siamese
|
ความคิดเห็นที่ 60 เมื่อ 10 ก.พ. 15, 19:02
|
|
เฮลเมททรงอย่างทหารโรมัน ขอภาพตราสัญลักษณ์หน้าหมวกชัดๆ ได้ไหมครับ
แนบภาพทหารวังหน้าสมัยต้นรัชกาลที่ ๕
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
ตองฮอคุโรบูตะ
อสุรผัด

ตอบ: 15
|
ความคิดเห็นที่ 61 เมื่อ 10 ก.พ. 15, 19:22
|
|
ผมถ่ายมาแค่รูปเดียวเสียด้วยครับ เลยขอครอปและขยายเฉพาะส่วนตรามาให้ดูนะครับ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
V_Mee
|
ความคิดเห็นที่ 62 เมื่อ 10 ก.พ. 15, 19:27
|
|
เรื่องแบบทหารสีกากีดูเหมือนจะเริ่มใช้ราว พ.ศ. ๒๔๕๗ หรือ ๒๔๕๙ จำไม่ได้แน่ครับ เมื่อกองทหารอาสาของไทยออกเดินทางไปสงครามฏลกครั้งที่ ๑ ยังใช้เครื่องแบบกากีอยู่ แต่เมื่อไปถึงฝรั่งเศสแล้ว กองทัพฝรั่งเศสจ่ายเครื่องแบบสีกากีแกมเขียวให้เปลี่ยนใช้เหมือนกองทหารชาติสัมพันธมิตร พร้อมทั้งจ่ายหมวกเหล็กแบบฝรั่งเศสให้ใช้ กองทัพบกไทยจึงเปลี่ยนมาใช้เครื่องแบบสีกากีแกมเขียวทั้งหมดตั้งแต่ พ.ศ. ๒๔๖๒ และใช้หมวกเหล็กแบบฝรั่งเศสต่อมาจนหลังสงครามโลกครั้งที่ ๒ เมื่อรับควมช่วยเหลือจากสหรัฐอเมริกาจึงเปลี่ยนกลับไปใช้เครื่องแบบกากีและหมวดเหล็กแบบอเมริกัน และมาเปลี่ยนเป็นเครื่องแบบกากีแกมเขียวอีกครั้งในยุคจอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์
เครื่องหมายสังกัดที่เป็นตัวเลขในกรอบกนกนั้นดูเหมือนจะเพิ่งนำมาใช้ในยุคหลังแล้วครับ ในสมัยรัชกาลที่ ๕ และ ๖ นั้นเครื่องหมายสังกัดที่ติดบนกึ่งกลางอินทรธนูเป็นตัวเลขโลหะสีเงิน เช่น เลข ๑ ๒ ๑๔ ณลณ แต่ถ้าเป็นกรมกองที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวหรือพระบรมวงศ์เป็นผู้บังคับการพิเศษใช้ติดอักษรพระบรมนามาภิไธยหรือพระนามาภิไธยเพิ่มไปเหนือตัวเลข ดังภาพนายพันตรี พระเจ้าน้องยาเธอ หรมหมื่นชัยนาทนเรนทร นายทหารพิเศษประจำกรมทหารราบที่ ๑๑ รักษาพระองค์ ที่ทรงติดเลขหมายกรมคือ ๑๑ ที่กึ่งกลางอินทรธนูและมีอักษรพระบรมนามาภิไธย ว.ป.ร.อยู่เหรือตัวเลข และโปรดสังเกตว่าเสด็จในกรมมิได้ทรงติดเครื่องหมายประจำการที่คอเสื้อ กับมิได้ทรงสะพายสายคันชีพ ทั้งนี้เพราะทรงเป็นนายทหารพิเศษมิใช่นายทหารประจำการร
|
 คลิกที่รูปเพื่อขยาย/ย่อ
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
V_Mee
|
ความคิดเห็นที่ 63 เมื่อ 10 ก.พ. 15, 19:40
|
|
