naitang
|
ความคิดเห็นที่ 75 เมื่อ 10 มิ.ย. 15, 18:52
|
|
เรื่องที่อยากจะให้พิจารณาอีกเรื่องหนึ่งก็คือ ในประวัติศาสตร์ของไทยเรา ในบรรดาบันทึกทางประวัติศาสตร์ทั้งหลาย (จดหมายเหตุ พงศาวดาร ฯลฯ) มีการบันทึกเหตุการณ์แผ่นดินไหวหลายครั้งมาก ซึ่งเคยมีการรวบรวมไว้โดยปรมาจารย์ทางธรณีวิทยาของเราท่านหนึ่ง น่าจะยังคงมีเก็บไว้ที่กรมอุตุนิยมวิทยาและที่กรมทรัพยากรธรณี และก็น่าจะมีที่ AIT ด้วย
ข้อมูลทั้งหมด เท่าที่ผมได้เคยเห็นนั้น ไม่มีการบันทึกเหตุการณ์ในลักษณะที่เกิดการทำลายแบบพังราบใดๆเลย ครั้งสำคัญๆทั้งหลาย เช่น กรณีเจดีย์หลวงในเมืองเชียงใหม่หัก ก็ไปเกี่ยวพันกับที่กำเนิดในพม่า หรือกรณีน้ำในคลองกระเพื่อม ก็ไปเกี่ยวกับการระเบิดของภูเขาไฟกรากะตัวในอินโดนีเซีย เป็นต้น
การบรรยายเหตุการณ์แผ่นดินไหวในบันทึกเหล่านั้น ทำให้ได้ภาพของความรุนแรง (intensity) ซึ่งพอจะสามารถผันเป็นขนาด (magnitude)ได้ ทำให้พอจะกล่าวได้ว่า ในช่วงเวลา 700-800 ปีที่ผ่านมานี้ แผ่นดินไหวที่เกิดขึ้นในพื้นที่ประเทศไทยนั้น มีขนาดไม่เกิน 6 และส่วนมากจะอยู่ในขนาดระหว่าง 4+ ขนาด 5 เองก็มีน้อยมาก
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
naitang
|
ความคิดเห็นที่ 76 เมื่อ 10 มิ.ย. 15, 19:14
|
|
สำหรับผมเองนั้น มีความสนใจอยู่ว่า จะมีบันทึกในประวัติศาสตร์เกี่ยวกับแผ่นดินไหวโดยผู้คนในเขตยูนานส่วนที่ติดกับพม่าและลาวบ้างหรือไม่
ผมไม่เคยไปในถิ่นที่กล่าวถึงนี้ ได้แต่อนุมาณตามภาพที่ได้เห็นว่า ลักษณะของบ้านเรือนที่อยู่อาศัยของผู้คนในพื้นที่นี้ ไม่ต่างไปมากนักจากบ้านของผู้คนที่อยู่ในพื้นที่ๆเรียกกันว่าล้านนาของเรา (ภาคเหนือ) ซึ่งโดยลักษณะโครงสร้างของบ้านคนถิ่นเดิม สามารถรับแรงแผ่นดินไหวได้พอสมควรเลยทีเดียว ก็เลยทำให้อนุมาณต่อไปว่า (เข้าเขตการเดาแล้วครับ) รอยเลื่อนที่มีชื่อว่า รอยเลื่อนแม่จัน นั้น อาจจะไม่น่ากลัวอย่างที่คาดเดากัน ทั้งนี้ หากงานทางวิศวกรรมที่รังสรรปั้นแต่งกันขึ้นมาในพื้นที่ภาคเหนือนั้นๆ เป็นงานทางวิศวกรรมที่อยู่ในกรอบของ good governance จริงๆ ก็ยิ่งไม่น่าจะต้องมีความวิตกกังวลใดๆ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
naitang
|
ความคิดเห็นที่ 77 เมื่อ 12 มิ.ย. 15, 19:30
|
|
ในช่วงท้ายนี้ ก็จะขอเข้าไปในเรื่องของซึนามิ (tsunami)
