เรือนไทย
ยินดีต้อนรับ ท่านผู้มาเยือน
กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
ส่งอีเมล์ยืนยันการใช้งาน?
ข่าว: การแนบไฟล์ กรุณาใช้ชื่อไฟล์ภาษาอังกฤษเท่านั้นครับ
หน้า: 1 ... 4 5 [6] 7 8 ... 12
  พิมพ์  
อ่าน: 61958 ภาพถ่ายคนตาย : ใครขวัญอ่อนอย่าเปิดเข้ามาดู
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33585

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 75  เมื่อ 22 มี.ค. 15, 12:32

แวะเข้ามาดู   นึกว่าคุณนวรัตนกับคุณ Jalito จะมาช่วยเฉลยคำตอบซะอีกค่ะ
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33585

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 76  เมื่อ 22 มี.ค. 15, 12:39

บางภาพที่เห็นลืมตาแป๋ว ช่างภาพเค้าทำยังไง ธรรมดาคนเสียชีวิตแล้วตาจะหลับ

หลับหูหลับตาหาภาพมาได้แค่นี้เองค่ะ


บันทึกการเข้า
เพ็ญชมพู
หนุมาน
********
ตอบ: 12601



ความคิดเห็นที่ 77  เมื่อ 22 มี.ค. 15, 13:43

มีภาพยนตร์ตลกเรื่องหนึ่งคือ Weekend at Bernie's หรือในชื่อไทยคือ เอาศพไปพักร้อน สองเกลอพาศพตระเวนไปทั่วเมือง จัดท่าทางเหมือนคนมีชีวิตได้ตลอดเวลา โดยไม่มีอาการ rigor mortis เกิดขึ้นสักนิด
 
http://youtube.com/watch?v=g-rHwNbAcTU#ws

เรื่องตลกถ้าอิงวิชาการก็ไม่ตลก  ยิงฟันยิ้ม


บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33585

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 78  เมื่อ 22 มี.ค. 15, 14:52

หนูๆจะต้องยืนกันอยู่นานเท่าใด เกร็งกันขนาดไหน    กว่าช่างภาพจะยกน้องคนเล็กเข้ามายืน จัดท่าทางเธอ  จัดท่าทุกคน แล้วมุดเข้าไปหลังกล้อง ใส่กระจก ฯลฯ จนกว่าจะกดชัตเตอร์


บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33585

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 79  เมื่อ 22 มี.ค. 15, 14:53

นี่คนตายทั้งคู่รึเปล่าคะ ช่วยดูกันหน่อย


บันทึกการเข้า
ประกอบ
สุครีพ
******
ตอบ: 1342


ความคิดเห็นที่ 80  เมื่อ 22 มี.ค. 15, 15:30

เรื่องการเปิดตานี่ ผมไปหาๆ อ่านเค้าดูเหมือนว่ามีหลายแบบ แบบแรกคือหาอะไรถ่างตาไว้ มีภาพด้วยแต่ภาพน่ากลัวเกินไป เลยไม่เอามาลง แบบที่สองคือเค้าจะเขียนรูปตาดำลงไปบนเปลือกตาเลย กับแบบที่สามคือภ่ายตอนตาปิด แล้วก็แต่งภาพเสริมให้ตาปิดกลายเป็นตาเปิด แต่แบบหลังผมสงสัยอยู่ เพราะภาพถ่ายสมัยนั้นอัดลงกระจกไม่รู้ว่าจะเขียนตาตอนหลังยังไง

การถ่ายภาพหลังเสียชีวิตแล้ว ฝรั่งเค้าเรียก post-mortem เป็นที่นิยมในอดีตเพื่อที่จะเก็บภาพของคนที่รักไว้เป็นที่ละลึกครั้งสุดท้าย  เราคนยุคหลังมองว่าน่ากลัว แต่ที่จริงเป็นภาพแห่งความรักที่มีต่อคนที่จากไป และความอาลัยทุกข์ระทมของคนในครอบครัวที่ยังอยู่   ที่ต้องถ่ายตอนตายแล้วเพราะคนในสมัยนั้นไม่มีโอกาสจะได้ถ่ายภาพกันบ่อยๆ  ภาพส่วนมากเลยมักจะเป็นภาพเด็กๆ ที่จากไปก่อนวัยอันควร


