืชผักผลไม้ทิ้งไว้แต่ไม่มีคนดูแล พ้มคงจะหนักตรงนี้แหละขรับ”

เมื่อหมงพาเจ๊ปองลงไปสระแก้วเพื่อไหว้พ่อแม่ของตนเพื่อฝากเนื้อฝากตัว และแวะมาไหว้ผมขอให้ไปสวมมงคลให้ในวันแต่งงาน ผมพินิจเจ๊ปองแล้วก็ห่วงๆบิ๊กหมงอยู่เหมือนกัน ท่าทางจะดุเอาการ แต่ก็ช่างมันเถอะยังไงหมงคงเอาตัวรอด ลูกสาวของบิ๊กหมงก็ไม่ว่าอะไรที่พ่อจะมีเมียใหม่ ตัวเองเรียนจบแล้วก็ไปได้งานต่างจังหวัด ไม่มีกลัวอะไรใครเพราะตัวเท่าลูกช้าง ส่วนน้องสาวหมงที่มาอยู่ด้วยกันก็ได้ข่าวว่าจะแต่งงาน หมงจึงหมดห่วงคนทางกรุงเทพ

ผมแห่ลงไปตรังทั้งครอบครัวพ่อแม่ลูก หมงดีใจมากเมื่อเห็นเรา แขกของเจ้าบ่าวที่ไปในงานมีเพียงไม่กี่คนถ้าเทียบกับฝ่ายเจ้าสาว

งานเลี้ยงพระและรดน้ำสังข์เขาจัดในบ้านที่อยู่ส่วนบนของร้านค้า เจ๊ปองขายเสื้อผ้าผู้หญิงเป็นส่วนใหญ่ แม้จะมีข้าวของเครื่องใช้สำหรับครัวเรือนอย่างอื่นอยู่บ้างก็ไม่มากนัก ผมก็ชักเป็นห่วงบิ๊กหมงมากขึ้นไปอีก น่าสงสารแท้ๆหากจะถูกเมียใช้ให้ขายเสื้อผ้าสตรี
บันทึกการเข้า
NAVARAT.C
หนุมาน
********
ตอบ: 11307


ความคิดเห็นที่ 481  เมื่อ 30 ม.ค. 16, 08:26

สักปีเศษๆหลังจากนั้น ผมมีธุระจะต้องขับรถจากกระบี่ไปหาดใหญ่ เมื่อเส้นทางต้องผ่านตำบลนั้น ผมก็เลยแวะเข้าไปเยี่ยมบิ๊กหมง
เขายืนยิ้มกว้างคอยผมอยู่หน้าร้านตามที่โทรไปบอกล่วงหน้า พอเจอกันแล้วสิ่งแรกก็คือถามสารทุกข์สุกดิบ

“ผมสบายดีขรับ มีอะไรต่ออะไรให้ทำทุกวัน” เขาตอบเริงร่า
“แล้วไง ทุกวันนี้มีเงินเดือนหรือเปล่า” ผมถามตรงๆ ศักดิ์ศรีของผู้ชายอยู่ตรงนี้ ถ้าเมื่อไหร่ต้องแบมือขอเงินเมียใช้แบบไม่เป็นระบบก็เป็นอันว่าหมดกัน
“ไม่หรอกครับ ผมพอที่จะหาเองได้อยู่…” เขาขยับจะเล่าต่อ แต่ก็ถูกขัดจังหวะจากชายคนหนึ่งที่มาตะโกนอยู่หน้าร้าน

“หมอ หมอ….อ้าวหมออยู่นี่เอง” ชายคนนั้นมองผ่านราวแขวนเสื้อผ้าผู้หญิงมา เมื่อเห็นบิ๊กหมงก็สาวเท้าเข้าหา “เราจะมาบอกหมอ ยาที่จัดให้ไปดีมากเลย แค่วันสองวันไอ้แดงหายหงอย วันนี้ยอมกินข้าวแล้ว แจ๋วจริงๆ” เขาพูดด้วยน้ำเสียงลิงโลด
“อ้าวเจ๊”  เขาหันไปอีกทาง เจ๊ปองแกได้ยินเสียงลูกค้าขาประจำจึงโผล่ออกมาต้อนรับขับสู้ “เมียเราเค้าสั่งให้ซื้อกระติกน้ำร้อนไปให้เค้าซักใบ ไหน เจ๊มีแบบไหนบ้าง ดูซิ ๆ” ว่าแล้วชายคนนั้นก็เดินตามเจ๊ปองไปทางอื่น

