naitang
|
ความคิดเห็นที่ 540 เมื่อ 16 ก.พ. 16, 19:17
|
|
เอายอดมะกอกและใบอ่อน ขนาดกำปริมาณประมาณขวดน้ำ ล้างน้ำ สะบัดพอแห้ง แล้วเอามาแผ่ย่างบนไฟแรงๆ พลิกไปพลิกมาจนใบมะกอกสยบพอควร รูดเอาใบมะกอกออกมารวมเป็นปั้นแล้วใช้มีดซอยพอละเอียด (ขนาดประมาณครึ่ง ซม.) เอาแย้ที่ต้มสุกแล้วมากก (ตัด)หัวทิ้งไป กกเล็บทิ้งไป ที่เหลือก็เอามาลาบ (สับให้ละเอียดจนคล้ายหมูบะช่อสับแบบหยาบ)
ได้เวลาแล้วก็เอากะละมังทำกับข้าวมา เอาใบมะกอกที่ซอยแล้วใส่ลงไป ใช้มือโหย่งให้มันหลุดแยกออกจากกัน ไม่เป็นก้อนๆ เอาเนื้อแย้สับใส่ลงไปคลุกเคล้า พอดูเข้ากันดีแล้วก็เอาเครื่องชูรสที่ตำไว้นั้นใส่งลงไป คลุกให้ทั่วพร้อมไปกับการบีบคั้นเสมือนหนึ่งการคั้นกะทิ น้ำจากใบมะกอกที่ออกรสเปรี้ยว ฝาด (แฝงไว้ด้วยความหวานชุ่มคอ) ก็จะออกมาผสม ลองชิมรสดู ปรกติก็ไม่ต้องเติมอะไรอีกแล้ว แต่หากต้องการก็เพียงเติมน้ำปลาและพริกป่นให้ได้รสแซบตามที่ต้องการ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
naitang
|
ความคิดเห็นที่ 541 เมื่อ 16 ก.พ. 16, 19:42
|
|
ในปัจจุบันนี้ ผมก็ยังเมนูนี้ทานอยู่นะครับ แต่ได้แปลงวิธีการทำออกไปให้ง่ายขึ้น เป็นเมนูแบบ "แสร้งว่าแย้ยำยอดมะกอก"
เมนูนี้จะทำได้เมื่อใดก็ตามที่เห็นมียอดมะกอกอ่อนออกมาขายอยู่ในตลาด ลองดูครับ ง่ายมาก แถมอร่อยด้วย จะใช้เป็นเมนูทานเล่น หรือใช้แกล้มเหล้าแกล้มเบียร์ หรือใช้ทานกับข้าวร้อนๆก็ได้ทั้งนั้น
เอาแบบง่ายๆสุดๆ ไม่ต้องใช้ฝีมือใดๆเลยนะครับ ยอดมะกอกที่ได้มานั้นก็ทำอย่างที่เล่ามา แต่โดยใช้เตาแกสทำให้มันสยบแทนการใช้เตาอั้งโล่ สำหรับหอมแดงนั้น เพิ่มอีกสักหัวสองหัว ปอกเปลือกแล้วซอยบางๆเลย (ทำเหมือนซอยใส่ในถ้วยน้ำปลาที่ใช้จิ้มอาหาร) กระเทียมไม่ต้องใช้ ยกเลิกไป พริกแห้งก็ใช้พริกขี้หนูสดแทนตามความเผ็ดที่ต้องการ จะซอยก็ได้หรือจะสับให้ละเอียดก็ได้ทั้งนั้น กะปิ ไม่ต้องใช้ ยกเลิกไป สำหรับเนื้อนั้น ใช้คอหมูย่างที่มีขายอยู่ตามหน้าปั้มหรือตามรถเข็นขายไก่ย่างส้มตำ จะใช้ปริมาณมากน้อยเพียงใดก็แล้วแต่จะชอบ เท่านั้นเอง
เอาทั้งหมดมาขยำดังที่เล่ามาโดยใช้น้ำปลาดีที่มีกลิ่นหอมๆปรุงรสตามชอบ เท่านี้เองครับ ใส่ปากเคี้ยวแล้วลองย้ำเหมือนกับการกินเมี่ยงคำ ก็จะได้อรรถรสที่อร่อยอย่างครบถ้วน
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
naitang
|
ความคิดเห็นที่ 542 เมื่อ 16 ก.พ. 16, 20:08