ภาพด้านล่างคงเป็นพ่อลูกกัน ทั้งคู่ถูกถ่ายตอนเสียชีวิตแล้ว


บันทึกการเข้า

วิรุศฑ์ษมาศร์ อัฐน์อังการจณ์
เพ็ญชมพู
หนุมาน
********
ตอบ: 12601



ความคิดเห็นที่ 81  เมื่อ 22 มี.ค. 15, 16:21

การถ่ายภาพหลังเสียชีวิตแล้ว ฝรั่งเค้าเรียก post-mortem เป็นที่นิยมในอดีตเพื่อที่จะเก็บภาพของคนที่รักไว้เป็นที่ละลึกครั้งสุดท้าย

ลำพังคำว่า post-mortem แปลว่า หลังความตาย หากจะขยายความถึงการถ่ายภาพ คงจะต้องมีคำว่า photography ต่อท้าย

คุ้นเคยกับคำว่า postmortem ที่หมายถึง การผ่าซาก (เพื่อชันสูตรโรค) มากกว่า  ยิงฟันยิ้ม
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33585

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 82  เมื่อ 22 มี.ค. 15, 16:30

คุณหมอเพ็ญคงผ่าสัตว์(ประหลาด)มาเยอะแล้ว


บันทึกการเข้า
กะออม
พาลี
****
ตอบ: 222


ความคิดเห็นที่ 83  เมื่อ 22 มี.ค. 15, 17:32

อาจารย์หมอ CVT อธิบายได้ชัดเจน

สำหรับรูปที่กล่าวถึงนั้น ถ้าถ่ายหลังความตายจริง ส่วนตัวแล้วคิดว่าน่าจะเป็นคนนั่ง
ซึ่งอาจจะผิดก็ได้
แต่ไม่ขออธิบายว่าทำไมคิดเช่นนั้น ณ ที่นี้

การทำให้ยิ้ม มีลักยิ้ม เดี๋ยวนี้ทำได้ง่ายๆ
หรือทำให้สีหน้ามีเลือดฝาด อมชมพู ไม่ต้องแต่งหน้าก็ทำได้
บันทึกการเข้า
Jalito
องคต
*****
ตอบ: 478


ความคิดเห็นที่ 84  เมื่อ 22 มี.ค. 15, 17:42

แวะเข้ามาดู   นึกว่าคุณนวรัตนกับคุณ Jalito จะมาช่วยเฉลยคำตอบซะอีกค่ะ
แนวนี้เป็นอะไรที่ไม่ถนัดครับ
อีกยี่สิบกว่านาทีก็จะพลบค่ำแล้ว รีบโพสต์ รีบอ่านกันครับ ขอบอก
บันทึกการเข้า
Jalito
องคต
*****
ตอบ: 478


ความคิดเห็นที่ 85  เมื่อ 22 มี.ค. 15, 18:04

ภาพสองแม่ลูกใน ค.ห.76ที่อาจารย์เทาชมพูหลับหูหลับตาหามาให้ดู เหมือนลูกสาวเพิ่งสิ้นลมไปใหม่ๆ หรือไม่ก็ใกล้จากไปเต็มทีแล้ว ดูที่ตายังเป็นธรรมชาติอยู่
บันทึกการเข้า
CVT
องคต
*****
ตอบ: 452


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 86  เมื่อ 23 มี.ค. 15, 08:07

เจอที่อาจารย์ พ.ต.อ.นพ.เลี้ยง หุยประเสริฐ อาจารย์ด้านนิติเวช สรุปไว้ดีมากครับ เอาไว้เป็นตัวช่วยสำหรับตอบคำถามอาจารย์เทาชมพูครับ