“หมง เดี๋ยวนี้เป็นหมอแล้วหรือวะ” ผมถามเมื่อชายหญิงทั้งสองเดินลับไปแล้ว
“ขะรับ คนที่นี่เค้าเรียกพ้มเป็นหมอกันทั้งนั้นแหละขรับ” หมงตอบแบบซื่อๆพลางยิ้มอายๆ
“เห้ย เป็นเล่นไป เอายาอะไรมาขายให้ลูกเขากิน ไอ้หมง ติดคุกนะโว้ย ” ผมตกใจ พยายามพูดให้เบาเป็นเสียงกระซิบ
“ ฮ่ะ ๆ ๆ” หมงหัวเราะ “ไม่ติดหรอกครับ ผมขายยาไก่”
“ยาไก่” ? ? ?

“หมอ” ชายคนนั้นเดินกลับมาอีก “ ไอ้แดงน่ะ หน้าซีดหงอนซีดแทบจะไม่มีสีเลือดอยู่แล้ว บอกตรงๆละนะ ตอนเจียดยาของหมอไปน่ะ เราไม่ได้เชื่อเล้ยว่ามันจะรอด แต่เห็นว่าไหนๆก็ไหนๆ ให้มันลองกินดู เช้ามันสดขึ้นมาทันตาเห็น โว้ว เยี่ยมแท้ๆ”
“นี่ ตั้งใจจะมาซื้อยากำลังวัวเถลิงกลั่นที่หมอว่าอีกสักขวดนึง ไปเสริมมันหน่อย เท่าไหร่นะ ห้าร้อยเหรอเห็นว่า” เขาพูดพลางควักกระเป๋าหยิบเงินมาให้บิ๊กหมง ซึ่งรับเงินที่เขายื่นให้แล้วขอตัวไปหยิบยา ชายคนดังกล่าวก็เดินตามไป ผมได้ยินเสียงพูดจาแนะนำการใช้ยาดังกล่าวอีกเล็กน้อย

“ตอนนี้ยางราคากิโลละแปดสิบแล้วละขรับ” บิ๊กหมงบอกผมเมื่อลูกค้ารายนั้นไปแล้ว
“คนใต้เค้าจะควักกระเป๋าง่าย ไม่ค่อยต่อรองอะไรมากนะขะรับ เดี๋ยวนี้เวลาติดบ่อนไก่กันที่ไหน ผมก็จะไปจอดรถขายยาไก่หมอมงคล ตั้งแต่เที่ยงเที่ยงถึงเย็นอย่างน้อยสองสามพันต้องได้ มีทุกเสาร์อาทิตย์ผลัดกันไปแต่ละอำเภอ ก็สบายขรับ ตั้งแต่อยู่ด้วยกันมาพ้มไม่เคยยุ่งกับเงินของแม่ปองเค้าเลย”
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33585

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 482  เมื่อ 30 ม.ค. 16, 09:20

