เรือนไทย
ยินดีต้อนรับ ท่านผู้มาเยือน
กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
ส่งอีเมล์ยืนยันการใช้งาน?
ข่าว: การแนบไฟล์ กรุณาใช้ชื่อไฟล์ภาษาอังกฤษเท่านั้นครับ
หน้า: 1 [2]
  พิมพ์  
อ่าน: 9062 จากบทความ"เสรีไทย"
GSX
บุคคลทั่วไป
ความคิดเห็นที่ 15  เมื่อ 25 ก.ย. 00, 00:00

ขอแสดงความเห็นส่วนตัวอีกหน่อยนะครับ
คาดว่าที่รัฐบาลไทยในขณะนั้นเข้ากับฝ่ายญี่ปุ่น
เพราะคงไม่มีทางเลือกที่ดีกว่านั้น กองทัพญี่ปุ่นเข้ามาบนแผ่นดินไทยเรียบร้อยแล้ว ต้านก็ไม่ได้ หาคนช่วยก็ไม่ได้ เลยคงมีทางเดียวคือเป็นมิตรกับญี่ปุ่น เหมือนมีมีดมาจ่อคออยู่แล้วขัดขืนก็ตายเปล่า  ผมยังเชื่อว่าจอมพล ป.นั้นทราบเรื่องการมีตัวตนของเสรีำไทยตลอด แต่คงไม่ได้หนุนหลัง หรือต่อต้านอย่างจริงจัง

แต่อีกข้อที่น่าคิดก็คือนายกในสมัยนั้น ค่อนข้างจะมีความคิดออกไปทางชาตินิยม คล้ายๆกับฮิตเลอร์ มุโสลินี หรือแม้แต่ จอมพลแม่ทัพของญี่ปุ่น อาจเป็นไปได้ที่จอมพล ป เต็มใจเข้ากับฝ่ายอักษะ
อันนี้คิดเฉยๆนะครับ
บันทึกการเข้า
ถาวภักดิ์
บุคคลทั่วไป
ความคิดเห็นที่ 16  เมื่อ 25 ก.ย. 00, 00:00

ถ้าได้อ่าน"สามก๊ก  ฉบับนายทุน"  ของ  ม.ร.ว.คึกฤทธิ์  ซึ่งเขียนขึ้นในยุคจอมพล ป.  ก็จะพอเห็นมุมมองด้านลบ ที่ม.ร.ว.คึกฤทธิ์  มีต่อ ท่านจอมพล  โดยอาจารย์หม่อมได้เปรียบเทียบแบบประชดประชันท่านจอมพลดังโจโฉ  อย่างชัดเจน  จากการให้สมญาโจโฉว่านายกตลอดกาล  และเรียกฐานันดรสุดท้ายของโจโฉว่าสมเด็จเจ้าพระยา  ตรงกับความคิดในยุคนั้นที่จะรื้อฟื้นบรรดาศักดิ์ขึ้นมาใหม่  ซึ่งเมื่อเทียบชั้นเครื่องราชฯที่ได้รับพระราชทาน  ท่านจอมพลก็จะได้บรรดาศักดิ์เป็นสมเด็จเจ้าพระยา

"สามกรุง"ของ นมส. ก็เป็นบทกวีที่สอดแทรก  ทัศนคติด้านลบที่มีต่อจอมพล ป.  ซึ่งล่าสุดสำนักพิมพ์มติชนก็มีหนังสือวิเคราะห์อย่างละเอียดละออ แต่ต้องขออภัยที่ลืมชื่อท่านผู้เขียนไปเสียแล้ว

ในมุมหนึ่งผมมองว่า รัฐบาลยุคนั้นและรัฐบาลยุคนี้มีส่วนคล้ายกัน  ตรงที่อยู่ในสภาวะที่มีแต่เสียกับเสีย  ไม่ว่าจะตัดสินใจทำอย่างไรประเทศก็ต้องสูญเสียทั้งสิ้น  (อันนี้พูดถึงนโยบายอย่างเดียวนะครับ  ยังไม่คำนึงถึงด้านการปฎิบัติ  และจริยธรรม)