1.      ตายใหม่ๆประมาณ 2 – 3 ชั่วโมง  ตัวอ่อนปวกเปียก และ อาจจะรู้สึกว่ายังอุ่นๆ(ยกเว้นในการเกิดคาดาเวอริคสปัสซั่ม หรือรายที่แข็งตัวเร็วผิดปกติ)บวกหรือลบ 1-2 ชั่วโมง
2.      ตายช่วง 6 ชั่วโมง  แข็งตัวของกล้ามเนื้อของร่างกายบางส่วน  แต่ลิวิดิตี้ยังเกิดไม่เต็มที่และยังไม่Fix  บวกหรือลบ 3 – 4 ชั่วโมง
3.      ตายช่วง 12 ชั่วโมง  แข็งเต็มที่ทั่วทั้งตัว  ลิวิดิตี้ปรากฎเต็มที่  บวกหรือลบ 4 –6 ชั่วโมง
4.      ตายช่วง 18 ชั่วโมง  แข็งไม่ทั่วตัว  แต่ลิวิดิตี้ปรากฎเต็มที่และฟิกซ์ บวกหรือลบ 6 – 8 ชั่วโมง
5.      ตายช่วง 24 ชั่วโมง  แข็งไม่ทั่วตัว  ท้องน้อยเริ่มทีสีเขียวอาจจะข้างเดียวหรือ 2 ข้าง  ลิวิดิตี้ยังเห็นเต็มที่  บวกหรือลบประมาณ 6 – 8  ชั่วโมง
6.      ตายช่วง  48 ชั่วโมง  อ่อนตัว ไม่มีการแข็ง คล้ำตามร่างกายส่วนบน มีเส้นเลือดขึ้นเขียวทั่วไป  เริ่มมีอืดพอสังเกตุได้  บวกหรือลบประมาณ 12 –24 ชั่วโมง
7.      ตายช่วง 4 วัน  ขึ้นอืดเต็มที่ ลิ้นจุกปาก ตาถลน หนังลอกตัวบางส่วน  ใบหน้าคล้ำจัด  บวกหรือลบ 1 – 2 วัน
8.      ตายช่วง 7 วัน  เนื้อเยื่อเริ่มหายไปบางส่วนเช่นที่หน้าผากหรือใบหน้า อาจจะมองเห็นกระดูกหน้าผากหรือกระดูกโหนกแก้มบางส่วน  บวกหรือลบ 2 – 3 วัน
9.      ตายช่วง 2 อาทิตย์   เนื้อเยื่อของร่างกายสลายตัวมากขึ้น อาจจะเห็นกระดูกซี่โครง และ อวัยวะในช่องอกเน่าอยู่ภายใน  บวกหรือลบ 5   - 6 วัน
10.    ตายช่วง 3 อาทตย์  เนื้อเยื่อสลายตัวมากขึ้น  ศรีษะด้านบนอาจจะเหลือแต่กะโหลก ซี่โครงเห็นมากขึ้น เนื้อเยื่อหน้าท้องหายไปเห็นลำไส้และอวัยวะในช่องท้องเน่าสลายตัว บวกหรือลบ  7 – 10 วัน
11.    ตายช่วง 1 เดือน  เนื้อเยื่อสลายตัวเกือบหมดทั้งตัว แต่ยังมีเนื้อเยื่อเหลือบางส่วนเช่นบริเวณต้นขา สะโพก หรือหลังส่วนที่นอนทับอยู่  บวกหรือลบ 1 – 2 อาทิตย์
12.    ตายช่วง 3 เดือน  ไม่มีเนื้อเยื่อเหลือเลย กระดูกบางส่วนเช่นนิ้วมือนิ้วเท้าหลุดออกจากกัน แต่กระดูกสันหลังยังยึดติดกันได้ด้วยพังผืด  บวกหรือลบประมาณ 1 เดือน
13.    ตายช่วง 6 เดือน  กระดูกหลุดออกจากกันเป็นชิ้นๆ พังผืดก็สลายตัวหมดแต่ยังอาจจะมีกลิ่นเน่าให้สังเกตูได้  บวกหรือลบประมาณ 2 – 3 เดือน
14.    ตายช่วง 1 ปี  เหมือน 6เดือนแต่ไม่มีกลิ่นเลยเป็นกระดูกล้วนๆ  บวกหรือลบประมาณ 4 – 6 เดือน
บันทึกการเข้า
เพ็ญชมพู
หนุมาน
********
ตอบ: 12601



ความคิดเห็นที่ 87  เมื่อ 23 มี.ค. 15, 09:12

พอเห็นรูปพวกนี้ ดิฉันเกิดคำถามว่า คนเป็นที่เขามาถ่ายรูปกับคนตาย เขาเห็นอะไรมากกว่าที่กล้องเห็นบ้าง    
ภาพเหล่านี้เป็นภาพขาวดำ  จึงตัดไปได้ไม่เห็นความซีดเขียว หรือรอยจ้ำแดงบนร่างกายศพ แต่จริงๆแล้วพวกเขาเห็นอย่างที่เราไม่เห็นบ้างไหม  เห็นอะไรบ้าง
พวกเขามองเห็นความแข็งแกร็งของร่างศพที่ถูกจับแต่งมาเข้ากลุ่มบ้างไหม  เห็นรอยปริ รอยเริ่มเน่าบนแขนขาพ้นจากเสื้อผ้าไหม  
เขาได้กลิ่นศพไหม

เจอที่อาจารย์ พ.ต.อ.นพ.เลี้ยง หุยประเสริฐ อาจารย์ด้านนิติเวช สรุปไว้ดีมากครับ เอาไว้เป็นตัวช่วยสำหรับตอบคำถามอาจารย์เทาชมพูครับ