เป็นที่ทราบกันอยู่แล้วว่าซึนามิเป็นภาษาญี่ปุ่น ซึ่งมีความหมายว่าคลื่นในอ่าว ภาพที่ผมเห็นในญื่ปุ่นคือ เมื่อเกิดแผ่นดินไหวใดๆนอกชายฝั่งญี่ปุ่น (ด้านแปซิฟิก) ก็มักจะมีซึนามิเกิดขึ้นตามมาเกือบจะทุกครั้ง ซึ่งก็จะมีรายงานออกทางทีวีพูลเกือบจะทุกครั้ง คือ เตือนให้ทุกผู้คนระวัง และเมื่อผ่านพ้นช่วงเวลาที่คาดการณ์นั้นๆแล้ว หรือเมื่อเหตการณ์ยุติแล้ว ก็จะมีรายว่าเกิดหรือไม่เกิด และที่เกิดแล้วนั้นมีน้ำเอ่อสูงขึ้นมามากน้อยเพียงใดพร้อมท้้งภาพที่ได้บึนทึกเทปไว้ทุกครั้ง โดยเฉพาะกับเมืองที่มีผู้อยู่อาศัยค่อนข้างมาก ซึ่งต่างก็เป็นเมืองในอ่าวใดอ่าวหนึ่งทั้งนั้น ดังนั้น จึงไม่แปลกที่ซึนามิถูกเรียกในอีกชื่อว่า tidal wave คือ น้ำเอ่อท่วมคล้ายกับช่วงระดับน้ำทะเลขึ้น
ในญี่ปุ่นใช้คำว่าซึนามิในลักษณะของสภาพระดับน้ำทะเลในอ่าวถูกหนุนสูงขึ้นมา ดังนั้น จึงมีซึนามิขนาดระดับน้ำตั้งแต่ไม่กี่เซ็นติเมตรไปจนระดับหลายเมตรได้ ซึ่งการเตือนเรื่องซึนามิก็ไม่ไปคาดเดาว่าจะเกิดซึนามิระดับน้ำสูงขนาดใด เป็นลักษณะของการเตือนภัยจริงๆ และก็ซึ่งโดยเชื่อว่าซึนามิที่เกิดขึ้นไม่ควรจะเกินระบบเขื่อนสูงประมาณ 5 เมตร ตามที่คำนวณกันไว้ แถมยังมีประตูน้ำทึ่จะปิดกั้นน้ำเอ่ออยู่ทุกปากคลองที่น้ำไหลลงสู่ทะเล
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
naitang
|
ความคิดเห็นที่ 78 เมื่อ 12 มิ.ย. 15, 20:04
|
|
ในขณะที่ผู้คนอื่นๆนอกญี่ปุ่นใช้คำว่าซึนามิในความหมายที่เป็นมหาพิบัติภัยที่ร้ายแรงสุดๆ ตามที่ได้เสพข่าวสารเฉพาะครั้งที่เกิดซึนามิใหญ่ที่มีทรัพย์สินและผู้คนเสียชีวิต
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
naitang
|
ความคิดเห็นที่ 79 เมื่อ 13 มิ.ย. 15, 19:32
|
|
เมื่อวานนี้ว่าจะเขียนให้จบ เกิดมีเรื่องต้องทำเลยต้องหยุดไว้ห้วนๆ ขออภัยที่ไม่สุภาพครับ
จากที่เล่ามาสั้นๆใน คห. ก่อนหน้า คห.นี้ ผนวกกับภาพของพิบัติภัยซึนามิครั้งร้ายแรงเมื่อ พ.ศ.2547 (ค.ศ.2004) ทำให้ข่าวสั้นทันเหตุการณ์ทั้งหลายที่รายงานว่ามีแผ่นดินไหวเกิดขึ้น ณ ที่ใด จะต้องพ่วงเรื่องว่ามีการแจ้งเตือนหรือมีซึนามิเกิดขึ้นหรือไม่
ข้อเท็จจริงบางประการเกี่ยวกับคลื่นซึนามิ เป็นดังนี้ครับ เป็นคลื่นที่เกิดจากมวลน้ำของทะเลหรือมหาสมุทรถูกเปลี่ยนทรงอย่างรวดเร็ว เช่นเกิดมวลแผ่นดินปริมาณมากถล่มทลายลงไปสู่ทะเล (กรณีเกิดแผ่นดินถล่มที่อลาสกาเมื่อ พ.ศ.2501) หรือเกิดภูเขาไฟระเบิดอย่างรุนแรงจนแผ่นดินหายไป (เช่นเหตุการณ์เกือบสองพันปีก่อน ค.ศ.) หรือเกิดพื้นท้องทะเลขยับปรับเป็นขั้นบันไดสูงต่ำอย่างทันที (เช่นกรณีในมหาสมุทรอินเดียเมื่อ พ.ศ.2547) หรือเกิดแผ่นทวีปที่มุดตัวกันเกิดหลุดจากการสะดุดกัน (เช่นกรณีแผ่นดินไหวที่ญี่ปุ่น พ.ศ.2554)