ปัจจุบันคนก็พูดกันมากว่าเราเดินมาผิดทาง  และก็ดูเหมือนว่ากำลังจะเกิดวิกฤตรอบสองจริงๆ   ซึ่งผมก็ได้ยินแต่เสียงด่ารัฐบาล(หลายอย่างผมก็เห็นด้วยอย่างยิ่ง)  หากยังไม่เห็นใครที่จะมีความชัดเจนในวิธีแก้ปัญหาเศรษฐกิจทั้งระบบ  อย่างเบ็ดเสร็จ   อย่างมากก็ดูจะบอกเป็นจุดเล็กๆเท่านั้น

จะมียกเว้นก็แต่วิธีของในหลวง  แต่คนทั่วไปมัวเอาไว้กราบไหว้บูชาและกล่าวอ้าง  เหมือนที่ชอบกระทำกับพระพุทธ และพระธรรม  มากว่าจะนำไปปฏิบัติจริง   ทั้งอาจเป็นด้วยสาเหตุประการหนึ่งว่า  คนทั่วไปยังต้องการที่จะไม่ยอมรับความจริงว่าเราสู้เขาไม่ได้  เช่นเดียวกับในยุคสงครามโลกครั้งที่2  เรากำลังมาถึงจุดที่ต้องยอมรับกับความพ่ายแพ้แล้ว

ซึ่งยิ่งเรายอมรับได้เร็วขึ้นเท่าไร  เราก็จะสามารถเริ่มช่วยกันสร้างชาติได้ใหม่เร็วขึ้นเท่านั้น    
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33584

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 17  เมื่อ 25 ก.ย. 00, 00:00

ผู้นำอย่างจอมพล ป. ก็คงลำบากใจเหมือนกันว่าจะเข้าข้างฝ่ายไหน ให้ไทยบอบช้ำน้อยที่สุด
นึกๆดูอีกที ถ้าหากว่าญี่ปุ่นเป็นฝ่ายขนะ จอมพลป.คงจะกลายเป็นวีรบุรุษ มีชื่อเสียงในประวัติศาสตร์ว่าตัดสินใจถูก ช่วยให้ชาติพ้นภีย  ไทยอาจกลายเป็นมหาอำนาจรองลงจากญี่ปุ่น
แต่ญี่ปุ่นแพ้    ผลก็เป็นอย่างที่เห็นนี่ละค่ะ

ส่วนประเด็นที่คุณถาวภักดิ์ยกมา  ก็เป็นความวิตกกังวลของคนหลายคนรวมทั้งดิฉันด้วย
ดิฉันยังชอบวิธีของมหาเธร์ โมฮัมหมัดอยู่เลยค่ะ  
บันทึกการเข้า
นกข.
บุคคลทั่วไป
ความคิดเห็นที่ 18  เมื่อ 29 ก.ย. 00, 00:00

