เรือนไทย
ยินดีต้อนรับ ท่านผู้มาเยือน
กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
ส่งอีเมล์ยืนยันการใช้งาน?
ข่าว: การแนบไฟล์ กรุณาใช้ชื่อไฟล์ภาษาอังกฤษเท่านั้นครับ
หน้า: [1] 2 3 ... 14
  พิมพ์  
อ่าน: 100610 ขนมของชาวจีน ในสยาม
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33584

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
 เมื่อ 08 มิ.ย. 15, 16:11

สืบเนื่องจากค.ห.ที่ 1110 ของคุณหมอ Visitna 
บรรยากาศหน้าโรงหวยที่อยู่ตรงข้ามเยื้องประตูสามยอด
อยู่ในหนังสือจดหมายเหตุรายวันเจ้าฟ้ามหาวชิรุณหิศ


รายชื่อขนม กระตุ้นต่อมอยากค้นคว้า จึงขอมาตั้งกระทู้ใหม่ในห้องนี้    เพื่อจะขอแรงท่านผู้รู้ ช่วยให้วิทยาทานหน่อยว่า ขนมที่ข้ามน้ำข้ามทะเลมาจากแผ่นดินใหญ่  พวกนี้หน้าตาเป็นอย่างไร
บางอย่างก็ยังมีขายอยู่ในปัจจุบัน  บางอย่างก็ได้ยินแต่ชื่อ  บางอย่างก็ไม่รู้เลยว่าคืออะไร

เผื่อคุณม้า และคุณหาญบิง จะช่วยแนะนำบ้างก็จะขอบคุณอย่างยิ่งค่ะ
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33584

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 1  เมื่อ 08 มิ.ย. 15, 16:15

ขอเริ่มที่ขนมอี๋   
ขนมอี๋  เป็นขนมมงคลของชาวไทยเชื้อสายจืน  ที่นิยมทำขึ้นในงานแต่งงาน  ขนมชนิดนี้ทำจากแป้งข้าวเหนียวผสมแป้งมัน นวดกับน้ำต้มสุก จนเหนียวเข้ากันเป็นเนื้อเดียว ผสมสีแดงลงไป จะได้แป้งสีสวย
จากนั้นนำมาแบ่งปั้นเป็นลูกเล็ก ๆ  ยิ่งเล็กยิ่งสวย ขณะปั้นต้องหมั่นโรยแป้งมันไว้ เพื่อไม่ให้แป้งติดกัน แล้วนำขนมอี๋ที่ปั้นได้ ไปลวกในน้ำต้มเดือด  จนขนมอี๋พองตัวลอยขึ้นมา จึงตักพักใส่ในน้ำเย็น เพื่อหยุดการพองตัว
เวลารับประทานใส่ในน้ำเชื่อม (น้ำตาลทรายขาวหรือน้ำตาลทรายแดง เคี้ยวกับใบเตยหอม ) ถ้าจะให้อร่อยยิ่งขึ้นต้องใส่ไข่ เพิ่มเติม.

วิธีทำ
เวลาเตรียม 10 นาที ปรุง 15 นาที
สำหรับ 4 ท่าน

วัตถุดิบขนมอี๋ (ขนมหวานจีน)

1. แป้งข้าวเหนียว 1/2 กิโลกรัม
2. สีผสมอาหาร สีชมพู 2 หยด
3. น้ำตาลทราย 1 ถ้วย
4. ขิงแก่ 4 แว่น
5. เกลือ 1/2 ช้อนชา
6. น้ำ 10 ถ้วย

วิธีทำขนมอี๋ (ขนมหวานจีน)

1. ต้มน้ำเชื่อม โดยต้มน้ำ 5 ถ้วย ด้วยไฟกลาง ใส่น้ำตาลทราย เกลือและขิง ลงไป รอจนเดือด แล้วจึงยกลง
2. ปั้นแป้งขนม โดย นำแป้งใส่อ่างผสม เทน้ำและสีผสมอาหารชมพูที่ละลายน้ำเล็กน้อยลงไป นวดให้เนียนเข้ากัน (ให้แบ่งแป้งไว้ปั้น สีขาว ด้วย)
3. ปั้น ด้วยการคลึงเป็นลูกกลมๆ ขนาด เท่า หัวนิ้วก้อย หรือ 5 มิลลิเมตร วางบนถาด หรือภาชนะทรงแบน ทีมีแป้งข้าวเหนียว โรยเอาไว้กันแป้งติดกัน
4. ต้มน้ำจนเดือด ใส่แป้งที่ปั้นไว้ลงไปในหม้อต้ม รอจนขนมสุกลอยขึ้นมา จึงช้อนใส่หม้อน้ำเชื่อม
5. ตักใส่ถ้วยขนมหวาน เสริฟ

