เรือนไทย
ยินดีต้อนรับ ท่านผู้มาเยือน
กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
ส่งอีเมล์ยืนยันการใช้งาน?
ข่าว: การแนบไฟล์ กรุณาใช้ชื่อไฟล์ภาษาอังกฤษเท่านั้นครับ
หน้า: 1 2 3 [4] 5 6
  พิมพ์  
อ่าน: 33541 ผิดหรือถูก คดีนี้ยังไม่มีคำตัดสิน
Naris
องคต
*****
ตอบ: 421


ความคิดเห็นที่ 45  เมื่อ 14 พ.ค. 15, 16:20

ท่านทูตท่านเป็นเจ้าหน้าที่ของประเทศอิสราเอล โดยหน้าที่ท่านต้องปกป้องชื่อเสียงของประเทศของท่านอยู่แล้วครับ แต่อาจเป็นเพราะนี้เป็นจดหมายโต้ตอบสั้นๆ ท่านจึงไม่สามารถอธิบายในรายละเอียดได้ว่า “ความจริงในประวัติศาสตร์” ที่ท่านกล่าวถึงนั้น เป็นความจริงแท้ หรือความจริงจากมุมมองของใคร ถ้าบอกว่า ความจริงที่ว่านี้ คือความจริงจากมุมมองของชาวอิสราเอลเท่านั้น ผมก็คิดว่า นี่คือโฆษณาชวนเชื่ออย่างหนึ่งเช่นกันครับ

โดยส่วนตัว เป็นความจริงแท้แน่นอนที่ไม่สามารถปฏิเสธได้ว่า อดีตผู้นำนาซีเยอรมันท่านนั้น ได้ตัดสินใจทำสิ่งที่โหดร้ายลงไปมาก แต่เขาก็ยกฐานะประเทศของเขาจากประเทศที่ยับเยินเพราะแพ้สงครามโลกครั้งที่ 1 ขึ้นมาเป็นมหาอำนาจที่สั่นคลอนยุโรปได้จริงๆ (หากเขาไม่ทำอะไรเกินตัวนัก ก็อาจชนะสงครามไปแล้ว) แสดงว่า เขาคงมีส่วนดีอยู่บ้าง แม้ว่าเมื่อชั่งน้ำหนักแล้ว ความดีที่เขาทำอาจเป็นเพียงส่วนน้อย ไม่เพียงพอที่จะกลบเรื่องเลวร้าย ในภาพรวมเขาก็ยังคงเป็นคนไม่ดีอยู่นั่นเอง แต่ถ้าหากจะมีผู้ยกเอาส่วนดีของเขาขึ้นมาวิเคราะห์ เหตุใดจะทำไม่ได้ แต่เรื่องในคราวนี้ นอกจากจะทำไม่ได้แล้ว ลามไปถึงว่า ใครหยิบยกขึ้นมาวิเคราะห์ก็ต้องถูกตำหนิด้วย โดยชาติที่ผูกขาดความคิดไว้ที่จุดๆเดียวคือ คนๆนี้เป็นคนชั่ว ทุกอย่างที่เขาทำก็ต้องชั่วหมด ห้ามทำอะไรที่ทำให้คนๆนี้ดูชั่วน้อยลงเป็นอันขาด ซึ่งถ้าเหตุผลมีเพียงเท่านี้  ผมมองเห็นแต่เพียงว่า คนวิจารณ์พูดผิดไปจากการโฆษณาชวนเชื่อที่ประเทศของเขาทำเอาไว้เท่านั้น 

แต่ถ้าจะมองว่า สิ่งนี้กระทบใจคนอิสราเอล ผมก็มองว่า สิ่งที่นาซีเยอรมัน กระทำต่อชาวยิวในคราวนั้น ก็เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นมานานแล้ว รัฐที่ชื่อว่า นาซีเยอรมัน ก็ไม่มีแล้ว และสมัยนั้นรัฐอิสราเอล ก็ยังไม่เกิด ชาวอิสราเอลจึงไม่ควรยึดมั่นถือมั่น เจ้าคิดเจ้าแค้นถึงขนาดห้ามชาวโลกพูดถึงนาซีเยอรมันอีกต่อไปแล้ว

อุปมาเหมือนกับที่เราพยายามสอนคนรุ่นใหม่ว่า สงครามไทย-พม่าในอดีตนั้น ไม่ใช่สงครามระหว่างรัฐไทย และรัฐเมียนมาร์ มาถึงวันนี้เราก็เริ่มสอนให้คนไทยเลิกเกลียดชังคนเมียนมาร์แล้ว หากจะแย้งว่า คนอิสราเอล ไม่ได้เกลียดชังคนเยอรมัน แต่เกลียดชังนาซีเยอรมัน เช่นนี้ เราจะอ้างบ้างได้หรือไม่ ว่า คนไทยก็เกลียดชังคนอังวะ ไม่ใช่คนเมียนมาร์ ฉะนั้น หากมีนักวิชาการชาวอิสราเอลคนหนึ่ง เขียนยกย่อง พระเจ้าอลองพญา หรือพระเจ้ามังระ หรือแม้แต่เนเมียวสีหบดี หรือมังมหานรธา ขึ้นมาบ้าง ทูตไทยประจำอิสราเอล ต้องเขียนจดหมายตำหนินักวิชาการชาวอิสราเอลคนนั้นหรือไม่ครับ 
บันทึกการเข้า
ประกอบ
สุครีพ
******
ตอบ: 1342


ความคิดเห็นที่ 46  เมื่อ 14 พ.ค. 15, 17:14

เข้าใจว่านี่อาจเป็นประเด็นหนึ่งที่คุณ Naris ข้องใจ ในฐานะที่ศึกษาประวัติศาสตร์ช่วงเวลาหลังเยอรมันแพ้สงครามและฮิตเลอร์มาบ้าง เลยน่าจะพอขยายความเพิ่มเติมได้บ้าง


อย่างแรกคือ อะไรคือความจริงในประวัติศาสตร์  ฮิตเลอร์สั่งการให้สังหารชาวยิวจริงหรือ? คำถามนี้คงไม่ต้องหาคำตอบ แต่ขนาดมีหลักฐานชัดเจนขนาดนี้ ก็ยังมีคนมากมาย รวมทั้งคนไทย ยังมาดื้อตาใสบอกว่าเป็นเรื่องโกหก มโนไปว่าเป็นการใส่ร้ายหรือทฤษฎีสมคบคิดจากผู้ชนะสงคราม ซึ่งสำหรับผมคนที่พูดเช่นนี้โง่แบบสุดๆ เพราะมีแต่อคติบดบัง เป็นความไร้ปัญญาในการคิด พิจารณา ใช้เหตุผล ไม่เกี่ยวกับการศึกษาเลย เพราะต่อให้มีการศึกษา แต่ถ้าเต็มไปด้วยอคติ ก็จะคิดเช่นนี้ ทั้งที่ข้อมูลหลักฐานต่างๆ มีให้อ่านให้ดูจนตายก็ยังอ่านไม่หมด