ตามมาลุ้นหมอหมงค่ะ
บันทึกการเข้า
NAVARAT.C
หนุมาน
********
ตอบ: 11307


ความคิดเห็นที่ 483  เมื่อ 30 ม.ค. 16, 09:28

ครับ คนมันจะรวยซะอย่าง อะไรก็ห้ามไม่ได้

คราวหนึ่งผมมีงานจะต้องไปทำแถวๆถิ่นของเค้า ก็นัดบิ๊กหมงให้หารถไปรับผมที่สนามบิน ผมเห็นรถขายยาหมอมงคลแล้วต้องทึ่ง เขาเปิดประตูประทุนหลังแบบรถเร่ขายของทั่วไปให้ดูสินค้าเกี่ยวกับไก่ชนสารพัด จะขาดก็แต่สุ่มไก่เท่านั้น ส่วนยาก็มีทั้งที่มียี่ห้อและยาปรุงเองสูตรหมอหมง เขาโม้ว่าตัวเขาเองดัดแปลงจากยาสูตรโบราณชื่อเบญจโกฐ ซึ่งปรากฏในพระคัมภีร์ปฐมจินดา ส่วนประกอบหลักเช่นสมุนไพร โกฐสอ โกฐเขมา โกฐจุลาลำภา โกฐหัวบัว สี่ตัวนี้ขาดไม่ได้ ปักษ์ใต้หายากแต่แถวสระแก้วมีเยอะ เอามาตำเป็นผงแล้วใช้เกสรดอกบัวแห้งเป็นกระสายบดปั้นแท่งไว้ เวลาจะใช้ก็ฝนกับน้ำผนกลางหาวละลายด้วยน้ำตาลงบน้ำอ้อยแท้ ยาสูตรนี้คนสระแก้วเรียนต่อๆกันมาจากหมอไก่เขมรที่มีเชื้อสายสืบทอดจากคนเลี้ยงไก่ของพระเจ้าวรมันที่ ๗  พอหมอหมงเอามาทำขายหน้าบ่อนได้ไม่นานก็ร่ำลือกันว่าทั้งถูกทั้งดี รถหมอมงคลไปจอดที่ไหนนักเลงไก่ก็จะมาถามหา มุงไปมุงมาก็ซื้อของอื่นติดมือไปอีกทุกครั้ง กำไรก็อยู่ที่ของซื้อมาขายไปพวกนี้แหละ

เมื่อผมเสร็จธุระแล้ว กำลังบ่ายหน้าจะกลับไปรอเครื่องบิน บิ๊กหมงก็ขอเวลาแวะที่บ่อนไก่เพื่อเอาของไปส่งลูกค้า สำหรับผู้ที่ไม่เคยทราบนะครับ จะเล่าให้ฟังว่าบ่อนไก่ทางใต้นี่เขาทำใหญ่โตราวกับสนามมวย ตีตั๋วเสียอากรสำหรับเล่นการพนันถูกต้องตามกฎหมาย คนไปดู ซึ่งก็คือไปเล่นพนันนัดหนึ่งๆเป็นร้อยเป็นพัน  ในสังเวียนไก่ก็ตีกันไป คนเชียร์ก็เชียร์สนั่นเร้าใจ ส่วนนอกสังเวียนคนอีกกลุ่มก็เดินกันพลุกพล่าน คอยสืบหาข่าวจากซุ้มนั้นซุ้มมี้ แอบดูไก่ที่เจ้าของเตรียมเอาขึ้นสังเวียนคู่ต่อๆไปว่าคึกไหมคึก สู้ไหมสู้ เป็นมหกรรมใหญ่ที่ผมเองก็ไม่เคยเห็นมาก่อนเช่นกัน
 
บิ๊กหมงหายไปสักพักโดยผมขอออกไปยืนดูสภาพการณ์ทั่วๆไปอยู่นอกรถ พักเดียวคนก็มาล้อมรถเต็ม พอบิ๊กหมงกลับมาก็รุมซื้อนั่นโน่นนี่  ซื้อขายกันเพลินกว่าจะนึกขึ้นได้ว่าผมรออยู่
เห็นอย่างนี้แล้วผมจึงอดที่จะแสดงความชื่นชมบิ๊กหมงไม่ได้ น่าสรรเสริญที่สุดตรงที่เขาไม่สนใจจะเล่นพนันนี่แหละ

ทุกๆปีราวๆสงกรานต์ บิ๊กหมงจะขับรถพาเมียตีรวดจากตรังกลับไปบ้านที่สระแก้วเพื่อเยี่ยมพ่อเยี่ยมแม่ แม้เวลาจะน้อยแต่ผ่านกรุงเทพทีไรก็มีแก่ใจแวะมาเยี่ยมผมด้วย แม้จะสักสิบห้ายี่สิบนาทีผมก็ชื่นใจ ของฝากประจำของเขาก็กล้วยเล็บมือนางที่ผมชอบ หมงจะแวะซื้อที่เขารูปช้างที่ชุมพรแบบยกเครือเช่นเดียวกับที่ผมจะต้องหยุดรถซื้อทุกครั้งที่ผ่านทั้งขาขึ้นขาล่อง พักหลังๆนี้เขาอ้วนขึ้นจนสังเกตุได้ชัด คงจะเพราะกินฟรีมีเกียรติ ทักว่าเหมือนเสี่ยทีไรก็ยิ้มกว้างเอามือลูบพุงทุกครั้งไป
  