เมื่อแรกที่พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวเสด็จเสวยราชสมบัติได้ทรงรับเป็นผู้บังคับการพิเศษกรมทหารราบที่ ๑๔ จังหวัดเพชรบุณี ต่อมามีพระราชดำริจะให้สมเด็จพระเจ้าน้องนางเธอ เจ้าฟ้าฯ กรมหลวงเพชรบุรีราชสิรินธร ทรงเป็นนายพันเอกผู้บังคับการพิเศษกรมทหารนี้ เพราะพระนามกรมพ้องกับชื่อจังหวัดที่เป็นที่ตั้งหน่วยทหาร แต่สมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ เจ้าฯ กรมหลวงพืษณุโลกประชานาถ เสนาธิการทหารบก มีลายพระหัตถ์กราบบังคมทูลถวายความเห็นแย้งว่า
"ข้าพระพุทธเจ้าก็เห็นด้วยเกล้าฯ ว่า การที่เจ้านายผู้หญิงเปนผู้บังคับการนั้นงดงามดี แลเห็นด้วยเกล้าฯ ว่า การที่จะโปรดเกล้าฯ ให้น้องหญิงเปนผู้บังคับการพิเศษนั้นสมควรอย่างยิ่ง แต่ข้าพระพุทธเจ้าต้องขอพระราชทานพระบรมราชวโรกาศกราบบังคมทูลความวิตกบางอย่างคือ ๑) กรมทหารราบที่ ๑๔ นั้น ได้ประกาศว่า ทรงพระมหากรุณารับตำแหน่งผู้บังคับการพิเศษเสียเองแล้ว การที่จะเปลี่ยนนั้นแปลว่าต้องปลดอักษรพระนามย่อที่บ่า ซึ่งเกรงด้วยเกล้าฯ ว่า นายทหารแลพลทหารจะพากันเสียใจมากอยู่ คิดด้วยเกล้าฯ ว่าตามแบบฝรั่งเจ้านายผู้หญิงมักเปนผู้บังคับการพิเศษทหารม้า ถ้าโปรดเกล้าฯ ให้เปนผู้บังคับการพิเศษกรมทหารม้าที่ ๖ ซึ่งว่างก็ดูจะไม่ขัดข้องประการใด ชื่อเมืองนั้นถ้าจะว่าไปก็ไม่สำคัญนักกรมทหารอาจเปลี่ยนแปลที่ตั้งได้ต่างๆ เสมอ ๒) ถ้าโปรดเกล้าฯ ให้น้องหญิงเปนผู้บังคับการพิเศษ แลไม่ถวายตำแหน่งอย่างนั้นแก่เสด็จแม่ นากลัวจะทรงไว้หนวด เพราะท่านโปรดทหารมากที่สุด แลเคยทรงบ่นอยู่เหมือนกันว่า ทำไมพระราชินีกรุงสยามจึงมิได้เปนทหารอย่างในยุโรป ถ้าไม่มีผู้หญิงได้เปนเสียเลยก็ไม่เปนไร เพราะแปลว่าไม่มีแบบ แต่ถ้าน้องหญิงได้เปนขึ้นแล้ว เกรงด้วยเกล้าฯ ว่าน่ากลัวจะเกิดความ ถ้าแม้ว่าเสด็จแม่จะทรงเปนผู้บังคับการพิเศษแล้ว กรมทหารรักษาพระองค์ก็มีว่างอยู่แต่กรมทหารปืนใหญ่เท่านั้น ส่วนกองพลที่ว่างยังไม่มีผู้บังคับการพิเศษเลยคือ กองพลที่ ๘ ที่ ๙ ที่ ๑๐. กองพลที่ ๖ ที่ ๗ ก็มีแต่เจ้านายเปนผู้บังคับการพิเศษ กองพลละกรมเท่านั้น ส่วนกองพลที่ ๑ ที่ ๒ ที่ ๓ ที่ ๔ ที่ ๕ นั้นบัดนี้เปนการรวยพออยู่แล้ว”
เมื่อได้ทอดพระเนตรความตามลายพระหัตถ์ของสมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอฯ เสนาธิการทหารบกแล้ว จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้กระทรวงกระลาโหมถวายพระยศนายพันเอก ผู้บังคับการพิเศษกรมทหารม้าที่ ๕ แด่สมเด็จพระศรีพัชรินทราบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนี พันปีหลวง กับได้โปรดเกล้าฯ ให้สมเด็จพระเจ้าน้องนางเธอ เจ้าฟ้าฯ กรมหลวงเพชรบุรีราชสิรินธร ทรงเป็นนายพันเอก ผู้บังคับการพิเศษกรมหารม้าที่ ๒ มาตั้งแต่วันที่ ๗ มีนาคม พ.ศ. ๒๔๕๕ และรุ่งขึ้นวันที่ ๘ มีนาคม พ.ศ. ๒๔๕๕ ยัง “ ได้ทรงถวายตำแหน่งผู้บังคับการพิเศษ กองพันที่ ๒ กรมทหารราบที่ ๑ (มหาดเล็กรักษาพระองค์ในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว) แด่ สมเด็จพระศรีพัชรินทราบรมราชินีนารถ พระบรมราชชนนี”