อย่างที่สอง ฮิตเลอร์ฟื้นฟูเยอรมัน จริงๆ แล้วต่อให้ไม่มีฮิตเลอร์ เยอรมันก็ฟื้นตัวอยู่ดี  ปี 1933 เป็นช่วงที่ทั่วโลกเริ่มฟื้นตัวจากเศรษฐกิจตกต่ำแล้ว  สิ่งที่ฮิตเลอร์ทำคือการปลุกกระแสชาตินิยมที่มันรุนแรงอยู่ในยุโรปอยู่แล้ว ให้แรงมากขึ้น และมุ่งเน้นไปทางการทหารสะสมอาวุธ ขยายดินแดนแสวงหาทรัพยากร มีการก่อสร้าง  ซึ่งแน่นอนว่าทำให้มีกิจกรรมต่างๆ ในชาติมากขึ้น และเป็นการเพิ่มงานขับเคลื่อนเศรษฐกิจด้วย แต่สุดท้ายผลลัพธ์เป็นอย่างไรคงไม่ต้องถาม


ฮิตเลอร์ชั่วหรือไม่ ต้องคิดเพิ่มว่า เมื่อพูดถึงผู้นำ ไม่ว่าใครก็ตามจะมีด้านดีและด้านเลว ต่อให้ผู้นำที่เลวที่สุดก็ต้องมีผลงานหลงเหลือ ถ้าจะมองหาความดีในคนเลวแบบสุดๆ ย่อมหาได้ ไม่เชื่อลองลิสต์รายชื่อผู้นำเลวๆ มากี่คนก็ได้ ผมจะหาความดีของคนเหล่านั้นมาให้ดู  แต่เมื่อเทียงเคียงว่าผลงานความดีหรือความเลวมีมากกว่ากัน ก็ควรจะประเมินได้ว่าคนคนนั้นน่าจะจัดเป็นคนดีหรือเลว


สิ่งหนึ่งที่ทำให้การพูดถึงฮิตเลอร์ในแง่ดีเป็นอันตราย เพราะเชื้อชั่วที่ฮิตเลอร์หว่านทิ้งไว้คือการมองว่าชาติพันธุ์หนึ่งต่ำกว่าและสมควรฆ่าทิ้ง มันยังหลงเหลืออยู่ในระบบการคิดของคนรุ่นปัจจุบันจำนวนมาก ความขัดแย้งเรื่องเชื้อชาติตั้งแต่อดีตยังสะสมระอุมาจนถึงปัจจุบัน   ดังนั้นระบบการคิดแบบฮิตเลอร์ยังมีอันตรายมาก นั่นทำให้หลายๆ ที่โดยเฉพาะในยุโรปที่บอบช้ำจากน้ำมือฮิตเลอร์มากที่สุดต้องป้องกันระบบความคิดแบบฮิตเลอร์ และฮิตเลอร์เป็นเหมือนสัญลักษณ์ของระบบความคิดความเชื่อแบบนี้ การบอกว่าฮิตเลอร์เลว ไม่ใช่โฆษณาชวนเชื่อในเพื่อทำลายชื่อเสียงของฮิตเลอร์


อิสราเอลเป็นประเทศของชาวยิว ดังนั้นเมื่อมีคนยกย่องคนที่ทำความเจ็บช้ำให้ชาวยิวมากที่สุดย่อมกระทบกระเทือนใจมากที่สุด ดังนั้นการออกมาตอบโต้แก้ข่าวเป็นเรื่องที่เข้าใจได้ นี่ไม่ใช่การเจ้าคิดเจ้าแค้น ถ้าอิสราเอลปล่อยให้ใครอยากบอกยิวเลวสมควรตายฮิตเลอร์ยอด โดยเฉพาะคนที่ดูน่าเชื่อถือหรือมีผู้ติดตามมาก หรือเมื่อเป็นข่าว  ก็เสมือนปล่อยให้อคติเหล่านี้ขยายตัว ถ้าไม่ให้สถานทูตอิสราเอลออกมาพูด จะให้ใครพูดถึงจะเป็นที่รับรู้ในวงกว้างได้ ผมเองยังพูดวิจารณ์ก่อนสถานทูตอิสราเอลเกือบเดือนแล้ว แต่จะมีซักกี่คนได้อ่านหรือเห็นด้วย ทุกวันนี้ชาวยิวยังเป็นตัวร้ายในสายตาของโลกอยู่เลย เป็นตัวร้ายแบบเหมารวมทั้งชาติพันธุ์


อุปมาและตัวอย่างที่คุณ Naris ยกมานั้น โดยเฉพาะเรื่องกษัตริย์พม่าเหล่านั้น เอามาใช้กับกรณีฮิตเลอร์ไม่ได้ ผลกระทบของการกระทำมันต่างกัน ระยะเวลาที่เกิดขึ้นก็ต่างกัน  และบุคคลเหล่านั้นไม่ได้มีนโยบายเหี้ยมโหดขนาดฮิตเลอร์ การรุกรานในอดีตเป็นค่านิยมของกษัตริย์ในยุคนั้น กษัตริย์นักรบไทยที่เรายกย่องกันยังโหดเหี้ยมมากกว่าก็มี เช่นการเผาฝีพายทีละหกพันคน หรือสั่งประหารชีวิตคนมากมาย 


บันทึกการเข้า

วิรุศฑ์ษมาศร์ อัฐน์อังการจณ์
NAVARAT.C
หนุมาน
********
ตอบ: 11307


ความคิดเห็นที่ 47  เมื่อ 15 พ.ค. 15, 08:52

สื่อสมัยนี้ทำให้คนยุคใหม่มีความคิดเห็นที่อาจแตกต่างขนาดขาวเป็นดำ ดำเป็นขาว เพราะขาดจริยธรรมกำกับเช่่นเรื่องที่ออกมาจากปากครู  บางพวกไม่ชอบ เพราะคิดว่าการกำกับคือการจำกัด ห่วงอยู่แต่ว่าเสรีภาพไม่ควรถูกจำกัด

จริงอยู่ เสรีภาพในทางความคิดไม่สามารถจำกัดได้ แต่ในการแสดงออกทางวาจา หรือการกระทำ มีข้อจำกัดแน่นอน


บันทึกการเข้า
NAVARAT.C
หนุมาน
********
ตอบ: 11307


ความคิดเห็นที่ 48  เมื่อ 15 พ.ค. 15, 11:34

ไม่ทราบว่าคุณประกอบเคยอ่านหรือยัง


Kornkit Disthan
การฆ่าที่ไม่มีอยู่จริง?

การปฏิเสธการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ชาวยิวไม่ใช่เรื่องใหม่ แต่มีมาตั้งแต่ระหว่างสงครามยังคุกรุ่น แนวคิดนี้เรียกว่า Holocaust denial (การปฏิเสธฆ่าล้างเผ่าพันธุ์) แนวคิดร่วมกันของคนกลุ่มนี้ คือ "โฮโลคอสต์" (ฆ่าทั้งโคตรเหง้า) เป็นเรื่องเท็จ ปั้นแต่งขึ้นมาโดยชาวยิว และพวก "สมุนยิว" เพื่อหวังผลอะไรบางอย่าง เช่น ผลทางเศรษฐกิจ (เพื่อที่ยิวจะได้มีอภิสิทธิ์เหนือคนทั่วไปเพราะคะแนนสงสาร) หร...คือผลทางการเมือง (เพื่อที่ยิวจะได้ชิงแผ่นดินปาเลสไตน์มาครอง)

แน่นอนว่า หลังเหตุการณ์ฆ่าล้างโคตร ชาวยิวได้รับคะแนนสงสารมากมาย การเหยียดยิว (Antisemitism) เป็นสิ่งผิดกฎหมายพอๆ กับ Holocaust denial โดยเฉพาะในออสเตรีย และเยอรมนีที่โทษรุนแรงมาก (หากใครเคยไปเบอร์ลินจะรู้ว่าทั้งเมืองเต็มไปด้วยอนุสรณ์แห่งการสำนึกผิดในเหตุครั้งนั้น)

ใช่ว่าเราจะท้าทายโฮโลคอสต์ไม่ได้ เราสามารถทำได้ด้วยนำหลักฐานทางประวัติศาสตร์มาแย้งเรื่องรายละเอียด เช่น จำนวนผู้เสียชีวิตที่แท้จริง เจตนาแท้จริงของการทำเช่นนั้น และทำไมการยับยั้งเหตุร้ายจึงล่าช้านัก แต่เท่าที่เห็น ผู้เขียนพบแต่การท้าทายด้วยจินตนาการผสานอคติ และความชิงชังยิวเป็นทุนเดิม โดยหารู้ไม่ว่า นาซีไม่ได้ฆ่าแต่ยิว หากพวกโรม่า หรือยิปซี ก็ถูกล้างโคตรไปด้วย

แต่ไม่ใช่ปฏิเสธว่าไม่ได้เกิดขึ้น หรือใช้ทฤษฎีสมคบคิดอันเลื่อนลอยมาอ้าง เพราะมันเกิดขึ้นอยู่ตำตา ทั้งเจ้าของประเทศที่ลงมือฆ่าก็ยอมรับแบบน้ำตาตกในมาหลายสิบปี มิพักจะเอ่ยถึงผู้คุมค่ายนรกบางคนยังเดือดดาลที่บางคนปฏิเสธว่าการฆ่าหมู่ไม่มีอยู่จริง

ผู้เขียนเองเคยพบชาวยิวและไม่ค่อยพอใจอุปนิสัยใจคอของ "บางคน" นัก แต่ความจริงก็คือความจริง จะใช้ความชังความชอบมาบิดเบือนไม่ได้

ส่วนที่ว่าฮิตเลอร์เป็นยอดผู้นำหรือไม่? เรื่องนี้ตอบยาก เพราะเขามีทั้งความสำเร็จและล้มเหลว เช่น เขาอาจเป็นนักพูดที่ดี แต่เป็นนักยุทธศาสตร์ที่แย่ เป็นต้น แต่หากถามว่าเขาเป็นอาชญากรหรือไม่ คงตอบไม่ได้ไม่ยาก ส่วนหนึ่งเพราะเขาเป็นผู้แพ้ ส่วนหนึ่งเพราะเขาฆ่ายิวที่เป็นพลเรือนไม่ใช่ยิวเป็นที่ทหาร และเขาไม่ได้ประกาศสงครามกับ "รัฐยิว" การฆ่าจึงไม่ชอบธรรมตามหลักสงคราม และกฎหมายสากล

อย่างไรก็ตาม มีคำถามที่น่าสนใจก็คือ ผู้นำโลกหลายคนที่ฆ่ามนุษย์มากกว่าฮิตเลอร์ ไฉนจึงไม่ถูกตั้งข้อหาอาชญากรไปด้วย เช่น สตาลิน เหมาเจ๋อตง ซึ่งทั้ง 2 รายนี้ทำให้ประชาชนของตัวเองล้มตายไปถึง 20 ล้านคน และ 65 ล้านตามลำดับ

มีหนังสือเล่มหนึ่งชื่อว่า The Black Book of Communism ว่าด้วยด้านมืดของประเทศคอมมิวนิสต์ ตีแผ่หลักฐานเชิงประจักษ์ ตัวเลขคนตาย ความล้มเหลวด้านนโยบายล้วนๆ ผู้เขียนชี้ว่า สตาลิน เหมาเจ๋อตง พลพต คิมอิลซอง ฯลฯ มีพฤติการณ์ไม่ต่างกับนาซี เพราะก่อให้เกิดการล้มตายของผู้คนหลายล้าน แต่ที่แย่กว่า คือคอมมิวสต์ฆ่าคนไปถึง 100 ล้าน ขณที่นาซีอยู่ที่ 25 ล้านคน

อย่างไรก็ตาม มีผู้แย้งว่า ความตายในโลกหลังม่านเหล็กไม่ใช่ "การฆ่าล้างเผ่าพันธุ์" (genocide) เหมือนกรณีฆ่าล้างโคตรยิว เพราะรายนั้นมุ่งกำจัดชนชาติ ศาสนาหนึ่งๆ ให้หมดสิ้นไปจากโลก ขณะที่สตาลินและเหมาเจ๋อตง ใช้กฎหมายและอำนาจเผด็จการกวาดล้างคนเห็นต่างแบบไม่เลือกเชื้อชาติ และทั้ง 2 ยังทำพลาดด้านนโยบาย ทำให้คนตายเป็นล้านๆ เช่นนโยบายก้าวกระโดดทางอุตสาหกรรม แต่ด้านกสิกรรมพินาศวอดวาย ขณะที่ฮิตเลอร์ไม่ได้พลาดด้านนโยบาย แต่ตั้งใจให้ตายในค่ายกักกัน "เฉพาะเชื้อชาติ" ซึ่งระบบคอมมิวนิสต์ "แทบ" ไม่มี เว้นแต่กรณีของเขมรแดง

กรณีของเหมาเจ๋อตงคนตายเป็นสิบๆ ล้าน แต่คนจีนก็ยังยกย่องกัน เพราะเหมาทำพลาดด้านนโยบายอย่างมหันต์ ไม่ได้ตั้งใจฆ่าให้หมดพันธุ์ และเป็น Negligent homicide หรือ การทำให้คนตายโดยประมาท แถมคนที่ผ่านสงครามกลางเมืองมาลืมตาอ้าปากในยุคเหมาก็มีหลายล้าน แม้ที่ตั้งใจจะฆ่าก็มีไม่น้อยเช่นกัน เช่น การเบียดเบียนทิเบตและซินเจียง ผู้เขียนคิดว่าเป็นความผิดพลาดด้านนโยบาย ซึ่ง หูเย่าปาง เลขาธิการพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศจีน ก็เคยยอมรับความผิดพลาด และวิพากษ์เหมาไว้อย่างตรงไปตรงมา

ผิดแล้วก็ยอมรับผิดครับ เหมือนนายกฯ วิลลี บรานท์ ของเยอรมนีที่คุกเข่าไว้อาลัยหน้าอนุสรณ์ชุมชนยิวในกรุงวอซอ คนที่ตายไปแล้วจะได้ไม่ต้องตายซ้ำตายซากเพราะความมืดบอดทางประวัติศาสตร์

ภาพ - ชาวเยอรมันในเมืองบูเคนวาลด์ถูกทหารฝ่ายสัมพันธมิตรบังคับให้มาดูซากศพชาวยิวในค่ายกักกันหลังสงครามสิ้นสุดเพื่อให้เห็นกับตาว่า "ฟือเรอร์" ของพวกเขาเหี้ยมโหดกับคนเชื้อชาติหนึ่งเพียงใด ภาพนี้ถ่ายโดย มาร์กาเรต เบิร์ก-ไวต์ (Margaret Bourke-White) ช่างภาพหญิงชาวอเมริกันตีพิมพ์ในนิตยสาร LIFE ปี 1945 ในบทความที่มีคำบรรยายแสนจะสะท้านสะเทือนใจตรงกับภาพถ่ายนี้ว่า
Dead men will have indeed died in vain if live men refuse to look at them.” - (คนตายจะตายอย่างไร้ค่า หากเราไม่แยแสแลดูพวกเขา)
ไม่เฉพาะแต่คนยิวเท่านั้น แต่หมายถึงทุกเชื้อชาติที่เป็นเหยื่อของความบ้าคลั่ง



บันทึกการเข้า
เพ็ญชมพู
หนุมาน
********
ตอบ: 12599



ความคิดเห็นที่ 49  เมื่อ 15 พ.ค. 15, 12:01

การฆ่าที่ไม่มีอยู่จริง?

