เรือนไทย
ยินดีต้อนรับ ท่านผู้มาเยือน
กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
ส่งอีเมล์ยืนยันการใช้งาน?
ข่าว: การแนบไฟล์ กรุณาใช้ชื่อไฟล์ภาษาอังกฤษเท่านั้นครับ
หน้า: 1 ... 9 10 [11] 12 13 ... 37
  พิมพ์  
อ่าน: 106147 ใครอยากรู้จัก NAVARAT.C เชิญที่กระทู้นี้
NAVARAT.C
หนุมาน
********
ตอบ: 11307


ความคิดเห็นที่ 150  เมื่อ 01 พ.ย. 15, 20:16

คงต้องเล่าเหตุการณ์ตอนที่น้าผมมายกศาลครั้งใหม่ก่อนจะจบเรื่อง
แต่ต้องขอเป็นวันพรุ่งนี้ครับ
บันทึกการเข้า
ศรีสรรเพชญ์
พาลี
****
ตอบ: 205



ความคิดเห็นที่ 151  เมื่อ 01 พ.ย. 15, 20:43

ยังคงติดตามอย่างต่อเนื่องครับ น่าสนใจมากจริงๆ

ไปงานหนังสืออีกรอบ ซื้อเล่มนี้มาเก็บอีกเล่มนึงครับ ตามอ่านตอนต้นกระทู้นี้แล้วเลยอยากศึกษาเกี่ยวกับชีวิตของท่านดูครับ


บันทึกการเข้า
NAVARAT.C
หนุมาน
********
ตอบ: 11307


ความคิดเห็นที่ 152  เมื่อ 01 พ.ย. 15, 21:21

ผลงานกระทู้ของท่านอาจารย์เทาชมพูอีกกระทู้นึงครับ

http://www.reurnthai.com/index.php?topic=3025.0

ใครที่ยังไม่เคยเห็นโปรดระวังโรคตาแฉะจากการอ่านนะครับ
บันทึกการเข้า
ศรีสรรเพชญ์
พาลี
****
ตอบ: 205



ความคิดเห็นที่ 153  เมื่อ 01 พ.ย. 15, 21:34

มีกระทู้ดีๆมาให้อ่านอีกแล้ว ขอบคุณครับ
บันทึกการเข้า
lucksi
อสุรผัด
*
ตอบ: 1


ความคิดเห็นที่ 154  เมื่อ 01 พ.ย. 15, 22:53

สวัสดีค่ะ หนูลงทะเบียนเป็นนักเรียนใหม่ แต่แอบอ่านแอบเรียนมาได้สักระยะหนึ่งแล้วค่ะ ขอบคุณอาจารย์ทุกๆท่านที่เสียสละเวลาค้นคว้าและถ่ายทอดเรื่องราวดีๆไว้ ณ ที่นี้ด้วยนะคะ
บันทึกการเข้า
NAVARAT.C
หนุมาน
********
ตอบ: 11307


ความคิดเห็นที่ 155  เมื่อ 02 พ.ย. 15, 06:08

ยินดีต้อนรับครับ ดีใจมากเลยที่คุณลงทะเบียนมาเพื่อเข้ามาบอกผมเช่นนี้

แต่ขอโทษเถอะ นิดนึง ผมเดาไม่ถูกเลยว่า lucksi มาจากภาษาไทยคำใด เฉลยหน่อยได้ไหมครับ
บันทึกการเข้า
NAVARAT.C
หนุมาน
********
ตอบ: 11307


ความคิดเห็นที่ 156  เมื่อ 02 พ.ย. 15, 07:41

น้าชายของผมมีปกติธรรมชาติเป็นคนพูดน้อย แต่ถ้าเมื่อใดเกิดพูดมากขึ้นมาก็จะออกแนววกวน ย้ำคิดย้ำทำ ต่อเมื่อไหร่มีองค์ลงประทับก็จะเปลี่ยนไปเป็นคนละคน ถ้าเป็นหลวงปู่ ขอประทานโทษผมจำไม่ได้ว่าเป็นหลวงปู่องค์ใด แต่คงแก่มากเพราะน้าผมจะมีอาการหลังโกง พูดค่อยๆเบาๆ เป็นสำนวนโบราณผมฟังรู้เรื่องบ้างไม่รู้เรื่องบ้าง น้าผู้หญิงจะต้องเป็นล่ามแปลความให้อีกทีจึงจะรู้เรื่อง