ต่อมาจึงเป็นธรรมเนียมที่สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี จะทรงดำรงพระยศเป็นนายพันโทผู้บังคับการพิเศษกองพันที่ ๒ กรมทหารราบที่ ๑ มหาดเล็กรักษาพระองค์มาจนถึงปัจจุบัน ส่วนกรมทหารม้าที่ ๕ ที่สมเด็จพระพันปีหลวงทรงเป็นผู้บังคับการพิเศษก็ติดอักษรพระนามาภิไธย ส.ผ.ที่บ่าเสื้อต่อมาแม้จะเปลี่ยนนามกรมเป็นกรมทหารบกม้านครราชสีมาในตอนปลายรัชกาลที่ ๖
สมเด็จพระนางเจ้าอินทรศักดิศจี พระบรมราชินี ทรงเครื่องเต็มยศนายพันโท ผู้บังตับการพิเศษกรมทหารราบที่ ๑ มหาดเล็กรักษาพระองค์ในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว โปรดสังเกตพระมาลา พระภูษามีแถบเหมือนแถบขากางเกงนายทหาร และทรงขัดกระบี่ด้วย
|
 คลิกที่รูปเพื่อขยาย/ย่อ
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
V_Mee
|
ความคิดเห็นที่ 64 เมื่อ 10 ก.พ. 15, 19:42
|
|
พระรูปนี้เป็นพระรูป นายพันเอก สมเด็จพระเจ้าน้องนางเธอ เจ้าฟ้าฯ กรมหลวงเพชรบุรีราชสิรินธร ทรงเครื่องปกตินายพันเอกผู้บังคับการพิเศษกรมทหารม้าที่ ๒
|
 คลิกที่รูปเพื่อขยาย/ย่อ
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
เพ็ญชมพู
|
ความคิดเห็นที่ 65 เมื่อ 11 ก.พ. 15, 11:34
|
|
ในร.ศ.๑ นั้น สมเด็จพระพุทธยอดฟ้าฯท่านให้เริ่มต้นนับปีในวันที่ ๑ มกราคม หรือ ณ วันสงกรานต์ในเดือนเมษายนปีนั้น ครับ ถ้าไม่ใช่ ๑ มกราคม ก็จะซ.ต.พ.มิได้ ขออนุญาตยกคำถามนี้ไปตอบในกระทู้ สวัสดีปีใหม่ไทย - ไต (ย้อนหลัง) ครับ 
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
ตองฮอคุโรบูตะ
อสุรผัด

ตอบ: 15
|
ความคิดเห็นที่ 66 เมื่อ 12 ก.พ. 15, 14:12
|
|
มีจุดนึงที่ยังไม่ทราบรายละเอียดเลยครับ คือ กรมทหารรักษาวัง วปร. ที่รู้สึกว่าจะไม่ใช้เครื่องแบบเหมือนทหารบกเลย และเป็นหน่วยงานทหารที่สังกัดกระทรวงวัง ไม่ใช่กลาโหมด้วยครับ และยังเคยยกฐานะให้ ผู้บังคับการกรมทหารรักษาวัง ให้เทียบเท่า ผู้บัญชาการทหารบก เป็นตำแหน่งผู้บัญชาการทหารรักษาวัง ก่อนจะลดฐานะกลับมาเป็น ผบ.กรมเท่าเดิม แต่ต่อมากรมทหารรักษาวังนี้ก็มาเปลี่ยน มาขึ้นตรงต่อกระทรวงกลาโหม มาเป็นกองพันทหารราบที่ ๙ ทหารรักษาวัง ใน พระบาทสมเด็จพระมงกุฏเกล้าเจ้าอยู่หัวในภายหลัง (ต่อมาหน่วยนี้แปรสภาพเป็นกองพันทหารราบที่๓ กรมทหารราบที่๑ มหาดเล็กรักษาพระองค์ ในพระบาทสมเด็จพระมงกุฏเกล้าเจ้าอยู่หัว หรือ ร.๑พัน๓รอ. การแต่งกายหมวกยอดมีพู่สีบานเย็น เสื้อสักกะหลาดสีขาวแผงคอและข้อมือสีบานเย็นประดับพระปรมาภิไธย ว.กนก )
