เรือนไทย
ยินดีต้อนรับ ท่านผู้มาเยือน
กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
ส่งอีเมล์ยืนยันการใช้งาน?
ข่าว: การแนบไฟล์ กรุณาใช้ชื่อไฟล์ภาษาอังกฤษเท่านั้นครับ
หน้า: [1]
  พิมพ์  
อ่าน: 6371 เดโชดำดิน...
อัญขญมโขมดหัวลำโพง ณ เชียงคลาน
บุคคลทั่วไป
 เมื่อ 15 มิ.ย. 01, 11:47

อ่านข่าวมติชน หรือข่าวสด ว่าผู้สร้างภาพยนตร์เขมรกำลังจะสร้างหนังเขมรเรื่องใหม่ ชื่อ "เดโชดำดิน" แล้วก็ขันดีครับ สงสัยจะเป็นประวัติศาสตร์คนละเล่ม มองจากคนละมุม

"เดโชดำดิน" ตามข่าว เขมรเขาว่าเป็นเรื่องของแม่ทัพเขมรผู้กล้าหาญคนหนึ่งที่ต่อสู้กับกองทัพไทยในราว คริสตศตวรรษที่ 15 คนสร้างเขาบอกว่าอยากให้เด็กเขมรรุ่นหลังรู้เรื่องความกล้าหาญของบรรพชนของเขา และให้รู้ด้วยว่าแต่ก่อนเขมรรุ่งเรืองเพียงใด

แต่ที่ผมจำได้ เวอร์ชั่นไทยนั้น (ซึ่งก็เป็นตำนาน ไม่ใช่ประวัติศาสตร์) พระยาเดโชเป็นแม่ทัพเขมรมาจับตัวพระร่วงเจ้าพ่อเมืองสุโขทัย เพราะได้ข่าวว่ามีบุญญาธิการมาก อาจตั้งตัวแข็งเมืองได้ แต่พระร่วงมีวาจาสิทธิ์ สาปให้แข็งเป็นหินติดอยู่ที่ลานวัด แล้วตอนหลังก็เป็นผู้นำแข็งเมืองต่ออำนาจขอมได้จริงๆ

ถ้าว่าตามนิทานเขมรหรือสคริปต์หนังเขมร ดูเหมือนค่อนไปทางว่ากองทัพไทยบุกเข้าไปตีเขมรแล้วพระยาเดโชดำดินนี่ออกรบป้องกันประเทศอย่างกล้าหาญ แต่ถ้าว่าตามนิทานไทย ดูเหมือนกลับกัน ฝ่ายที่เป็นเจ้าเข้าครองคือขอมต่างหาก (ในพระราชนิพนธ์บทละครของ ร.6 ทรงสมมติชื่อกษัตริย์เขมรสมัยนั้นว่า พันธุมบดี) และไทยสุโขทัยต่างหากเป็นฝ่าย freedom fighters สู้กับอำนาจขอม โดยเน้นที่อำนาจบารมีศักดิ์สิทธิ์ของพระร่วง ตั้งแต่เรื่องเอาชะลอมใส่น้ำได้ไม่รั่ว จนถึงการสาปให้นายพลเขมรกลายเป็นหิน

ในสมัยหลังในประวัติศาสตร์จริงๆ ทัพไทยเคยยกไปตีเขมรจริงๆ ก็มี แต่สมัยของขอมดำดินนี่ ผมว่าขอมใหญ่มากตอนนั้น ไทยน่าจะอยู่ใต้อิทธิพลขอมและพยายามดิ้นรนให้พ้นอำนาจมากกว่า

ถ้าผมเป็นเขมร อยากทำหนังเรื่องไทยรบเขมร ผมหยิบเรื่องศึกพระยาละแวกมาสร้างน่าจะตรงกับประวัติศาสตร์มากกว่า อันนั้น ไทยไปตีเขมรจริงๆ และผลของสงครามบันทึกไว้เป็นสองกระแส สายหนึ่งว่าจับตัวพระยาละแวกได้ สมเด็จพระนเรศวรโปรดให้ทำพิธีปฐมกรรม แต่อีกสายหนึ่งว่า พระยาละแวกหลบหนีรอดไปได้ไม่เสียพระชนม์ในศึกคราวนั้น