อีกหนึ่งนั้นเป็นเด็กที่หลวงปู่เลี้ยงไว้เป็นลูกศิษย์ เรียกสั้นๆว่ากุมาร มีฤทธิ์เยอะเหมือนกัน แต่ความที่เป็นเด็ก เวลามาประทับในร่างน้า น้าของผมก็จะเปลี่ยนอาการและพูดจาเหมือนเด็กอายุ ๕ ขวบ กุมารนี้รักน้าผมมาก อยากจะมาเข้าเมื่อไหร่ก็มาแบบไม่ดูกาละเทศะ ผิดกับหลวงปู่ที่ต้องเชิญกันอย่างเป็นเรื่องเป็นราว
แต่กุมารจะสร้างความอับอายให้คนใกล้ชิดเสมอเวลาไปไหนมาไหนกับน้า ต้องขอร้องให้ออกไปก่อน บางทีก็เชื่อบางทีก็ไม่เชื่อ

เมื่อไปกระบี่ครั้งที่สองน้าทั้งสองคนก็ตื่นตาตื่นใจกับความเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วของชุมชนชายทะเลที่นั่น เนื่องจากเรานอนที่รายาวดีไม่ได้เพราะอยู่ในระหว่างที่ปิดซ่อมโรงปั่นไฟฟ้า ผมจึงพาไปนอนที่โรงแรมของเพื่อนที่อ่าวพระนางซึ่งเล่าแต่แรกว่าได้ไปออกแบบให้เขาไว้ แล้วคืนนั้นก็เชิญGMซึ่งพักชั่วคราวอยู่ที่หอพักพนักงานที่อ่าวน้ำเมามาทานอาหารค่ำด้วย เพราะมีหน้าที่ต้องให้ร่วมมือในการจัดตั้งศาลพระนางใหม่ในครั้งนี้

GMเป็นคาธอลิก แต่อยู่ในเมืองไทยนานพอจะเข้าใจวิถีชีวิตความเชื่อถือของคนไทย ปกติเป็นคนอารมณ์ดีอยู่แล้วจึงไม่มีปัญหาอะไร น้าสะใภ้ของผมจะเป็นผู้สาธยายว่าต้องการอะไรยังไง ซึ่งเขาก็เต็มใจรับจะไปสั่งการให้พนักงานจัดให้
ตลอดเวลาน้าผมก็เป็นปกติดี แต่พอโรงแรมจัดของหวานมาเสริฟเท่านั้น น้าผมก็ออกอาการเด็กวัดทันที ลุกขึ้นคว้าไอ้โน่นไอ้นี่ใส่ปาก โอ้ยนั่นก็อร่อยนี่ก็อร่อย  ฝรั่งตกใจตาเหลือก ผมน่ะชินซะแล้วก็เลยนั่งอมยิ้มดูอยู่ 
“คุณหม่อม เค้าเป็นอะไรน่ะ คุณหม่อมเกิดอะไรขึ้น”
ผมก็อธิบายว่าน้าผมเค้าเป็นร่างทรง ตอนนี้มีกุมารมาเข้าร่างของเขา GMก็อย่างที่บอกแหละครับ เขาพอจะเข้าใจเรื่องอย่างนี้ ก็เปลี่ยนจากตกใจมาเป็นตลกขบขัน
ผมนึกสนุกเลยพูดกับร่างของน้าว่า กุมารครับ ฝรั่งคนนี้ไม่เชื่อกุมารน่ะ ช่วยแสดงอะไรให้เขาเชื่อหน่อยซี่ ร่างก็หัวเราะคิกคัก ได้ๆ แต่เดี๋ยวกินนี่หมดก่อน ถึงตอนนี้GMก็สนุกไปด้วย พลอยหัวเราะตาม