เมื่อได้อ่านเรื่อง "กามนิต" เป็นครั้งแรก รู้สึกทึ่งในคำเทศนาของวาชศรพซึ่งบรรยายอรรถกถา "รหัสยลัทธิ" ให้แก่เหล่าโจร สอดคล้องกับหัวข้อเรื่องนี้จริงเจียว

"เพราะความว่างเปล่า" หมายความตามหลักแห่งเหตุผลคือว่าถ้าข้าพเจ้าตัดหัวคนหรือหัวสัตว์ ดาบของข้าพเจ้าฟันเข้าไปในระวางอนุปรมาณูอันแยกไม่ได้ เพราะอนุปรมาณูนี้มีลักษณะแยกไม่ได้โดยแท้ ดาบของข้าพเจ้าจึ่งไม่ได้ฟันอนุปรมาณู เพราะฉะนั้น ดาบที่ว่าฟันลงไป จึ่งเป็นฟันในที่ว่างเปล่าระวางอนุปรมาณู ก็ความว่างเปล่าใครเล่าจะเป็นผู้ทำอันตรายได้? เพราะการทำอันตรายในสิ่งที่ไม่มีก็เท่ากับไม่ได้ทำอันตรายในสิ่งไร ๆ ด้วยเหตุนี้ ผู้ที่เอาดาบฟันลงไปในที่ว่างเปล่า จึ่งไม่ต้องรับผิดและจะรับเทวทัณฑ์ไม่ได้ ถ้าการฆ่ามนุษย์มีความจริงเป็นเช่นนี้แล้วไซร้ กรรมอย่างอื่นที่มนุษย์ลงทัณฑ์แก่กันเบากว่าการฆ่าคนจะมีความจริงอีกสักเพียงไร?

เรื่อง "เหตุผล" ก็มีด้วยประการฉะนี้


หากใครเชื่อว่าการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ไม่มีจริง ก็เป็นสาวก "รหัสยลัทธิ" นี้ โดยแท้  ตกใจ
บันทึกการเข้า
NAVARAT.C
หนุมาน
********
ตอบ: 11307


ความคิดเห็นที่ 50  เมื่อ 15 พ.ค. 15, 13:22

คงไม่ได้มีสติปัญญาซับซ้อนขนาดนั้น คนพวกนี้เพียงแต่ปฏิเสธความจริง อาศัยเคยโกหกมาแต่เด็ก โตแล้วก็โกหก โกหกคนอื่นจนกระทั่งโกหกตนเอง พวกนี้มีเยอะ ผู้ร้ายที่ตำรวจจับได้คาหนังคาเขาก็ยังปฏิเสธเสียงแข็งว่าไม่ได้ทำ
คนบางจำพวก ทั้งๆที่มีคลิ๊ปยืนยันก็ยังโกหกว่าตัดต่อ ฯลฯ ฯลฯ

มนุษย์ประเภทเดียวกันทั้งนั้น
บันทึกการเข้า
NAVARAT.C
หนุมาน
********
ตอบ: 11307


ความคิดเห็นที่ 51  เมื่อ 15 พ.ค. 15, 13:36

บาง Comment ที่น่าสนใจ

Ekasit Lalitsuradej
 
ขอบคุณคุณ Kornkit Disthan ที่ได้นำเสนอประเด็นนี้ เป็นอีกประเด็นที่ประวัติศาสตร์โลกควรจะถูกชำระใหม่ ให้เข้าใจเรื่องของฮิตเลอร์และชาวยิวใหม่ เรื่องของฮิตเลอร์ ต้องเข้าใจเขาเลยว่า หากฮิตเลอร์ไม่ประกาศสงครามแล้ว คนเยอรมันอีกเป็นหลายล้านจะต้องอดตายเพราะประเทศมหาอำนาจในยุคนั้น ไม่ว่าจะเป็นอังกฤษ อเมริกา หรือ ฝรั่งเศส
ดั้งเดิมแล้วจิตใจของฮิตเลอร์เองไม่ได้มีความโหดร้าย แต่สิ่งแวดล้อมที่เป็นอยู่ ณ ขณะนั้นเป็นความจำเป็น หากเราไปอยู่ในสถานการณ์เดียวกันกับฮิตเลอร์แล้ว ไม่แน่ว่าเราอาจจะโหดร้ายกว่านั้นก็เป็นได้

ส่วนเรื่องเผ่าพันธุ์ยิวนั้น ก็มีความพยายามที่จะเข้าไปครอบงำในทุกส่วนของประเทศที่ตนได้เข้าไปอยู่ หลังจากที่ได้กระจัดกระจายไปหลายส่วนของโลก และมีความพยายามที่จะตั้งความเป็นชาติของตนเองขึ้นมา การสร้างเรื่องราวต่างๆ มากมาย เรื่องการโฆษณาการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ยิวก็เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เผ่าพันธุ์ยิวดูเหมือนเป็นเผ่าพันธุ์ที่น่าสงสาร เพื่อให้มีเหตุในการตั้งรัฐประเทศได้
 
ในปัจจุบันวงการบันเทิงของ Hollywood เอง ก็มีอำนาจของคนยิวอยู่เบื้องหลัง การสร้างภาพยนตร์ต่างๆ คนยิวอเมริกันจะต้องมีบทบาทที่โดนทำร้าย โดนข่มเหง น่าสงสาร ด้วยต้องการสร้างให้เป็นภาพลักษณ์แบบนั้น ทั้งๆ ที่ก็มีชนชาติยิวบางส่วน ที่ทำร้ายชาติอื่นๆ ไม่น้อย  ยกตัวอย่างเช่นในดินแดนอิสราเอล และปาเลสไตน์ ที่คนชาวยิวเข้ายึดครองดินแดนจนคนพื้นที่ดั้งเดิมคือ ปาเลสไตน์แทบไม่มีที่เหลือให้อยู่อาศัย การฆ่าเด็กๆ ปาเลสไตน์โดยไร้ความเป็นมนุษย์ ตลอดระยะเวลาตั้งแต่ตั้งประเทศอิสราเอลขึ้นมา แต่กลับไม่พูดถึงสิ่งนี้ เรื่องราวในพระคัมภีร์เก่าเอง ส่วนหนึ่งก็ถูกเรียบเรียงขึ้นใหม่ในช่วงที่ถูกบาบิโลนยึดครอง เพื่อสร้างความเป็นชาติพันธุ์ที่สูงส่ง และนำเอาเรื่องพระเจ้าองค์เดียวเข้ามาเพื่อรวมชนชาติ ดังนั้นที่จริงแล้ว ยิวเองก็เป็นหนึ่งในชนชาติที่มีพิษสงรอบตัวไม่น้อยทีเดียว ก็ไม่แน่ว่า ส่วนหนึ่งที่โลกใบนี้วุ่นวายมากๆ ก็อาจเนื่องด้วยแนวคิดของยิวที่คิดครอบครองโลกก็เป็นไปได้
(ต้องขอเรียนว่า ผมไม่มีความนิยมในอำนาจนิยมแบบฮิตเลอร์และมีความรังเกียจใดๆ กับชาวยิวเลย หากแต่มองไปตามสิ่งที่มันเป็นเท่านั้นครับ)
บันทึกการเข้า
ประกอบ
สุครีพ
******
ตอบ: 1342