เห็นท่าจะต้องรอดู ไม่ได้ดูหนังเขมรมาหลายปีแล้วครับ
บันทึกการเข้า
CrazyHOrse
บุคคลทั่วไป
ความคิดเห็นที่ 1  เมื่อ 13 มิ.ย. 01, 19:16

ในช่วงต้นถึงกลางอยุธยาไทยรุกไล่เขมรจนต้องย้ายเมืองหลวงหนีจากนครธมหรือยโศธรปุระ ไปอยู่พนมเปญ เรื่องที่เกิดขึ้นถ้าลองมาเปรียบเทียบกับการเสียกรุงศรีอยุธยาทั้งสองครั้ง อุทาหรณ์คงไม่ใช่ความภูมิใจหรือความเคียดแค้นแต่อย่างใด อยากให้นึกถึงความลำบากยากแค้นของคนที่อยู่ระหว่างสงครามและภูมิใจไว้เถอะครับว่าโชคดีที่ไม่ได้เกิดมาท่ามกลางสงคราม
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33584

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 2  เมื่อ 13 มิ.ย. 01, 19:22

เว็บเรื่องกษัตริย์สุโขทัย

http://203.154.104.10/service/mod/heritage/king/sukhotai/sukhotai.htm#suktop' target='_blank'>http://203.154.104.10/service/mod/heritage/king/sukhotai/sukhotai.htm#suktop



ดิฉันคิดคล้ายๆกับเจ้าโขมดฯ (สปีชี่ส์เดียวกับโหงพรายหรือเปล่าคะ?)

ว่าเรื่องนี้น่าจะแต่งขึ้นเพื่อส่งเสริมเกียรติประวัติอาณาจักรขอม    ในสมัย ๗๐๐ ปีก่อน ขอมมีอำนาจมากกว่าอาณาจักรเล็กๆในแหลมทอง อย่างสุโขทัย

แต่ก็เป็นยุคที่ขอมน่าจะเสื่อมอำนาจลงมากแล้ว  เมื่อสุโขทัยรุ่งเรืองขึ้นมา  จึงไม่ปรากฏว่ามีการยกทัพมาปราบปราม



ประวัติศาสตร์ของแต่ละชาติ มักแตกต่างกัน นอกจากด้วยมุมมองแล้ว ยังด้วยชาตินิยม หรือการปิดบัง หรือดัดแปลง

ทำให้นักประวัติศาสตร์มีงานไม่จบกันมาจนทุกวันนี้



จำได้ว่าไทยยกไปตีเขมรสมัยเจ้าสามพระยา   ขนสมบัติเขามาอยุธยาเยอะเหมือนกัน  แต่ต่อมาพม่าก็ขนไปอีกทีเมื่อมาตีอยุธยา

อีกครั้งก็พระเจ้าปราสาททอง ที่ไปได้แนวทางมาสร้างวัดไชยวัฒนารามตามคติ" จักรพรรดินิยม"



ส่วนพระร่วง เป็นกษัตริย์ในตำนานคล้ายๆพระเจ้าอาเธอร์แห่งคาเมล็อต

ไม่รู้ว่าหมายถึงองค์ไหนกันแน่ในบรรดากษัตริย์สุโขทัย อาจจะรวมๆกันหลายองค์ หรือองค์ใดองค์หนึ่ง

แต่ตำนานเรื่องที่ยกมา  อ่านสนุกค่ะ  

มีปลาที่เสวยแล้วเหลือแต่ก้าง โยนลงน้ำไปมันก็ว่ายไปได้  ทุกวันนี้ยังมีแต่ก้าง  ชื่อปลาอะไรจำไม่ได้แล้วค่ะ ใครทราบบ้าง?
บันทึกการเข้า
อัญขยมฯ
บุคคลทั่วไป
ความคิดเห็นที่ 3  เมื่อ 13 มิ.ย. 01, 19:46