อยู่ๆกุมารก็หยุดกิน หันมาถามว่า “เธอนี่ เวลากลับบ้าน ที่ต้องเหาะวื้อๆไปน่ะ…” ตรงนี้น้าสะใภ้สอดขึ้นมาว่า เค้าเรียกว่านั่งเครื่องบิน “ใช่ๆ นั่งเครื่องบินไปไกลๆน่ะ ไม่ได้กลับไปหาพ่อแม่นะ ไปหายายแก่ๆที่อยู่บนภูเขาน่ะ จริงมั้ย”
ถึงตรงนี้ GMตาเหลือกโพลงขึ้นมา “คุณรู้ได้ยังไง มายก๊อด คุณรู้ได้ยังไง” แต่กุมารตบมือชอบใจ พอแระ ไม่พูดแระ กินคาหนมดีกว่า

GMหันมาถามผม คุณหม่อม เค้ารู้ได้ยังไงน่ะ ผมไม่เคยบอกใครเลย ผมก็ถามกลับว่า แล้วจริงหรือเปล่าล่ะ GMบอกว่าจริง แถมทำท่าน้ำตาจะซึมๆออกมา “ตอนเป็นเด็ก พ่อแม่ไม่ได้เลี้ยงผม มีญาติผู้หญิงอายุมากแล้วเอาผมไปเลี้ยงเป็นลูก พอพ่อแม่ย้ายครอบครัวมาอยู่เมืองไทย ก็บังคับเอาผมมาด้วย ผมคิดถึงเค้ามาก มีโอกาสเมื่อใดก็จะกลับไปหาเค้า”
ตรงนี้กุมารพยักหน้ายอมรับ “เธอนี่ เป็นคนดี มีความกตัญญู”

คืนนั้น ผมก็หายหนักใจเรื่องที่จะมอบหมายให้โรงแรมดูแลศาลพระนางให้ดีในระยะยาว เพราะน้าของผมได้สาวกใหม่คนสำคัญไปอีกหนึ่งแล้ว
บันทึกการเข้า
Anna
องคต
*****
ตอบ: 552


ความคิดเห็นที่ 157  เมื่อ 02 พ.ย. 15, 07:54

ผลงานกระทู้ของท่านอาจารย์เทาชมพูอีกกระทู้นึงครับ

http://www.reurnthai.com/index.php?topic=3025.0

ใครที่ยังไม่เคยเห็นโปรดระวังโรคตาแฉะจากการอ่านนะครับ

พออ่านมาถึงหน้าหลังๆ เตรียมทิชชู่เอาไว้ซับน้ำตาด้วยนะคะ (คำเตือนด้วยความหวังดี จากผู้ที่เคยอ่านมาแล้ว ยิงฟันยิ้ม)
บันทึกการเข้า
NAVARAT.C
หนุมาน
********
ตอบ: 11307


ความคิดเห็นที่ 158  เมื่อ 02 พ.ย. 15, 08:00

ผมหมายถึงเล่มมันหนาน่ะ ถ้าอ่านไม่วางเลยก็ตาแฉะแน่
แต่ถ้าอ่านไปอินไปแบบคุณแอนนาก็อีกอาการนึง
บันทึกการเข้า
NAVARAT.C
หนุมาน
********
ตอบ: 11307


ความคิดเห็นที่ 159  เมื่อ 02 พ.ย. 15, 08:01

พิธีกรรมในวันตั้งศาล คราวนี้เพียบ ศาลคู่นั้นผมเตรียมมาจากกรุงเทพเป็นอย่างดี
โปรดสังเกตุศาลเดิมที่ผมตั้งไว้บนก้อนหินใหญ่นั้น ถูกเชิญลงไปแล้ว และระหว่างเวลาทำพิธี ฝรั่งGMนั่งคุกเข่าเรียบร้อยอยู่หน้าโต๊ะสังเวยเลยทีเดียว