|
|
เมนูง่ายๆ ทำง่ายๆ ใช้วัสดุพื้นบ้าน อุดมไปด้วยพืชผักและวิตามิน ลองทำดูนะครับ
เขียนมาถึงตรงนี้ เพิ่งจะนึกออกว่า เหมือนเคยเล่าถึงเมนูนี้ในเรือนไทยมาแล้ว ขออภัยที่หากเป็นการเล่าซ้ำครับ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
naitang
|
ความคิดเห็นที่ 543 เมื่อ 17 ก.พ. 16, 19:43
|
|
เล่าเรื่องแย้ลงผิดรูเจองูรองาบอยู่ ก็จะต่อไปในเรื่องของงู
ผมพบเห็นหรือจะเอ๋กับงูน้อยมากเมื่อเทียบกับช่วงเวลาที่ผมเดินทำงานอยู่ในป่าดง ซึ่งก็คงจะเป็นเพราะว่าต้องระวังตัวให้มากเป็นพิเศษ ด้วยว่าใส่รองเท้าแตะเดินทำงานก็เลยต้องวางเท้าเหยียบบนพื้นที่ๆไม่ค่อนข้างเด่น ประกอบกับเดินแบบไม่ระวังเสียงอีกต่างหาก ซึ่งเป็นการไล่สัตว์พวกมีพิษที่ชอบหมกตัวแอบซ่อนอยู่ให้หลบหนีไป
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
naitang
|
ความคิดเห็นที่ 544 เมื่อ 17 ก.พ. 16, 20:37
|
|
ในพื้นที่ห้วยขาแข้งช่วงล่างนี้ แม้กระทั่งงูพวกที่เลื้อยอยู่ตามกี่งตามใบไม้ (งูเขียว งูปากจิ้งจก) ก็เกือบจะไม่เห็นเลย ซึ่งก็คงจะเนื่องมาจากลักษณะของพืชพรรณไม้ของพื้นที่นี้ สำหรับพวกงูตัวเล็กๆ (งูขว้างฆ้อน ?) ที่ชอบซ่อนตัวอยู่ใต้ใบไม้หรือก้อนหินในห้วยแห้ง ก็ไม่พบเห็นเช่นกัน ส่วนงูมีพิษแรงๆเช่นงูเห่าและงูจงอางนั้น จำได้ว่าได้ยินการพูดถึงงูเห่าอยู่บ้าง แต่ไม่เคยได้ยินการพูดถึงงูจงอางเลย สำหรับงูจงอางนั้นพบอยู่มากในพื้นที่ก่อนข้ามเข้าเขตลุ่มห้วยขาแข้ง
ชื่อของงูที่ผมพอจะได้ยินชาวบ้านมีการกล่าวถึงบ่อยคืองูเหลือม และก็ไม่เคยได้ยินการกล่าวถึงงูหลาม ส่วนสำหรับชื่องูที่ได้ยินบ่อยมากที่สุดก็คือ งูสิง ครับ
อย่างไรก็ตาม ผมเห็นว่ามันก็น่าจะมีทุกชนิดนะครับ เพียงแต่ว่าความชุกชุมของมันอาจจะไม่มากเท่ากับในพื้นที่อื่นๆ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
naitang
|
ความคิดเห็นที่ 545 เมื่อ 17 ก.พ. 16, 20:53
|
|
สำหรับงูสิงนั้น เป็นงูที่เมื่อมันเห็นคนหรือรู้ว่าเป็นคนเดินมาเมื่อใด มันจะต้องโกยอ้าวแบบหนีสุดชีวิตอย่างเดียว มันรู้ว่ามันจะต้องถูกตามล่าเอาไปกินแน่ๆ และก็จะเป็นการตามล่าแบบไม่พักหยุดจนกว่าจะได้ตัวมัน
ชื่องูสิงเป็นชื่อของงูที่ชาวบ้านทั่วประเทศไทยรู้จัก และเมื่อถามชาวบ้านถึงงูชื่อนี้ ก็จะได้คำอธิบายที่พ่วงสรรพคุณความอร่อยตามมาด้วยเสมอ เขาว่าเนื้อของมันเหมือนเนื้อไก่ ครับ..เนื้อของมันขาวยังกับเนื้ออกไก่จริงๆ ส่วนกลิ่นและความคาวนั้น ผมว่าน้อยมากพอที่จะเอามาต้มทำเป็นแกงจืดได้