คือ ผมไม่ใช่ขอมสมาดโขลญลำพง ครับ เป็นได้แต่ผีโขมดหัวลำโพง... แต่ตระกูลเดียวกับโหงพรายหรือเปล่าก็ไม่ทราบ ยังไม่ได้สืบตระกูลกัน

พระร่วงเจ้านั้นเป็นตำนานจริงๆ คือไม่มีองค์จริงในประวัติศาสตร์ (อาจเป็นภาพรวมของกษัตริย์สุโขทัยจริงๆ หลายองค์) แต่ยังมีนิทานหลายเรื่อง ที่เกี่ยวกับวาจาสิทธิ์ ปลานั้นเขาเรียกปลาพระร่วงหรือเปล่าไม่แน่ใจ เรื่องชะลอมใส่น้ำได้นี่เรื่องหนึ่ง (ร.6 ทรงสันนิษฐานว่า สานชะลอมให้ตาถี่ๆ แล้วเอาชันยาอุด ก็ใส่น้ำได้) เรื่องสาปขอมดำดินก็เรื่องหนึ่ง ทางปักษ์ใต้บางพื้นที่ มะม่วงหิมพานต์ เรียกลูกยาร่วง ฟังมาว่า ลูก "ยาร่วง"  นี้ มาจากคำว่า พญาร่วง ว่าพระร่วงเจ้าทรงสั่งด้วยวาจาสิทธิ ให้เม็ดออกมาอยู่นอกเนื้อ เม็ดมะม่วงหิมพานต์ก็ปาฏิหาริย์ออกมานอกเนื้อได้จริงๆ ชาวบ่ายเห็นเป็นอัศจรรย์จึงเรียกลูกนั้นว่าลูกพระยาร่วง

นั่นเป็นนิทานไทย ผมอยากฟังนืทานเขมรบ้างว่า ท่านเดโชดำดินได้ของเขมรมีบทบาทอย่างไรในนิทานเขมร
บันทึกการเข้า
พวงร้อย
สุครีพ
******
ตอบ: 904


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 4  เมื่อ 13 มิ.ย. 01, 21:32

เคยอ่านผ่านๆมานะคะว่า  อาณาจักรขอมโยราณ(ที่สร้างนครวัด)นั้น  อ่อนตัวลงและถูกอาณาจักรไทยที่เพิ่งตั้งตัวขึ้นทำให้ล่มสลบายไป  เป็นเอกสารทางฝรั่งน่ะค่ะ
บันทึกการเข้า
ฝอยฝน
บุคคลทั่วไป
ความคิดเห็นที่ 5  เมื่อ 13 มิ.ย. 01, 22:48

อ้าว.....ฝน คิดว่า...ตระกูล ณ. เชียงคลาน  นี่ อยู่เขมร
ไม่ใช่หรือคะ...

ฝนไม่ถนัดค่ะ เรื่องของชาวขแมร์นะคะ
มีแต่หนังสือเกี่ยวกับศิลปขอมค่ะ

ไม่เคยมีใครเล่านิทานก่อนนอนเกี่ยวกะเขมรให้ฟังซะด้วยค่ะ
บันทึกการเข้า
CrazyHOrse
บุคคลทั่วไป
ความคิดเห็นที่ 6  เมื่อ 14 มิ.ย. 01, 07:41