ประเด็นของคุณ GSX น่าสนใจ และเป็นประเด็นที่ผู้ใหญ่ไทยสมัยโน้นหลายๆ คนเห็น คือว่า นอกจากเรื่องทางปฏิบัติ คือ ผลประโยชน์ของชาติที่ยังคงเถียงได้ว่าจะเอายังไงให้เสียน้อยที่สุดในสถานการณ์ที่มีแต่เสียกับเสียแล้ว ยังมีเรื่องแนวความคิดอุดมการเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย
ผมเองก็รู้สึก ว่าท่านจอมพล ป. และคุณหลวงวิจิตรวาทการ มีความโน้มเอียงค่อนไปทางชาตินิยม/อำนาจนิยม/ลัทธิทหาร อยู่ อาจจะไม่ถึงกับขนาดฟาสซิสต์หรือนาซี แต่ว่าไม่ค่อยจะเป็นประชาธิปไตยเสรีนิยมแน่ๆ ครับ นั่นอาจจะเป็นปัจจัยหนึ่งให้คนไทยกลุ่มอื่นเห็นว่าจะไม่ใช่จำเป็นต้องเข้ากับญี่ปุ่นเพราะมีดจ่อคออยู่เท่านั้นกระมัง จะเป็นเพราะนับถือเลื่อมใสแนวคิดด้วยหรือเปล่า
สงครามโลกครั้งที่ 2 มีคนเรียก (จะผิดหรือถูกก็ตาม) ว่าเป็นสงครามระหว่างลัทธิเผด็จการขวาจัดกับประชาธิปไตยแบบตะวันตก ผลปรากฏว่าฮิตเล่อร์แพ้ ทำให้ลัทธิการเมืองอย่างฟาสซิสต์ หรือนาซี ไม่ได้เป็นตัวเลือกที่สังคมโลกยอมรับได้อีกต่อไป (ก่อนสงครามโลกลัทธิพวกนี้ได้รับการยอมรับเป็นทางเลือกทางหนึ่งนะครับ มุสโสลินี หรือฟรังโก ปกครองประเทศแบบเผด็จการโดยไม่ได้มีการวิจารณ์ด่าว่าสักเท่าไหร่ โลกยอมรับกลายๆ ว่าเป็นทางเลือกหนึ่งที่อิตาลีหรือสเปนหรือเยอรมันได้เลือก เหมือนลัทธิคอมมิวนิสต์ก่อนโซเวียตล่มสลายนั่นแหละ) สมมติกันเล่นๆ ว่าญี่ปุ่นและฝ่ายอักษะชนะ ไทยก็อาจจะเป็นประเทศชนะสงคราม จอมพล ป.ก็คงเป็นวีรบุรุษไปได้จริงแหละ แต่สังคมโลกและสังคมไทยจะเป็นยังไง จอมพล ป. เป็นวีรบุรุษสงครามแล้ว จะกลายเป็น "ท่านผู้นำ" ตลอดชาติไปด้วยหรือเปล่า (แล้วจะเอาสถาบันกษัตริย์ไปไว้ไหน - จะเลียนแบบมุสโสลินี หรือจะเลียนแบบฟรังโก) บางที เสรีไทย (และเผลอๆ ก็จะมีเสรีจีน เสรีอเมริกัน เสรีอิตาเลียน เสรียิว ฯลฯ ด้วย) อาจจะยังคงต้องเกิดขึ้นอยู่ดี แต่คราวนี้กลายเป็นการต่อสู่ใต้ดินระหว่างรัฐเผด็จการที่ชนะสงครามกับกลุ่มการเมืองติดอาวุธที่ไม่เชื่อในลัทธิอำนาจนิยมแทน แต่นี่ผมก็แค่คิดเล่นๆ ครับ
บันทึกการเข้า
เทาชมพู
เจ้าเรือน
หนุมาน
*****
ตอบ: 33584

ดูแลเรือนไทย วิชาการ.คอม


เว็บไซต์
ความคิดเห็นที่ 19  เมื่อ 29 ก.ย. 00, 00:00

คิดเล่นๆเหมือนกันนะคะ
ถ้าหากว่าญี่ปุ่นและเยอรมันชนะ  ไทยร่วมเป็นประเทศชนะสงครามด้วย  อำนาจนิยมในแนวชาตินิยมคงครอบงำประเทศอยู่อีกนาน
แต่ในเมื่ออเมริกายังอยู่  เสรีใต้ดินทั้งหลายก็คงจะมีอย่างที่คุณว่า
ดิฉันมองไทยว่าจะคล้ายๆประเทศหลายประเทศในอเมริกาใต้ ที่สหรัฐเข้าไปมีบทบาทอย่างไม่เปิดเผยค่ะ
บันทึกการเข้า
นพณัฐ
อสุรผัด
*
ตอบ: 7

เรียนมัธยมปลาย ม.4 สายศิลป์ภาษา-ฝรั่งเศส มารีย์วิทยา นครราชสีมา


ความคิดเห็นที่ 20  เมื่อ 01 ธ.ค. 05, 19:34

 ปืนรุ่นที่ทหารอเมริกันใช้ ถ้าจำไม่ผิดเรียกว่า anti-katana หรืออะไรซักอย่างเนี่ยแหละครับ ใช้สำหรับสู้กับพวกนี้ในระยะประชิด
บันทึกการเข้า
ถาวภักดิ์
พาลี
****
ตอบ: 240