ผมไม่เคยกินเนื้องูสิงขณะเมื่อทำงานอยู่ในพื้นที่ห้วยขาแข้ง เคยแต่กินเนื้องูเหลือมและตับของมันก่อนที่จะต้องขยับไปเข้าพื้นที่สำรวจส่วนเหนือขึ้นไป
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
naitang
|
ความคิดเห็นที่ 546 เมื่อ 18 ก.พ. 16, 18:33
|
|
เนื้องูเหลือมก็พอจะจัดได้ว่าไม่คาวนัก มีกลิ่นอยู่บ้าง แต่คงจะเอามาทำอาหารได้เพียง 2 แบบ คือ หั่นเป็นแว่นๆแล้วทอด หรือทำผัดเผ็ดได้เท่านั้น ไม่เข้าท่าเลยที่จะเอาไปแกง จัดว่าเป็นเนื้อสัตว์ที่ไม่น่ากินเอาเสียเลย เนื้อที่สุกแล้วจะออกสีเฟอร์นิเจอร์ไม้สัก มีความแห้งและไม่นิ่ม (คงเป็นเพราะไม่มีมัน) ไม่มีรสเนื้อใดๆเลย ที่แปลกก็คือมันมีลักษณะโปร่งใส มิน่าเล่า...เลยไม่เห็นชาวบ้านเขานิยมเอามากินกัน
ตับของงูเหลือมนั้น มีลักษณะคล้ายกิ่งใบของต้นขี้เหล็ก ผมเอามาย่างให้สุกแล้วก็ลองกินดู พอจิ้มน้ำปลาแล้วก็พอกินเป็นกับแกล้มได้เหมือนกัน
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
naitang
|
ความคิดเห็นที่ 547 เมื่อ 18 ก.พ. 16, 18:47
|
|
ที่ผมประทับใจมากที่สุด คือการได้ชักคะเย่อกับงูหลาม เรื่องนี้เกิดในพื้นที่ป่าทุ่งใหญ่นเรศวร คิดว่าเคยเล่าไว้แล้วครั้งหนึ่งในกระทู้อื่น แต่เล่าซ้ำอีกครั้งก็คงไม่เป็นไรนะครับ
ครับ..ขณะนั่งรถบนเส้นทางผ่านป่าทุ่งใหญ่ฯ ก็เห็นงูหลามตัวขนาดโคนขาของเราค่อยๆเลื้อยอย่างอืดอาดตัดผ่านถนนหน้ารถ เราก็จอดรถลงไปดูเขา เขาหยุดนิ่งเหมือนกับจะท้าทายอะไรสักอย่าง แล้วก็ค่อยๆเอื้อนตัวต่อไป พวกผมคนหนึ่งก็เข้าไปจับหางดึง เขาก็หยุดนิ่งๆ หันมามองเล็กน้อยแล้วก็เลื้อยต่อไป คล้ายกับเป็นการบอกว่ามาประลองกำลังกันสักตั้งใหม ได้ทีเลยครับ ผมกับพวกอีกสองคน เป็นสามคน ก็ช่วยกันจับหางมัน ดึงกับมัน แพ้มันครับ มันลากเรากระจุยเลย เปลี่ยนคนก็ถูกลากกระจุยอีก ในที่สุดมันก็คงรำคาญ จึงหยุดนิ่ง คราวนี้หันมาทั้งหัวและตัว ค่อยๆเอี้ยวมา คงจะบอกว่า พอแล้ว พวกผมเลยต้องหยุด ยืนดูเขาค่อยๆเลื้อยอย่างช้าๆหนีไป
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
naitang
|
ความคิดเห็นที่ 548 เมื่อ 18 ก.พ. 16, 19:16
|
|