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
V_Mee
|
ความคิดเห็นที่ 67 เมื่อ 13 ก.พ. 15, 10:17
|
|
กรมทหารรักษาวัง ว.ป.ร. จะว่าไปก็คือทหารบกดีๆ นี่เอง แต่ทหารรักษาวังนี้มีพระราชบันทึกว่า เดิมเรียกว่ากรมวังนอก ลูกหมู่กรมวังนอกนี้เป็นพลชาววังมีหน้าที่เปิดปิดประตูและทำการโยธาต่่างๆ ในพระบรมมหาราชวัง กับเข้าขบวนแห่ในเวลามีเสด็จโดยกระบวนราบหรือกระบวนหยุหยาตรา เมื่อล้นเกล้าฯ รัชกาลที่ ๖ เสด็จขึ้นครองราชย์แล้วทรงพระราชดำริว่า การที่ต้องจัดทหารรักษาพระองค์มาวางยามประจำรักษาการตามประตูวังคู่กับลูกหมู่กรมวังนอกนั้นเป็นการสิ้นเปลือง อีกทั้งทหารมีหน้าที่ป้องกันรักษาประเทศชาติแต่ให้มายืนยามรักษาการเช่นนี้ย่อมเป็นการสูญเปล่า จึงโปรดเกล้าฯ ให้ยกกรมวังนอกขึ้นเป็นกรมทหารรักษาวังสังกัดกระทรวงวัง มีระเบียบปกครองเป็นกรมทหารบกกรมหนึ่งขึ้นการบังคับบัญชาตรงต่อเสนาบดีกระทรวงวัง มีสมุหราชองครักษ์ที่เป็นนายทหารบกเป็นผู้กำกับราชการ
เมื่อโปรดเกล้าฯ ให้จัดตั้งกรมวังนอกเป็นกรมทหารรักษาวังแล้ว ก็โปรดเกล้าฯ ให้ทหารรักษาวังเป็นผู้อยู่เวรยามประจำรักษาประตูพระราชฐานที่ประทับเฉพาะชั้นนอกแทนทหารรักษาพระองค์ที่โปรดให้ถอนกลับกรมกองไปทั้งหมดและคงทำการต่างๆ เช่นที่เคยปฏิบัติมา ส่วนที่พระราชฐานชั้นกลางคงเป็นหน้าที่ของทหารมหาดเล็กรักษาพระองค์ที่มีที่ตั้งกองรักษาการอยู่ที่ใต้ถุนพระที่นั่งจักรีมหาปราสทตามเดิม
เนื่องจากกรมทหารรักษาวังนี้เป็นส่วนราชการพลเรือนสังกัดกระทรวงวัง แต่ระเบียบวิธีปกครองทั้งหมดเป็นทหารจึงใช้เครื่องแบบคล้ายทหารบก จะต่างกันเฉพาะในรายละเอียดบางประการเพื่อให้เป็นที่สังเกตว่ามิใช่ทหารบกคือ หมวกเต็มยศครึ่งยศ ทหารรักษาวังใช้หมวกค๊อกแฮตสวมทางขวางอย่างที่เรียกกันว่าหมวกแบบนโปเลียน มีตราพระครุฑพ่าห์โลหะสีทองติดทับบนดอกไม้แพรจีบสีบานเย็นที่หน้าหมวก นายทหารสัญญาบัตรมีพู่ติดที่หน้าหมวกด้วย เสื้อใช้เสื้อแบบราชการ (ราชปะแตน) สีขาวมีปลอกคอและข้อมือสีบานเย็น กางเกงสีน้ำเงินแก่แถบสีบานเย็น รองเท้าสูง (บูท) หนังดำ กระบี่ไทย (คล้ายดาบไทย) ฝักหนังดำเครื่องทองใช้แทนกระบี่ฝักเงินอย่างทหารบก สำหรับเครื่องแบบปกติ เครื่องฝึกหัดและเครื่องสนาม เหมือนอย่างทหารบกเกือบทั้งหมด ต่างกันแต่เพียงหมวกแก๊ปมีผ้าพันหมวกสีบานเย็น
สีประจำเหล่าของทหารรักษาวังเป็นสีบานเย็น เพราะสีบานเย็นสีหมายกระทรวงวัง