ทั้งคู่ไม่มีลูกด้วยกัน เมื่อทั้งพ่อและแม่เสียชีวิตแล้ว บิ๊กหมงก็หมดความจำเป็นที่จะต้องกลับสระแก้วทุกปี แต่ผมกับเขาก็ยังได้คุยกันทางโทรศัพท์เสมอ อย่างน้อยถึงปีใหม่คราวใดเขาต้องโทรมาหาผม ผมจึงทราบข่าวคราวของเขาตลอด เมื่อแม่ของเจ๊ปองเสียไปอีกคนหนึ่งแล้ว ร้านเจ๊ปองก็ปรับปรุงกิจการไปขายของอย่างอื่นฉีกแนวออกไปโดยมีบิ๊กหมงเป็นผู้ช่วย ฟังว่าเขาเลิกขับรถตระเวนขายยาแล้ว เพราะตอนหลังๆนี้มีคู่แข่งเยอะขึ้นมาก ตัวเองก็เริ่มเนือยเกิน จะไปจอดรถแต่หัววันเพื่อจองทำเลดีๆหน้าบ่อนก็ไม่ไหว ยอดขายจึงตกฮวบฮาบ จึงหันมาปักหลักขายของที่ร้านแทนดีกว่า

หามิได้ ร้านเจ๊ปองไม่ได้ขายอะไรเกี่ยวกับไก่ บิ๊กหมงแบ่งพื้นที่ส่วนหนึ่งในร้าน เปิดขายเครื่องไฟฟ้าที่เป็นเครื่องมือช่างสารพัด โดยมีเซลล์แมนจากกรุงเทพนำของไปทิ้งไว้ให้แบบฝากขายถึงที่

ปีที่แล้ว ผมอยากได้ต้นทุเรียนเทศ ที่กรุงเทพตลาดขายแพงมากหลังจากมีข่าวว่าใบของมันมีสรรพคุณทางรักษาโรคมะเร็งได้ จึงโทรไปถามบิ๊กหมงว่าแถวบ้านเขามีขายไหม หมงบอกว่ามีเยอะเลยขรับ ผมเลยสั่งว่า ฝากซื้อสักยี่สิบต้น ถ้าจะขึ้นมาเมื่อไหร่ให้ใส่รถมาด้วย
ไม่รู้ว่าไปฟังข่าวจากใครอีก หมงจึงคิดว่าผมเป็นอะไรไปแล้วถึงขนาดจะปลูกต้นทุเรียนเทศไว้กินใบเอง ไม่นานเขากับเจ๊ปองก็ขับรถเอาต้นที่ว่ามาส่งให้ผมถึงบ้าน  ลูกชายผมเล่นกับหมาอยู่หน้าบ้านตอนที่บิ๊กหมงมาปิ๊นๆอยู่หน้าประตูเป็นผู้เดินไปเปิด ผมเห็นรถฟอร์จูนเนอร์ป้ายแดงขับเข้ามายังไม่รู้ว่าเป็นใคร สักพักจึงได้ยินเสียงที่ผมคุ้นเคยพูดคุยทักทายกันให้ลั่นไปหมด ลูกชายเดินนำขึ้นกระไดมาแล้วพูดว่า  “พ่อ เสี่ยหมงมาหา”  

อ๊ะ เสี่ยหมง ไม่เคยได้ยิน รู้จักแต่หมอหมง

เมื่อจบขั้นตอนของการดีอกดีใจที่ได้พบกันไปแล้ว ทุกคนก็นั่งลงคุยกันในอาการที่สงบขึ้น เขาถามเรื่องสุขภาพของผมซึ่งผมยืนยันว่าไม่ได้เป็นอะไรมากแล้ว ผมก็เป็นฝ่ายถามบ้างถึงอาชีพการงานของเขา ซึ่งทั้งคู่ตอบว่าพอไปได้ เครื่องมือช่างที่เริ่มดำเนินกิจการนั้น บัดนี้ขยายพื้นที่ไปกว่าครึ่งร้านแล้ว ขายดีเพราะเป็นรายแรกในตลาดของตำบลนี้
มิน่าผมจึงสังเกตุเห็นว่า ที่คอของหมงมีสายสร้อยทองเส้นเขื่องแขวนอยู่ ดูด้วยสายตาน่าจะมีน้ำหนักประมาณสิบบาท  ลูกชายเห็นทั้งรถป้ายแดงทั้งสายสร้อยจึงเรียกพี่มงคลว่าเสี่ยหมง ชะรอยสายสร้อยเส้นนี้จะเป็นโบนัสพิเศษที่เจ๊ปองซื้อให้หัวหน้าแผนกเครื่องมือช่าง
ไม่ใช่แต่บนคอบิ๊กหมงเท่านั้นนะ ที่ข้อมือของเจ๊ปองก็มีกำไลทองอร้าอร่ามใส่มาอวดผมเหมือนกัน
“เออยินดีด้วยนะ ทำมาค้าขายได้เงินได้ทองสุขสบายกันดี” ผมชื่นชมอย่างจริงใจ