ปลาที่ว่าชื่อปลาพระร่วงจริงๆครับ เนื้อจะใส มองเห็นก้างได้ชัดเจนจนดูเหมือนเป็นก้างปลาที่ว่ายน้ำได้
เรื่องชะลอมนั้นจิตร ภูมิศักดิ์เคยสันนิษฐานว่าเกี่ยวข้องกับราชพิธีของขอมที่จะใช้น้ำศักดิ์สิทธิ์จากลพบุรี ทำให้มีการเรียกส่วยน้ำ แต่เดิมการส่งส่วยน้ำนั้นต้องใส่ตุ่มแล้วชักลากกันไป สิ้นเปลืองทั้งเวลาและแรงงานคนมาก "พระร่วง" คงจะใช้ชะลอมแล้วเอาชันยา ทำให้ได้ภาชนะน้ำหนักเบา ลดภาระในการส่งส่วยน้ำไปบ้าง เป็นข้อสันนิษฐานแบบเดียวกับที่คุณ ฯหัวลำโพงฯ ว่านั่นแหละครับ
ส่วนเรื่องของการล่มสลายของขอมโบราณนั้น เคยอ่านบันทึกของโจวต้ากวานว่าในยุคนั้น ขอมถูกรบกวนจากกองทัพชาวเสียมบ่อยครั้งจนทำให้อ่อนแอครับ เคยอ่านหนังสือของ George Cedes ก็อ้างอิงบันทึกของโจวต้ากวานครับ แต่จะว่าขอมสิ้นเพราะถูกสยามรุกราน คงจะไม่ใช่ทั้งหมด เพราะการสร้างศาสนสถานขนาดยักษ์อย่างที่ปรากฎในเมืองพระนครจำนวนมากนั้น บริโภคเอาทรัพยากรของชาติไปมหาศาล และต้องถือว่าเป็นสิ่งปลูกสร้างที่ non-productive ไม่ได้เป็นประโยชน์อะไรกับการคงอยู่ของ "ชาติ" ซึ่งต่างจากการสร้างกำแพงเมืองจีน เพราะถึงจะลงคนลงแรงไปมาก แต่ก็สามารถลดภาระในการป้องกันตนเองจาก "คนนอกด่าน" ได้เป็นเวลานับพันปี
บันทึกการเข้า
วรณัย
บุคคลทั่วไป
ความคิดเห็นที่ 7  เมื่อ 14 มิ.ย. 01, 07:43

ผมเชื่อว่านิทาน "เดโชดำดิน"ของกัมพูชา กับ"ขอมดำดิน"ในพระราชนิพนธ์"พระร่วง" "เที่ยวเมืองพระร่วง"ของล้นเกล้ารัชกาลที่ 6 คงจะแตกต่างกันและไม่ใช่เรื่องเดียวกัน
"ขอมดำดิน"เป็นนิทานและเรื่องเล่าของ"ตาแช่ม" ครั้นที่รัชกาลที่ 6 เสด็จเยือนสุโขทัย ตรงบริเวณลานพระเจดีย์วัดพระศรีรัตนมหาธาตุสุโขทัย เมื่อทรงตรัสถามถึงศิลาแลงรูปบุคคลที่ฝังจมดิน โผล่ขึ้นมาเฉพาะส่วนครึ่งท่อนบน(โกลนรูปเคารพ)
ประกอบกับแนวคิดของฝรั่งเศส ณ เวลานั้นที่ยกให้"ขอม"ที่ตนเพิ่งค้นพบในประเทศกัมพูชาว่า"ยิ่งใหญ่" และกำลัง"เห่อ"
ทั้งหมดจึงเป็นที่มาของเรื่อง"นิทานพระร่วง"
ส่วน"เดโชดำดิน" เป็นชื่อและวรรณกรรมที่รับอิทธิพลกลับจากชาวสยาม ของชาวกัมพูชาเองในช่วงหลัง(ไม่เกิน 100 ปี)
เนื้อเรื่องของ "วรรรกรรม"เรื่องนี้อยู่ในช่วงสงคราม "ทำลาย"นครหลวงในสมัยพระบรมราชาธิราชที่ 2 เจ้าสามพระยา(ราวพุทธศตวรรษที่ 20 )
เป็น"วรรณกรรม" "นิทาน" "เรื่องเล่า"
มากกว่าจะเป็น"ประวัติศาสตร์"นะครับ
เหมือน ๆ กับวรรณกรรมเรื่อง"ขุนศึก"
ที่ไอ้เสมา หัวหมู่ทะลวงฟัน บุกเข้ากลางนครหลวง ชนกับทัพคู่อริ.... ของ ไม้ เมืองเดิม อ่านแล้วเพลินดีนะครับ
ส่วนเรื่องพระยาละแวก ก็เป็น"วรรณกรรม"
อีกนะครับ เป็นการแต่งขึ้นมาเพื่อเสริมเรื่องราวในพงศาวดารของกรุงศีอยุธยาเอง....
แต่งขึ้น....หลังจากเอกสารของหลวงประเสริฐและวันวลิต