สัตว์อีกชนิดหนึ่งที่พบค่อนข้างบ่อยในพื้นที่ของห้วยขาแข้งช่วงล่างนี้ คือ ตัวนิ่ม หรือ ตัวลิ่น ตัวมันมีเกล็ดแข็งปิดอยู่ตั้งแต่หัวจรดปลายหาง ยกเว้นที่บริเวณท้องที่จะเห็นเนื้อหนังนิ่มๆสีขาว เป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม อาหารหลักของมันได้แก่มดและปลวก เมื่อพบศัตรู มันก็จะม้วนตัวกลมคล้ายลูกฟุตบอลล์
สมัยเมื่อ พ.ศ.2500 ต้นๆ บนถนนราชวิถีช่วงเขาดินกับรัฐสภา ก็มีตัวนิ่มออกมาหากินในเวลากลางคืนเป็นประจำ ถูกรถชนรถหรือทับมันบ่อยมาก
ตัวนิ่มที่เราพบอยู่ในพื้นที่นี้ เป็นตัวชี้นำให้เรารู้ถึงลักษณะและสภาพของพื้นที่นั้นๆค่อนข้างมาก อาทิ ความเป็นกรดเป็นด่างของดิน ความลึกของระดับน้ำผิวดิน ฯลฯ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
naitang
|
ความคิดเห็นที่ 549 เมื่อ 18 ก.พ. 16, 19:31
|
|
แต่ตัวนิ่มมันก็ไม่มีความโชคดีนัก
ตามตำรายาของจีน ตัวนิ่มทั้งตัวเป็นยาโด๊ป เราจึงได้เห็นตามร้านขายยาแผนโบราณบางแห่งมีเกล็ดของตัวนิ่มแขวนโชว์อยู่ในตู้กระจกหน้าร้าน
ในขณะที่ ในมุมมองของชาวบ้านทั้งหลายไปคิดถึงความอร่อยของเนื้อของมันว่าคล้ายเนื้อลูกหมู ซึ่งชาวบ้านเขาจะเอามาแกงกินกัน จะไม่นำไปผ้ดเผ็ดหรือทำอาหารประเภทอื่นๆ
น่าสงสารเนาะ มันวิ่งก็ไม่เร็ว ใช้วิธีม้วนตัวกลมเพื่อหนีศัตรู ใช้หนีสัตว์นักล่าก็พอได้อยู่หรอ แต่สำหรับหนีคนนี่ซิ การม้วนตัวของมันทำให้ง่ายต่อการจับตัวมัน เพียงหาปลายหางของมันให้เจอ แงะออกมา ใช้มือจับให้มั่น หิ้วไปเลย
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
naitang
|
ความคิดเห็นที่ 550 เมื่อ 20 ก.พ. 16, 18:41
|
|
เล่าความคละกันไปมาระหว่างเรื่องของคนกับเรื่องของสัตว์และความเกี่ยวพันกัน ก็มีที่ตกหล่นบ้าง เล่าไม่จบบ้าง เล่าขาดๆหายๆบ้าง ส่วนหนึ่งก็มาจากว่า ต้องเขียนไประวังไป เพราะในหลายเรื่องทั้งหลายเหล่านั้น มีส่วนที่ไม่เหมาะที่จะเล่าลงไปในรายละเอียดลึกๆ ผมมิได้เขียนเรียบเรียงเตรียมไว้ก่อน เป็นการเขียนและเรียบเรียงแบบสดๆครับ พยายามจะทำให้เป็นในลักษณะของการบรรยายให้ผู้คนในหมู่คณะที่มีความสนใจได้ฟังกัน ได้เห็นภาพของอดีตต่างๆทั้งในเชิงของวิถีของธรรมชาติ ของผู้คน และของสังคมที่มีอยู่ในพื้นที่ๆเรียกว่าห้วยขาแข้งในองค์รวม
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
ตอบ: 33585
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 551 เมื่อ 20 ก.พ. 16, 18:58
|
|