ความคิดเห็นที่ 52  เมื่อ 15 พ.ค. 15, 14:14

ผมอ่านความเห็นของคุณ Kornkit Disthan แล้วครับท่านอาจารย์ใหญ่กว่า โดยส่วนตัวก็ติดตามเพจคุณ Kornkit อยู่แล้ว ก็คงไม่มีประเด็นอะไร เพราะสิ่งที่คุณ Kornkit เขียนก็ไม่ต่างกับสิ่งที่ผมคิด

แต่ในความเห็นน่าสนใจที่ท่านอาจารย์ใหญ่กว่ายกมา ของคนชื่อ Ekasit Lalitsuradej นี่สิ ดูเผินๆ เหมือนจะมีเหตุผล  อ้างว่ามองไปตามสิ่งที่มันเป็น แต่ที่จริงเป็นภาพสะท้อนของคนที่ไม่รู้ ไม่ศึกษาประวัติศาสตร์ ใช้อคติแล้วก็มโนเอาตามที่ตัวเชื่อมา

ขอบคุณคุณ Kornkit Disthan ที่ได้นำเสนอประเด็นนี้ เป็นอีกประเด็นที่ประวัติศาสตร์โลกควรจะถูกชำระใหม่ ให้เข้าใจเรื่องของฮิตเลอร์และชาวยิวใหม่ เรื่องของฮิตเลอร์ ต้องเข้าใจเขาเลยว่า หากฮิตเลอร์ไม่ประกาศสงครามแล้ว คนเยอรมันอีกเป็นหลายล้านจะต้องอดตายเพราะประเทศมหาอำนาจในยุคนั้น ไม่ว่าจะเป็นอังกฤษ อเมริกา หรือ ฝรั่งเศส
ดั้งเดิมแล้วจิตใจของฮิตเลอร์เองไม่ได้มีความโหดร้าย แต่สิ่งแวดล้อมที่เป็นอยู่ ณ ขณะนั้นเป็นความจำเป็น หากเราไปอยู่ในสถานการณ์เดียวกันกับฮิตเลอร์แล้ว ไม่แน่ว่าเราอาจจะโหดร้ายกว่านั้นก็เป็นได้


นี่ก็เป็นการอ้างแบบดื้อๆ ว่าคนเยอรมันหลายล้านจะต้องอดตาย คือคนเขียนคิดเองมั่วเองล้วนๆ ไม่มีตัวเลขอ้างอิงใดๆ  ถ้าสนใจหาข้อมูลอีกนิด จะเห็นว่าปัญหาในยุโรปขณะนั้นไม่ใช่ความอดอยากขนาดอดตายกัน แต่เป็นปัญหาการว่างงานจากเศรษฐกิจตกต่ำทั่วโลก  ปัญหาความขัดแย้งด้านชนชาติและการเมืองลัทธิต่างๆ ทั้งฟาสซิสต์ คอมมิวนิสต์ ลัทธิคลั่งชาติ  มีปัญหาการต้องชดใช้ค่าปฏิกรรมสงคราม ฯลฯ การอ้างว่าฮิตเลอร์ไม่ได้โหดร้าย เราเองในสถานการณ์เดียวกันอาจจะโหดกว่า เป็นการอ้างแบบดื้อๆ โดยไม่มีเหตุผลอะไรรองรับเลย นี่คือตรรกะที่คนที่ผมขอเรียนตรงๆ แบบไม่อ้อมค้อมว่าคนโง่แต่คิดว่าฉลาดมักจะชอบใช้


ส่วนเรื่องเผ่าพันธุ์ยิวนั้น ก็มีความพยายามที่จะเข้าไปครอบงำในทุกส่วนของประเทศที่ตนได้เข้าไปอยู่ หลังจากที่ได้กระจัดกระจายไปหลายส่วนของโลก และมีความพยายามที่จะตั้งความเป็นชาติของตนเองขึ้นมา การสร้างเรื่องราวต่างๆ มากมาย เรื่องการโฆษณาการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ยิวก็เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เผ่าพันธุ์ยิวดูเหมือนเป็นเผ่าพันธุ์ที่น่าสงสาร เพื่อให้มีเหตุในการตั้งรัฐประเทศได้


นี่ก็เขียนแบบมโน ไม่ได้รู้ประวัติศาสตร์ยุโรปหรือบทบาทของยิวในยุโรปเลย  จริงๆ ปัญหาเดียวของคนยิวที่กระจายตัวไปที่อื่นคือการไม่หลอมรวมเข้ากับคนท้องที่ ยังคงยึดมั่นในขนบธรรมเนียมความเป็นยิวของตน ทำให้แปลกแยกกับคนท้องที่ ต่างกับคนจีนอพยพมาไทย  แต่คนยิวไปที่ไหน ก็ทำมาหากินเป็นปกติ ถ้าจะครอบงำประเทศที่ตนอยู่ เราคงได้เห็นคนยิวลุกฮือล้มราชวงศ์ยุโรปหรือตั้งตัวเป็นกษัตริย์กันเต็มไปหมดแล้ว  ประวัติศาสตร์ที่จริงคือ คนยิวถูกมองเป็นชนชั้นสองในทุกที่ที่ไปตั้งรกรากต่างหาก ครอบครองที่ดินก็ไม่ได้ เป็นขุนนางก็ไม่ได้ ก็เลยต้องทำมาค้าขายหรือเป็นช่างฝีมืออยู่ในเมืองเท่านั้น


ในปัจจุบันวงการบันเทิงของ Hollywood เอง ก็มีอำนาจของคนยิวอยู่เบื้องหลัง การสร้างภาพยนตร์ต่างๆ คนยิวอเมริกันจะต้องมีบทบาทที่โดนทำร้าย โดนข่มเหง น่าสงสาร ด้วยต้องการสร้างให้เป็นภาพลักษณ์แบบนั้น ทั้งๆ ที่ก็มีชนชาติยิวบางส่วน ที่ทำร้ายชาติอื่นๆ ไม่น้อย  ยกตัวอย่างเช่นในดินแดนอิสราเอล และปาเลสไตน์ ที่คนชาวยิวเข้ายึดครองดินแดนจนคนพื้นที่ดั้งเดิมคือ ปาเลสไตน์แทบไม่มีที่เหลือให้อยู่อาศัย การฆ่าเด็กๆ ปาเลสไตน์โดยไร้ความเป็นมนุษย์ ตลอดระยะเวลาตั้งแต่ตั้งประเทศอิสราเอลขึ้นมา แต่กลับไม่พูดถึงสิ่งนี้ เรื่องราวในพระคัมภีร์เก่าเอง ส่วนหนึ่งก็ถูกเรียบเรียงขึ้นใหม่ในช่วงที่ถูกบาบิโลนยึดครอง เพื่อสร้างความเป็นชาติพันธุ์ที่สูงส่ง และนำเอาเรื่องพระเจ้าองค์เดียวเข้ามาเพื่อรวมชนชาติ ดังนั้นที่จริงแล้ว ยิวเองก็เป็นหนึ่งในชนชาติที่มีพิษสงรอบตัวไม่น้อยทีเดียว ก็ไม่แน่ว่า ส่วนหนึ่งที่โลกใบนี้วุ่นวายมากๆ ก็อาจเนื่องด้วยแนวคิดของยิวที่คิดครอบครองโลกก็เป็นไปได้
(ต้องขอเรียนว่า ผมไม่มีความนิยมในอำนาจนิยมแบบฮิตเลอร์และมีความรังเกียจใดๆ กับชาวยิวเลย หากแต่มองไปตามสิ่งที่มันเป็นเท่านั้นครับ)



