เห็นรูปของประธานองคมนตรี กำลังเขียนหนังสือแสดงความอาลัยต่ออาสัญกรรมของอดีตนายกรัฐมนตรี ลี กวน ยู ของสิงคโปร์
พร้อมคำพูดที่กล่าวว่า "นายกลี เป็นเพื่อนสนิท"
เลยทำให้เจ้าของกระทู้ได้กลับไปอ่านหนังสือ Memoirs of Lee Kuan Yew
บันทึกแห่งความทรงจำในการสร้างชาติสิงคโปร์( 1965-200)
ซึ่งเขียนโดยอดีตนายกลีเอง( หลังจากพ้นวาระไปดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีอาวุโส)
มีตอนหนึ่งที่กล่าวถึงผู้นำในเมืองไทยในช่วงประวัติศาสตร์ที่ผ่านมา
ตั้งแต่ จอมพลถนอม นายกคึกฤทธิ์ พลเอกเกรียงศักดิ์ และมาถึงพลเอกเปรม
ปรากฏถ้อยคำตัวอักษรยืนยันสัมพันธภาพที่ดีระหว่างผู้อาวุโสทั้งสองไว้ดังนี้
"Kriangsak’s successor was General Prem Tinsulanonda.
A bachelor, he was exceptionally honest and led a government largely free from corruption.
During the eight years he was prime minister (1980-88),
Thailand prospered and economic development took off, in spite of the war in Cambodia.
He was a steady and reliable leader who held to consistent policy."
นายกลี ได้เขียนสะท้อนบุคลิกของป๋าเปรมอย่างตรงไปตรงมาว่า
พูดน้อย ไม่ใช่จ้าวทฤษฎีแต่เป็นนักปฎิบัติ
แม้ภาษาอังกฤษจะไม่คล่องเท่านายกคึกฤทธิ์ หากแต่ละคำที่พูดล้วนมีนัยสำคัญ (Strategic sense)
แถมยังแซวว่าชุดเนี๊ยบของป๋าเปรมไม่ใช่สักแต่แต่งให้หล่อๆเท่านั้น
หากยังแสดงถึงความมีระเบียบวินัยในตัวเอง
(His neat dress and manners reflected his self discipline and an abstemnious, almost austere lifestyle)
นายกทั้ง 2 ท่าน(ในขณะนั้น) ได้ร่วมมือดำเนินแผนงานหลายอย่างด้วยกัน
โดยเฉพาะการหยุดยั้งการแผ่ขยายอิทธิพลของกระบวนการคอมมิวนิสต์จากภาคพื้นอินโดจีน
(นำโดยพี่ใหญ่หัวขบวนคือเวียดนาม มีลูกน้องตามมาคือกัมพูชาและลาว)
นายกลีพูดถึงสัมพันธภาพกับพลเอกเปรมไว้ว่า
“ The personal chemistry between us was good.
From time to time he would look closely and seriously at me to say,
“ I agree with you. You are a good friend of Thailand.”
บุคคลสำคัญอีกท่านหนึ่งซึ่งลีกวนยู กล่าวอย่างชื่นชมและฝากความหวังให้กับอนาคตของประเทศไทย
(ถ้าบุคคลท่านนี้ได้ขึ้นมาเป็นผู้นำ สิงคโปร์อาจจะต้องเกรงขามเลยทีเดียว)นั่นก็คือ
รัฐมนตรีกระทรวงต่างประเทศในคณะรัฐมนตรีของป๋าเปรม พลเอก สิทธิ์ เศวตศิลา
โดยพื้นหลังความรู้และความสามารถ ไม่ว่าในสถานะนายพลแห่งกองทัพอากาศ ที่สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาโทจาก MIT
นายกลีกล่าวถึง พลเอกสิทธิ์ว่า
"But Siddhi had more than brains. Able and Firm, he had a strong character and constancy of purpose.
He was of mixed Thai and European descent, fair-complexioned,with Eurasian features,
but was accepted by the Thais as a loyal Thai.
พลเอกสิทธิ์อ่านขาดเป้าหมายของเวียดนามว่าจะรุกคืบอย่างไร และภาคพื้นทวีปที่เหลือควรจะตั้งรับอย่างไร
"He knew the Vietnamese were wily, and he saw through every manoeuvre they made.
Without Prem as prime minister and Siddhi as foreign minister,
we would not have been able to cooperate so closely and successfully to tie the Vietnamese down in Cambodia.
และด้วยความร่วมมือกันระหว่างนายกลีและสองนายพลแห่งเมืองไทยในตอนนั้น
ประเทศไทยและประเทศที่เหลือจึงรอดพ้นจากการครอบงำของลัทธิคอมมิวนิสต์
(ซึ่งความจริงยังมีปัจจัยอื่นๆอีกที่ทำให้เป้าหมายของเวียดนามไม่บรรลุ อาทิ ความขัดแย้งกันเองระหว่างจ้าวลัทธิ จีนกับรัสเซีย เป็นต้น)
"The two were the good team that secured Thailand’s long-term security and economic development.
Without them, the Vietnamese could have succeeded in manipulating the Thai government."
นานๆทีเราจะเห็นภาพแสดงความอาลัยของป๋าเปรมกับพันธมิตรในวัยไล่ๆกัน ก็เพราะมีความหลังที่ผูกพันกันเช่นนี้แล