“สายสร้อยเส้นนี้”
ผมถือวิสาสะดึงมันออกมาจากคอเสื้อของบิ๊กหมง ผมเองไม่เคยคิดจะใส่ทองหนักขนาดนี้เลย  เห็นแล้วนึกถึงโซ่ผูกคอลิง ใส่ไปคงไม่มีความสุข ทั้งหนัก ทั้งกลัวโจรจะกระชากจนคอเราขาดตามไปด้วย “เอ้อเฮอ เส้นใหญ่ดีนะ ปองเค้าซื้อให้เหรอ”
“เปล่าค่ะ เปล่า” เจ๊ปองร้องเสียงดัง เสียงบิ๊กหมงหัวเราะเหอะๆ  ก่อนที่จะจบด้วยประโยคทองที่ทำให้ผมอึ้งแบบใบ้กินไปเลย
“พี่เค้าซื้อเองค่า เนี่ยะ กำไลนี้ก็ด้วยค่า พี่เค้าก็ซื้อให้หนูวันครบรอบแต่งงานค่า”
บันทึกการเข้า
NAVARAT.C
หนุมาน
********
ตอบ: 11307


ความคิดเห็นที่ 484  เมื่อ 30 ม.ค. 16, 09:29

จบบริบูรณ์ ยิ้มกว้างๆ
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33585

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 485  เมื่อ 30 ม.ค. 16, 10:51

ดีใจไปกับเสี่ยหมงด้วยค่ะ    ที่ชีวิตเป็นไปด้วยดี
เรื่องนี้จบอย่างแฮปปี้เอนดิ้ง เหมาะจะทำละครสั้นเชิงธรรมะยิ่งนัก   ไม่รู้รายการไหนสนใจบ้าง  
ถ้าสนใจเชิญติดต่อท่านนวรัตนเจ้าของลิขสิทธิ์เอง

ชีวิตบิ๊กหมง เขาปฏิบัติตัวได้สมชื่อแท้ๆ คือดำเนินชีวิตด้วยมงคล  จะโดยรู้ตัวหรือไม่ก็ตาม  
มงคลข้อสำคัญที่สุดคือกตัญญูรู้คุณต่อผู้มีพระคุณ  ไม่ว่าจะเป็นพ่อแม่ที่สระแก้ว หรือนายเก่าที่กรุงเทพ   บิ๊กหมงให้ความเคารพเอาใจใส่ไม่เคยละเลย  ยังคงปฏิบัติตนเสมอต้นเสมอปลาย นับว่าเป็นการปฏิบัติตามมงคลสูงสุดข้อ ๒๕  ได้อย่างดี
นอกจากนี้  บิ๊กหมงสงเคราะห์ภรรยาและลูก ตรงตามทิศทั้ง ๖ ในพุทธศาสนา   เขาดูแลเอาใจใส่ภรรยาคู่ทุกข์คู่ยาก เจ็บป่วยก็รักษาสุดความสามารถ  จนตายจากกันไป   กับลูกสาวเขาก็ส่งเสียเลี้ยงดูจนเรียนจบทำงานได้  ไม่หาแม่เลี้ยงมารังแกลูก  นับว่าบิ๊กหมงทำหน้าที่สามีและพ่อไม่ขาดตกบกพร่อง     เมื่อได้ภรรยาใหม่ เขาก็ไม่ฉวยโอกาสกอบโกยทรัพย์สินของภรรยา แต่ทะนุบำรุงเธอด้วยดี  สมเป็นลูกผู้ชาย