นี่ก็เป็นเรื่องที่พูดกันมานานไอ้เรื่องฮอลลีวู้ดเนี่ย  ทำยังกับว่าเรื่องยิวโดนข่มเหงเป็นผลพวงจากโฆษณาชวนเชื่อของยิวไปซะงั้น  หรือแม้แต่เรื่องปาเลสไตน์  คือทั้งยิวเลวๆ ปาเลสไตน์เลวๆ ฆ่ากันไปมาก็มี  แต่ที่ดีๆ อยู่กันสันติก็มี สารคดีไทยก็เคยไปถ่ายมาให้ดู ยิวเป็นชนชาติที่มีพิษสงจริงหรือไม่ผมไม่ทราบ ผมมองว่าทุกชนชาติมีคนดีคนเลวเหมือนกันหมด ลักษณะเฉพาะที่ถูกหล่อหลอมจากวัฒนธรรมทำให้คนยิวไม่น่าพิศมัยนักในสายตาชาวโลก อะไรที่ดีทำเลวเราก็ต้องด่า อะไรที่ทำดีหรือจำเป็นเราก็ต้องเข้าใจ แต่อย่าเหมารวมไปหมดว่าเป็นยิวนี่มันขี้ฉ้อเสมอไป ผมเองยังไม่เคยสัมผัสคนยิวตัวเป็นๆ ซักคนไม่อาจตัดสินได้ว่ายิวเป็นยังไงมีพิษสงแค่ไหน   แต่ผมมองว่าตอนนี้ไทยมีพิษสงมากกว่า มากขนาดอยู่ ตปท หลังผ่านไป 1 ปีผมเข็ดจนไม่กล้าคบหาคนไทยอย่างสนิทสนมเลย  ต้องใช้เวลาทำความรู้จักมากๆ ถึงกล้าคบ เพราะเจอทั้งขี้โกง ขี้เอาเปรียบ เห็นแก่ตัว ขี้มโน ไร้เหตุผล ดักดาน ไม่เคารพกฏหมาย ฯลฯ


ส่วนตัวแล้วผมเชื่อว่า ความเห็นนี้โยเซฟ เกิบเบลส์กลับชาติมาเกิดเขียนเองมากกว่าครับ
บันทึกการเข้า

วิรุศฑ์ษมาศร์ อัฐน์อังการจณ์
NAVARAT.C
หนุมาน
********
ตอบ: 11307


ความคิดเห็นที่ 53  เมื่อ 15 พ.ค. 15, 14:15

อ้างถึง
หลบเงียบๆ นี่ทำให้กระทู้ยิ่งไปช้านะครับ ถ้ากระทู้คึกคักมีการแสดงความเห็น มีการถกกันด้วยเหตุผล แบบนั้นถึงจะไปเร็ว  ยิ่งถ้าดราม่ากันได้ จะไปเร็วสุดๆ เลย  ยิงฟันยิ้ม

เห็นว่าจขกม.นิยมดราม่า ซึ่งผมขอบาย แต่เอาดราม่าระดับนักวิชาการมาให้อ่านเพื่อประดับความรู้ความเข้าใจ

เปิดฉาก

Nattarin Max Rattanapiboon
การเขียนแบบนี้ผมขอพูดสั้นๆว่า ทุเรศ และความคิดไม่สมวัยนะครับ
รบกวนไปอ่านกฎหมายสากลที่อ้างมาใหม่นะครับ แล้วกรุณามาตอบผมด้วยว่าตรงไหนที่ฮิตเลอร์ไม่ใช่อาชญากร
แล้วเลิกซะกับการอ้างแบบไร้สติปัญญาอย่างผู้ชนะเขียนประวัติศาสตร์ เพราะมันเป็นการอ้างแบบไม่มี base อะไรเลย

Kornkit Disthan
อันนี้หมายถึงบทความผมหรืออย่างไรครับ?

Nattarin Max Rattanapiboon
ใช่ครับ
บันทึกการเข้า
NAVARAT.C
หนุมาน
********
ตอบ: 11307


ความคิดเห็นที่ 54  เมื่อ 15 พ.ค. 15, 14:18


Kornkit Disthan
ก่อนอื่นผมไม่ได้แก้ต่างให้ฮิตเลอร์ จึงไม่ได้เขียนอย่างที่คุณว่า "ตรงไหนที่ฮิตเลอร์ไม่ใช่อาชญากร"? คุณอ่านดีๆ และชี้ให้ชัดๆ ด้วยว่า ตรงไหนที่เป็นการ "อ้างแบบไม่มี base อะไรเลย" จะได้เป็นการถกเถียงอย่างปัญญชาไม่ใช่อันธพาลมาต่อว่าคนอื่นๆ อย่างมืดบอดเช่นนี้

Nattarin Max Rattanapiboon
ผมว่าตัวคุณต่างหากนะครับที่มืดบอด ผมถามว่าคุณอ้างกฎหมายสากลนี้ ข้อไหนครับที่บอกว่าการไม่ประกาศสงครามกับรัฐ จึงไม่ใช่อาชญากร? แล้วศาลนูเรมเบิร์กนี้เคยอ่านไหมครับว่าเขาตัดสิน จนท.ระดับสูงนาซีที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ยังไง?
แล้วกฎหมายว่าด้วยสงครามมันก็ครอบคลุมถึงกลุ่มบุคคลด้วยนะครับ ไม่ใช่แต่เพียงกับรัฐ
ถ้าการถกเถียงผมคือความมืดบอด ผมจะถือเป็นคำชมนะครับ
แล้วไม่มีปัญญาชนคนไหนที่ตอบว่าฮิตเลอร์ไม่ใช่อาชญากรหรอกครับ ผมหวังว่าความโง่เขลาเบาปัญญาคงจะไม่ส่งผ่านทางพันธุกรรมนะครับ

Nattarin Max Rattanapiboon
แล้วทีหลังก่อนจะอ้างกฎหมายสากล หรือ กฎหมายว่าด้วยสงคราม ขอให้ทำการบ้านมาดีๆ อย่าสักแต่เอามาพูด เพราะถ้าเอามาปกป้องคนสกปรกๆ มันก็จะสกปรกนะครับ