อยากให้แยกเรื่องราวในประวัติศาสตร์ กับเรื่องที่เป็น นิทานหรือวรรณกรรม ออกจากกันนะครับ

ปล......ปลาที่พระร่วงเสวยแต่เนื้อแล้วโยนก้างลงน้ำ ชื่อว่า "ปลาก้างพระร่วง"ตัวใส ๆ เห็นกระดูกและเครื่องในชัดเจนดี
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33584

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 8  เมื่อ 14 มิ.ย. 01, 08:34

ขอบคุณเรื่องปลาพระร่วง หรือปลาก้างพระร่วงค่ะ

คิดในตอนแรกว่าเรื่องเดโชดำดิน  น่าจะทำนองเดียวกับยาขอบเอาพงศาวดารพม่ามาขยายเป็นผู้ชนะสิบทิศ
มาเจอคุณวรณัยเปรียบว่าเป็น "ขุนศึก" ก็ร้อง อ๋อ  คือนิยายอิง(ฉาก)ประวัติศาสตร์นั่นเอง
คงจะแบบ "ซิยิ่นกุ้ย" กับพระเจ้าหลีสิบิ๋น คือเอามาแต่ชื่อแล้วแต่งต่อเป็นเรื่องราว

ย้อนมาเรื่องขอมหรือเขมร
อ่านรื่อง "ถกเขมร" ของม.ร.ว. คึกฤทธิ์ ปราโมช   ดิฉันมองเห็น "ความเปลี้ย" ของเขมร จากการสร้างนครวัดและสถานที่อื่นๆ ใหญ่โตอลังการเกินเหตุ
non-productiveจริงๆ  อย่างคุณ Crazy HOrse  ว่า  ทำให้อาณาจักรอ่อนแอลงทุกที

นึกโยงไปถึงตึกอาคารสูงๆในกรุงเทพและจังหวัดใหญ่ๆที่กู้เงินนอกกันมาสร้างกันมากมายยุคฟองสบู่    จนเดี๋ยวนี้ทิ้งร้างกันไปหมด  หมดเนื้อหมดตัวคล้ายๆกัน
บันทึกการเข้า
อัญขยมฯ
บุคคลทั่วไป
ความคิดเห็นที่ 9  เมื่อ 14 มิ.ย. 01, 08:39

อ้อ... ออคุณเจริญบาท..
แปลกตรงที่นิทานตาแช่มเรื่องขอมดำดินที่ต่อมาภายหลังกลายไปเป็นเชื้อให้พระราชนิพนธ์บทละครเรื่องพระร่วงใน ร.6 นั้น ขอมคนที่ดำดินได้เก็ชื่อพญาเดโช (ชาญชัย)

ถ้าว่าคนเขมรฟังนิทานไทยแล้วได้แรงบันดาลใจไปแต่งเป็นนิทานเขมรอีกทีแต่เอาไปแค่ชื่อ ส่วนพฤตการณ์ในเรื่องกลับไปหยิบเหตุการณ์สมัยอยุธยามาแทน (ซึ่งหลังสมัยสุโขทัย) ก็เป็นไปได้ แปลว่าเขมรคนนั้นเพิ่งจะหยิบนิทานไทยไปได้เร็วๆ นี้เองไม่เกินรัชสมัย ร.6