ข้อแนะนำ

1. ขั้นตอนการต้ม ต้องหรี่ไฟให้อ่อน เพื่อไม่ให้ขนมลงไปติดก้นหม้อ แล้วไม่ลอยขึ้นมา
2. ความเหนียวของขนมจะมากหรือน้อย ขึ้นอยู่กับชนิดของแป้งข้าวเหนียวที่ใช้
3. หากต้องการมีหลายสี ก็ใช้ส่วนผสมสีต่างๆได้ ตามต้องการ เช่น สีเขียว จากใบเตย
4. สีชมพู ควรใช้เพียงเล็กน้อย ไม่ควรให้สีออกมาแดงจัด จะไม่น่าทาน

ได้มาจากเว็บ https://differenttypesofguns.wordpress.com/2013/12/03/%E0%B9%80%E0%B8%A5%E0%B8%A1%E0%B8%AD%E0%B8%99%E0%B8%8A%E0%B8%B5%E0%B8%AA%E0%B8%9E%E0%B8%B2%E0%B8%A2-lemon-cheese-pie/

ซึ่งอ้างแหล่งที่มา  จาก
http://www.snc.lib.su.ac.th/snclibblog/?tag=%E0%B8%82%E0%B8%99%E0%B8%A1%E0%B8%AD%E0%B8%B5%E0%B9%89



บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33584

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 2  เมื่อ 08 มิ.ย. 15, 20:06

บ้างทำหมี่ทอดมันเป็นควันเขียว
คิดว่าเป็น 2 คำ คือ หมี่ และ ทอดมัน   หมี่ที่นี่น่าจะเป็นหมี่ผัด     ส่วนทอดมันแบบจีนนั้นอาจจะเป็นอย่างเดียวกับที่เห็นเสิฟอยู่ตามโต๊ะจีน



บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33584

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 3  เมื่อ 08 มิ.ย. 15, 20:09

หมี่ผัด


บันทึกการเข้า
เพ็ญชมพู
หนุมาน
********
ตอบ: 12599



ความคิดเห็นที่ 4  เมื่อ 09 มิ.ย. 15, 09:14

คำกลอนต้นเรื่องอยู่ใน "เพลงยาวตำนานหวย" แต่งโดยนายกล่ำในสมัยรัชกาลที่ ๓ โรงหวยที่นายกล่ำกล่าวถึงเป็นของเจ้าสัวหงตั้งที่กำแพงเมืองใกล้สะพานหัน  แล้วเลื่อนมาอยู่ที่วังบูรพาภิรมย์ ขออนุญาตเติมให้สมบูรณ์ตรงที่ละเอาไว้

ได้ยินเขาเรียกอยู่ไม่รู้หมด          ยากที่จะจดจำเหมือนคำเด็ก
ด้วยตัวฉันนั้นไม่เคยเป็นเขยเจ๊ก    ตั้งแต่เล็กจนใหญ่ไม่ได้ลอง
สารพัดจะมีขายรายถนน            สักแสนคนถึงจะกินไม่สิ้นของ
มีหลากหลากมากหลายอยู่ก่ายกอง ตั้งร้านสองฟากข้างหนทางโต
บันทึกการเข้า
เพ็ญชมพู
หนุมาน
********
ตอบ: 12599



ความคิดเห็นที่ 5  เมื่อ 09 มิ.ย. 15, 09:37

บ้างทำหมี่ทอดมันเป็นควันเขียว
คิดว่าเป็น 2 คำ คือ หมี่ และ ทอดมัน   หมี่ที่นี่น่าจะเป็นหมี่ผัด     ส่วนทอดมันแบบจีนนั้นอาจจะเป็นอย่างเดียวกับที่เห็นเสิฟอยู่ตามโต๊ะจีน