Kornkit Disthan
ผมบอกให้อ่านดีๆ อย่าใช้โทสะถ้าจะคุยกัน ถ้าคุณใช้ความกักขฬะมาด่าทอแล้วชวนคุยใครเขาจะไปคุยด้วย เฟซผมก้เหมือนบ้านผม คนมารยาทไม่ดีเข้ามาใครเขาจะรับ

บันทึกการเข้า
NAVARAT.C
หนุมาน
********
ตอบ: 11307


ความคิดเห็นที่ 55  เมื่อ 15 พ.ค. 15, 14:19

Nattarin Max Rattanapiboon
ส่วนที่บอกว่สทำไมสตาลิน เหมาเจ๋อตง ไม่โดนข้อหาอาชญากรไปด้วย ขอให้ไปทบทวน คำว่า อาชญากรสงครามใหม่ นะครับ เพราะสมัยนั้นมันยังไม่มีศาลอาญาระหว่างประเทศ มีแต่ศาลเฉพาะกิจ และศาลที่นูเรมเบิร์ก เป็นศาลเฉพาะกิจที่มีขอบเขตพิจารณาคดีเฉพาะฝ่ายนาซีเยอรมัน ซึ่งต่อมาทำให้เกิดธรรมนูญกรุงโรม ที่ปัจจุบันนำคนขึ้นศาลในคดีอาชญากรรมต่อมนุษยชาติแล้วหลายคน

Kornkit Disthan
คุณขัดแย้่งเองแล้ว ตอนแรกก็บอกให้ไปอ้าง Nuremberg trials แต่ Nuremberg trials ตั้งมาตรฐานกฎหมายระหว่างประเทศขึ้นมาให่ม่หลังสงครามนะครับ กฎหมายระหว่างประเทศที่ใช้กันระหว่างสงครามของ League of Nations มันใช้ได้หรือ? คุณก็น่าจะรู้ดี

บันทึกการเข้า
NAVARAT.C
หนุมาน
********
ตอบ: 11307


ความคิดเห็นที่ 56  เมื่อ 15 พ.ค. 15, 14:21

Nattarin Max Rattanapiboon
ผมอ่านจบก็แทบจะสำลักแล้วครับ ไอ้ตรงท่อนที่ "ฮิตเลอร์เป็นอาชญากรหรือไม่ คงตอบไม่ได้ไม่ยาก"
แล้วต้องแบบไหนล่ะครับถึงจะตอบได้ง่ายๆ แล้วคุณเองก็ยังสอดแทนกด้วยว่า ไม่พอใจกับนิสัยของยิว "บางคน" ซึ่งมันก็ถือเป็นการตั้งธงอคติไว้แล้วกับความเป็นยิว
และใน argument ผม ผมใส่ fact มาด้วย ถ้ากรุณาอ่านดีๆ ผมมานี่ตอนแรกก็ไม่อยากจะ comment อะไร แต่มันอดไม่ไจริงๆที่มีการเขียนแบบไร้ความรับผิดชอบ ขาด fact และเปรียบเทียบกับเรื่องที่มัน "คนละเรื่อง" กันทีเดียว แล้วหากแชร์ส่งต่อกันออกไป คนก็ได้รับข้อมูลผิดๆ และผมหวังว่าคุณจะเข้าใจ และอ่านมามห้เยอะกว่านี้เรื่อง อาชญากรรมต่อมนุษยชาติ อาชญากรรมสงคราม มันมีนัยลึกซึ้งกว่าคำนิยามของ ผู้ชนะเขียนประวัติศาสตร์

Kornkit Disthan
ส่วนกรณีของ สตาลิน กับ เหมาเจ๋อตง คุณจะใช้หลักนิติศาสตร์อย่างเดียวไม่ได้ ในทางรัฐศาสตร์ใครจะจับสองคนนี่ขึ้นศาล แล้วเขารับรองศาลที่กรุงโรมหรือในตอนนั้น ที่สำคัญกรณีของทั้ง 2 ไม่ใช่สงคราม ไม่มีการประกาศสงคราม แต่เป็นความฉิบหายภายในรัฐ เพราะความผิดพลาดทางรัฐประศาสนศาสตร์

Kornkit Disthan
ที่ผมใช้คำว่า "ตามหลักสงคราม และกฎหมายสากล" เพราะอลุ่มอล่วยตามข้อมูล ตอนนั้น League of Nations ทำอะไรได้ คู่กรณีอักษะกับพันธมิตรมีข้อตกลงกันเองด้วยซ้ำเรื่องกติกาการรบ แต่มันแหกกติกาทั้งคู่ หลังสงครามจึงต้องเซต Nuremberg trials ขึ้นมาเป็นกฎหมายระหว่างประเทศเอาผิดอาชญากรสงคราม

Nattarin Max Rattanapiboon
League of natiobs มันล้มเหลวครับ กรุณาอย่าสับสน มันแทบไม่มีความศักดิ์สิทธิ์มานับแต่ก่อตั้งแล้ว การใช้ศาลนูเรมเบิร์กเป็นศาลเฉพาะกิจในการตัดสินคดี ก็เพื่อเป็นการวางบรรทัดฐานของการนิยามถึงอาชญากรรมต่อมนุษยชาติ และอาชญากรรมสงคราม เป็ยการตั้งขึ้นใหม่ ไม่มีเค้าของ league of nations เลยแม้แต่นิดเดียว เพราะเป็นการร่วมกันจัดของฝ่ายสัมพันธมิตรครับ

บันทึกการเข้า
NAVARAT.C
หนุมาน
********
ตอบ: 11307


ความคิดเห็นที่ 57  เมื่อ 15 พ.ค. 15, 14:22

Nattarin Max Rattanapiboon
แล้วศาลนูเรมเบิร์กนี่ก็ไม่ได้ใช้หลักในการจัดตั้ง league of nations อะไรเลย เพราะเดินตามอนุสัญญาเจนีวาปี 1864 กับ อนุสัญญากรุงเฮก 1899 และ 1907 เป็นหลักในการพิจารณา เกี่ยวกับฐานความผิดอาชญากรรมสงคราม ส่วนอาชญากรรมต่อมนุษยชาติ ศาลใช้หลักกฎหมายจารีตประเพณีระหว่างประเทศ customary laws มาพิจารณาเกี่ยวกับความผิดฐานอาชญากรรมต่อมนุษยชาติ เพื่อมุ่งลงโทษอาชญากรรมฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ และฮิตเลอร์ก็มีสถานะเป็นอาชญากรสงครามตั้งแต่รุกรานแคว้นสุเดเต็นแลนด์ เพื่อยึดครองโปแลนด์แล้วครับ

Kornkit Disthan
ประเด็นอยู่ที่ Nuremberg trials นั่นแหละครับ ผมแยกประเด็นให้ก็แล้วกัน ถามว่า ฮิตเลอร์ผิดหรือไม่ ผิดแน่นอน โดยส่วนตัวผมไม่นิยมการฆ่า ไม่นิยมสงคราม - ส่วนกฎหมายระหว่างประเทศ ที่ผมเขียนอย่างนั้นเพราะในระหว่างสงครามไม่มีกฎหมายระหว่างประเทศเลย กฎมาย สนธิสัญญา อนุสัญญาอะไรใช้ไม่ได้ทั้งสิ้น มีแต่หลังสงครามคือผลของ Nuremberg trials เท่านั้น ที่ผมเขียนว่า "ไม่ชอบธรรมตามหลักสงคราม และกฎหมายสากล" ผมหมายถึงกติกาการรบก่อนการสถาปนาสหประชาชาติ และอนุสัญญาเจนีวา แต่เอาเข้าจริง ไม่ว่าจะก่อนหรือหลังอนุสัญญาเจนีวา ฮิตเลอร์ก็ผิดอยู่ดีในทางกฎหมายหรือจริยธรรม ปกติผมจะไม่ใช้รสนิยมส่วนตัวในงานเขียน แต่กรณีนี้ผมต้องบอกว่า ผมไม่ได้ชอบฮิตเลอร์ ไม่เคยคิดล้างคราบสกปรกให้