คลื่นซึนามิมีระยะห่างของยอดคลื่นแต่ละลูก (ในทะเลเปิด) นับร้อย กม. แต่ละยอดคลื่นที่เห็นในทะเลเปิดจะสูงเพียงเมตรหรือสองเมตรเท่านั้น คลื่นเดินทางด้วยความเร็วประมาณ 800 กม.ต่อ ชม. ซึ่งคุณสมบัติดังกล่าวนี้จะเปลี่ยนไปเมื่อคลื่นเข้าสู่ชายฝั่ง โดยเฉพาะเมื่อท้องคลื่นเริ่มสัมผัสกับพื้นท้องทะเลตามลาดเอียงจนถึงชายฝั่ง (ตัวคลื่นที่ซ่อนอยู่ในมวลน้ำจะค่อยๆเผยตัวออกมา) คลื่นจะยกตัวสูงขึ้น ยอดคลื่นก็จะยกสูงขึ้น ภาพที่จะเกิดขึ้นก็เป็นภาพเดียว (ที่ใหญ่กว่า) กับคลื่นจากลมในทะเลเปิดเมื่อเคลื่อนเข้ามากระทบฝั่งนั่นเอง
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
naitang
|
ความคิดเห็นที่ 80 เมื่อ 13 มิ.ย. 15, 19:45
|
|
กรณีหาดสุรินทร์ที่ภูเก็ต ที่เป็นข่าวบ่อยๆว่ามีผู้เสียชีวิตโดยถูกคลื่นขนาดใหญ่ม้วนกลืนลงไปนั้น ก็เป็นลักษณะคล้ายกับสภาพเมื่อคลื่นซึนามิเข้าสู่ฝั่ง แตกต่างกันตรงที่ คลื่นใหญ่ที่หาดสุรินทร์นั้น เป็นคลื่นที่เกิดมาจากลมแรงในทะเลเปิด
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
naitang
|
ความคิดเห็นที่ 81 เมื่อ 13 มิ.ย. 15, 20:01
|
|
ผมพยายามจะถอดความทางวิชาการเป็นภาษาชาวบ้านที่ทุกคนอ่านแล้วเข้าใจและเห็นภาพ เดิมก็นึกว่าไม่น่าจะยากนัก เอาเข้าจริงๆก็ไปไม่เป็นเหมือนกันครับ อธิบายเรื่องที่ต้องอาศัยหลายมิติทางวิชาการนี้ ผมเคยแต่ยืนเล่าเรื่องโดยใช้ชอล์คกับกระดานดำ พอใช้วิธีเขียนเล่าความ ยากจริงๆครับ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
naitang
|
ความคิดเห็นที่ 82 เมื่อ 13 มิ.ย. 15, 20:26
|
|
ขอปิดท้ายว่า อย่าไปกังวลใจเลยนะครับว่าจะมีคลื่นซึนามิเกิดขึ้นในพื้นที่ของอ่าวไทย โดยเฉพาะในระดับที่ทำให้เกิดการทำลายทรัพย์สินและชีวิตเป็นวงกว้าง ไม่ว่าจะเกิดแผ่นดินไหวที่ใหนที่ใดก็ตาม
โครงสร้างทางธรณีฯของอ่าวไทย ไม่เอื้อให้เกิดแผ่นดินไหวที่ทำให้เกิด displacement มากพอที่จะทำให้เกิดซึนามิที่น่ากลัวได้ เราอาจเห็นน้ำเอ่อเข้ามาในลำน้ำคูคลองได้ ซึ่งผมก็ไม่ทราบว่าในระยะหลังจากเหตุการณ์ซึนามิ 2547 แล้ว มีหน่วยงานทางวิชาการใดๆหรือส่วนราชการใดบ้าง ได้ให้ความสนใจกับเรื่องของ น้ำเท้อ ที่เกิดขึ้นในลำน้้ำ (ในพื้นที่ปากอ่าวทั้งหลาย) เมื่อเกิดแผ่นดินไหวในอ่าวไทย และในพื้นที่อื่นๆ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
naitang
|
ความคิดเห็นที่ 83 เมื่อ 15 มิ.ย. 15, 18:27
|
|
แล้วก็มีเรื่องราวแบบกึ่งจริงกึ่งมโน เล่าสู่กันฟัง
กำลังมีการอธิบายแผ่นดินไหวที่เกิดขึ้นในบางแห่งในโลกว่า เป็นการทำให้มันเกิดขึ้นด้วยฝีมือของมนุษย์โดยใช้ EM