น่าจะหมายถึงหมี่ทอดน้ำมัน ส่วนหมี่ผัดน่าจะเป็นตอนที่พูดถึง "ทั้งวุ้นเส้นหมี่ซัวล้วนตัวดี" มากกว่า
บันทึกการเข้า
siamese
หนุมาน
********
ตอบ: 7165


หนุ่มรัตนะกับภูเขาทอง


ความคิดเห็นที่ 6  เมื่อ 09 มิ.ย. 15, 09:49

ขอนำส่งไข่เจียว ตามคำกลอน (ง่ายสุดแล้ว)  ยิ้มเท่ห์


บันทึกการเข้า
เพ็ญชมพู
หนุมาน
********
ตอบ: 12599



ความคิดเห็นที่ 7  เมื่อ 09 มิ.ย. 15, 11:04

"ทั้งก๋วยเตี๋ยวกุ้งตุ้มอุดมมี" เป็นไปได้ ๒ ทาง คือ ก๋วยเตี๋ยวใส่กุ้งต้ม หรือ ก๋วยเตี๋ยวและกุ้งต้ม
บันทึกการเข้า
เพ็ญชมพู
หนุมาน
********
ตอบ: 12599



ความคิดเห็นที่ 8  เมื่อ 09 มิ.ย. 15, 11:10

"บ้างตั้งเตาติดต้มขนมอี๋" ขนมอี๋ก็คือบัวลอย เรียกในภาษาจีนว่า "ทังหยวน”" (汤圆:tang yuan)

บัวลอยของแต้จิ๋วจะโดดเด่นมาก เพราะไส้จะมีสีไส้ สี่สี ได้แก่ไส้ ฝักเชื่อม หัวเผือก ถั่วเขียว ถั่วแดง สามอย่างหลังนี้นำมาต้มแล้วบดคลุกน้ำตาลทำไส้ ห่อด้วยแป้งข้าวเหนียวผสมสีต่างๆตามใส่ เป็นบัวลอยสี่สี เรียกว่า “ซื่อชึทังหยวน” (四式汤圆: si shi tang yuan) แปลว่า บัวลอยสี่อย่าง

เมืองไทยนี้คนจีนในไทยดูยังรักษาเอกลักษณ์นี้ไว้เช่นกัน เราอาจจะไม่ถึงกับไหว้สุสานยกใหญ่ แต่หลายคนก็ไหว้เจ้า และไหว้บรรพบุรุษ และกินขนมบัวลอยน้ำขิงที่เรียกว่าขนมอี้ ซึ่งทำจากแป้งข้าวเหนียว


ขอให้ทุกท่านมีความสุขกับครอบครัวในเทศกาลฤดูหนาวนี้

บัวลอยสี่สีแบบแต้จิ๋ว



บันทึกการเข้า
CVT
องคต
*****
ตอบ: 452


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 9  เมื่อ 09 มิ.ย. 15, 12:01

ตะเกียบพุ้ยโพงกินจนสิ้นม้วย

คงไม่ได้หมายความว่ากินจนตายนะครับ  ยิ้มเท่ห์
ม้วย ในที่นี้น่าจะหมายถึง ข้าวต้ม
บันทึกการเข้า
CrazyHOrse
แขกเรือน
นิลพัท
*******
ตอบ: 1899



เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 10  เมื่อ 10 มิ.ย. 15, 03:47

เอี่ยวตุย เตาเหลียว โตโหล นึกไม่ออกว่าคืออะไรเลยครับ
บันทึกการเข้า

"Postel's Law": "be conservative in what you do, be liberal in what you accept from others"
siamese
หนุมาน
********
ตอบ: 7165


หนุ่มรัตนะกับภูเขาทอง


ความคิดเห็นที่ 11  เมื่อ 10 มิ.ย. 15, 07:32

ตะเกียบพุ้ยโพงกินจนสิ้นม้วย

คงไม่ได้หมายความว่ากินจนตายนะครับ  ยิ้มเท่ห์
ม้วย ในที่นี้น่าจะหมายถึง ข้าวต้ม


น่าอร่อยมีรสแม้นซดจุ๊ย  ตะเกียบพุ้ยโพงกินจนสิ้นม้วย - อร่อยกระทั่งซดน้ำ ตะเกียบพุ้ยจนข้าวต้มหมดชาม