บันทึกการเข้า
NAVARAT.C
หนุมาน
********
ตอบ: 11307


ความคิดเห็นที่ 58  เมื่อ 15 พ.ค. 15, 14:24

Nattarin Max Rattanapiboon
อันนี้ผมขอพูดเป็น fact นะครับ เพื่อให้การถกเถียงของเราหาจุดลงได้

1.สนธิสัญญาที่ใช้ตลอดสงครามโลกคือ อนุสัญญาเจนีวา กับ อนุสัญญากรุงเฮก แต่ฮิตเลอร์ฝ่าฝืนทั้งหมด และมันยังคงใช้อยู่ตลอดสงคราม อยู่ที่ว่าฝ่ายไหนเป็นภาคี หรือฝ่ายไหนฝ่าฝืน
2.ศาลนูเรมเบิร์กคือผลของการพยายามขยายความของอนุสัญญาทั้งสองฉบับเพื่อให้มีการ "บังคับ" ได้อย่างเป็นธรรม และเปิดโอกาสให้ผู้ถูกกล่าวหาสามารถซักฟอกตัวเองได้ด้วย ผู้ที่ได้รับประโยชน์ก็มีหลายคนเช่น ออสการ์ ชินด์เลอร์
3.กติกาการรบ และหลักสงคราม ถือว่าการกระทำของฮิตเลอร์มีความผิด ซึ่งคุณก็เข้าใจดี แต่ผมสงสัยว่าทำไมถึงเขียนออกมาว่า "ฮิตเลอร์เป็นอาชญากรหรือไม่ คงตอบไม่ได้ไม่ยาก" ทั้งที่มันมีความผิดแล้ว เพียงแต่คำว่าอาชญากร มันไม่ได้ spacified ไว้ในตัวอนุสัญญาเท่านั้นเองว่าต้องใช้คำนี้กับกรณีแบบนี้
4.การแสดงออกทำนองว่า ไม่พอใจนิสัยของชาวยิวบางคน มันเป็นการตั้งธงอคติ ไว้ก่อนจะเขียน ซึ่งผมเข้าใจว่าเราอาจจะไปเจอกับคนไม่ดีมา ก็เลยรู้สึกไม่ดี แต่ผมไม่อยากให้เอาความรู้สึกส่วนตัว มาใส่ใน fact ให้คนอ่านที่มีหลายระดับอ่านแล้วอาจรู้สึกว่ามันเป็น fact จนพลอยกระโจนไปสนับสนุนฮิตเลอร์ไป
5.ผมเข้าใจว่าคุณอาจไม่ได้จบนิติศาสตร์มา แล้วอาจไม่ได้ศึกษากฎหมายระหว่างประเทศ จนถึงแก่น เลยอาจเข้าใจผิดไปได้บ้าง อันนี้ผมก็ต้องขออภัยไว้ด้วยที่อาจใช้วาจารุนแรงไปโดยไม่ได้อรรถาธิบายก่อน

ถ้าคุณยืนยันว่าไม่ได้ชื่นชอบฮิตเลอร์ ผมก็สบายใจ เพียงแต่อยากให้ทบทวนบาง บทบางตอนในความเห็นของคุณว่าควรมีการแก้ตรงไหน เสริมตรงไหน เพราะบางตอนผมอ่านแล้วมันเกินจะรับได้ อย่างตอนที่ว่า "ฮิตเลอร์เป็นอาชญากรหรือไม่ คงตอบไม่ได้ไม่ยาก"

สุดท้าย ผมขออภัยหากใช้วาจารุนแรงไปในการถกเถียง และขอให้เข้าใจว่าจรรยาบรรณในฐานะนักกฎหมายของผมถ้าเห็นจุดผิด มันอดที่จะแก้ไขให้ไม่ได้ ส่วนถ้าคุณอยากให้เฟสบุ๊คเหมือนเป็นบ้าน ไม่ใช่ที่สาธารณะ ก็ขออย่าได้ตั้ง public ไว้เลยครับ เพราะนั่นคือการเปิดประตูเชื้อเชิญแขกเข้าบ้าน

Kornkit Disthan
งานเขียนชิ้นนี้ไม่ใช่งานวิชาการ แต่พยายามจะเกาะหลักการให้มากที่สุด ผมเขียนเพื่อเสนอความคิดในทำนองคอลัมน์ มีข้อผิดพลาดในรายละเอียดแน่นอนและต้องมีการแสดงความเห็นและรสนิยมให้ชัด นี่เป็นข้อต่างของเรา ผมเองไม่ใช่นักวิชาการแต่ทำงานด้านสื่อจึงต้องเขียนไปในทางนี้ ซึงไม่ตรงกับวิธีการเขียนของท่าน แต่เจตนาก็เพื่อให้คนที่ไม่เข้าใจภาษาวิชาการได้่เข้าใจง่ายขึ้น หากผิดพลาดไปขอให้โปรดเข้าใจ ให้เข้าใจไว้ว่า ความจริงก็คือความจริง แต่วิธีการมองความจริงเราอาจต่างกัน
บันทึกการเข้า
NAVARAT.C
หนุมาน
********
ตอบ: 11307


ความคิดเห็นที่ 59  เมื่อ 15 พ.ค. 15, 14:26

คุณป้า อารมณ์ดี
เห็นว่าถ้าคนชนะจะสั่งให้เขียนจากสีเทาให้เป็นสีดำเลยก็ทำใด้ อย่างนี้ถูกต้องใช่หรือเปล่าคะNattarin. Max

Kornkit Disthan
เรื่องเฟซบุคเราเข้าใจผิดบางอย่าง คือถึงแม้จะตั้ง public แต่ไม่ได้หมายความว่า ท่านที่เข้ามาส่องจะทำอะไรตามใจชอบได้ เฟซก็เหมือนบ้านเรา ผมเปิดห้องรับแขกรับไม่เลือก ไม่แบ่งแยก แต่มารยาทต้องมี โลกออนไลน์ขาดมารยาทมันจะนำไปสู่ความวุ่นวายอย่างที่เห็น เช่นเดียวกับ public space ใครก็เข้ามาได้ แต่ถ้าละเลงจนเละ นึกจะทำตามนิสัยตัวเองไม่แยแสคนอื่น มันจะน่าอยู่น่าเข้ามาหรือครับ

คุณป้า อารมณ์ดี
จริงค่ะ

บันทึกการเข้า
หน้า: 1 2 3 [4] 5 6
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by SMF 1.1.21 | SMF © 2006, Simple Machines
Simple Audio Video Embedder

XHTML | CSS | Aero79 design by Bloc หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.3 วินาที กับ 19 คำสั่ง