คลิกที่รูปเพื่อขยาย/ย่อ
บันทึกการเข้า
NAVARAT.C
หนุมาน
********
ตอบ: 11307


ความคิดเห็นที่ 160  เมื่อ 02 พ.ย. 15, 08:38

มีเหตุการณ์สำคัญเกิดขึ้นเมื่อพิธีจบแล้ว เมื่อGMเชิญทุกคนไปทานข้าวที่ห้องอาหารครัวพระนางของโรงแรม ซึ่งปิดอยู่ จึงไม่มีใครนอกจากคณะเรา พออิ่มหนำสำราญ จำไม่ได้ว่าตัวGMยังอยู่หรือขอตัวไปทำงานแล้ว อยู่ดีๆน้าผมก็เด้งผางลงไปนอนกับพื้น สักพักก็ลุกขึ้นมานั่งพับเพียบเรียบร้อย น้าสะใภ้จึงถามขึ้นอย่างคนรู้งานว่า พระนางเสด็จมาใช่ไหมเพคะ ร่างของน้าก็พยักหน้า

ทุกคนซึ่งนั่งอยู่บนพื้นแล้วตั้งแต่น้าผมลงไปนอนแน่นิ่ง ก็เปลี่ยนอากัปกิริยาโดยอัตโนมัติ พระนางหันมาพูดกับผมว่า “ขอบใจเธอมากนะจ๊ะ ที่ทำบ้านให้ฉันและน้อง หลังใหม่สวยงาม ถูกใจมาก” ผมก็กราบ
น้าสะใภ้ก็ถามนำโน่นนี่นั่น ท่านก็ตอบ ซ้ำๆกับเรื่องที่เล่ามาแล้ว ผมจะไม่เล่ารายละเอียดตรงนี้ให้เฝือ นอกจากถึงตอนหนึ่ง ผมถามว่า สมบัติของพระนางที่ว่ายังจมอยู่ใต้ทรายหน้าถ้ำ จะโปรดดลใจชี้ทางให้ผมนำขึ้นมาได้ไหมขอรับกระหม่อม ผมใช้ราชาศัพท์หม่อมเจ้าเวลาพูดกับท่าน พระนางเปลี่ยนท่าทีเป็นไม่พอใจทันที “นั่นไม่ใช่สิ่งที่ฉันจะให้เธอ สิ่งที่เธอควรจะได้เธอก็ได้แล้ว ต่อไปกิจการของเธอจะเจริญรุ่งเรือง”

ผมตกใจนะ เกรงว่าพระนางจะเข้าใจผิดว่าผมโลภโมโทสัน ในใจจริงๆคิดว่าสมบัติดังกล่าว(ถ้ามีจริง)ก็ควรจะเป็นสมบัติของแผ่นดิน มีค่ามหาศาลทางด้านโบราณคดี ผมคิดไปถึงว่า ถ้าสามารถจะนำขึ้นมาจัดสร้างเป็นพิพิธภัณฑ์แห่งชาติของจังหวัดกระบี่ได้ ก็น่าจะเป็นที่สนใจไปทั่วโลก กระบี่มีแหล่งโบราณคดีที่คลองท่อม อยู่ห่างไปไม่ไกลอยู่แล้ว ที่นั่นเป็นชุมชนเดิมยุคทวาราวดี มีการขุดพบลูกปัทม์ของมีค่ามากมาย ที่น่าทึ่งคือมีเหรียญสุริยเทพของโรมันปนอยู่ด้วย มันผ่านมาทางอินเดียแน่นอน

ผมคงไม่มีบารมีพอ ในใจคิดว่าถ้าเป็นเจ้านายผู้เป็นที่เคารพรักของปวงชน พระนางคงจะยินยอม จึงเอ่ยปากถาม พระนางตอบสั้นๆว่า “มันไม่ใช่สมบัติของมนุษย์”
ผมจึงกราบขอประทานอภัยโทษอีกครั้ง และไม่เอ่ยปากถึงเรื่องนี้อีกเลย