ส่วนเรื่องบิ๊กหมงสร้างฐานะขึ้นมาได้  จะว่าไปแม้ว่าหายาก แต่ก็ไม่น่าแปลกใจ  เมื่อพิจารณาจากธรรมะของพระพุทธองค์ ที่ปรากฏในทีฆชาณุสูตร  ว่าบุคคลจะร่ำรวยได้ ต้องอาศัยการปฏิบัติตัว ๔ ประการคือ
๑ ขยันทำงานหาทรัพย์
ข้อนี้บิ๊กหมงทำมาตลอด ไม่ว่าทำงานกับนาย ขึ้นล่องลงกระบี่ด้วยกัน ขับรถกันทั้งคืน     ผลิตยารักษาไก่  เปิดร้านขายเครื่องมือช่าง   ล้วนแต่อาศัยความขยันทั้งนั้น
๒ รักษาทรัพย์ที่ได้มาให้ดี
ถ้าบิ๊กหมงขายยารักษาไก่พลาง  แวะไปพนันชนไก่พลาง   ป่านนี้ทรัพย์สินที่หามาได้คงไม่เหลือ
๓ รู้จักเลือกคบคนมีธรรมะ
นายเก่าของบิ๊กหมง เป็นตัวอย่างที่ดีของคนที่สร้างฐานะด้วยความขยันหมั่นเพียรในทางสุจริต    ภรรยาเก่าและใหม่ของบิ๊กหมงก็เป็นผู้หญิงดีทั้งคู่     แสดงว่าบิ๊กหมงเลือกผู้หญิงด้วยสติและความรอบคอบ  มากกว่าอารมณ์
๔ ใช้ชีวิตให้เหมาะกับระดับทรัพย์สินที่มี
รวยขนาดนีิ รถป้ายแดงกับสร้อย ๑๐ บาทแถมกำไลทองให้เมีย   ก็ถือว่าเหมาะกับระดับทรัพย์สินแล้วค่ะ    มีตังค์แล้วกระเบียดกระเสียรให้เมียใส่แต่กำไลพลาสติก  ตัวเองใส่สร้อยสเตนเลส มันก็เกินไป
แต่ห่วงแกหน่อย ใส่สร้อยสิบบาทเดินฉุยฉายในตลาด   หรือนั่งประกาศสร้อยศักดาอยู่ในร้าน  อาจเจอมอเตอร์ไซค์ถือปืนเข้ามาขอสร้อยไปใช้ได้ง่ายๆ
บันทึกการเข้า
NAVARAT.C
หนุมาน
********
ตอบ: 11307


ความคิดเห็นที่ 486  เมื่อ 30 ม.ค. 16, 11:13

ท่านอาจารย์ใหญ่ก็สมควรจะห่วงเสี่ยหมงอยู่ละครับ แต่ผมคิดว่าเขาคงต้องการใส่มาให้ผมถามมากกว่า ผมจะได้สบายใจว่าเขาไม่ได้อยู่ทางใต้เป็นชาวเกาะ
คือเกาะเมียกิน

เดี๋ยวขึ้นรถก็ถอดแล้ว คนอย่างหมง
บันทึกการเข้า
Jalito
องคต
*****
ตอบ: 478


ความคิดเห็นที่ 487  เมื่อ 30 ม.ค. 16, 13:38

ขอบคุณท่านอาจารย์ใหญ่ที่สรุปคติที่ได้จากชีวิตบิ๊กหมง คนสนิทของท่านNAVARAT.C
คาดว่าความสำเร็จส่วนหนึ่งของเขา อาจจะได้แบบอย่างจากแนวทางของนายของเขาก็เป็นได้
บันทึกการเข้า
Anna
องคต
*****
ตอบ: 552


ความคิดเห็นที่ 488  เมื่อ 30 ม.ค. 16, 18:27

ครบทั้งสาระและบันเทิงตามสไตล์อาจารย์ Navarat C. ครั้งนี้ยังมีโปรโมชั่นจากอาจารย์เทาชมพูแถมให้ตอนท้ายด้วย คุ้มสุดๆ  
ขอบพระคุณค่ะ