ภาษาจีนเรียกข้าวต้มว่า แปะม้วย (ข้าวต้มขาว)  ยิงฟันยิ้ม
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33584

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 12  เมื่อ 10 มิ.ย. 15, 07:48

กินเจียวเตาเหลียวกับโตโหล
พยายามแบ่งคำ ค่ะ   เจียว ในที่นี้เป็นภาษาจีนหรือเปล่าคะ   จะเป็น "เจียวเตาเหลียว" ได้ไหม
หรือเป็น เจียว คำหนึ่ง เตาเหลียว คำหนึ่ง โตโหล อีกคำ
คุณม้าฟังสำเนียงออกไหมคะ ว่าเป็นจีนอะไร แต้จิ๋วหรือไหหลำ หรือฮกเกี้ยน
บันทึกการเข้า
CVT
องคต
*****
ตอบ: 452


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 13  เมื่อ 10 มิ.ย. 15, 08:02

กินเจียวเตาเหลียวกับโตโหล
พยายามแบ่งคำ ค่ะ   เจียว ในที่นี้เป็นภาษาจีนหรือเปล่าคะ   จะเป็น "เจียวเตาเหลียว" ได้ไหม
หรือเป็น เจียว คำหนึ่ง เตาเหลียว คำหนึ่ง โตโหล อีกคำ
คุณม้าฟังสำเนียงออกไหมคะ ว่าเป็นจีนอะไร แต้จิ๋วหรือไหหลำ หรือฮกเกี้ยน

เท่าที่อ่านผมว่าเป็นแต้จิ๋วครับ
ตีก้วย ขนมเข่ง
จุ้ย น้ำ
ม้วย ข้าวต้ม
ตือบะ เนื้อหมู

ต่างจากพงศาวดารต่างๆที่ชื่อเป็นสำเนียงฮกเกี้ยนครับ
บันทึกการเข้า
เพ็ญชมพู
หนุมาน
********
ตอบ: 12599



ความคิดเห็นที่ 14  เมื่อ 10 มิ.ย. 15, 09:05

"เสียงฉ่าฉ่าน่าฉันเป็นมันดี กระดูกผีถั่วเขียวทั้งเอี่ยวตุย"

เสียงฉ่าฉ่านำมาน่าจะเกี่ยวกับของทอดน้ำมัน เห็นทีจะหมายถึง "กระดูกผี" คุณ ritti018  หรือในนาม "คนชุมพรนอนกรุงเทพ" เล่าไว้ใน พันทิป ว่า "สมัยก่อนเวลานั่งรถไฟผ่านสุราษฎร์ เขาจะขายต้มจั้ง (ข้าวเหนียวห่อในใบไผ่ กินกับนมข้นหวาน หรือจะใส่ในน้ำเชื่อมกินคู่กับวุ้นดำ) คู่กับขนมกระดูกผี แถว ๆ ท่าชนะ" ส่วนคุณ tongtham เล่าไว้ใน เพลงยาวตำนานหวย ว่า "กระดูกผี อันนี้ผมเดาว่าเป็นชื่อขนมจีนที่คนไทยเรียก แล้วก็เดาต่อไปอีกว่า อาจจะเป็นแป้งทอดกรอบรูปร่างคล้ายแท่งกระดูก ที่จีนแต้จิ๋วเขาเรียก “ลังเกี่ยกึง” กินกับเต้าฮวย"
 
ถั่วเขียว ก็คงเป็นถั่วเขียวต้มน้ำตาลที่เราคุ้นเคย ส่วนเอี่ยวตุยเป็นอะไรหนอ ปริศนานี้ยากนัก  ยิงฟันยิ้ม
บันทึกการเข้า
หน้า: [1] 2 3 ... 14
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by SMF 1.1.21 | SMF © 2006, Simple Machines
Simple Audio Video Embedder

XHTML | CSS | Aero79 design by Bloc หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.093 วินาที กับ 19 คำสั่ง