1.      ตายใหม่ๆประมาณ 2 – 3 ชั่วโมง  ตัวอ่อนปวกเปียก และ อาจจะรู้สึกว่ายังอุ่นๆ(ยกเว้นในการเกิดคาดาเวอริคสปัสซั่ม หรือรายที่แข็งตัวเร็วผิดปกติ)บวกหรือลบ 1-2 ชั่วโมง
2.      ตายช่วง 6 ชั่วโมง  แข็งตัวของกล้ามเนื้อของร่างกายบางส่วน  แต่ลิวิดิตี้ยังเกิดไม่เต็มที่และยังไม่Fix  บวกหรือลบ 3 – 4 ชั่วโมง
3.      ตายช่วง 12 ชั่วโมง  แข็งเต็มที่ทั่วทั้งตัว  ลิวิดิตี้ปรากฎเต็มที่  บวกหรือลบ 4 –6 ชั่วโมง
4.      ตายช่วง 18 ชั่วโมง  แข็งไม่ทั่วตัว  แต่ลิวิดิตี้ปรากฎเต็มที่และฟิกซ์ บวกหรือลบ 6 – 8 ชั่วโมง
5.      ตายช่วง 24 ชั่วโมง  แข็งไม่ทั่วตัว  ท้องน้อยเริ่มทีสีเขียวอาจจะข้างเดียวหรือ 2 ข้าง  ลิวิดิตี้ยังเห็นเต็มที่  บวกหรือลบประมาณ 6 – 8  ชั่วโมง
6.      ตายช่วง  48 ชั่วโมง  อ่อนตัว ไม่มีการแข็ง คล้ำตามร่างกายส่วนบน มีเส้นเลือดขึ้นเขียวทั่วไป  เริ่มมีอืดพอสังเกตุได้  บวกหรือลบประมาณ 12 –24 ชั่วโมง

คิดว่าปฏิบัติการถ่ายภาพหลังความตายคงอยู่ในช่วง ๑๒ + ๖ ชั่วโมง สิ่งที่น่าจะสัมผัสได้คือความแข็งเกร็งของร่าง มีรอยจ้ำแดง แต่รอยเริ่มเน่าและกลิ่นศพ คงยังไม่ปรากฏ  ยิงฟันยิ้ม


บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33585

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 88  เมื่อ 23 มี.ค. 15, 09:17

ลิวิดิตี้ คืออะไรคะ
บันทึกการเข้า
เพ็ญชมพู
หนุมาน
********
ตอบ: 12601



ความคิดเห็นที่ 89  เมื่อ 23 มี.ค. 15, 09:20

การเปลี่ยนแปลงหลังการตายที่สำคัญ และเป็นตัวช่วยในการประมาณระยะเวลาที่ตาย มี
๑. Algor mortis คือการเปลี่ยนแปลงของอุณหภูมิร่างกาย อันนี้น่าเชื่อถือน้อยที่สุด หรือแทบจะเชื่อถือไม่ได้ เพราะขึ้นกับอุณหภูมิสิ่งแวดล้อม และอุณหภูมิร่างกายก่อนตาย
๒. Livor mortis หรือ Lividity คือการตกของเม็ดเลือดแดงตามแรงโน้มถ่วง จะเริ่มเกิดประมาณ ๓๐ นทีถึง ๒ ชั่วโมงหลังตาย และจะเกิดเต็มที่ประมาณ ๘-๑๒ ชั่วโมง จะเห็นเป็นปื้นแดงคล้ำที่ผิวหนังด้านร่างของศพตามแต่ศพจะอยู่ในท่าไหน
๓. Rigor mortis คือการแข็งตัวของกล้ามเนื้อ จะเริ่มประมาณ ๒-๔ ชั่วโมงหลังตาย และเกิดเต็มที่ประมาณ ๖-๑๒ ชั่วโมงหลังตาย และจะหมดสภาพแข็งตัวประมาณ ๒๔-๓๖ ชั่วโมงหลังตาย
๔. Decomposition หรือเน่า จะเริ่มอืดประมาณ ๒๔ ชั่วโมงหลังตาย และจะอืดเต็มที่ประมาณ ๓-๔ วัน จากนั้นจะเริ่มเปื่อยยุ่ย
บันทึกการเข้า
หน้า: 1 ... 4 5 [6] 7 8 ... 12
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by SMF 1.1.21 | SMF © 2006, Simple Machines
Simple Audio Video Embedder

XHTML | CSS | Aero79 design by Bloc หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.043 วินาที กับ 20 คำสั่ง