ฮิฮิ เรือนไทยนี่มีแต่รุ่นอาวุโสทั้งนั้น
หลังจากเจอฤทธิ์โฆษณาเข้า ทั้งตัวอย่างหนังสือ ทั้งสารคดียาวเกือบ 2 ชั่วโมง ทำให้ไม่อาจรอฤกษ์ดาวโจรดาวไถขึ้นไม่ไหว ดูสารคดีจบต้องไปงานหนังสือจนได้ คว้าหนังสือท่านอาจารย์ใหญ่กว่ามาทั้ง 2 เล่ม ในบู๊ตเดียวกันยังมีหนังสือของแก้วเก้า ว.วินิจฉัยกุลและท่านนักเขียนอาวุโสอื่นๆ อีกมากมาย เลือกไม่ถูก ธรรมดาผมไม่ค่อยอ่านนิยาย แต่จำได้ว่าท่านแก้วเก้าเคยเปรยๆ ให้ฟังที่ไหนซักที่ว่าท่านเคยแต่งเรื่องอะไรซักเรื่อง ออกแนวลึกลับมากหน่อย แต่งไปกลัวผีไป เลยไปถามหาจากน้องๆ คนขาย เดาว่าน่าจะเงาพราย เลยเอามาอีกเล่ม และเล่มอื่นๆ อีก 2-3 เล่ม รวมหนังสืออื่นๆ อีกคงอ่านไปได้อีกปี แต่น่าเสียดาย ไปถึงงานตั้งแต่บ่ายสาม แต่กว่าจะเดินไปถึงบู๊ต K19 ก็หกโมงเย็น เสียฤกษ์ดาวโจรอีกแล้ว ไม่ได้เจอท่านอาจารย์ใหญ่
กลับมาเมืองไทยหนนี้ พบว่าราคาหนังสือต่างๆ เทียบกับที่เคยซื้อที่อังกฤษถือว่าแพงกว่ามาก สัมภาระผม 600 กว่ากิโลที่ขนกลับมาไทย เป็นหนังสือไม่น้อยกว่าหนึ่งในสาม หนังสือดีๆ ที่โน่น ปีเก่าหน่อยเช่น 2-3 ปี เอามาลดราคาถูกมากๆ หนังสือปกแข็งพิมพ์สี่สีกระดาษมันอย่างดี ซื้อเล่มนึงอย่างแพง 10 ปอนด์ อย่างทั่วๆ ไป 3-5 ปอนด์เท่านั้น พวกพอกเก็ตบุ๊คราคา 0.99 - 1.99 ปอนด์หรือห้าสิบบาทถึงร้อยเดียวเท่านั้น ข้อเสียเดียวคืออ่านไม่ค่อยออก มาเจอราคาหนังสือไทยหงายหลัง ทำไมแพงเยี่ยงนี้ เล่มหนึ่งลดแล้วสองร้อยบาทขึ้น หนังสือไทยเล่มอย่างหนาราคาพันบาท เทียบกับหนังสืออังกฤษราคา 20 ปอนด์นี่ ของฝรั่งจะเล่มใหญ่และกระดาษดีกว่ามาก

พาฝรั่งหน้าไทยกลับมาด้วยคนนึง หมอนี่อ่านหนังสือไทยไม่ค่อยถนัด อ่านแต่ภาษาอังกฤษ เจอราคาหนังสือเด็กโตหน่อยภาษาอังกฤษในงานแล้วหงายหลัง ขนาดลดแล้วยังแพงกว่าที่อังกฤษ 2-3 เท่า แต่ก็ต้องกัดฟันซื้อให้ไปหลายเล่ม

ไปคุ้ยกองหนังสือมือสองภาษาอังกฤษลดราคาสภาพยับเยิน เล่มบางๆ เล่มนึง 50 - 100 บาท หนังสือแบบนี้ถ้าซื้อเมืองนอกตามตลาดนักหรือ Ebay เล่มนึงไม่น่าเกิน 50p หรือ 25 บาท
ผมนี่ก่อนไปหารักแท้เดินงานหนังสือทุกปีจนเชี่ยว รู้เทคนิคแล้วว่าถ้าไม่ไปเช้าเริ่มงานไปเลย ให้ไปหลังบ่ายสาม เพราะช่วงแน่นสุดๆ คือเที่ยงถึงบ่ายสอง หลังจากนั้นคนจะเมื่อยเบียดกันจนเบื่อเริ่มกลับบ้านกันแล้ว ยิ่งหลังหกโมงเย็นนี่เดินสบายเลย ไม่แน่นแล้ว เดินได้จนงานเลิกไม่ต้องเบียดเสียดผู้คน