บันทึกการเข้า
Koratian
พาลี
****
ตอบ: 329


ความคิดเห็นที่ 489  เมื่อ 31 ม.ค. 16, 22:18


  จบจนพระเอกหมง   คืนถิ่น
  บดี จารย์ใหญ่กว่า   แต่งไว้
  ริร่างเรื่องราวหวัง    หมู่มิตร อ่านนา
  บูรณ์ บำเรอรมย์ให้  อ่านแล้ว สรรเสริญฯ

 ยิงฟันยิ้ม

บันทึกการเข้า
เพ็ญชมพู
หนุมาน
********
ตอบ: 12601



ความคิดเห็นที่ 490  เมื่อ 01 ก.พ. 16, 06:34

เรื่องของ "ยอดชายนายหมง" จบบริบูรณ์อย่างแฮปปี้เอ็นดิ้ง ยังมีการบ้านจากท่านอาจารย์ใหญ่อยู่อีกหนึ่งข้อใหญ่

คุณนวรัตนยังไม่ได้เล่าถึงแขกในโรงแรม  สต๊าฟของโรงแรม   และบรรดาเพื่อนบ้านใกล้เรือนเคียงแถวอ่าวพระนางเลยค่ะ

เรื่องราวที่เกี่ยวข้องกับผู้คน "หลายชีวิต" คงมีเรื่องน่าสนใจอยู่หลายเรื่องเป็นแน่แท้ ยิงฟันยิ้ม
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33585

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 491  เมื่อ 01 ก.พ. 16, 08:55

แล้วแต่ท่านอาจารย์ใหญ่กว่าจะกรุณาค่ะ
บันทึกการเข้า
NAVARAT.C
หนุมาน
********
ตอบ: 11307


ความคิดเห็นที่ 492  เมื่อ 01 ก.พ. 16, 09:30

ผมขอตอบทุกท่านอย่างนี้นะครับ

ผมได้เล่านานาสาระในกระทู้นี้ในแบบบันเทิงคดีก็ใช่อยู่ แต่ได้อิงอยู่กับความจริงที่เกิดขึ้นโดยตลอด
ครั้นยิ่งเขียนมากก็ยิ่งรู้สึกอึดอัดที่จะไม่ไปพาดพิงถึงบุคคลใดที่มีตัวมีตน มีคนที่รู้จักเขาและเธอ อันจะนำไปให้เกิดความเข้าใจผิดต่อบุคคลเหล่านั้นได้

ตอนนี้เนื้อหามันงวดมากแล้ว หากเขียนต่อมีพาดพิงมากขึ้นแน่ จะแต่งเรื่องใหม่ก็ขัดกับหลักการที่ประกาศไว้แต่แรก

ทางเลือกที่จะขอยุติตรงนี้น่าจะดีที่สุดครับ
ขออภัยและขอความเห็นใจด้วยครับ
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33585

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 493  เมื่อ 01 ก.พ. 16, 09:36

จะแต่งเรื่องใหม่ก็ขัดกับหลักการที่ประกาศไว้แต่แรก

ประกาศหลักการใหม่   แต่งเรื่องใหม่เลยค่ะ   เป็นเหตุการณ์สมมุติที่พื้นฐานจากประสบการณ์  แบบเดียวกับ "เมืองนิมิตร ความฝันของนักอุดมคติ"
บอกแต่แรกเลยว่าตัวละคร มาจากจินตนาการ    แบบเดียวกับรุ่ง จิตเกษม เป็นคนละคนกับม.ร.ว.นิมิตรมงคล นวรัตน

แค่นี้ก็ไม่ขัดกับหลักการเดิมแล้วละค่ะ


บันทึกการเข้า
NAVARAT.C
หนุมาน
********
ตอบ: 11307


ความคิดเห็นที่ 494  เมื่อ 01 ก.พ. 16, 10:26

ขอบคุณที่ให้ข้อคิดครับ

เอาไว้หมดเรื่องจริงที่จะอยู่ในห้องประวัติศาสตร์ต่อไปได้แล้ว จะได้เอามาหางานทำต่อ
บันทึกการเข้า
หน้า: 1 ... 31 32 [33] 34 35 ... 37
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by SMF 1.1.21 | SMF © 2006, Simple Machines
Simple Audio Video Embedder

XHTML | CSS | Aero79 design by Bloc หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.05 วินาที กับ 20 คำสั่ง