อย่าตกใจไปว่าเป็นการใช้ Effective micro-organism ที่เขาเอามาใช้ใโลกของสิ่งแวดล้อมสีเขียวนะครับ (ใช้ผลิตปุ๋ย ดับกลิ่น ฯลฯ) EM ที่กล่าวถึงนี้ คือ Electromagnetic wave หรือคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้านั่นเอง
คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้านี้ได้ถูกนำมาใช้ให้เป็นประโยชน์ต่อมวลมนุษย์มากมาย วิทยุสื่อสาร วิทยุกระจายเสียง เครื่องไมโครเวฟ เครื่องเอ็กเรย์ เครื่องตรวจวัตถุระเบิดต่างๆ การสำรวรแร่ การสำรวจน้ำมัน การค้นหาทางดาราศาสตร์/การสำรวจจักรวาล WiFi Bluetooth ฯลฯ เหล่านี้ต่างก็ใช้ประโยชน์คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าทั้งสิ้น แต่ละเทคโนโลยีก็ใช้ความถี่ความแตกต่างกันไป (ขึ้นอยู่กับคุณสมบัติของแต่ละช่วงความถี่)
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
naitang
|
ความคิดเห็นที่ 84 เมื่อ 15 มิ.ย. 15, 19:05
|
|
ประโยชน์ของคลื่น EM ที่ใช้ในทางสร้างสรรความกินดีอยู่ดีของมนุษย์ ต่อมาก็ถูกศึกษาและพัฒนาใช้ไปในทางความมั่นคง เช่น การรบกวนระบบการสื่อสาร รบกวนระบบกำหนดเป้า ฯลฯ ซึ่งเป็นไปในด้านเชิงรับ (defensive) มากกว่าในเชิงรุก (offensive) ในปัจจุบันนี้ได้มีการพัฒนาการใช้ประโยชน์ EM ไปในเชิงรุกอย่างมากมาย โดยเฉพาะการใช้ในเชิงของอาวุธเพื่อการทำลาย เช่น คลื่นเสียงที่ใช้สลายการชุมนุม อาวุธเลเซอร์ ฯลฯ
เดี๋ยวจะหาสนามบินลงไม่ได้ ก็จะไม่ขอขยายความเรื่อง EM นี้นะครับ (EM นี้ใช้ในเรื่องการสำรวจทางธรณีวิทยามากมาย แล้วก็ด้วยความรู้จากการใช้ในทางธรณีฯนี้เองที่ถูกนำไปประยุกต์ใช้ในด้านการทหารและอื่นๆอีกมาก)
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
naitang
|
ความคิดเห็นที่ 85 เมื่อ 15 มิ.ย. 15, 19:25
|
|
HAARP (High Frequency Active Auroral Research Program) ดูคำสะกดโปรแกรมแล้วก็คงพอจะรู้นะครับว่าเป็นของประเทศในทวีปใด โครงการนี้เป็นการศึกษาและทดลองที่เกี่ยวข้องกับ EM ในช่วงความถี่ต่ำมากๆ ซึ่งว่ากันว่า มีผลเกี่ยวข้องหรือกระทบกับชั้นบรรยากาศของโลก ว่ากันว่า ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของเมฆและรูปทรงของมัน เกิดการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศต่างๆ บ้างก็ว่ามีการพัฒนากันไปถึงขั้นกำหนดให้เกิด ณ จุดใดก็ได้ จนสามารถใช้การในเชิงของอาวุธทางการสงคราม (EM warfare) ก็เลยเถิดไปถึงว่าสามารถทำให้เกิดแผ่นดินไหว ณ พื้นที่ใดๆได้อีกด้วย
ลองไปหาอ่านดูนะครับ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
naitang
|
ความคิดเห็นที่ 86 เมื่อ 22 มิ.ย. 15, 18:58
|
|