ดูเหมือน ร.7 หรือเปล่าที่ทรงใช้พระราชนิพนธ์บทละครเรื่องพระร่วง ทรงเรียบเรียงทำนองเพลงไทยเดิมสำเนียงเขมรใส่เนื้อจากบทละครนี้ มีตอนหนึ่งพูดถึงท้าวพันธุมบดี สั่งนายพลขอมคนนี้ด้วยว่า
....พญาเดโชชาญชัย
จงรีบไปกุมจับอ้ายสำคัญ...
บันทึกการเข้า
นกข.
บุคคลทั่วไป
ความคิดเห็นที่ 10  เมื่อ 15 มิ.ย. 01, 21:36

ตกลง ได้ข้อมูลจากคุณวรณัย เป็นอันเคลียร์แล้วว่า เดโชดำดิน เป็นนิยายอิงประวัติศาสตร์ของเขมรยุคไม่กี่สิบปีมานี่เอง ย้ำ นิยาย เหมือนเรื่องขุนศึก ไอ้เสมา และเป็นิยายที่เขมรคนแต่งอิงฉากสมัยอยุธยา ไม่ใช่สมัยขอมดำดิน เป็นนิยายคนละเรื่องกับตำนานขอมดำดิน ขอบคุณคุณวรณัยครับ

คุณจ้อครับ...
คอลัมนิสต์ท่านหนึ่งที่คุณจ้อชอบ เขียนถึงเดโชดำดินด้วยครับ (แต่ท่านเข้าใจเหมือนที่ผมเข้าใจตอนแรกว่า เป็นเรื่องขอมดำดิน) แล้วก็ตามปกติของท่าน ท่านต้องเขียนวกเข้าไปหาเรื่องด่าฝรั่งจนได้ คราวนี้ด่าสำนักข่าวฝรั่งที่เอาข่าวนี้มาลง ว่าตั้งใจเสี้ยมให้ไทยกับเขมรทะเลาะกัน เป็นมือที่สาม
สรุปว่าฝรั่งต้องเลวเสมอ
เมื่อไม่นานมานี้ ตอนความสัมพันธ์ไทย-พม่า ตึงเครียด หนังสือพิมพ์พม่าซึ่งถือได้ว่าเป็นสิ่งพิมพ์กึ่งทางการ ลองเชิงโดยกล่าวจาบจ้างล่วงเกินพระมหากษัตริย์ไทยสมัย ร. 4- 5 เหตุการณ์หรือพฤติการณ์นั้นเกิดขึ้นแล้ว เกิดขึ้นจริงๆ เป็นข้อเท็จจริงแล้ว นักข่าวฝรั่งถึงค่อยหยิบมารายงาน (สถานทูตไทยที่ย่างกุ้งก็รายงานมา ไม่ใช่แต่นักข่าวฝรั่ง) และรัฐบาลเราก็ประท้วงพม่าไปแล้วอย่างรุนแรง ว่าพูดอย่างนี้ไม่ได้เด็ดขาดไทยเราไม่ยอม ตอนนี้ก็เห็นว่าสิงพิมพ์พม่านั้นลดโทนลงไปแล้ว
คอลัมนิสต์ท่านนั้นก็บอกว่า ฝรั่งพยายามยุให้ไทยตีกันกับพม่าโดยการลงข่าวที่ นสพ. พม่าจ้วงจาบพระเจ้าอยู่หัวไทย ฝรั่งเลว... อีกเช่นเคย เหมือนกับที่ว่า มีการเยือนระดับสูงระหว่างจีนกับญี่ปุ่น ก็ไอ้สำนักข่าวฝรั่งนี่แหละไม่อยากให้จีนดีกับญี่ปุ่นได้ เสนอข่าวคุ้ยแคะเรี่องประวัติศาสตร์สงครามโลกครั้งที่สอง มากๆ เลยทำให้การเยือนครั้งนี้ไม่สำเร็จผลไปเลย สรุป ฝรั่งเลว ฝรั่งเลว ฝรั่งเลว ท่องไว้วันละสามเวลาก่อนอาหาร...