ตั้งแต่นั้นศาลพระนางจึงกลายเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ของชาวอ่าวพระนาง ทุกคืนวันเพ็ญ ในเวลาเย็นหกนาฬิกา ชาวโรงแรมรายาวดีจะตั้งขบวนแห่ นำเครื่องสังเวยไปบูชาพระนาง ตามคำที่ทรงบอกว่า จะลงมาโลกมนุษย์ในคืนนั้น
ภาพที่ผมบอกคุณหมอเพ็ญว่า เป็นภาพตอนจบก็คือสภาพของศาลหลังการจัดตั้งขึ้นใหม่ไม่นาน ผู้คนได้แห่กันมาขออะไรต่อมิอะไร พอสำเร็จก็นำเครื่องแก้บนมาถวายจนรกรุงรัง ต้องจัดระเบียบกันบ่อยๆ


บันทึกการเข้า
NAVARAT.C
หนุมาน
********
ตอบ: 11307


ความคิดเห็นที่ 161  เมื่อ 02 พ.ย. 15, 09:25

วันพาน้าเดินทางไปสนามบินภูเก็ตเพื่อกลับกรุงเทพ ผมได้โทรไปนัดกับลูกศิษย์ท่านอาจารย์ชัย ขอเวลาที่จะไปพบท่านล่วงหน้า ครั้นไปถึงวันนั้นปลอดโปร่งดี มีคนไปรออยู่ไม่มาก พอผมกับคณะนั่งเรียบร้อยแล้ว ท่านบอกผมว่า “เมื่อคืนเค้ามาหาอาตมา ต่อว่าใหญ่ว่าเป็นพระไม่อยู่ส่วนพระ เอาความลับเรื่องสมบัติของเค้าไปบอกมนุษย์ ทำให้เกิดกิเลศโลภในสมบัติที่ไม่ใช่ของตัว”

ถึงตรงนี้น้าของผมก็หงายหลังผลึ่งลงไป พอลุกขึ้นมานั่งเรียบร้อยก็ก้มกราบท่านอาจารย์ ท่านหันมาถามผมว่า เค้ามาใช่ไหม ผมก็ตื่นๆอยู่ แต่บอกว่าครับ
พระนางมาบอกอย่างเดิมว่าพอใจในศาลที่ทำให้ใหม่แล้ว ต่อไปขอให้มีความสุขความเจริญ สถานที่นั้นจะเป็นที่รู้จักของคนทั่วโลก แล้วก็บอกท่านอาจารย์ชัยว่าอย่าไปบอกคนอื่นนะว่าสมบัติอยู่ตรงไหน ท่านอาจารย์ท่านก็ยิ้มเจื่อนๆ ไม่นานพระนางก็ออกไป น้าของผมก็กลับมาเป็นคนๆเดิม

วัตถุประสงค์วันนั้นคือ ผมจะมานิมนต์ท่านอาจารย์ชัยไปเจริญพระพุทธมนต์และฉันอาหารเป็นสิริมงคลกับโรงแรม เรื่องอื่นก็ไม่มีอะไรแล้ว ท่านอาจาย์ก็ยินดีรับนิมนต์ ครั้นไปถึงก็ขอให้พาไปที่ศาลพระนางก่อน ท่านยืนทำสมาธิอยู่ที่นั่นนาน แล้วจึงไปทำพิธีกรรมของสงฆ์ต่อ
ในรูป ท่านนำตระกรุดมา ๗ หรือ ๙ ดอก จำไม่ได้ เดินนำผมไปยังจุดต่างๆของโรงแรมราวกับมีแผนที่ไว้แล้วในใจ แล้วฝังตระกรุดลงให้ในที่เหล่านั้น

วันนี้พอนะครับ ได้เวลานัดต้องออกไปข้างนอกแล้ว
แต่ความจริงเรื่องที่ต้องการจะเล่าก็จบแล้ว