ได้อ่านข่าวไปพบว่าเกิดเหตุที่ อ.เทิง จ.เชียงราย ด้วยพบว่าอยู่ดีๆ ณ พื้นที่หนึ่งของพื้นบ้านหลังหนึ่งก็เกิดร้อนขึ้นมาอย่างผิดปรกติ นัยว่าเป็นความร้อน (หรือไอความร้อน ?) ที่มาจากพื้นดิน
ผมไม่ทราบว่าจะจริงเท็จมากน้อยเพียงใด แต่ก็จะขอให้ความเห็นดังนี้ครับ
อ.เทิง ตั้งคร่อมอยู่สองฟากฝั่งของแม่น้ำอิง ซึ่งแม่น้ำสายนี้มีเส้นทางการไหลไปตามแนวรอยเลื่อนแม่อิง ซึ่งเป็นรอยเลื่อนที่มีพลัง และซึ่งได้สำรวจพบว่ามีความยาวเกือบๆ 60 กม. จากลักษณะทางธรณีวิทยาของพื้นที่ กลุ่มรอยเลื่อนในพื้นที่ย่านนี้เกิดอยู่ในพื้นที่ของแรงดึง คล้ายกับสภาพที่เราพยายามจะฉีกกระดาษที่วางอยู่บนโต๊ะ ด้วยการใช้ฝ่ามือกดกระดาษสองฝั่งของรอยพับแล้วดึงแบบทะแยงเพื่อให้กระดาษฉีกออกจากกัน
ก็คงพอจะเห็นภาพได้ว่า มันก็คล้ายกับการบิขนมที่ใส้ในยังร้อนอยู่
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
naitang
|
ความคิดเห็นที่ 87 เมื่อ 22 มิ.ย. 15, 19:43
|
|
ก็คงมีความสงสัยว่า แล้วจะเกิดแผ่นดินไหวตามมาหรือไม่
คำตอบส่วนหนึ่งก็คือ ในพื้นที่ย่านนั้น มันก็เกิดขึ้นเป็นประจำอยู่แล้ว แล้วก็น่าจะเป็นเวลานานมากมาแล้วเช่นกัน ซึ่งก็พอจะเห็นได้จากหลักฐานทางวัฒนธรรม ก็คือลักษณะของโครงสร้างของบ้านเรือนของคนถิ่น ซึ่งก็คือพวกชาวไทลื้อ
คำตอบอีกส่วนหนึ่งนั้น เป็นเรื่องที่ต้องพิจารณา กล่าวคือ (บนพื้นฐานของหลักของการแปรสภาพของพลังงาน) แรงเสียดสีบนพื้นที่ระนาบของรอยเลื่อน (ซึ่งทำให้เกิดความร้อน) นั้นได้ถูกระบายออกไปในรูปของความร้อน (คล้ายกับการเบรครถยนต์) แต่ในอีกมุมหนึ่ง ก็สามารถคิดได้ว่าแต่เดิมนั้นความร้อนมันระบายได้ในใต้ดินจนเราไม่รู้สึก แต่เนื่องจากมันเพิ่มมากขึ้นจนพื้นที่ระบายขยายขึ้นมาถึงผิวดิน
ส่วนจะเกิดแผ่นดินไหวหรือไม่นั้น มันก็บ่งบอกได้ทั้งอาจจะเกิด หรือ ได้ถูกบรรเทาไปแล้วก็ได้ ซึ่งก็อาจมองได้ในอีกสองมุม คือ เกิดหรือไม่เกิดในพื้นที่แอ่ง อ.เทิง หรือ แล้วจะไปบ่งชี้อะไรกับรอยเลื่อนแม่จันหรือไม่ เพราะทั้งหมดเกี่ยวพันกัน ด้วยเป็นกลุ่มพลังหรือแรงของพื้นผิวโลกในภูมิภาคย่านนี้
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
naitang
|
ความคิดเห็นที่ 88 เมื่อ 22 มิ.ย. 15, 20:57
|
|
ล่าสุด เพิ่งได้ทราบจากข่าวทางวิทยุว่า เกิดจากไฟฟ้าลัดวงจร ฮ่วย 
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
    
ตอบ: 33414
ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม
|
ความคิดเห็นที่ 89 เมื่อ 22 มิ.ย. 15, 21:09
|
|
ว้า ! หักมุมจบ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
|