ผมอยากจะเรียนถามคอลัมนิสต์ท่านนั้นว่า เอ- ผู้นำจีนกับญี่ปุ่นนี่เขาปัญญาอ่อนได้ถึงขนาดนั้นเชียวหรือ? ฝรั่งเสี้ยมอย่างไรถึงต้องเชื่อไปหมด แล้วตอนสงคราม ญี่ปุ่นไม่ได้ทำอะไรในจีนเลย เป็นโกโบริรักถนอมอังศุมาลินจีนจนตลอดสงครามละสิ? ถ้าจีนเขาจะรู้สึกกินใจกับญี่ปุ่นอยู่ เขากินใจของเขาเองได้ครับไม่ต้องให้ฝรั่งบอกก็ได้ เขามีเรื่องเก่าของเขาอยู่จริงๆ อยู่แล้ว
 
ถ้า นสพ.พม่าไม่ลงบทความที่พูดถึงไทยเหล่านั้นจริงๆ แล้ว ฝรั่งจะเอาที่ไหนมารายงาน?  นี่ นสพ. พม่าทำจริง ไทยเราก็เอาจริง เห็นเป็นเรื่องสำคัญและบอกกับรัฐบาลเขาไปตรงๆ ว่าพม่าอย่าทำอย่างนี้ ทำไม่ได้ ถ้ารัฐบาลไทยเป็นอย่างคอลัมนิสต์ท่านนั้น ก็คงจะนั่งเฉยๆ ให้เขาด่าในหลวงเราสบายๆ แล้วหันไปเล่นงานนักข่าวฝรั่งที่เขาเพียงแต่เอาความจริงมารายงาน ว่าเอ็งต้องผิดเพราะเอ็งเป็นฝรั่ง ฮืม?!!!

แต่เรื่องความสัมพันธ์ไทยพม่านั้น เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่ผู้มีหน้าที่เกี่ยวข้องเขาก็ทำไปอยู่แล้วเต็มกำลัง เพราะเราเลือกเพื่อนบ้านไม่ได้ เรื่องปรับความเข้าใจกันก็ต้องทำไป เรื่องคนคนหนึ่งของฝ่ายเขามาล่วงเกินเราก็ต้องประท้วงเขาให้เขารู้ เป็นส่วนหนึ่งของการปรับความเข้าใจเหมือนกัน ผมเชื่อเป็นส่วนตัวว่า บรรยากาศความสัมพันธ์คงจะกำลังค่อยๆ ดีขึ้น

ผมร่ำๆ จะเอาเรื่องการมองประวัติศาสตร์ไทยจากสายตาพม่าคนหนึ่ง มาตั้งกระทู้เหมือนกัน ตอนที่เป็นข่าว แต่เห็นว่าคนที่มีหน้าที่ก็ทำหน้าที่ประท้วงอยู่แล้ว และถึงแม้ว่าถ้าผมจะตั้งกระทู้นั้นก็ด้วยความสนใจในเชิงวิชาการด้านประวัติศาสตร์ก็ตาม แต่ในขณะนั้นที่บรรยากาศกำลังตึงเครียดอยู่นั้นผมไม่แน่ใจว่าตั้งขึ้นมาแล้ว การถกกันทางประวัติศาสตร์จะกลายเป็นการระเบิดอารมณ์ไปหรือเปล่า จะยิ่งทำให้เป็นส่วนหนึ่งในการสร้างกระแสหรือไม่ เลยตัดสินใจไม่ตั้งตอนนั้น ทิ้งจังหวะสักนิดก่อน
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33584

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 11  เมื่อ 15 มิ.ย. 01, 23:47

เพิ่งได้ฟังข้อมูลฝ่ายไทย จากผู้เชี่ยวชาญที่ออกมา defend เรื่องนี้  
 ถ้าจะถกกันในนี้  ดิฉันจะไปขอความรู้เพิ่มเติมจากท่านมา post ให้ค่ะ
บันทึกการเข้า
หน้า: [1]
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by SMF 1.1.21 | SMF © 2006, Simple Machines
Simple Audio Video Embedder

XHTML | CSS | Aero79 design by Bloc หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.069 วินาที กับ 19 คำสั่ง