เครื่องแบบทหารรักษาวังมีเปลี่ยนแปลงบ้างในตอนปลายรัชกาลที่ ๖ เช่นเครื่องแบบปกติเปลี่ยนจากเสื้อเทากางเกงน้ำเงินแก่มาเป็นกางเกงดำ แล้วเปลี่ยนเป็นกากีทั้งชุด กับเพิ่มหมวกกันแดดแบบกะโล่สีกากี และเพิ่มกระบี่แบบทหารบกในเวลาแต่งเครื่องปกติ
ส่วนที่กล่าวว่า "เคยยกฐานะให้ ผู้บังคับการกรมทหารรักษาวัง ให้เทียบเท่า ผู้บัญชาการทหารบก เป็นตำแหน่งผู้บัญชาการทหารรักษาวัง ก่อนจะลดฐานะกลับมาเป็น ผบ.กรมเท่าเดิม" นั้น ขออธิบายเพิ่มเติมว่า ปกติกรมทหารบกทั่วไปกรมหนึ่งมีอัตรากำลังเพียง ๒ กองพันๆ หนึ่งมี ๔ กองร้อยเป็นอย่างมาก เมื่อแรกสถาปนากรมทหารรักษาวังก็มีกำลังพลเป็น ๒ กองพันเช่นเดียวกัน กองพันที่ ๑ มีที่ตั้งประจำอยู่ที่ริมประตูวิเศษไชยศรี ในพระบรมมหาราชวัง กองพันที่ ๒ อยู่ที่โรงทหารถนนราชวิถีที่ปัจจุบันเป็นกรมทหารมหาดเล็กราชวัลลภรักษาพระองค์ มีหน้าที่รับผิดชอบรักษาการพระราชวังดุสิต ต่อมาในคราวเสด็จพระราชดำเนินเลียบหัวเมืองมณฑลปักษ์ใต้ พ.ศ. ๒๔๕๘ มีพระราชดำริที่จะจัดตั้งกองทหารในหัวเมืองมณฑลปักษ์ใต้ที่มีสัญญาลับกับอังกฤษให้คาบสมุทรมลายูของไทยเป็นดินแดนในอารักขาของอังกฤษ เพื่อแสดงให้เป็นที่ประจักษ์ชัดว่า สยามยังคงหวงแหนดินแดนแถบนี้อยู่ แต่เวลานั้นเสนาบดีกระทรวงกระลาโหมกราบบังคมทูลว่า กองทหารบกที่มีอยู่ในเวลานั้นมีจำกัด ไม่สามารถถอนกำลังหน่วยหนึ่งหน่วยใดลงไปตั้งในหัวเมืองมณฑลปักษ์ใต้ดังพระราชประสงค์ได้ จึงมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้จัดตั้งกองพันที่ ๓ กรมทหารรักษาวังขึ้นที่สวนราชฤดี จังหวัดนครศรีธรรมราช แบ่งนายทหารจากกรุงเทพฯ ไปประจำที่นครศรีธรรมราชและโปรดให้ใช้พระราชบัญญัติเกณฑ์ทหารในหัวเมืองมณฑลปักษ์ใต้เกณฑ์ชายฉกรรจ์เข้าประจำการในกองพันที่ ๓ กรมทหารรักษาวัง จัดอัตรากำลังเป็น ๔ กองร้อย
เมื่อกรมทหารรักษาวังมีอัตรากำลังเป็น ๓ กองพัน จึงโปรดเกล้าฯ ให้ยกตำแหน่งผู้บังคับการกรมซึ่งเป็นนายพันเอก ขึ้นเป็นนายพลตรี เรียกชื่อตำแหน่งว่า ผู้บัญชาการกรมทหารรักษาวัง ว.ป.ร. มีเกียรติยศเสมอด้วยผู้บัญชาการกองพลในสังกัดกองทัพบก เพราะในสมัยนั้นกองพล ๑ มีอัตราเป็นกรมทหารราบ ๒ กรมๆแม้จะจัดเป็น ๒ กองพัน แต่ก็มีอัตรากำลังเพียงกองพันละ ๒ กองร้อย เมื่อรวมกับอัตรากำลังที่ขึ้นสังกัดในกองพลทั้งกองทหารม้า ทหารพาหนะ ทหารปืนใหญ่ แล้ว กองพลหนึ่งจะมีอัตราพอๆ กับกรมทหารรักษาวัง ๓ กองพันรวมกัน