บันทึกการเข้า
NAVARAT.C
หนุมาน
********
ตอบ: 11307


ความคิดเห็นที่ 162  เมื่อ 02 พ.ย. 15, 09:31

เอ่อ...เกรงใจจริงจริ๊ง แต่อยากจะบอกว่า ถ้าผมกลับมาเห็นว่าไม่มีใครสนใจจะเข้ามาต่อกระทู้นี้ให้เป็นเรื่องเป็นราว
ก็จะขอจบการเล่าเรื่องส่วนตัวของผมเพียงเท่านี้

ขอบคุณผู้ที่ติดตามอ่านนะครับ
บันทึกการเข้า
เพ็ญชมพู
หนุมาน
********
ตอบ: 12599



ความคิดเห็นที่ 163  เมื่อ 02 พ.ย. 15, 09:49

มีข้อสงสัยอยู่ ๓ ข้อ

ข้อที่ ๑ เรื่อง "ศาลพระนาง"

จากภาพปัจจุบันไม่เห็นศาลที่คุณนวรัตนตั้งล่าสุดในกระทู้ คงต้องมีเหตุการณ์บางอย่างเกิดขึ้นระหว่างนั้น  ฮืม


คลิกที่รูปเพื่อขยาย/ย่อ
บันทึกการเข้า
เพ็ญชมพู
หนุมาน
********
ตอบ: 12599



ความคิดเห็นที่ 164  เมื่อ 02 พ.ย. 15, 10:08

ข้อที่ ๒

น้าจ้องหน้าผมแล้วตอบว่า ถ้าอยากทราบจริงก็ให้ตามน้าขึ้นไปที่ห้องพระชั้นบน ให้ผมจุดธูปเทียนบูชาพระพุทธรูปและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ในนั้น ส่วนน้าไปแต่งตัวใหม่นุ่งขาวห่มขาวออกมา หลังจากนั่งพนมมือบริกรรมสักพักก็มีองค์มาประทับที่ร่างน้า บอกว่า ที่ที่ผมไปอยู่นั้นน่ะ เป็นดินแดนของเจ้าหญิงสององค์ เดินทางทางเรือมาจากอินเดียหลายศตวรรษแล้ว แล้วเรือมาแตกแถวนั้น วิญญาณอันศักดิ์สิทธิ์ของพระนางจึงสถิตย์อยู่ที่นั่น

คุณชัยสิริ สมุทวณิช เพื่อนร่วมทุกข์ร่วมสุขกับคุณนวรัตน (ตามที่เจ้าตัวว่า) เขียนไว้ใน ผู้จัดการ เกี่ยวกับ "พระนาง"ว่า

เมื่อไปที่กระบี่ เราทราบว่าที่คลองท่อมมีของโบราณ เก่าแก่นับพันปี และได้ยินตำนานเกี่ยวกับเจ้าหญิงฝรั่ง พระนามว่ารายาวดี พบว่าน่าจะเป็นกรีกหรือไม่ก็พวกมาจากกรุงโรม
      
เราไปวัดที่คลองท่อม พบลูกปัด มีอันหนึ่งเป็นรูปเจ้าหญิงชัดเจนโดยมีใบหน้างดงามมาก และลูกปัดนับได้เป็นร้อย นอกจากนั้นพบว่ามีอุปกรณ์ทำลูกปัดรวมอยู่ด้วย ทำให้เชื่อว่าที่นี่เป็นแหล่งการผลิตที่สำคัญ


คำถามคือ คุณนวรัตนพอทราบเกี่ยวกับตำนานเจ้าหญิงฝรั่ง "รายาวดี" ของคุณชัยสิริ และเคยเห็นลูกปัดรูปเจ้าหญิง บ้างไหม  ฮืม      
บันทึกการเข้า
หน้า: 1 ... 9 10 [11] 12 13 ... 37
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by SMF 1.1.21 | SMF © 2006, Simple Machines
Simple Audio Video Embedder

XHTML | CSS | Aero79 design by Bloc หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.072 วินาที กับ 20 คำสั่ง