เล่าอย่างที่คุณตั้งอยากเล่า เล่าเท่าที่จะเล่าได้ค่ะ ถ้าเกรงว่าจะกระทบกระทั่งใคร ก็เว้นชื่อจริง สถานที่จริง เหตุการณ์จริงเอาไว้ก็พอค่ะ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
naitang
|
ความคิดเห็นที่ 552 เมื่อ 20 ก.พ. 16, 20:33
|
|
คิดว่า ที่เล่ามาแล้วนั้น คงจะพอทำให้สามารถประมวลเรื่องจนได้ภาพที่เราเรียกว่าป่าที่บริสุทธิ์และป่าที่สมบูรณ์นั้นได้ว่าเป็นอย่างไร
ขาแข้งเป็นตัวจริงของสถานภาพในธรรมชาติที่เรียกว่ามี Bio-diversity ในระดับที่สูงมาก
ครับ...ขาแข้งมีระบบนิเวศน์ที่สมบูรณ์ ซับซ้อน และไขว้กันไปมา มันมิใช่เป็นเรื่องของห่วงโซ่อาหารแต่เพียงมุมเดียว(ดังที่เรามักจะได้รับรู้มา) แต่เป็นเรื่องของการอยู่ร่วมกันของหลากหลายระบบของโลกทางกายภาพ (Lithosphere) โลกของสิ่งมีชีวิต (Biosphere ซึ่งประกอบไปด้วยโลกของพืช_plant kingdom และโลกของสัตว์_animal kingdom) ขาแข้งมีการผสมกลมกลืนกันระหว่างความต่างๆๆ ทีมีอยู่ต่างๆกันเหล่านั้น
ในความเห็นของผม หากมีการเข้าถึงอย่างลึกซึ้งกับหลักการพื้นฐาน(หรือมาตรการ)ทาง Conservation 6-7 ข้อและการ zoning ที่ใช้กันในการบริหารจัดการธรรมชาติแบบการอนุรักษ์ทั่วไป สภาพของห้วยขาแข้งที่ผมได้พบเห็นได้เล่ามานี้ ก็น่าจะยังคงสภาพดังเดิมอยู่ได้
แต่ในปัจจุบันนี้จะเปลี่ยนไปเพียงใดก็มิทราบได้ ซึ่ง..ในเชิงของ lithosphere นั้น เชื่อว่ายังขาดข้อมูลและความรู้อีกเยอะ (เพราะการห้ามต่างๆ) ส่วนในเชิงของ biosphere นั้น เชื่อว่าก็คงรู้อะไรๆเพิ่มมากขึ้นอีกมาก แต่ก็ยังน่าจะขาดส่วนที่เป็น legend อยู่อีกพอสมควร (เพราะมีหลักนิยม isolation กั้นอยู่)
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
naitang
|
ความคิดเห็นที่ 553 เมื่อ 20 ก.พ. 16, 20:38
|
|
ขอบพระคุณครับ
ทำให้เกิดความรู้สึกอุ่นใจและความรู้สึกดีๆว่า มิได้เดินป่าดงโดดๆอยู่แต่เพียงผู้เดียวครับ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
ตอบ: 33585
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 554 เมื่อ 20 ก.พ. 16, 21:25
|
|
นอกจากไม่ได้เดินคนเดียว คุณตั้งยังมีคนอ่านในโซเชียลมิเดีย เดินตามกันมาเป็นพรวนในกระทู้นี้ เป็นขบวนยาวเหยียดทีเดียวค่ะ เพียงแต่ตามมาอย่างเงียบๆ ระมัดระวังไม่เหยียบแย้ งูเหลือม ตะกวด ฯลฯ ให้ตื่น เท่านั้นเอง
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
|