ต่อมาในตอนปลายรัชสมัยมีการตรวจตัดรายจ่ายในพระราชสำนัก จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ยุบเลิกกองพันที่ ๓ กรมทหารรักษาวัง ว.ป.ร. ซึ่งทำให้ลดรายจ่ายในพระราชสำนักลงได้ถึงปีละ ๒๐๐,๐๐๐ บาท เมื่อกรมทหารรักษาวังลดอัตราลงเหลือ ๒ กองพันแล้ว จึงโปรดเกล้าฯ ให้ลดตำแหน่งยศผู้บัญชาการกรมทหารรักษาวัง ว.ป.ร.ลงมาเป็น นายพันเอก ผู้บังคับการกรมทหารรักษาวังตามเดิม
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
V_Mee
|
ความคิดเห็นที่ 68 เมื่อ 13 ก.พ. 15, 10:19
|
|
พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงเครื่องเต็มยศ นายพันเอก ผู้บังคับการกรมทหารรักษาวัง ทรงฉายเมื่อแรกสถาปนากรมทหารรักษาวัง
|
 คลิกที่รูปเพื่อขยาย/ย่อ
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
V_Mee
|
ความคิดเห็นที่ 69 เมื่อ 13 ก.พ. 15, 10:30
|
|
หมวดทหารรักษาวังพร้อมพลแตร สวมเครื่องแบบปกติขาว โปรดสังเกตนายสิบและพลทหารสวมหมวกไม่มีพู่
|
 คลิกที่รูปเพื่อขยาย/ย่อ
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
ตองฮอคุโรบูตะ
อสุรผัด

ตอบ: 15
|
ความคิดเห็นที่ 70 เมื่อ 13 ก.พ. 15, 13:44
|
|
ขอบคุณท่านอาจารย์ V_MEE มากเลยครับ ได้มีโอกาสเห็นรูปหมวกค๊อกแฮตจริงๆเสียที พระบรมฉายาลักษณ์ ร.๖ นี่น้าจะเป็นต้นแบบให้สร้าง อนุสาวรีย์ที่ ร๑.พัน.๓รอ. ตรงถนนพระราม๕ เลยนะครับ 
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
siamese
|
ความคิดเห็นที่ 71 เมื่อ 13 ก.พ. 15, 15:50
|
|
ผมถ่ายมาแค่รูปเดียวเสียด้วยครับ เลยขอครอปและขยายเฉพาะส่วนตรามาให้ดูนะครับ
ในสมัยรัชกาลที่ ๔ มีการจัดทหารเป็นแบบฝรั่งเศส มีกรมเกราะทอง และหมวกนี้ได้รับอิทธิพลดังกล่าว
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
NAVARAT.C
|
ความคิดเห็นที่ 72 เมื่อ 16 ก.พ. 15, 11:50
|
|
ขอโทษครับ มีความผิดพลาดจึงได้ลบคคห.นี้
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
ตองฮอคุโรบูตะ
อสุรผัด

ตอบ: 15
|
ความคิดเห็นที่ 73 เมื่อ 26 ธ.ค. 16, 17:00
|
|
ห่างหายไปนานเป็นปีเลยจริงๆครับ จากที่เคยนั่งอ่านหารูป จะนำมาคุยเลยหายไปเป็นปีๆ เลยครับ วันนี้เลยนำรูปหมวกยอดแบบไม่มีพู่ หรือที่บางทีเราก็เรียกว่า หมวกกันแดด มาฝากครับ 
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
ตองฮอคุโรบูตะ
อสุรผัด

ตอบ: 15
|
ความคิดเห็นที่ 74 เมื่อ 26 ธ.ค. 16, 17:03
|
|
รูปมาจาก www.militarysunhelmet.com นะครับ  รูปนี้ ตามข้อมูลในเว็บบอกใช้ในกองทัพไทยยุค1990s แต่ผมไม่เคยเห็นและไม่คุ้นกับตราหน้าหมวกลักษณะนี้เลยครับ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
|