ความคิดเห็นที่ 21  เมื่อ 05 ธ.ค. 05, 11:32

 กระทู้โบราณยังอุตส่าห์ถูกงัดขึ้นมาได้หนอ

ดีเหมือนกันครับ มาพ้องกับเหตุการณ์เมื่อวาน(4 ธค) ทรงมีพระราชกระแส ย้ำเตือนถึงเศษรฐกิจพอเพียง และการเตรียมพร้อมเพื่อรองรับอนาคตที่อาจขาดแคลนเช่นในเรื่องน้ำมันเชื้อเพลิง

จากวันนั้นนั้นถึงวันนี้ เราได้เห็นความแตกต่างระหว่างชาติเอเซียด้วยกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เกาหลีกับเรา  เกาหลีฟื้นตัวได้อย่างรวดเร็วจากสภาวะเศรษฐกิจตกต่ำ และก้าวมาอยู่ในระดับชาติผู้นำทางเศษรฐกิจอย่างเต็มภาคภูมิ แม้สินค้าประเภทภาพยนต์ ละครโทรทัศน์ ดนตรีPop ก็ยังได้รับความนิยมสูงในต่างประเทศ(อย่างไทย) ตีญี่ปุ่นกระจุย

หันมาดูประเทศไทยก็ชวนให้สะท้อนใจ ไม่ต้องไปอ้างอิงผลงานวิจัยของใคร เพียงแค่มองดูรอบๆตัว ก็ยังไม่เห็นความเปลี่ยนแปลงอะไรไปจากเดิม    เห็นผู้คนยังนิยมกู้เงินดอกเบี้ยแพงๆ เพื่อสินค้าประดับบารมี อย่างรถยนต์ โทรศัพท์มือถือ  เห็นค่านิยมที่ยังให้ความสำคัญสูงสุดที่ความโก้หรู และหน้าตา  

อยากเห็นการเจริญรอยตามเบื้องพระยุคลบาทด้วยการปฏิบัติด้วยตนเองจริงๆ ไม่ใช่ตามแต่ปาก และด้วยความคำขวัญ คำสรรเสริญ  มีสิ่งหนึ่งที่จะช่วยได้อย่างชัดเจน คือการใช้ขนส่งสาธารณะให้เป็นประจำ  คนที่เคยผ่านประเทศอุตสาหกรรมมาแล้ว คงจะเห็นความแตกต่างของค่านิยมตรงนี้  ว่าคนไทยเวอร์เพียงใด  ขณะอยู่ต่างประเทศยังใช้ขนส่งสาธารณะเป็นเรื่องปกติกันได้  แต่พออยู่บ้านเรา  ทำไม่ได้ซะแล้ว  อ้างกันไปสารพัดว่าไม่ดี ไม่สะดวกเหมือนเมืองนอกอย่างนั้นอย่างนี้   แต่สำรวจใจตนเองจริงๆเถิด มาจากทิฐิมานะ ค่านิยมผิดๆของเราเองแท้ๆ

ใครที่ชอบทำตนเป็นนักปฏิวัติ ทำไมไม่ปฏิวัติเพื่อพระเจ้าอยู่หัวกันบ้างหนอ  จะประหยัดเงินไหลออกได้มหาศาลขนาดไหน  จะประหยัดเงินที่ต้องทุ่มเทเพื่อแก้ปัญหาการจราจรได้มากเพียงใด

ไม่ต้องเสียเงินกันสักแดง  มีแต่จะประหยัดได้เดือนละเป็นพัน เป็นหมื่น ยอมลำบากกันสักนิด หักห้ามความอายกันสักหน่อย ลดอัตตาตัวเองกันบ้าง ช่วยกันแก้ค่านิยมเอาหน้าเอาตาของสังคม  ถวายเป็นของขวัญพระเจ้าอยู่หัวกันเถอะ
บันทึกการเข้า
หน้า: 1 [2]
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by SMF 1.1.21 | SMF © 2006, Simple Machines
Simple Audio Video Embedder

XHTML | CSS | Aero79 design by Bloc หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.061 วินาที กับ 19 คำสั่ง